
สักครั้งที่..ดอยหลวงเชียงดาว
ดอยหลวงเชียงดาว (Doi Luang Chiang Dao) จ.เชียงใหม่
Natthaporn Jumsakสักครั้งที่..ดอยหลวงเชียงดาว (20-22 ม.ค. 2560)
"ภูเขา" ที่ที่ความเงียบ "เสียงดัง" ที่สุด หนึ่งในเหตุผลของคนรักภูเขา
.................................................................................................
ทริปดอยหลวงเชียงดาว แบบ 3 วัน 2 คืน กำหนดการเดินทาง 20 - 22 มกราคม 2560 กับสมาชิกทั้ง 7 คน พร้อมออกเดินทาง..

ดอยหลวงเชียงดาว.. ที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีร้านค้า ร้านอาหาร ไม่มีแหล่งน้ำ ไม่มีห้องน้ำ(มีเพียงส้วมหลุม) มีเพียงผืนป่า และขุนเขาที่รายล้อม อยู่ได้รึเปล่า..
.................................................................................................
"ดอยหลวงเชียงดาว" หรือ "ดอยเชียงดาว" มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูน เป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ (รองจากดอยอินทนนท์ และดอยผ้าห่มปก) สูงถึง 2,275 เมตร จากระดับน้ำทะเล อยู่ในเขตพื้นที่อุทยานเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
ช่วงเวลาเปิดเส้นทางเดินป่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. - 31 มี.ค. ของทุกปี
..บนยอดดอยที่อนุญาตให้ขึ้นไปเที่ยว มี 2 ยอดดอยกัน คือ ยอดดอยกิ่วลม ซึ่งส่วนใหญ่นิยมไปชมพระอาทิตย์ขึ้น และยอดสูงสุดของดอยหลวงเชียงดาวเหมาะกับการไปชมพระอาทิตย์ตก (ตรงยอดนี้มีป้ายสำหรับถ่ายรูป) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสามารถไปชมพระอาทิตย์ตก-ขึ้น ได้แต่ตามใจชอบเลย จากบริเวณลานกางเต็นท์ไปยังทั้งสองจุดใช้เวลาเดินประมาณ 30-40 นาที โดยประมาณ ไม่เกิน 1 ชั่วโมง
สำหรับทางขึ้นดอยมี 2 ทาง.. 1. เส้นทางปางวัว-อ่างสลุง ระยะทางประมาณ 6,500 เมตร (6.5 กิโลเมตร) ระยะทางจะสั้น แต่ทางจะชันและลื่นกว่า ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 11 กิโลเมตร นั่งรถประมาณ 30 นาที 2. เส้นทางเด่นหญ้าขัด-อ่างสลุง ระยะทางประมาณ 8,500 เมตร (8.5 กิโลเมตร) ระยะทางจะไกลกว่า ลักษณะทางจะสลับกันไปทางราบและทางชัน ห่างจาก ที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 32 กิโลเมตร จากอุทยานต้องนั่งรถ 4w ของชาวบ้านที่ชำนาญทาง(เหมา) ในการไต่เขาขึ้นไปยังเส้นทางเด่นหญ้าขัด นั่งรถประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะทางค่อนข้างขระขรุ ชัน และโค้ง ตลอดทาง
**โดยทั้งสองเส้นทางจะมาบรรจบกันที่สามแยก หลังจากนั้นเดินต่อไปยังเส้นทางเดียวกันไปจุดกางเต็นท์**
การเดินทางขึ้นสู่ยอดดอยหลวงเชียงดาว สามารถใช้บริการทัวร์ท้องถิ่น(ทัวร์ป่า ที่มีทั้งของชาวบ้าน หรือ อบต. เป็นต้น) ในอำเภอเชียงดาวให้จัดทริปให้ ซึ่งมีให้บริการอยู่หลายเจ้า หรือจะใช้บริการทัวร์เดินป่าที่ให้บริการจากกรุงเทพ การไปกับทัวร์จะสะดวกกว่า เพราะทัวร์จะจัดการทุกอย่างให้หมด โดยที่เราไม่ต้องเตรียมเรื่องของอาหาร เต็นท์ ไป เพราะทางทัวร์จัดเตรียมไว้ให้พร้อม เตรียมแค่ใจถึงๆ ไปก็พอแล้ว^^ ..แต่พวกเราไปแบบกันเอง ซึ่งจะประหยัดค่าใช้จ่ายกว่า โดยต้องจองผ่านทางอุทยานฯ (ล่วงหน้าในช่วงที่กำหนดให้จอง) ติดต่อลูกหาบผ่านทางอุทยานฯ ติดต่อรถรับจ้างและจัดการเรื่องอาหารเอง ฉะนั้นพวกอาหาร เครื่องนอนต่างๆ เราต้องพร้อม เราจ้างลูกหาบในการแบกของส่วนกลาง(อาหาร อุปกรณ์ครัว เต็นท์ ฯ)
เบอร์ของอุทยานแห่งชาติเชียงดาว 053 456 623, 081 111 6203 สามารถโทรได้ในเวลาราชการ
.................................................................................................
สิ่งอุทยานฯ มีให้เช่า/ซื้อ - เต้นท์ (ต้องแจ้งล่วงหน้า) - แผ่นรองนอน (ต้องแจ้งล่วงหน้า) - เสื่อ - ถุงนอน (ต้องแจ้งล่วงหน้า) - น้ำดื่ม ถังละ 500 บาท ถังละ 20 ลิตร ควรแจ้งล่วงหน้า - ห้องน้ำ เป็นห้องน้ำแบบส้วมหลุม ลักษณะจะเป็นหลุมลึกๆ แต่มีไม้พาดไว้ให้เหยียบเว้นช่องไว้ตรงกลาง มีผ้าสแลนสีดำล้อม เหมือนตู้เย็นสี่เหลี่ยมๆ - ลูกหาบ ลูกหาบหนึ่งคนสามารถแบกสัมภาระได้ 20 กม. (คิดราคาลูกหาบ 450 ต่อคนต่อวัน)
สิ่งที่ควรเตรียม - อาหารสด/ข้างสาร/อาหารแห้ง (ควรคำนวณให้ครบทุกมื้อ) - น้ำดื่ม อันนี้สำคัญมาก เพราะบนนั้นจะไม่มีแหล่งน้ำเลย ควรพกน้ำระหว่างทางเดินให้พอ หากต้องการน้ำที่จะใช้บนยอดดอยต้องแจ้งล่วงหน้ากับลูกหาบ(แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตอนติดต่อได้) ถังละ 500 บาท ถังละ 20 ลิตร (เราใช้ 2 ถัง กับสมาชิก 7 คน ) - อุปกรณ์ครัวแบบปิกนิค (หากมากับกรุ๊ปทัวร์ไม่ต้อง ทางทัวร์ทำอาหารให้ทาน) - ทิชชูเปียกสำหรับอาบน้ำแห้ง บนนั้นหนาว อากาศเย็น และไม่มีน้ำให้อาบ!! **ที่สำคัญ หากใช้ทิชชูเปียกแล้วควรนำเก็บมาทิ้งที่ถุงขยะตัวเอง วันที่ไปดงกระดาษทิชชูเยอะมว๊าก (มันย่อยสลายยากนะเออ) - ถุงขยะ ไว้ใส่ขยะต่างๆ ลงมาทิ้งด่านล่าง เพราะก่อนขึ้นจะมีค่ามัดจำขยะ **ห้ามลืมเชียว**!! - รองเท้า ควรเป็นรองเท้าที่มีดอกยางลึกๆ เพราะทางจะลื่น และมีโคลนบางช่วง และรองเท้าควรมีน้ำหนักเบา **รองเท้าสตั๊ดดอย** รองเท้าราคาสบายที่ใส่ลุยป่าได้สบายเช่นกัน แต่ควรใส่ถุงเท้าหนาๆ หน่อย - ถุงนอน หากนำมาเองควรเลือกให้เหมาะกับสภาพอากาศเพราะบนนั้นอากาศจะเย็น ช่วงที่ไปประมาณ 6 องศา (ดูตอนเจ็ดโมงเช้า) - ไฟฉาย และเทียนไข เนื่องจากด้านบนไม่มีไฟฟ้าใช้ แนะนำเป็นไฟฉายแบบคาดหัว เพราะตอนไปดูพระอาทิตย์ต้องปืนป่ายขึ้นไป ต้องอาศัยมีในการเกาะหินหรือกิ่งไม้ - ขนม ของขบเคี้ยว ลูกอม อาจไว้กินระหว่างเดินหรือบนยอดดอย หากไว้กินระหว่างทางแนะนำเป็นช็อคโกแลต หรือพวกน้ำผลไม้ที่หวานๆ จะได้มีแรงเดิน - ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวด หรือยาอื่นๆ ที่คิดว่าจำเป็นต้องใช้ - เสื้อกันหนาว หมวก ผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงเท้า หใ้พร้อม เพราะบนนั้นอากาศจะหนาว ยิ่งช่วงที่ต้องเดินไปไปดูพระอาทิตย์ด้านบน ลมจะแรงเพราะอยู่บนยอดดอย - มื้อกลางวัน ระหว่างทาง แนะนำเป็นพวกเมนูง่ายๆ พวกข้าวเหนียวหมูต่างๆ - และที่สำคัญใจล้วนๆ^^
.................................................................................................
สรุปค่าใช่จ่าย ทริปดอยหลวงเชียงดาว 3 วัน 2 คืน - ค่ารถทัวร์ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 488(2) = 976 - ค่าเสื่อ 100/2 = 50 - เก็บกองกลางคนละ 1,704(7) = 11,928 - ค่ารถรับ-ส่ง อาเขตเชียงใหม่-เชียงดาว(ให้เป็นสินน้ำใจ) 500 - ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน 20(7) = 140 - ค่ากางเต็นท์ 30 บาท 2 คืน จำนวน 5 หลัง = 30*2*5 = 300 - ค่ามัดจำขยะแต่ได้คืน - ค่าขับรถเข้าที่อุทยานฯ 50 - ค่ารับรับจ้าง ไปส่งที่เด่นหญ้าขัด และรับที่ปางวัว 2,100 - ค่าลูกหาบ 450 ต่อคนต่อวัน 450*3*3 = 4,050 - ค่าน้ำ 2 ถัง ถังละ 500 = 1,000 **นอกนั้นจะเป็นค่าน้ำ(น้ำดื่มระหว่างทางเราซื้อแพ็คใหญ่-เล็ก) ค่าอาหารต่างที่เราซื้อ**
สรุปค่าใช่จ่ายคนละ 2,730 บาท
.................................................................................................
วันเดินทาง.. ออกเดินทางในคืนวันที่ 19 ม.ค. 2560 กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เวลา 20.20 น.
DAY1 (20 ม.ค. 2560) ประมาณ 06.30 น. เราถึงอาเขตเชียงใหม่ ทำธุระส่วนตัว รอรถมารับไปยังอุทยานแห่งชาติเชียงดาว.. (ด้วยความโชคดีเพื่อนในทริปมีพี่ที่รู้จักที่เชียงใหม่ อาสารับ-ส่ง จากอาเขตไปยังเชียงดาว)
เราซื้อของต่างๆ ที่แม็คโคร และตลาดแม่มาลัย(ทางผ่าน) พวกอาหารสด อาหารแห้ง ข้าวสาร เป็นต้น
..เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเรามุ่งหน้าไปยังอุทยานฯ (ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปยังเชียงดาว ประมาณ 70 กม.) และแวะที่ตลาดแม่มาลัย เพื่อซื้อของเพิ่มอีกและหามื้อกลางวัน และมุ่งหน้าสู่ที่ทำการอุทยานฯ..
ประมาณเที่ยงๆ เราเดินทางมาถึงอุทยานฯ ทำการติดต่อเจ้าหน้าที่ จ่ายค่าธรรมเนียม ค่ามัดจำขยะ และชั่งน้ำหนักของที่จะให้ลูกหาบแบก ส่วนมากเป็นพวกของกองกลางและเต็นท์นอน ซึ่งพี่ๆ ลูกหาบมารออยู่แล้ว ของกลางทั้งหมดประมาณ 60 กิโลกรัม.. ทำการติดต่อเจ้าหน้าที่ จ่ายเงินค่าเข้า ชั่งน้ำหนักของส่วนกลางที่จะให้ลูกหาบแบก ซึ่งลูกหาบมารอเราอยู่แล้ว วันนั้นลูกหาบน้อย เราจึงได้ลูกหาบแค่ 2 คน กับสัมภาระที่หนัก 60 กม. จากนั้นมุ่งหน้าสู่ เส้นทางเดินเด่นหญ้าขัด-อ่างสลุง โดยนั่งรถกระบะที่เราติดต่อไว้
..ในที่สุดก็ถึงแล้วววว "เด่นหญ้าขัด-อ่างสลุง" กับการนั่งโยกในรถประมาณสองชั่วโมง นั่งรถดึ๋งๆ มาตลอดทาง ทั้งโค้งทั้งชัน โอนเอนไปมาเหมือนนั่งรถบั้มในสวนสนุกเลย
นั่นไง!! ดอกนางพญาเสือโคร่งไม่ได้มีแค่ขุนช่างเคี่ยนนะจ๊ะ^^
14.00 พร้อมออกเดินทาง..
ทางเดินในช่วงแรกยังเป็นทางราบ ค่อยเดินตามทางไปเรื่อยๆ เหมือนวอมร่างกายก่อน แดดก็ร้อนแรงตามเวลา
เดินตามทางเดินมาเรื่อยๆ มีบางช่วงต้องเดินตามไหล่เขา เหมือนกับไต่เขาขึ้นไปอย่างช้าๆ เส้นทางยังคงไม่ชันมาก สลับกับทางราบไปมา

Photo: N'May
บรรยากาศรอบๆ มองเห็นทิวทัศน์ เห็นภูเขาหินปูนตั้งตระหง่าน มีต้นไม้น้อยใหญ่ระหว่างทาง มีลมพัดผ่านเรื่อยๆ สลับกันไปกับแสงแดด แม้อากาศจะร้อนบ้าง แต่ความร้อนที่นี้ยังเทียบไม่ได้เลยกับในเมืองใหญ่ที่เราหนีมาเลย
เราเดินมาเรื่อยๆ ผ่านป่าทึบบ้าง ผ่านต้นไม้น้อยใหญ่ ผ่านดงต้นกล้วย ผ่านทางราบ ทางชัน จนเดินมาถึงตรงนี้ทางค่อนข้างลื่น และมีรอยสไลด์เป็นทางอยู่แล้ว ต้องค่อยๆ ประคองตัวเองให้ทรงตัวให้ดีกับสัมภาระที่อยู่บนหลัง
Photo: N'May
ในที่สุดเราก็เดินมาถึงทางสามแยก.. เป็นเส้นระหว่าง เส้นทางปางวัว กับเส้นทางเด่นหญ้าขัดมาบรรจบกัน ซึ่งแสดงว่าเราเดินมาครึ่งทางแล้ว บริเวณนี้แอบมีสัญญาณโทรศัพท์ซ่อนอยู่นะ แวะพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยเดินทางกันต่อ..

Photo: N'May
พ้นทางสามแยกมา.. ทางเริ่มชันขึ้นสลับกับทางราบไปเรื่อยๆ และทางก็จะมีช่วงลื่นขึ้นเยอะกว่าเดิมบ้างเล็กน้อย
เริ่มเข้าสู่ป่าทึบอีกครั้ง..สองข้างทางก็จะเป็นหินก้อนเล็กใหญ่เหมือนถูกจัดวางเรียงราย ทั้งสองข้างทางจะเป็นต้นไม้ มีเครือเถาวัลย์ต่างๆ ถือเป็นความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ
Photo: N'May
เราเดินข้ามผ่านเขาลูกนั่นลูกนี้มาเรื่อยๆ จนเจอพระอาทิตย์กำลังจะลับภูเขาไป จากตรงนี้ มองเห็นมุมของช่องเขา เป็นมุมระหว่างช่องเขาที่ทับซ้อนกัน ช่องเขาตรงนี้จะคล้ายรูปตัววี ด้านล่างเป็นทุ่งหญ้าสีเขียว แต่ตอนนี้มันกำลังกลายเป็นสีทอง เนื่องจากแสงอาทิตย์กำลังลอดผ่านตรงช่องตัววี
ระหว่างทางเราก็เจอพี่ลูกหาบ พี่ลูกหาบบอกข้ามสันเขาที่เห็นด้านหน้าไปก็เป็นจุดกางเต็นท์แล้ว
เรามาถึงจุดกางเต็นท์กันประมาณหกโมงกว่าๆ มืดพอดี
DAY2 (21 มกราคม 2560) 05.00 น. ได้เวลาตื่นเพราะต้องรีบเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกที่ยอดดอยกิ่วลม ตื่นมาอากาศก็เย็นมาก ประมาณ 5-6 องศาได้ ใส่เสื้อตัวหนาๆ ผ้าพันคอ หมวก ถุงมือ และไฟฉาย พร้อมออกเดินทาง..
จากจุดกางเต็นท์เดินไปยังยอดดอยกิ่วลมใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีได้ แล้วแต่การเดิน เราเดินย้อนกลับเล็กน้อยจะมีทางแยกและมีป้ายบอกทางอยู่ ทางแรกๆ ก็เป็นทางราบ หลังๆ ทางจะชันขึ้นเรื่อยๆ เราปีนป่ายก้อนหิน เกาะกิ่งของต้นไม้ไปเรื่อยๆ ตลอดทาง เพราะทางจะค่อยๆ ชัน และสูงขึ้นเรื่อยๆ

Photo: P'A
ช่วงเย็นๆ ได้เวลาเดินไปดูพระอาทิตย์ตกบนยอดดอยเชียงดาว เตรียมเสื้อหนาวให้พร้อมบนนั้นลมแรง ที่สำคัญห้ามลืมไฟฉายเลย ระยะเวลาก็คล้ายๆ กันดอยกิ่วลมประมาณ 30-40 นาทีก็เดินถึงยอดดอย
ลักษณะทางขึ้นก็คล้ายๆ กัน เนื่องจากเป็นเขาหินปูนเหมือนกัน มีหินเรียงรายก้อนน้อยใหญ่หลายขนาด ค่อยๆ เกาะขึ้นไป เหนื่อยก็แวะพัก แต่ช่วงเดินนี้ร้อนมาก แสงแดดแผดเผากันทีเดียว ควรพกหมวกมาด้วย สุดท้ายเราก็เดินขึ้นมาถึง
บนนี้อากาศดีมาก จากที่ร้อนๆ ยืนรับลมสบายเลย วิวตรงนี้ก็สวยมาก มองวิวได้แบบ 360 องศาเลย เบื้องหน้าก็มองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนวางเรียงกันไป ท้องฟ้า ก้อนเมฆ อยู่ใกล้แค่เอื้อมเอง มีลมโชยมาเรื่อยๆ
Photo: N'May

DAY3 (22 ม.ค. 2560)
เราเดินลงกันช่วงประมาณเที่ยงๆ เราลงทางเส้นปางวัว ทางชันมากแต่เป็นขาลงเลยสบายหน่อย และตลอดทางก็ลื่นมากเช่นกัน เวลาเดินต้องคอยเกร็งปลายเท้าและข้อเท้า ไม่งั้นอาจมีข้อเท้าพลิกได้ เราถึงปางวัวกันประมาณบ่ายสอง ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง รอรถมารับไปยังอุทยานฯ อาบน้ำ และเคลียร์ค่าใช้จ่ายๆ ที่ยังค้าง
** ถ้าใครจองผ่านอุทยานฯ คำนวณเวลาให้ดี เพราะอุทยานฯ จะปิด 16.00 น. ถ้าไปไม่ทันอดได้ค่ามัดจำขยะคืนนะ**
**เราจองรถไว้รอบ 20.00 น. แนะนำให้จองแบบไป-กลับไว้เลย หรือไม่ก็มาถึงอาเขตแล้วจองเลย**
ภาพวิวตอนเดินลง
ภาพที่เห็นเขาพูดกันว่า ตรงที่เห็นนี่คือ “ดอยพีระมิด” และ “ดอยสามพี่น้อง” ไม่รู้ใช่ตรงนี้มั้ย
.........................................................................
........................................................................................................................
ทุกเรื่องราว จะถูกสร้างให้เป็นความทรงจำ ในทุกระยะการเดินทาง
ขอบคุณมิตรภาพดีๆ ทุกครั้งในการเดินทาง
instagram : https://www.instagram.com/i.amtammy/