Quantcast
Channel: theTripPacker
Viewing all articles
Browse latest Browse all 3102

"กิ่วแม่ปาน"ต้องครั้งที่สี่ถึงได้ขึ้นสวรรค์

$
0
0
"กิ่วแม่ปาน" ต้องครั้งที่สี่ถึงได้ขึ้นสวรรค์

"กิ่วแม่ปาน" ต้องครั้งที่สี่ถึงได้ขึ้นสวรรค์

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ (Doi Inthanon National Park) จ.เชียงใหม่

นายสองสามก้าว ...

“กิ่วแม่ปาน” ต้องครั้งที่สี่ถึงได้ขึ้นสวรรค์


“ไปตั้งหลายครั้งยังไม่เคยเห็นเลย” “ตอนเราไปทำไมไม่ได้แบบนี้” “ไม่เคยเห็นสวยแบบนี้บ้างเลย” และอีกหลายคอมเมนต์แนวนี้เด้งขึ้นมาเมื่อผมโพสต์รูปทะเลหมอกที่กิ่วแม่ปาน อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาลงในเฟซบุ๊ก

ใช่ครับ ผมโชคดีมากที่ได้เห็นอลังการงานสร้างแห่งกิ่วแม่ปาน แต่ก็อยากจะบอกแหละว่ากว่าจะได้แบบนี้ ผมต้องกลับมาซ่อมเป็นรอบที่สี่เชียวนะเฟ้ย (ฮา...)

ทริปนี้เกิดขึ้นเนื่องจากปลายเดือนพฤศจิกายน วันที่ 28-30 คนข้างกายเธอลาหยุดได้สามวันสองคืน ตีตั๋วรถทัวร์ไปเชียงใหม่ทิ้งไว้แต่ยังไม่มีจุดหมายหรอก พอดีเห็นฟีดเฟซบุ๊กเด้งบอกว่าอินทนนท์อากาศหนาวแล้วนะ เลยตกลงกันว่าขอลองวัดดวงทะเลหมอกกิ่วแม่ปานอีกสักรอบแล้วกัน หลังผิดหวังมาตลอดกับสามครั้งแรก เจอทั้งแบบฟุ้งขาวโพลนและเปิดโล่งโจ้งไม่มีแววหมอกสักนิด

เป้าหมายทริปนี้มีเพียงอย่างเดียวและที่เดียวครับ ลงรถแล้วลุยกันเลย

-------------------------------------------------

(1)

ขึ้นดอยอินทนนท์ครั้งไหนผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตลอด ใช้บริการรถเช่าร้านประจำ Bikky สาขาอาเขต สถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงใหม่ เที่ยวนี้เลือกฮอนด้า คลิก เพราะอินทนนท์ขึ้นไม่ยาก มัดเป้มัดเต็นท์ท้ายรถแล้วยังมีที่นั่งสบายกว่ารถเกียร์ธรรมดา

2fba9650-7388-98bd-c95a-5a2a308d397c.jpg

คราวนี้ไม่คิดจะเที่ยวที่ไหนมาก ออกจากอาเขตก็ดิ่งไปอินทนนท์ เส้นง่ายและสั้นที่สุดคือทางหลวง 108 ผ่านอำเภอหางดง สันป่าตอง ดอยหล่อ เข้าจอมทอง เลี้ยวขวาขึ้นเขา แต่ผมมีทางแนะนำนิดหน่อยก่อนเข้าเส้น ทล. 108 คือจากเชียงใหม่ให้ไปทางอุทยานหลวงราชพฤกษ์ และแยกต้นเก๋วน เพื่อต่อเข้า ถนน ชม. 3035 เลี่ยงเมืองหางดง-สันป่าตอง จนไปบรรจบกับ ทล.108 เมื่อพ้นตัวอำเภอสันป่าตองมาแล้ว ระยะทางมากกว่าแต่ถนนโล่งเพิ่งสร้างเสร็จไม่กี่ปี วิ่งสบายย่นเวลาได้เยอะ

ede6d269-3ca3-5f25-08ad-5a2a3001d13f.jpg

ขี่เรื่อยๆ พักรถกินข้าว กินกาแฟ สักสามชั่วโมงก็ถึงด่านตรวจอุทยานฯ น้ำตกแม่กลาง ก่อนขึ้นสู่อินทนนท์ เสียค่าธรรมเนียมให้เรียบร้อย ผู้ใหญ่ 50 บาท มอเตอร์ไซค์ 20 บาท

46bb74e2-fcfe-291b-6bd3-5a2a30b4039c.jpg

จากนั้นยิงยาวขึ้นบ้านขุนกลางหาที่กางเต็นท์ (ตอนนี้ทำถนนอยู่สองสามช่วง ระวังและใจเย็นสักนิดนะครับ) แถวนี้มีลานกางเต็นท์เยอะอยู่ ชื่อดังหน่อยก็ ดอยชัวร์ญ่า กับชลธารวิว แล้วก็ยังมีของเอกชนอื่นๆ อีกสามสี่แห่ง แต่ขาอุทยานฯ อย่างผมไม่ต้องคิดอะไรมาก นอนที่ดงสน อช.ดอยอินทนนท์ ทุกครั้งนั่นแหละ

จะนอนที่ลานกางเต็นท์ดงสน เราต้องเข้าไปติดต่อศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตรงที่ทำการอุทยานฯ ก่อนนะครับ จ่ายค่าธรรมเนียมค้างแรม 30 บาท ต่อคน ต่อวัน หากจะเช่าเต็นท์และเบาะรองนอนก็ต้องติดต่อตรงนี้ด้วย จากนั้นค่อยนำบัตรค่าธรรมเนียมไปยื่นที่ลานกางเต็นท์ซึ่งอยู่ห่างออกไปสักสี่ร้อยเมตร ส่วนการเช่าหมอน ผ้าห่ม เตาถ่าน ให้มาเช่าตรงลานกางเต็นท์ได้เลย

เลือกทำเลแล้วกางโลดครับ อากาศเย็นสบาย นักท่องเที่ยวประมาณหนึ่งแต่ไม่ถือว่าแออัดอะไร

2798de46-33bc-bb1c-01a0-5a2a3057b843.jpg
93be8b65-3ee8-2320-c687-5a2a30117733.jpg

วันนี้ก็นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่ลานกางเต็นท์นั่นแหละ จนเย็นย่ำค่อยออกไปกินอาหารประจำดอย หมูกะทะนั่นไง เลือกร้านที่อยู่ติดกับดอยชัวร์ญ่า ชุดละ 400 บาท กินสองคนพุงกางเลย

3cc1d171-8fed-3861-9f1e-5a2a30ddaa91.jpg
b95c2330-bbb0-1cfe-880b-5a2a301f2202.jpg

ขากลับลานกางเต็นท์แวะเก็บภาพบ้านขุนกลางสักนิด ไฟจากแปลงดอกไม้ดูสวยดีเหมือนกัน ฉากหลังเป็นภูเขาและน้ำตกสิริภูมิ

7d8e9f07-0215-2bf9-d599-5a2a307fbe8c.jpg
3f4f52a8-fbd3-d490-4d86-5a2a30e6570d.jpg

-------------------------------------------------

(2)

วันแห่งการลุ้นระทึก ตื่นตั้งแต่ตีสี่หน่อยๆ ให้คุณเธอมีเวลาแต่งสวยเล็กน้อย พอตีห้านิดๆ ก็บิดมอเตอร์ไซค์ฝ่าความหนาวขึ้นกิ่วแม่ปาน ระยะทาง 14 กิโลเมตร ช่วงแรกๆ กำลังทำถนนฝุ่นคลุ้งไปหมด

ถึงที่จอดรถแล้วเวลายังเหลือเฟือให้เติมท้อง หน้ากิ่วแม่ปานมีร้านอาหารสองร้าน ขายข้าวต้ม หมูย่าง ไก่ย่าง ของกินเล็กๆ น้อยๆ ขอบอกนิดว่าร้านทางซ้าย – ที่เราหันหน้าเข้านะ ค่อนข้างโอเคกว่า หนาวระดับเลขตัวเดียวแบบนี้ได้กินอะไรร้อนๆ มันรู้สึกดีจริงๆ

ead852e1-bf04-e729-d9d8-5a2a3094b2f6.jpg

กินเสร็จแล้วเดินไปจุดชมวิวริมถนนเพื่อชมแสงเช้า ฝั่งพระอาทิตย์ขึ้นแสงสวยเชียวทว่าไม่มีหมอก แต่พอหันมองไปทางถนนที่เราขึ้นมาเท่านั้นแหละ โอ้โห... หมอกมาเต็ม รู้เลยว่าวันนี้แหละสมหวังสักที

a9fc844a-3041-5f03-3919-5a2a30e2c05d.jpg
d97658c9-a5bc-5581-3374-5a2a30c2a28d.jpg

ใกล้เจ็ดโมงพระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นแนวเมฆ รอไม่ไหวแล้ว (โว้ย) ใจมันลอยไปหาทะเลหมอกกิ่วแม่ปาน เพราะฉะนั้นเลิกรอพระอาทิตย์ไปเดินเข้ากิ่วกันเลยดีกว่า

กฎการเที่ยวเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานมีง่ายๆ คือต้องมีไกด์ท้องถิ่น (ชาวม้ง) ดูแลทุกครั้ง ไม่อนุญาตให้เดินตามอำเภอใจ ไม่ว่าจะคุณจะเป็นโคตรเซียนเดินป่ามาจากไหนก็ตาม เหตุผลง่ายๆ คือเพื่อสร้างรายได้ให้คนในชุมชน และเพื่อเป็นหูเป็นตาไม่ให้คุณทำอะไรนอกลู่นอกทาง

ค่าใช้จ่ายไกด์หนึ่งคนต่อนักท่องเที่ยวหนึ่งกรุ๊ปคือ 200 บาท ถ้าอยากหาคนแจมรวมกลุ่มกันก็รออยู่ด้านหน้าทางเข้าแล้วตกลงกันเองได้เลย

3f684c09-380c-3bde-8352-5a2a308429c4.jpg

เส้นทางสามกิโลเมตรเศษๆ ขึ้นๆ ลงๆ ชันบ้างบางจังหวะ จุดชมวิวอยู่กึ่งกลางคือกิโลครึ่งนิดๆ ป่าที่กิ่วแม่ปานสวยจับใจครับ ระหว่างทางก็มีป้ายสื่อความหมาย อธิบายเรื่องราวทางธรรมชาติตามสไตล์อุทยานแห่งชาติ

9c9c7e7c-c863-e6aa-c9fe-5a2a3071411e.jpg
f0bd51b9-4bad-eb4a-27b2-5a2a3016c7f7.jpg

ประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงจุดสื่อความหมายที่ 7 เรียกว่าทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ นั่นแหละครับคือจุดแรกที่ได้เอ่ยทักทายทะเลหมอกแห่งกิ่วแม่ปาน อยากจะกรี๊ดเสียจริงๆ (ฮา...)

a90efc0f-e0d4-ce7c-6e60-5a2a300b472a.jpg
6ba05994-1d15-f5b9-c439-5a2a30dd13d4.jpg

ก้าวเท้าฉับๆ เร่งให้ถึงจุดชมวิว แล้วสวรรค์ก็ปรากฎตรงหน้า ทะเลหมอกขาวปุกปุยทอดตัวไกลสุดลูกหูลูกตา แม่แจ่มที่อยู่เบื้องล่างไม่ต้องมองหาเลยเพราะตกอยู่ใต้สายหมอกทั้งอำเภอ

4c9249d0-1766-bb12-55a9-5a2a3023d294.jpg
41cae8da-8421-6651-79ba-5a2a306a09e0.jpg
b8de07d2-af65-d6b7-7d9d-5a2a301606f9.jpg
3bea1855-7641-8e84-6a11-5a2a300a2403.jpg

งามระดับไหน? ก็ระดับที่ไกด์สาวชาวม้งหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายวีดีโอ ถ่ายรูปเก็บไว้เยอะพอๆ กับเรา “วันนี้สวยที่สุดแล้วค่ะ” เธอบอก ได้ยินแล้วปลาบปลื้มเหลือเกิน

84e95201-51a3-0cc4-6029-5a2a303086f9.jpg
c2b2b576-9f1b-fffb-f650-5a2a3068cbb4.jpg
6e253ae2-b71b-8494-e707-5a2a30a193e5.jpg

ใช้เวลาชมความงามที่จุดชมวิวเกือบสี่สิบนาที ถ่ายภาพจนไม่รู้ว่าจะถ่ายมุมไหนอีกแล้วค่อยเดินกันต่อ ทะเลหมอกยังหนานุ่มตลอดแนวหน้าผา

abad29d2-14b0-dedd-70ba-5a2a3013ae83.jpg
819cd01a-0f0b-63ee-b027-5a2a30779380.jpg
da8e1fc8-1392-f13d-e8e0-5a2a3093592a.jpg

เมื่อถึงตรงที่มองเห็นพระมหาธาตุเจดีย์คู่ คือพระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ก็หมายถึงจุดที่เราต้องโบกมือลาทะเลหมอก เส้นทางตัดกลับเข้าป่าอีกครั้ง ขอยืนจ้องไว้นานๆ หน่อยนะ

8eef6e36-c1f7-d262-e3df-5a2a307e7c5a.jpg

เดินอีกสักสี่สิบนาทีก็กลับมาถึงหน้าทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน (เดินเป็นวงกลมกลับมาออกจุดเดิม) เราใช้เวลารวมด้านใน 2.45 ชั่วโมง ถือว่าคุ้มค่ามากแล้วล่ะ

ภารกิจลุล่วง ฟิน สมใจ เอาไงกันต่อดี... หลังออกมานั่งกินข้าวเหนียวหมูย่างไก่ย่างจนอิ่มแปล้เลยชวนคุณเธอขึ้นยอดดอยที่อยู่ห่างไปอีกสองกิโลเมตร ที่นั่นมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติอีกแห่งคืออ่างกา เดินสบายไม่เหนื่อยเหมือนกิ่วแม่ปาน ถ้าจะให้สวยที่สุดต้องช่วงฤดูฝน มีทั้งหมอก ความชุ่มฉ่ำ และความเขียวขจี แต่ตอนนี้ก็เที่ยวได้เหมือนกัน

261d0f6f-ffc5-8016-81d8-5a2a30f6cfac.jpg
62da99ee-f232-b65f-f431-5a2a309dde00.jpg
32eb0ebc-a0b3-6ad4-02bf-5a2a3197953c.jpg

ใช้เวลาไม่นานก็เดินรอบอ่างกา เราสองคนเห็นสมควรตรงกันว่าจะกลับไปนอนเอาแรงสักงีบ ระหว่างทางลงมีวิวให้ต้องร้องโอ้อีกรอบ ทะเลหมอกริมทางไม่จางหายไปไหน มองนาฬิกาบอกเวลา 12.40 น. เข้าไปแล้ว

5aaa5483-2881-90cd-2006-5a2a3118fbb2.jpg

หลังได้นอนพักเอาแรงสักนิดแล้วก็คิดกันว่าน่าลองไปเที่ยวอีกหนึ่งเส้นทางศึกษาธรรมชาติของอินทนนท์คือ น้ำตกผาดอกเสี้ยว บ้านแม่กลางหลวง เพราะช่วงนี้น้ำคงกำลังเยอะกว่าที่เคยมาตอนกลางเดือนมกราคม

แม่กลางหลวงเป็นบ้านชาวกะเหรี่ยงปกาเกอะญอ อยู่ก่อนถึงบ้านขุนกลางสักห้ากิโลเมตร การจะเดินเส้นทางนี้ให้ติดต่อที่ร้านกาแฟสมศักดิ์ข้างในหมู่บ้าน มีค่าใช้จ่ายเป็นค่าไกด์ 200 บาท ต่อกรุ๊ป และรถที่มาส่งเราตรงจุดเริ่มเดินริมถนน 200 บาท ปกติเราวอล์คอินไปติดต่อได้เลย แต่ถ้าอยากโทรนัดก่อนเพื่อความชัวร์ก็โทรได้ตามเบอร์ในภาพเลยครับ

722e2317-9ce9-b9e8-3972-5a2a31934868.jpg

ทางเดินที่นี่สบายๆ เพราะลงกับลงอย่างเดียว น้ำตกมีหลายชั้นลดหลั่นกันลงมา สดชื่นและสวยมาก

657071a2-a586-c023-73f6-5a2a313f77bd.jpg
737b96b9-1150-d985-1744-5a2a31b7fb78.jpg
60ce3ffb-260b-98ae-10b7-5a2a31d9081f.jpg

เดินเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปทุกชั้น สักชั่วโมงก็มาถึงชั้นไฮไลท์ของน้ำตกผาดอกเสี้ยว หรือที่หลายคนเรียกน้ำตกรักจัง เพราะเป็นโลเกชั่นในหนังชื่อเรื่องดังกล่าว ถ่ายภาพยากมากครับเพราะละอองน้ำกระเซ็นตลอด แต่ผลที่ได้มาก็ไม่ขี้เหร่ล่ะนะ

43b6a7a8-f7de-747f-c015-5a2a31061a16.jpg
511e2079-0833-f164-ebe0-5a2a319bbe90.jpg
29bfe079-95c0-13f8-a17c-5a2a315b5fad.jpg

พ้นจากน้ำตกเราก็เข้าสู่เขตนาขั้นบันได (ตอนนี้เกี่ยวหมดแล้ว) จนกลับมาถึงร้านกาแฟ เขามีกาแฟให้เราชิมฟรีด้วยนะ เป็นสินค้าคุณภาพของแม่กลางหลวง บอกเลยว่าคอกาแฟต้องติดใจ

70bcdcdf-467a-4639-e126-5a2a31d90298.jpg
48987c7f-2f64-f915-7a4b-5a2a3109b141.jpg

นั่นคือทั้งหมดของวันนี้ สามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และอลังการทะเลหมอกสมดั่งที่ตั้งใจ

-------------------------------------------------

(3)

นาฬิกาปลุกตีสี่หน่อยๆ ผมลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจสลัดความง่วง ทะเลหมอกเมื่อวานอาจสมใจก็จริง แต่ผมมันคนโลภมากเรื่องสัมผัสธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจะเหลือเช้าอีกหนึ่งวันให้เสียโอกาสเปล่าๆ ทำไมกัน ขึ้นกิ่วแม่ปานวัดดวงอีกครั้งดีกว่า

คราวนี้เราเปลี่ยนแผนนิดหน่อยคือจะเดินเข้าไปชมแสงเช้าที่จุดชมวิวด้านในกันด้วย (ปกติกิ่วเปิดให้เข้าตั้งแต่หกโมงเช้า แต่หากใครต้องการดูพระอาทิตย์ขึ้นตรงจุดพระมหาธาตุเจดีย์สามารถนัดแนะไกด์เพื่อเข้าไปก่อนหน้านั้นได้ครับ ส่วนผมไปแค่จุดชมวิวเริ่มเดินหกโมงเช้าก็ทัน)

ก่อนจะเข้ากิ่ว ขอแวะแชะภาพทะเลดาวสักใบตรงลานจอด ฮ. นิดหน่อย อากาศเช้านี้สามองศา หนาวดึ๋งถึงใจ

cfc29886-922d-7ebe-b091-5a2a31e515cb.jpg

เข้ากิ่วแล้วรีบจ้ำทันที และไม่ผิดหวังเลยเพราะแม้หมอกจะไม่หนากินพื้นที่เต็มเท่าเมื่อวาน แต่ท้องฟ้าอาบด้วยแสงหลากสี ที่สำคัญการเข้ามาเร็วทำให้จุดชมวิวคนน้อย ไม่ต้องแย่งใครถ่ายรูป

7b9d6ff8-142e-83c8-b032-5a2a31a68792.jpg
89e76bb8-3b53-4205-dfef-5a2a31557c2b.jpg
cbdca385-7fad-cd13-ac50-5a2a31b08eba.jpg
cc449264-9ed0-4608-1acb-5a2a31aff813.jpg

กดชัตเตอร์รัวๆ แสงแบบนี้เล็งแล้วลั่นยังไงภาพก็สวย

e3ee692f-0104-83b9-f7e4-5a2a3145fd01.jpg
f07c3632-6c85-1f7e-4935-5a2a319412bd.jpg
88615563-b7b3-592e-cdf0-5a2a31503da6.jpg

นานพอควรจนเริ่มมีกรุ๊ปนักท่องเที่ยวทะยอยเข้ามาหนาตาขึ้นเรื่อยๆ เราจึงไปต่อ อิ่มความงามแล้วล่ะให้คนอื่นสัมผัสกันบ้าง พอเดินถึงจุดที่มองเห็นพระมหาธาตุแล้วก็แทบกลืนน้ำลาย วันนี้ทะเลหมอกฝั่งแม่แจ่มอาจไม่หนามาก แต่อีกฝั่งคือที่สุดของที่สุดไปเลย

e6bfcd11-02aa-e493-5bce-5a2a31cf117d.jpg
ea9e9591-9300-e23e-3da0-5a2a31f81bd7.jpg

และเมื่อกลับออกมาด้านนอก นี่คือสิ่งที่เราเห็นครับ ไปให้คำบรรยายเอาเองละกัน (ฮา...)

64878c5a-7a66-213b-733a-5a2a31cc14df.jpg
64300e00-1c3c-6968-0efe-5a2a313f06be.jpg

ตั๋วรถขากลับของเราเป็นรอบเย็นเลยมีเวลาเหลือพอสมควร กลับไปเก็บของเก็บเต็นท์เสร็จเรียบร้อยก็แค่บ่ายโมงเท่านั้น เลยขอแวะไปน้ำตกแม่ยะ อีกไฮไลท์ของอินทนนท์สักหน่อย เพราะดูจากปริมาณน้ำที่ผาดอกเสี้ยวเมื่อวาน เชื่อว่าตอนนี้แม่ยะต้องกำลังสวยแน่นอน

น้ำตกแม่ยะอยู่บนดอยอินทนนท์นี่แหละแต่เป็นคนละฝั่งกับทางขึ้นยอดดอย หากลงจากดอยมาอำเภอจอมทอง ก่อนถึงถนนใหญ่ ทล.108 นิดเดียวจะเจอสามแยกเลี้ยวขวาเข้าไปน้ำตก ก็ตามป้ายไปเรื่อยๆ ได้เลย 16 กิโลเมตร

ใครลงจากดอยเก็บบัตรค่าธรรมเนียมอุทยานฯ ที่เราเสียไปแล้วไว้ด้วยนะ หรือถ้าแวะเที่ยวแม่ยะก่อนขึ้นดอยก็ไม่ต้องไปเสียซ้ำตรงด่านตรวจน้ำตกแม่กลาง อุทยานฯ เดียวกันจ่ายทีเดียวพอ

จากที่จอดรถเดินอีกไม่ถึงกิโลก็เจอน้ำตกแม่ยะแล้วล่ะ ความสวยงามดูตามภาพได้เลย สำหรับผมที่นี่ถือเป็นน้ำตกเที่ยวง่ายที่สวยสุดๆ แห่งหนึ่ง มาถึงอินทนนท์แล้วถ้ามีเวลาไม่อยากให้พลาด

190c7213-f929-a003-eec9-5a2a3187c053.jpg
53565ce3-bdb1-0a78-fb6f-5a2a31924ba4.jpg

นั่นแหละครับ สามวันสองคืนกับภารกิจล่าหมอกกิ่วแม่ปาน ซึ่งนอกจากสถานที่และเส้นทางศึกษาธรรมชาติต่างๆ ในรีวิวนี้ ดอยอินทนนท์ยังมีที่เที่ยวอีกเยอะครับ น้ำตกแม่กลาง น้ำตกสิริธาร น้ำตกวชิรธาร น้ำตกสิริภูมิ สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ดอยผาตั้ง ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี หรือจะไปขุนวาง จุดดูพญาเสือโคร่งยอดฮิตก็ได้ด้วย

หน้าหนาวทีไรผมมักคิดถึงอินทนนท์ทุกที และถึงจะฟินกับทะเลหมอกแล้วครั้งนี้ แต่รับรองว่าไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะมาเที่ยวแน่นอน เจอกันใหม่อีกครั้งเมื่ออยากเจอแล้วกันนะ

------------------------------------------

ใครอยากคุยกับผมเรื่อยเปื่อยเรื่องท่องเที่ยว สอบถามข้อมูล (ถ้าผมมีให้นะ) หรือชวนเที่ยว ยินดียิ่งนะครับwww.facebook.com/alifeatraveller

------------------------------------------


Viewing all articles
Browse latest Browse all 3102