.. เขากระโจม คายๆก็ขึ้นได้(ถ้าใจมันได้) ..

เขากระโจม (Khao Krachom) จ.ราชบุรี

Pon Sad Ba'GaMe

July 20, 2016, 4:30 PM July 20, 2016, 11:08 PM

// แนะนำ สถานที่ ..

.. เขากระโจม ห่างจาก อ.สวนผึ้งประมาณ 29 กม. ห่างจาก จ.ราชบุรี ประมาณ 69 กม.  และ ห่างจากพม่า 1.9 กม. เป็นแหล่งท่องเที่ยว แห่งหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นยอดเขาสูงสุดในเทือกเขาตะนาวศรี คือจุดชมวิวเขากระโจม ซึ่ง สามารถ มองเห็นทั้งประเทศไทยและประเทศพม่า มีไม้ป่านานาชาติ อากาศเย็นสบาย อุณหภูมิหนาวเย็นทั้งปี เหมาะ สำหรับนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบธรรมชาติป่าเขาและรักการผจญภัย เป็นขุดชมทะเลหมอกและ พระอาทิตย์ขึ้นและ พระอาทิตย์ตกที่สวยงามของสวนผึ้ง  ในช่วงปลายฝนต้นหนาวเป็นช่วงที่จะเกิดทะเลหมอกมากที่สุด ระยะทางจากตีนเขาถึงยอดเขาเป็นระยะทาง 10 กม.  การขึ้นไปที่เขากระโจม ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้นเท่านั้น เนื่องจากว่าเส้นทางขึ้นเขากระโจม นั้นสูงชันและ สมบุกสมบัน  บางช่วงยังต้องลุยน้ำที่สูงถึงครึ่งคันรถ ก่อนจะไปลุ้นกัน กับเนินสูงยาว..

.. ออกเดินทาง ..

.. ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 8 โมง กว่า นักเจอ กับ Duke อีกคัน ที่ Mac นครชัยศรี ประมาณ 9 โมง ประมาณ 9 โมงครึ่ง ก็ออกเดินทาง ต่อสู่ จ.ราชบุรี ..

จำชื่อวัดไม่ได้ แต่สวยเด่นเป็นสง่า เห็นมาแต่ไกล..

หลงทาง หาทางขึ้นเขากระโจมไม่ถูก เปิด GPS แปป..

รู้ทางล่ะ ป่ะ ลุยๆกันๆ ..

KTM DUKE 200 สายลุย สายแบก ขนมายังกะรถบ้าน ..

ตามมาติดๆ KAWASAKI NINJA250 สายลุย สายป่า ..

ระยะทาง จากปากทางขึ้นเขากระโจม กันประมาณ 10 กิโล ตอนนีั้ก็เที่ยงๆ เลยคิดว่า หาไรกิน แวะเล่นน้ำที่ แก่งส้มแมว ชิวๆก่อนดีกว่า ขึ้นไปเร็วก็ไม่มีอะไรทำ (มีความชิว สูงมาก)

น้ำใส และเย็นมากๆๆ ..สดชื่นๆๆ

..โอ้วแม่เจ้า เขากระโจม ..

..หลังจาก เล่นน้ำที่แกงส้มแมว ได้ซักพัก ก้เก็บของ ออกเดินทางต่อ สู่เขากระโจม โดยได้แวะซื้อของ ขนม ของกิน ตรงปากทางขึ้นเขากระโจม ร้านป้าไม่แน่ใจ(ถามอะไรป้า ป้าก็จะบอกว่า ป้าไม่รู้ ป้าไม่แน่ใจ)..

.. จากปากทาง ขับมา ทางลาดยางธรรมดา ประมาณ 1 กิโล ก็จะถึงด่านตรวจ พี่ๆเค้าก็จะตรวจว่า รถเราสามารถขึ้นไปได้ใหม เค้าก็ถามผมว่า "รถน้องใหญ่นะ หนักนะ ยางก็ไม่วิบาก จะขึ้นได้หรอ" ผมเลยตอบกลับพี่เค้าไปว่า "ถ้าขึ้นไม่ไหวจริงๆ ผมจะกลับรถ ลงมาครับ ^^ ..

ขับออกจากด่านตรวจ ก็ยังเป็นทางลาดยาง ประมาณ 2 โล น่าจะได้ และจากนั้นก็ดิน และหิน ล้วนๆครับ .. ทางลาดยางไปหมดตรงขึ้นเนิน ทางโค้งพอดี ซิปหายยย มาถึงก็โหดเลยยย ... โค้งยาวๆๆไปสิ ..

ผ่านมาแค่ ทางดิน โค้งยาวโค้งแรก ก็พักกันซ่ะล่ะ เหนื่อย ร้อน คนซ้อนลงเดิน 555 ..

เนื่องจาก เป็นการเปิดซิง DUKE พี่งซื้อมาได้ไม่กี่เดือน ไม่เคยเข้าป่ามาก่อน ก็ถูกผมหลอกมาเชือดที่เขากระโจมเลย ..

ขับมาได้ซักพัก ทางก็ไม่ค่อยโหดมากเท่าไร โค้งก็ชันน้อยลง จนเดินทางกันมาถึง ศาล แวะพักรถ ไหว้เพื่อให้เป็นสิริมงคลในการ ขึ้นเขาครั้งนี้ .. แล้วเราก็หันมองไปยังเส้นทางด้านหน้า โอ้มายยยย..โค้งหิน หินก้อนบะเริ่ม ไม่มีทางชิวๆให้หลบเลย .

ปล่อยให้ Duke โชว เทพขึ้นไปก่อน ก็ตามสูตรล่ะครับ คนซ้อน ลงเดิน ช่วยกันประคองขึ้นไปทีละคัน ..

ถึงกับปวดตับ กันเลยทีเดียว ..

ต่อไปก็คิวผมล่ะ พี่เค้าก็ลงกันมาช่วยดัน ประคอง ผมขึ้นไปจนได้ รถหนักมากๆ ..

พักแปป ระหว่างช่วงที่เดินทาง ก็จะพบเจอกับ ชาว enduro หลายๆแก๊ง ขับผ่านขึ้นไปยังชิวๆ บางก็มีหันมามอง บางก็หันมาถามว่าใหวใหม บางก็ชื่นชม บอกว่าใจมันได้จริงๆ ..

แวะพักกันอยู่นาน ..ตอนนี้ก็เริ่มจะเย็นมากแล้ว ลุยกันต่อเลยดีกว่า ..

เลยจากเขานี้ไป เส้นทางก็ไม่ค่อยโหดมากเท่าไร ทำให้เราขับกันได้เรื่อยๆ หรือว่าเร่ิมชินก็ไม่รู้เหมือนกัน ..

ในที่สุดเราก็มาถึง แลนด์มาร์ค ของที่นี้ จัยจริงก็อยากจะวัดลงไป ทางหนองน้ำนะ แต่ถ้ารถเสียขึ้นมา จะซ่อมไม่เป็น และไปต่อไม่ได้เอานะ ขอบายดีกว่า ไปทางสะพานดีกว่าเน้อะ ..

ถ่ายรูปเป็นที่ระทึกกันซะหน่อย ไม่ได้มากันง่ายๆนะ 555 ..

ปลอดภัยไว้ก่อน ^^

แอบเชียวตอนลงสะพานนิดๆๆ ..เกือบร่วง..

..ภาพตัด ..

..หลังจากผ่านมาจากบ่อน้ำ มาได้ เราก็เดินทางต่อขึ้นมาเรื่อย เหมือนว่าแต่ละคน จะเริ่มชิน กับการเข้าป่า เดินทางป่า เส้นทางดิน กันแล้ว จุดใหนที่ไม่ได้โหด เราเลยไม่ค่อยได้แวะถ่ายรูป ไม่ค่อยได้แวะพักกันซักเท่าไร ประกอบกับพระอาทิตย์ไกล้จะตกดินแล้วด้วย จึงพยายามรีบขึ้นไปให้ทัน ก่อนมืด ขับผ่านมา เขาแล้ว เขาเล่า เราก็ไกล้ที่จะถึงที่หมายแล้ว แต่ แต่ แต่ ดันไปติดกันที่ เนิน1,000 ถ้าคนที่เคยไปที่นี้มาก่อน คงรู้ว่ามันชันขนาดใหน แค่เดินยังเลื่อน ล้มเลย เราติดกันอยู่ที่นี้พักใหญ่ จนมีกลุ่ม มอไซต์เด็กแว๊นส์ ขับ wave กับกลุ่มพี่ๆ ชาว off road มาช่วยเข็น ช่วนดัน ช่วนประคอง กัน จนรอดขึ้นมาได้ เหนื่อยมาก เหนื่อยที่สุดเท่าที่เคยเข้าป่ามา ..

เดินทางขึ้นมา ประมาณ 4 โมงกว่า ๆ กว่าจะมาถึงยอดเขา ก็ค่ำแล้ว ทุ่มนึง โอ้วแม่เจ้า นี้เราเดินทางกัน 10 โล ใช้เวลาไปประมาณ 3 ชั่วโมง เป็นการเดินทางที่นาน มาก แต่ก็สนุกและมันส์มากเหมือนกัน 555..

เมื่อคืน อากาศหนาวเย็น สบาย แต่ไม่ถึงกับหนาวมาก เราก่อกองไฟ นั่งทำอาหาร พูดคุยเรื่องระหว่างทางที่พบเจอ มิตรภาพต่างๆที่ได้รับ ประสบการณ์แปลกใหม่ของการเดินทาง เป็นโมเม้นที่ผมประทับจัยมากที่สุดเท่าที่เคย ประสบพบเจอมา ..

ดื่นเช้ามาอากาศ เย็นสบาย สดชื่น ..

นักท่องเที่ยว ที่เช่ารถ 4x4 ขึ้นมา ชมทะเลหมอกกันตอนเช้า มากันเยอะมากๆ บางก็เดินเข้ามาหาแล้ว ชมว่า นี้ขับขึ้นมากันได้ยังไงเนี้ย บ้างก็บอกว่า ขับเก่งเน้อ มีแต่คนชม 555 ..

สภาพรถ แต่ละคัน ..

เลอะเทอะมาก 55..

ผมว่า ผมอินดี้แล้วนะที่ขับ sport ขึ้นเขากระโจม แต่ยังมีพี่อีกคน เขาขับขึ้นมาก่อนพวกผม คันนึง โอ้วมายยย ขับมาลุยป่า คนเดียว อิ้นดี้เ.ี้ยๆๆ พี่เค้าบอกล้มไปหลายรอบเหมือนกัน เกียร์หัก เปลี่ยนเกียร์ไม่ได้ ยังจะขับขึึ้นมาถึง นับถือในความอินดี้ พี่เค้ามากๆ ..

ขาลง เลยชวนพี่เค้า ลงไปพร้อมกัน เผื่อเกิดเหตุอะไร จะได้ ช่วยกัน ..

หญัา บนเขากระโจมนุ่มใหมล่ะ ..

นางป่วย ..

เขากระโจม เค้าก็ขึ้นมาแล้วนะ ^^

ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กันซ่ะหน่อย ก่อนออกเดินทาง ลงเขา ..

ขาลงเรา ฝากของ สัมภาระ ขึ้นรถ พี่ๆ 4x4 ให้พี่เค้า วางไว้ที่ด่านตรวจตรงปากทาง เพื่อทำให้สะดวก และง่ายในการเดินทางลง ..ต้องขอบคุณพี่ๆ ชาว Off road มากๆนะครับ ไม่งั้น แย่แน่ๆ ..

ค่อยๆประคองกันลงไป เนินใหนโหด เนินใหนชัน ก็มาช่วยกัน ประคองลงไปทีละคัน ..

คนซ้อน เดินบ้าง ซ้อนบ้าง แต่ส่วนใหญ่ จะเดินซ่ะมากกว่า 55

เดินทางลงกันมายัง สวัสดิภาพ ปลอดภัยกันทุกคน ..

.. บทส่งท้าย ..

..

.. ความสุขที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่ปลายทาง แต่อยู่ที่ระหว่างการเดินทางต่างหาก .. ผมเคยได้ยิน คำพูดนี้มามากกมาย บางคนก็พูดเราเท่ๆ แต่ผมพึ่งได้มารู้จักคำๆนี้ หลังจากที่ผม ได้เริ่มที่จะหันขับเข้ามาเที่ยวทางดิน ทางหิน เข้าป่า มากกว่าเที่ยวทางดำธรรมดา เพราะมิตรภาพที่ คุณจะได้รับจากการเดินทางสายดิน คือ คุณจะได้พูดคุยกับคนในคณะที่ร่วมเดินทางกับคุนมากขึ้น ได้ช่วยเหลือกัน ได้หัวเราะไปด้วยกัน ได้ลำบากไปด้วยกัน ได้ฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน นั้นแหละครับ ต่อให้เรามีเพื่อนร่วมทางมากมาย แต่หาได้มีความจริงจัยกันไม่ ก็สู้มีเพื่อนร่วมทางแค่คันเดียว ที่ยอมลำบากไปกับเราไม่ได้ ..

ไว้เจอกันใหม่ ปลายฝนนี้ เขากระโจม ..