
ร่างกายต้องการลมหนาว ...จากภูเรือถึงเชียงคาน
จังหวัดเลย จ.
Jitladang Mungkornkaewร่างกายต้องการลมหนาว ... จากภูเรือถึงเชียงคาน
เมื่ออากาศเริ่มหนาว ...ทริปนี้จึงเกิดขึ้น ทริปนี้มีกัน 4 คน ตอนแรกจะขึ้นเหนือแต่กลัวคนเยอะ จึงตัดสินใจมาจบที่นี่ ภูเรือ - เชียงคาน ทันทีที่ตกลงกันได้ก็รีบจองที่พักกันทันที ตอนแรกเรากะไปวันหยุดมาฆบูชานี้แต่คิดได้ว่าคนน่าจะเยอะ จึงเลื่อนมาเป็น 3 - 5 ก.พ. 60 แทน ...

และแล้วก็ถึงวันเดินทาง ทริป 3 วัน 2 คืนเริ่มต้นขึ้น ... Let's go
เราออกเดินทางค่อนข้างสายเนื่องจากตอนเช้าเพื่อนต้องเอารถไปเคลมก่อน เราเดินทางกันโดยขับรถส่วนตัวไป พาหนะคู่ใจคือรถ Ford ของพ่อนั่นเอง อยากแวะไหนแวะ อยากจอดไหนจอด ไปแบบไม่มีแพลนมากมาย
เรามาเติมพลังกันก่อน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถ้าท้องร้องคงไม่ไหววววว 5555
เราแวะกินข้าวกันที่เค้กบ้านสวน วังน้อยก่อนเดินทางต่อ ถึงลพบุรีทางผ่าน ขอแวะถ่ายรูปที่ท้ายเขื่อนป่าสักสักหน่อย แดดแรงไปนิด แต่มีลมพัดมาเป็นระยะก็โอเคอยู่น๊า ดำไม่กลัวกลัวไม่ได้ถ่ายรูป อิอิ
อ่ะๆ บังเอิ๊ญบังเอิญผ่านทุ่งปอเทือง จะไม่ให้แวะก้กระไรอยู่ สีเหลืองสดใสของดอกมันชั่งเย้ายวนให้เราต้องลงไปถ่ายรูปอีกจนได้ แชะๆ ถ่ายเสร็จขึ้นรถได้จ้าาาา


โอ๊ะโอดูนาฬิกาอีกที ปาไป บ่าย 2 ท้องร้องจ๊อกๆ หิวข้าวแล้วจ้าาาาาาาาาา ตอนนี้ถึงเพชรบูรณ์ ต้องแวะกินขนมจีนสักหน่อย เราหาร้านจากกูเกิ้ลเลยนะ แถวนี้ร้านขนมจีนเยอะมากกกกกก...ก สุดท้ายมาลงที่ร้าน "ขนมจีนขยุ้มเจ๊แร่" บนโต๊ะจะมีน้ำยาป่า น้ำยากะทิ น้ำยาน้ำพริก และก็แกงเขียวหวานให้เลือกตักได้ตามสบาย ขนมจีน 1 จาน 20 บาท มี 4 จับเล็กๆ เป็นขนมจีนสมุนไพร มีผักให้ 2 จาน จานละ 5 บาทไม่พอสั่งเพิ่มได้ เมนูยังมีอีกเพียบมาลองชิมกันได้นะคะ อิ่มท้องแล้วเดินทางกันต่อ
ขับรถมาเรื่อยๆ ถึงด่านซ้ายแล้วจ้าาาา พร้อมอากาศเย็นๆสมกับที่รอคอย เราแวะถ่ายรูปกันนิดนึงก่อนจะไปเที่ยวกันต่อ ระหว่างทางสามารถปิดแอร์เปิดกระจกได้สบาย อากาศดีมากจริงๆ หลังจากถ่ายรูปเสร็จเรารีบตรงดิ่ง ไปที่วัดเนรมิตวิปัสสนากันเลย บรรยากาศรอบๆวัดสวยมาก เรามาเย็นแล้วแต่คนก็ยังทยอยมาเรื่อๆ น่าจะเป็นวัดดังของแถวนี้ แชะภาพเสร็จโดดขึ้นรถเพื่อไปพระธาตุศรีสองรักต่อ แต่ๆๆ เสียดายที่ gps พาเราไปผิดทาง กว่าจะถึงคือปิดแล้ว พ ล า ด ม า ก จิงๆ ...





คืนนี้เรานอนกันที่ "ภูเรือเกสเฮ้าส์" ราคาห้องละ 600 บาท ห้องแอร์ มีน้ำอุ่น มีขนมปังกับกาแฟให้ทานตอนเช้า หลังจากเช็คอินเก็บของเสร็จแล้วออกไปกินข้าวเย็นกันค่ะ มื้อเย็นวันนี้ฝากท้องไว้ที่ร้าน "ภูเรือไก่ย่างค่ะ" ร้านใหญ่ ติดถนน ที่จอดรถเยอะด้วย อาหารรสชาติโอเคเลย แซ่บนัว



เช้านี้เราตื่นตี 5 เพื่อจะขึ้นไปยอดภูเรือดูพระอาทิตย์ขึ้นและหมอกกัน ขับรถไปถึงตรงลานจอดรถจะมีรถกะบะพาขึ้นที่ยอดภูเรือนะคะ ค่ารถคนละ 10 บาทต่อเที่ยวค่ะ แต่บางคนก็เดินขึ้นไปแล้วแต่สะดวก คนค่อนข้างเยอะและหนาวเลยล่ะ ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น อุณหภูม 9 องศา แต่พอพระอาทิตย์ขึ้นแล้วอุณหภูมิเป็น 15 องศาค่ะ




ดูหมอกเสร็จเรียบร้อยลงมาเช็คเอ้าเพื่อออกเดินทางกันต่อ ... แวะวัดแรกวัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง โบสถ์และวิหารสร้างจากไม้สักแกะสลักทั้งหลัง องค์พระและนาคหัวบันไดสร้างจากหินหยกแม่น้ำโขง มีพระกริ่งปวเรศเป็นพระประธานประจำวัดนี้
จากนั้นไปต่อกันที่ "คาเฟ่ดีมีนา" คาเฟ่น่ารักๆ สไตล์ธรรมชาติ สบายๆ มีมุมสวยให้ถ่ายรูป เหมาะกับการมานั่งพักผ่อนเป็นอย่างมากค่ะ เมนูคาเฟ่ดีมีนา เป็น signature ของร้านนี้มาแล้วอย่าลืมสั่งนะคะ





ต่อกันที่ "วัดป่าห้วยลาด" ระหว่างทางขับรถมาเรามองเห็นศาลาเฉลิมพระเกียรติมาแต่ไกล ทั้งใหญ่และสวยมาก เลยอดไม่ได้ที่ต้องแวะไปดูสักหน่อย ...
หลังจากนั้นเราก็ตรงดิ่งไปยังเชียงคาน ... เราพักกันที่ "บ้านไทเชียงคาน" อยู่ติดฝั่งโขงและถนนคนเดิน เพียงแค่มองจากระเบียงบ้านพักก็ได้เห็นวิวที่สวยมากมาย ห้องพักของเราราคา 600 บาท/ห้อง เป็นห้องน้ำรวม มีแอร์ พัดลม ทีวี เช้ามีขนมปังกับกาแฟให้ค่ะ หลังจากเก็บของล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย เราขี่จักรยานไปแก่งคุดคู้กันค่ะ โดยป้าเจ้าของบ้านพักบอกว่าใกล้นิดเดียว 3 โลก็ถึง สุดท้ายป้าหลอกเราาาา เกือบ 6 โลแหนะ
ถึงแก่งคุดคู้ด้วยความหิวโซ ... สั่งกันไม่ยั้ง ทั้งตำลาว ต้มยำปลาคังน้ำใส กุ้งคั่วสมุนไพร กุ้งเต้น แซ่บนัวทุกเมนูจริงๆ ถ้าใครมาอย่าลืมสั่งกุ้งเต้นนะคะ แนะนำๆ หลังจากอิ่มแล้วก็ปั่นกลับมาที่พักกันค่ะ









เกือบๆ 6 โมงเย็นออกไปดูพระอาทิตย์ตกริมโขง ตอนเย็นที่แม่น้ำโขงจะมีหมอกจางๆ ให้เราพอได้เห็นบ้างนะคะ ป้าเจ้าของที่พักบอกว่าหมอกมีเกือบทกุวันในหน้าหนาวค่ะ
มาเชียงคานก็ต้องเดินถนนคนเดิน เดินกันจนขาลากเลยทีเดียว ... ที่ถนนคนเดินมีเมนูกุ้งเสียบไม้นะคะ เค็มๆ หน่อยอร่อยดี ไม้ล่ะ 10 20 ตามขนาดตัวกุ้งค่ะ














มาเชียงคานทั้งทีจะพลาดใส่บาตรข้าวเหนียวได้อย่างไร ... หลังจากใส่บาตรเสร็จเราก็เช็คเอ้าและรีบขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันที่ภูทอกค่ะ เราไม่สามารถขับรถขึ้นไปได้ถึงยอดภูทอกได้นะคะ ต้องนั่งรถกะบะขึ้นไป คนละ 25 บาท อากาศเย็นมากระหว่างทางหน้าชากันเลยทีเดียว
หลังจากดูพระอาทิตย์จนหนำใจแล้วนั้น ก็ต้องเติมพลังให้ร่างกายกันนิดนึงด้วยไข่กะทะ และ ข้าวเปียกเส้น ร้อนๆกับอากาศเย็นๆ เป็นอะไรที่แฮปปี้ ท้องอิ่มก็เดินหน้าต่อไปแวะวัดพระพุทธบาทภูควายเงินกันเถอะ เป็นศาสนสถานคู่เชียงคาน นอกจากนี้ไฮไลท์เด็ดที่คนส่วนใหญ่ชอบคือ กระต่าย วัดนี้มีกระต่ายอยู่ร่วมๆ 100 ตัวค่ะแต่เสียดายตอนที่เราไปถึงมันไม่ออกมาให้เห็น
เวลา 3 วัน 2 คืนให้อะไรมากกว่าที่คิด ปลายทางสำคัญก็จริงแต่ระหว่างทางก็สำคัญเช่นกัน โลกมันกว้างเกินกว่าที่จะอยู่เฉยๆ รูปถ่ายสวยแค่ไหนก็สู้เห็นด้วยตาเปล่าไม่ได้หรอก อยากให้ทุกคนออกไปสัมผัสแล้วจะหลงรักประเทศไทย









