
ฟินเวอร์สวรรค์บนดิน เที่ยวภูสอยดาว
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว (Phu Soi Dao National Park) จ.อุตรดิตถ์
Panutchakorn Jirakashapornชมน้ำค้างกลางเที่ยง ท่ามกลางหมอกที่ภูสอยดาว
ในบันทึกของนักเดินทางหลายๆคน อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวเป็นหนึ่งในจุดหมายที่นักเดินทางตั้งเป้าว่าครั้งหนึ่งต้องไปพิชิตให้ได้ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยความงดงามของป่าสนบนภูสูง ที่สอดประสานเป็นจังหวะงดงามแห่งธรรมชาติ เปลี่ยนผ่านจากฤดูกาลสู่ฤดูกาล ทำให้มีดอกไม้ผลิบานเป็นของขวัญต้อนรับคนรักธรรมชาติที่ต้องเดินเท้าและทุ่มแรงกาย แรงใจมายังยอดภูแห่งนี้

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด ท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลนาขุม ตำบลบ้านโคกอำเภอบ้านโคกตำบลห้วยมุ่นอำเภอน้ำปาดจังหวัดอุตรดิตถ์ตำบลบ่อภาคอำเภอชาติตระการจังหวัดพิษณุโลก เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ยอดสูงสุดของภูสอยดาวสูง จากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย


การเดินทางขึ้นไปพิชิตยอดภูนั้น เราเริ่มจาก "น้ำตกภูสอยดาว" และไปสิ้นสุดที่ "จุดพิชิตภูสอยดาว" หรือ "ลานสนภูสอยดาว" ที่ระดับความสูง 1,633 เมตรจากระดับน้ำทะเล ระยะทางเดินป่าประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 4 - 6 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกาย) จะมีจุดให้พักบ้างเป็นระยะๆ เดินมาเรื่อยๆจะมาถึงเนินแรก คือเนินส่งญาติ อยู่ที่ระดับความสูงจากน้ำทะเล 650 เมตร เจ้าหน้าที่เล่าว่าที่ชื่อว่าเนินส่งญาติ ไว้สำหรับใครที่ท้อหรือสภาพร่างกายไม่ฟิตพอ ให้เดินกลับจากเนินนี้ได้ เพราะถ้าหากเดินต่อไปทางจะยิ่งและชันขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า



ถัดจากเนินส่ญาติ เนิกที่ว่าโหดและชัน คือ"เนินปราบเซียน" แม้จะมีบันไดให้ไต่พอไว้พักขา แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าไหร่ อาศัย “ใจ” ล้วนๆครับเนินนี้ ผ่านป่าไผ่เล็กๆ และเนินต่างๆกันมาพอสมควร ซึ่งเนินนี้จะพาเราไปยังเนินป่าก่อ อีกหนึ่งสังคมป่าที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะว่าป่าประเภทนี้ นอกจากบอกให้เรารู้ว่ากำลังเพิ่มระดับความสูจากระดับน้ำทะเลมากยิ่งขึ้นแล้ว ต้นก่อหรือต้นโอ๊กยังเป็นอาหารสุดโปรดของสัตว์ต่างๆในป่าอีกด้วย และหากมาในช่วงที่ผลก่อสุก ก็อาจได้เจอกับสัตว์น้อยใหญ่ต่างๆที่เข้ามากินอาหารเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ

หลังจากรีดเค้นพลังผ่านกันมาหลายเนิน ในที่ที่สุดก็เข้าสู่เนินเสือโคร่ง ฟังชื่อดูอาจจะน่ากลัวไม่น้อย แต่แท้จริงแล้ว เนินแห่งนี้เป็นเสมือนสิ่งประโลมใจยามที่ร่างกายยามเหนื่อยอ่อน เนื่องจากชื่อของไม้เด่นเป็นต้นกำลังเสือโคร่ง ที่คนโบราณนำเปลือกมาใช้เป็นยาสมุนไพร บำรุงกำลัง ขับลมในลำไส้ บำรุงเส้นเอ็นให้แข็งแรงและแก้ปวดเมื่อยอีกด้วย

เนินสุดท้ายที่เราต้องพบเจอ เป็นเนินที่ชันและยากที่สุด แต่คงเป็นเรื่องปกติที่การเดินทางไปชมสิ่งสวยงามตามธรรมชาติต้องฝ่าฟันและต่อสู้กับสิ่งต่างๆมากมายโดยเฉพาะ ใจเราเอง แค่เราคิดว่าเราต้องผ่านไปได้ เพียง 1.1 กิโลเมตรเท่านั้น เราก็จะถึงลานสน ระหว่างทางจากเนินมรณะพิชิตลานสน เราจะผ่านทุ่งหญ้าและพุ่ไม้เล็กๆ ไม่มีตันไม้ใหญ่แล้ว มีแต่หน้าผาที่มองเห็นเทือกเขาน้อยใหญ่สลับเรียงรายต่อกันท่ามกลางหมอกและหยาดน้ำค้าง


ถึงแล้ว "ลานสนภูสอยดาว"
ถึงแล้ว "จุดพิชิตภูสอยดาว" ที่ทุกๆ คนจะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกที่ป้ายนี้กันทุกคน ให้สมกับความเหน็ดเหนื่อยมุมานะบากบั่นจนมาถึงจุดนี้