
คนที่เขาไม่ง้อ มาเที่ยวเขาค้อ ในวันฝนรินๆ
อำเภอเขาค้อ (Khao Kho District) จ.เพชรบูรณ์
Tiewnaideena Whereuwannagoทริป cinderlla ณ ปาย ตอนเที่ยงคืน
ทริปนี้จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีความแตกต่างกับการเดินทางไปเที่ยวปายเหมือนคนอื่นๆๆ แต่มันมีจุดเริ่มต้นจากคำว่า "เพื่อน" เพื่อนเก่าสมัยเรียน ม.ต้น มีเพื่อนมาจากกรุงเทพกลับบ้านเชียงใหม่ นัดกินข้าวเย็นกัน เม้ามอยตามประสาเพื่อนที่ไม่เจอกันนาน แม้แต่เพื่อนที่อยู่เชียงใหม่ด้วยกัน ยังหาโอกาสเจอกันลำบาก ด้วยภาระหน้าที่ของแต่ละคนแตกต่างกันไป...เดิม เดิม ชื่อร้านอาหารที่บ่งบอกถึงความไม่เปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ของพวกเรา รวมตัวกันกลุ่มเล็กๆ 6 คน พูดคุยไปต่างๆนานา จนมีคนจุดประเด็นเกี่ยวกับหนาวแล้วไปไหนดี เพราะผู้เขียนออกเดินทางบ่อยทั้งแบบรถยนต์และมอไซค์ และเพื่อนก็คอเดียวกันอยู่ 3 คน อีกคนมาจากกรุงเทพไม่บ่อยนักที่จะได้สัมผัสอากาศหนาวปลายดอย พูดถึงน่าน จังหวัดที่ผู้เขียนวางแผนว่าหนาวนี้จะต้องไปให้ได้ ทำให้มีคนอยากร่วมทริปนี้ด้วย ถึงขั้นให้นัดวันเวลากันเลย แต่ด้วยคำว่าภาระหน้าที่ที่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะว่างตรงกันเมื่อไหร่ จึงมีคนเสนอแกมท้าทายว่าไปเดี่ยวนี้เลย ในขณะที่ทุกคนมาเจอกันตรงนี้แล้ว แต่น่านไกลไปสำหรับการเดินทางที่ไม่ได้เตรียมตัว ปายจึงเป็นบทสรุปของการออกเดินทางในค่ำคืนนี้ ในเวลาเที่ยงคืน จึงกลายเป็นทริป cinderlla
ลงเรือลำเดียวกันแล้ว 4 คนกับอีก 1 ตัว รถยนต์ของผู้เขียนพร้อมที่จะพาเพื่อนที่มีใจเดียวกันออกเดินทาง จุดหมายคือ ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ปาย เมื่อทุกคนพร้อมก็เดินทาง เส้นทางไปปายที่ใครๆก็เลี่ยงลือถึงจำนวนโค้งและอาการเมารถในขณะเดินทาง ผู้เขียนเคยขับมาในตอนกลางวันว่าขับรถลำบากแล้ว ยิ่งขับตอนกลางคืนความลำบากเพิ่มทวีคูณ ถนนที่มืดมิด นานๆจะมีรถร่วมทางมาสักคัน ในรถเต็มไปด้วยเสียงของเพื่อนร่วมทางที่คอยปลุกกันตื่นมาเป็นเพื่อนผู้เขียนซึ่งเป็นคนขับรถ เบียร์ที่กินกันตอนหัวค่ำ หายไปหมดแล้ว เหลือแต่สมาธิในการขับรถ สองข้างทางที่มองไม่เห็นอะไรแต่ระหว่างทางกลับมาฝูงวัว นอนเต็มถนนเป็นระยะๆ ผู้เขียนต้องคอยขับหลบ เบี่ยงไปมา โชคดีที่ไม่มีรถสวนทาง เพราะไม่สามารถสวนกันได้เลย
แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหนกัน เป็นคำถามที่ไม่ต้องหาคำตอบ ปั้มน้ำมัน สถานีตำรวจ ตลาด โรงเรียน พอเข้าถึงตัวอำเภอปาย ผู้เขียนขับรถวน ยังมีนักท่องเที่ยวอยู่ตามร้านข้าวต้ม ร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ มองดูเวลาใกล้ตีสองแล้ว ที่ๆทุกคนมองว่าปลอดภัยที่สุดคือ ปั้ม ปตท ผู้เขียนจอดตรงข้ามฝั่ง 7/11 มีแสงสว่างพอสมควร หลับๆตื่นๆ คุยกันบ้างอยู่เป็นเพื่อนกัน ฟ้าเริ่มสว่างต่างก็มาทำภารกิจของตัวเองเรียบร้อย พร้อมที่จะเดินทางแต่จะไปไหน ก็มาปักหมุดในกันรถเวลานั้น คนนึงเป็น GPS คนนึงเป็นเนวิเกเตอร์ คนนึงเป็นคนคอยคิดต่าง ผู้เขียนขับรถอย่างเดียวตามที่เพื่อนทั้งสามสรุปกันได้ หมู่บ้านจีนยูนานและสะพานบุญโขกู้โส่ ที่หมู่บ้านแพมบก
จากที่ไม่มีใครเคยมา การเดินทางด้วย GPS จึงเป็นที่พึ่งเดียวสำหรับทริปนี้ สะพานโขกู้โส่ ยังไม่มีในพิกัดของ google map จึงต้องอาศัยหาหมู่บ้านแพมบก GPS บอกให้เราเดินทางไปผ่านหมู่บ้านจีนยูนานขึ้นไป ซึ่งขึ้นดอยและเข้าไปเรื่อยๆ ทั้งสามเริ่มถกเถียงกัน จนต้องจอดถามทางซึ่งก็หาบ้านคนไม่ค่อยมี บังเอิญเจอกับชายหนุ่มนอนเฝ้ารีสอร์ทแถวนั้น เขาบอกได้แต่ว่าไม่ใช่ทางนี้ จึงต้องกลับรถลงไปทางเดิมโชคดีเจอกับเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนนึงลองเสี่ยงถามดูอีกครั้งหนึ่ง เรามาผิดทาง หมู่บ้านแพมบกมีเหนือ กลาง ใต้ และหมู่บ้านแพมบกที่เราจะไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ตอนนี้ทุกคนก็ถึงบางอ้อ แล้วก็กลับลงไปเที่หมู่บ้านจีนยูนาน เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งวันนั้นไม่เห็นแม้แต่แสงของพระอาทิตย์เล็ดลอดผ่านหมอกที่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ได้เลย ไม่เห็นแล้วแสงยามเช้า แต่บรรยากาศก็สดชื่นเต็มไปด้วยหมอกฟุ้งๆๆ ตลอดทาง เจ็ดโมงเช้าที่หมู่บ้านจีน ยังคงเช้าเกินไปสำหรับการที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางมา ร้านค้าต่างๆ ยังไม่เปิดให้บริการ กิจกรรมต่างๆยังคงเงียบสงบ ไม่ว่าจะขี่ม้า นั่งชิงช้ายักษ์ เราเดินเที่ยวชมบรรยากาศ ถ่ายรูปเก็บความงาม พร้อมกับหน้าตาที่เหมือนยังอยู่ในภวังค์ เดินย้อนกลับมากลิ่นหอมที่โชยมากระทบความหิวของพวกเราเป้นอย่างมาก ขาหมูหมั่นโถว เป็นเมนูขึ้นชื่อของหมู่บ้านจีนในทุกๆที่ ที่นี่ก็เช่นกัน มื้อเช้าของพวกเราจึงฝากไว้ที่นี่ อิ่มท้องก็พร้อมจะเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายที่สองตามที่ตั้งใจ
หมู่บ้านจีนยูนาน หรือหมู่บ้่านสันติชล เป็นหมู่บ้านชาวจีนที่อพยพถิ่นฐานมา และยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีเดิมไว้อยู่ เช่น การแต่งกาย ภาษา ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปชมหมู่บ้านพร้อมรับประทานอาหารจีนยูนนานเป็นอาหารกลางวัน ภายในมีศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนนาน
ก่อนจะมุ่งไปยังหมู่บ้านแพมบก คาเฟอีนยังไม่ตกถึงท้องจำต้องหาร้านกาแฟ คงไม่มีที่ไหนที่จะเหมาะเท่าที่ coffee in love ที่นี่เป็นแลนมาร์คสำคัญที่หนึ่ง ถ้ามาปายก็ต้องมาที่นี่ จุดถ่ายรูปจึงสำคัญกับทุกสถานที่ท่องเที่ยว มากี่ครั้งก็มีจุดใหม่ๆเพิ่มขึ้นมา ครั้งนี้ก็เหมือนกัน วีรรกรรมในการถ่ายรูปไม่ต่างอะไรกับวีรกรรมสมัยเรียนหนังสือ อะไรที่เขาห้าม เราก็ไม่ขัดแต่เลี่ยงบาลีแค่นั้นเอง ขอเก็บโมเม้นต์นี้ หัวเราะกันสี่คนนะ กาแฟถึงท้อง เลือดสูบฉีดแล้ว ลุยกันต่อไป
เราออกมาตามทางที่เด็กหนุ่มคนนั้นได้บอกไว้ และยังคงเปิด GPS อีกครั้ง กับหมู่บ้านแพมบก แต่ก็ยังสู้ GPS ข้างทางไม่ได้ เราจอดรถสอบถามป้าคนนึงที่กำลังกวาดลานหน้าบ้านอยู่ ป้าบอกเราว่า ตรงไปทางนี่ เจอน้ำตกก็ขึ้นไปตามทางอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว ทุกคนใจชื่นกับสิ่งที่จะได้เจอข้างหน้า ผู้เขียนขับมาเรื่อยๆตามทาง กว่าจะเจอน้ำตก ในรถก็ต่างวิพากษ์กันไปต่างๆนานา ทั้งถนนที่ขรุขระ ขึ้นดอยอีกด้วย ไม่น่าจะมีทุ่งนากว้างๆ แบบนั้นได้ เราก็ยังคงขับต่อไป เจอแล้วน้ำตก ป้าบอกว่าขึ้นไปอีกนิดเดียว ป้าขานิดเดียวของป้าคือกี่กิโลคะ ถนนดินแดง เป็นหินขรุขระ และทางชันในบางช่วง ผ่านสะพานข้ามคลองที่ทำจากไม้แบบโบราณ ถึงแล้วๆๆๆๆสมกับเป็นสะพานบุญ เพราะระยะทางที่กว่าจะมาถึง แล้วต้องเดินจากสพานเพื่อไปถึงวัดอีกกว่ากิโล แดดตอนสิบโมงเช้ามันช่างร้อนแรงเหลือเกิน ตอนที่เราไปถึงยังไม่มีนักท่องเที่ยว คนไม่เยอะทำให้เราได้รูปวิวสวยๆ ข้าวเขียวๆ สดชื่นเหลือเกิน มีที่พักเหนื่อยให้เป็นระยะๆ ชาวบ้านเล่าว่าที่นี่เพิ่งสร้างและเปิดให้เที่ยวได้ไม่กี่เดือน บางอย่างก็ยังสร้างไม่เสร็จ แดดร้อนแต่เราก็ไม่ถอย เราเดินกันไปจนถึงสุดทาง พอกลับออกมานักท่องเที่ยวกำลังเดินทางมาถึงหลายคณะทีเดียว เป็นความโชคดีของเราที่มาถึงก่อน
สมใจแล้วสองที่ ณ ปาย ถ้ามีเวลาและเตรียมตัวกันมา จะอยู่ให้ถึงเย็นเพื่อเดินถนนคนเดิน นอนพักที่นี่สักคืนให้อิ่มกับธรรมชาติแล้วค่อยกลับ แต่ด้วยภาระและหน้าที่เราเดินทางกลับทันที ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เราเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ จะตบหัวแล้วค่อยลูบหลัง หรือจะตบๆๆๆ แล้วค่อยลูบกันทีเดียว เราก็ยังทิ้งท้ายกับเสียงหัวเราะทุกครั้ง การเดินทาง 12 ชั่วโมง เข็มนาฬิกาวนหนึ่งรอบ ให้เราได้มากกว่าคำว่า มิตรภาพที่ยาวนานกว่ายี่สิบปี และจะมีแบบนี้ตลอดไป ทริปหน้าจะไม่มีอีกแล้วกับคำว่า "โตแล้วไปไหนก็ได้ แต่จะไป...." จะมีแต่ "ไหวไหม ถามใจเธอดู"
ปล.ที่เราเจอเมื่อคืนคืออะไรนะ...ใช่ควายหรอ มิน่าไม่มีวัวปนเลย 5555