
งบน้อย แต่อยากดูทะเลหมอกใกล้กรุงฯ ไป "พะเนินทุ่ง" สิจ๊ะ ^^
เขาพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (Panoenthung Scenic Point) จ.เพชรบุรี
เอ็น เอ เอ็ม น้ามน้ามวันหยุดอาทิตย์นี้ไปไหนดี? เป็นคำถามที่หมุนติ้วๆๆอยู่ในหัวทุกวันพุธ (เชื่อว่าหลายๆคนเป็นแบบเรา) กลางสัปดาห์ทีไรหัวใจมันเรียกร้องการบำบัดจากธรรมชาติทุกทีเลย ครั้งนี้ก็เช่นกัน ถึงวันพุธ โอ๊ยๆ เหนื่อย อยากพัก อยากไปเที่ยวขึ้นเขาเข้าป่าที่ไหนซักที่ รอบนี้มีเวลาน้อย เลยเลือกที่จะไปเที่ยวไม่ไกลกรุงเทพฯนัก และแล้ว เราก็ตกลงปลงใจไปที่นี่ค่ะ “พะเนินทุ่ง”

เราถือว่าสิ่งนี้เป็นการบันทึกประสบการณ์ ซึ่งเราหวังว่าจะเป็นเรื่องราวดีๆที่จะพาหลายๆคนให้ออกไปเที่ยว เติมพลังความสุขแบบเรา ไม่พูดพร่ำทำเพลง ออกเดินทางกันดีกว่าค่าาาาา ^_^
Day 1 19/11/59 ตื่นลืมตาขึ้นมาตีห้ากว่าๆ อาบน้ำขนของ รีบออกจากบ้านเพราะไม่อยากรถติด ทริปนี้ไม่ได้นั่งรถประจำทางไปนะคะ เราขับรถไป แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายสายโบก ฮ่าๆๆ ออกจากบ้านเวลา 06.30 น. ขับรถมุ่งหน้า ถนนพระราม 2 สายธนบุรี-ปากท่อ (สายนี้ สายออกสายรถติดนะคะเพราะเป็นเส้นทางลงใต้แค่ทางเดียว) ผ่านจังหวัดสมุทรสงคราม เฉี่ยวราชบุรี ใช้เวลาไม่นานก็เลี้ยวเข้าเขตเพชรบุรี 10.00 ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (ที่จริงขับรถไม่นานหรอกค่ะ แต่เราแวะกินข้าว ตุนขนม กว่าจะเสร็จก็กินเวลาพอสมควร สายกินก็งี้ อิอิ) บริเวณด้านล่างนี้เป็นจุดกางเต็นท์ที่ 1 หากใครไม่ขึ้นข้างบนสามารถหาทำเลดีๆ นอนชิลล์ๆริมน้ำได้สบาย


อันดับแรกเราต้องติดต่อจุดบริการนักท่องเที่ยว เพื่อชำระค่าเข้าอุทยานฯ ราคาชาวไทย 100 บาท ชาวต่างชาติ 300 บาท ถ้าเอารถขึ้นไปข้างบน จ่ายเพิ่ม 30 บาท และถ้าค้างคืนเพิ่มอีก 30 บาทค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะคะ ว่าพะเนินทุ่งสามารถขึ้นได้เฉพาะรถปิคอัพที่มีกำลังพอสมควร เนื่องจากเส้นทางโหดใช้ได้เลย ถ้าใครขับรถเก๋งไปต้องต่อรถเพื่อขึ้นสู่พะเนินทุ่ง ซึ่งหากไปกรุ๊ปใหญ่ๆก็เหมาได้เลย ค้างคืน 2,000 บาท ไป-กลับ 1,600 บาทไทย แต่ถ้าใครไปคนเดียว หรือไปแค่ไม่กี่คน ก็ใช้วิธีเรานะคะ คือหาคนแชร์ค่ะ ไม่รู้จัก เดี๋ยวก็ได้รู้จัก หาคนหารค่ารถ ประหยัดไปอีกหน่อย ถ้าไม่กล้าถาม บอกพี่เจ้าหน้าที่นะคะ พี่เค้าจะช่วยหาคนให้ เจ้าหน้าที่ที่นี่ใจดีทุกคนค่ะ
ชำระค่าเสียหายเรียบร้อยก็ออกเดินทางต่อ ทีแรกเรากะว่าจะหาคนแชร์ค่ารถแบบครั้งแรกที่มา (อ่อ! ลืมบอกไปว่านี่เรามาพะเนินทุ่งเป็นครั้งที่สองแล้วค่ะ แต่รีวิวในเฟสบุ๊ค) รอบนี้พี่เจ้าหน้าที่แนะนำให้ขับรถไปข้างบน แล้วค่อยหารถไปต่อ (คือรถเก๋งสามารถขึ้นได้ถึงบ้านกร่างแคมป์นะคะ เพราะถนนยังราดยางดีอยู่ แต่หลังจากจุดนั้น ได้แค่ปิคอัพค่ะ) ระหว่างทางไปบ้านกร่างแคมป์ ถนนหนทางจะดีมากค่ะ ราดยางยาวๆ เราต้องผ่านจุดตรวจด่านเขาสามยอดเพื่อตรวจตั๋ว หรือถ้าใครยังไม่ได้ซื้อ สามารถซื้อตรงนี้ได้เลย


ถัดจากด่านมานิดนึง เราจะเจอกับสิ่งนี้ค่ะ อุโมงค์ต้นไม้ เป็นระยะทางยาวประมาณ 300 เมตรเห็นจะได้ ธรรมชาติมักสร้างอะไรสวยๆมาให้เราเชยชมเสมอว่าไหม ^^


12.00 น. ถึงจุดหมายของเราแล้ว อ๊ะๆ ไม่สิ เกือบถึงต่างหาก เพราะเราต้องต่อรถค่ะ จุดนี้เรียกว่า “บ้านกร่างแคมป์” เป็นจุดกางเต็นท์ที่ 2 นักท่องเที่ยวสามารถพักบริเวณนี้ได้ มีจุดบริการนักท่องเที่ยว มีเต็นท์พร้อมเครื่องนอนให้เช่า ห้องน้ำห้องท่าก็มีพร้อมสรรพ นอกจากนั้นยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ส่องนก ดูแมลงได้ค่ะ (ขอบอกเลยว่าแถวนี้มีทีเด็ด)

แถ่นแท้นนนนนนนนน ทีเด็ดที่ว่า ก็คือสิ่งนี้ค่ะ “ผีเสื้อ” บริเวณนี้มีผีเสื้อเยอะมาก สวยมาก ช่วงแดดออก จะบินลงมากินแร่ธาตุที่โป่งดินกันค่ะ และจะมีเยอะมากในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมค่ะ




เราจอดรถไว้บริเวณนี้ แต่ไม่ได้เหมารถต่อนะคะ เราใช้วิธีโบกเอาค่ะ ฮ่าๆๆๆ ใครจะขึ้นข้างบนบ้าง ... หนูขอไปด้วยยยยยยย และแล้วฟ้าก็มีตา ส่งพี่ๆใจดี รับเราขึ้นไปข้างบนด้วย (ขอบคุณอีกครั้งนะคะ) เส้นทางต่อจากนี้คือไม่ได้สบายๆแล้วน๊า เป็นถนนลูกรังตลอดทาง ชันบ้างอะไรบ้าง คือเอาง่ายถ้ากินอิ่มๆก็มีจุกกันบ้างหละค่ะ ต้องข้ามลำธาร 3 ลำธาร ระยะทางจากบ้านกร่างแคมป์ไปข้างบน 15 กม. แต่ใช้เวลานานนะคะ เพราะทางบนเขาไม่เหมือนทางราบ


เกือบลืมบอกไป ว่าพะเนินทุ่งจะให้รถ ขึ้น-ลง เป็นเวลานะคะ เนื่องจากถนนไม่กว้าง ทำให้รถไม่สามารถขับสวนทางกันได้ จึงต้องจำกัดเวลาเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวค่ะ

ว่าจะถึงก็ทำเอาเหนื่อยเหมือนกัน แต่พอมองวิวรอบๆก็หายเหนื่อยไปเลย อากาศก็ดี๊ดี
----------------------------------------------------------------------------------------- ถึงแล้ว "พะเนินทุ่ง" มีป้ายนี้ต้อนรับเป็นป้ายแรก

ขึ้นมาถึงพะเนินทุ่ง ก็เดินหาที่เหมาะกางเต็นท์กันค่ะ ครั้งนี้เราแบกเต็นท์แบกถุงนอนมาเอง แต่มาเช่าเครื่องนอนอื่นๆข้างบน งานนี้เน้นประหยัดค่ะ อิอิ


จุดนี้เรียกว่าจุดกิโลเมตรที่ 30 เป็นจุดกางเต็นท์ที่ 3 ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดชมวิวพะเนินทุ่ง ข้างบนนี้จะสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณวันละ 150 คนค่ะ


15.00 น. กางเต็นท์ เก็บของเสร็จก็นอนพักผ่อนกันซักแปปนึง ต่อไปก็เป็นเวลาออกล่าแล้ว ออกล่านี่หมายถึงหาอะไรกินนี่แหละค่ะท่านผู้โช๊มมมมมม หิวขนาดนี้ ข้างบนมีร้านอาหารตามสั่งไว้บริการนักท่องเที่ยว นะคะ รสชาติอร่อย มีกาแฟ เครื่องดื่มไว้คอยบริการ แต่สำหรับคนที่มาเป็นครอบครัวหรือกลุ่มใหญ่ๆ ก็สามารถทำอาหารทานเองได้นะคะ วันนี้บรรยากาศรอบๆเต็นท์ของเราหอมอบอวลไปหมด นอนพักไป หิวไป ก็ดูสิ คุณพี่ คุณลุง คุณป้า ทั้งทอดหมู ปิ้งบาร์บีคิว เผากุ้ง ... พี่จ๋า.... ใครจะไปทนไหว



(ขออนุญาตบุคคลในภาพด้วยนะค๊าาาาา)
17.00 น. ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ท้องฟ้าเปลี่ยนสีไวมาก ยังไม่หกโมงพระอาทิตย์ก็จะตกแล้ว เราเดินมุ่งหน้าไปยัง “จุดชมวิวพะเนินทุ่ง”


เดินไปเรื่อยเราก็จะได้พบกับลานกว้างๆ เป็นจุดชมวิวภูเขาสลับซับซ้อน เรียกได้ว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยมากๆเลยค่ะ เชื่อไหม ... ไม่เชื่อดูนี่สิคะ


18.00 น. นั่งชิลล์ดูพระอาทิตย์ตกเรียบร้อย ท้องร้องอีกแล้ว มื้อนี้เราขอฝากท้องไว้กับร้านอาหารตรงจุดบริการนักท่องเที่ยวนี่แหละค่ะ มีส้มตำ ไก่ย่าง อาหารตามสั่ง ตบท้ายด้วยของหวาน อยากทานแบบไหน เลือกเอาเลย ^^


ก่อนกลับเต็นท์ก็แวะนั่งคุยเม้ามอยกับพี่ๆเจ้าหน้าที่กันซักหน่อย และอีกอย่างที่เราได้เจอก็คือ เจ้าตัวนี้ค่ะ “เม่น” หลายๆคนไม่รู้ แต่พี่ๆเจ้าหน้าที่บอกว่า ทุกๆวันเม่นพวกนี้จะมาหาอาหารด้านหลังครัว ถ้าอยากเจอก็ให้ไปรอเลย

มแล้ว ดูน้องเม่นเสร็จแล้ว ก็ไปอาบน้ำได้แล้ว ววว วว ว
***** ที่นี่ตอนกลางคืนอากาศค่อนข้างเย็น เรียกได้ว่าเย็นตลอดปีเลยหละค่ะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
21.00 น. “ในคืนนี้มีดาวเป็นล้านดวง แต่ใจฉันมีเธอแค่เพียงดวงเดียว” (แหม บรรยากาศแบบนี้ ขอซักเพลงนะคะ อิอิ) คืนนี้เดือนมืด แต่ดาวสว่าง ท้องพะเนินทุ่งฟ้าค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับสวยงามมากๆค่ะ



ถ่ายได้ไม่กี่รูปเมฆหมอกก็มาบังดาวหายไปหมดเลย งือออออออ กลับเต็นท์ก็ได้ คืนนี้นอนเร็วหน่อยเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ^^ (บนนี้จะดับไฟตอนสี่ทุ่มตรงนะคะ ควรมีตะเกียงหรือไฟฉายพกมาด้วย เผื่อเข้าห้องน้ำจะได้ไม่ลำบากนะคะ)
Day 2 20/11/59 ตื่นขึ้นมาตีห้ากว่าๆรีบล้างหน้าแปรงฟันออกไปชมความสวยงามยามเช้าของพะเนินทุ่ง (ขอกระซิบหน่อยว่าเมื่อคืนฝนตก เล่นเอานอนผวาเลยค่ะ กลัวน้ำท่วมเต็นท์ 5555) ทำภารกิจส่วนตัวเรียบร้อย ก็เดินไปยังจุดชมวิวเหมือนเดิม บรรยากาศเช้าที่นี่พิเศษกว่าที่ไหนๆ เพราะอะไรน่ะเหรอค่ะ เพราะสิ่งนี้ไง ...............



ทะเลหมอกแห่งพะเนินทุ่ง สวยงามสมกับที่รอคอย มาแบบท่วมท้น ไม่ทำให้คุณผิดหวัง ซึ่งบางวันถ้าลมแรงหมอกอาจฟุ้งจนไม่เกาะกลุ่ม แต่ถ้าคุณโชคดี คุณจะเจอกับหมอกแน่นๆอ้วนๆแบบนี้ บอกเลยว่าแทบไม่อยากละสายตาเลยทีเดียว ^^

07.30 น. ดูทะเลหมอกสวยๆเสร็จ ก็ถึงเวลาอาหารอีกแล้ว (สายกินก็งี้แหละค่ะ) ที่นี่มีอาหารขายเยอะแยะเลยค่ะ ทั้งข้าวราดแกง มาม่า กาแฟ โอวัลติน เลือกซื้อเอาตามชอบเลยจ้า

08.00 น. นอกจากจุดชมวิว กม.30 แล้ว ถัดจากนี่ไป จะเป็นจุดชมวิวอีกแห่ง เรียกว่า จุดชมวิว กม.36 เราโบกรถไปอีกตามเคย ตรงนี้เป็นจุดชมวิวแบบกว้างๆเลย สวยไม่แพ้ด้านบนทีเดียว

ถัดจากจุดนี้ไปประมาณ 2 กม. ก็จะสุดทางรัก เอ้ย! สุดทางรถแล้วค่ะ เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ น้ำตกทอทิพย์ ซึ่งต้องบอกก่อนนะคะว่าถ้าใครอยากเข้าชมความงามของน้ำตก ต้องฟิตร่างการมาพอสมควร เพราะคุณต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 4 กม. กลับอีก 4 กม. อุปกรณ์กันทาก กันแมลงต้องพร้อม ไม่งั้นคุณอาจกรี๊ดลั่นป่าเพราะทากก็ได้ค่ะ (อันนี้พี่เจ้าหน้าที่บอกมา)


ขาลุยอยู่แล้ว อย่าได้กลัว อิอิ ด้วยความอยากรู้ เราเลยลองเดินเข้าไปเส้นทางนั้นดู แต่ไปได้ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ กลับดีกว่า ก็ทางเล็กนิดเดียว แถมยังชัน ด้วยสภาพของเราเองก็ไม่พร้อม ถ้าขืนดื้อเข้าไป มีหวังลำบากคนไปแบกกลับอีก จะยุ่งไปกันใหญ่ 555

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
09.00 น. หมดเวลาสนุกแล้ว กลับมาเก็บข้าวเก็บของเตรียมบ๊ายบายพะเนินทุ่ง ซึ่งขากลับก็อย่างเลยหละค่ะ โบกรถ!! รอบนี้มีพี่เสก เจ้าหน้าที่สุดเท่ประจำพะเนินทุ่ง คอยดูแลฝากเด็กตาดำๆให้มีรถกลับ (ดูน่าสงสารมาก 555) แล้วเราก็กลับลงมา ผ่านเส้นทางแสนสนุกอีกครั้ง รอบนี้นั่งกระบะ เรียกได้ว่ามันส์สุดๆไปเลยยยยย
ถ้าถามว่าเราได้อะไรจากการไปพะเนินทุ่งรอบที่สอง เราคงตอบว่า “เอาเบอร์ไป” 555555555 โทรคุยไหมเรื่องมันยาว (ล้อเล่นนะค๊า) คือประสบการณ์เวลาเดินทาง มันไม่สามารถถ่ายทอดได้ทั้งหมด ถ้าคุณอยากรู้ ก็ต้องออกไปสัมผัสด้วยตัวเอง เปิดตา เปิดใจ ให้กว้าง ทิ้งทุกอย่าง และเก็บเกี่ยวสิ่งดีดีจากธรรมชาติให้มากที่สุด แค่นี้ความสุขก็อยู่แค่เอื้อมมือนี่เอง ^^




***********************************************************************************
ปล.1 สำหรับคนที่ไปพะเนินทุ่ง ที่นี่มีโครงการ “ขยะคืนถิ่น” คือเมื่อเรานำขยะมา เราก็ต้องนำกลับไปไม่ทิ้งไว้ข้างบนนะคะ ถือว่าเป็นการช่วยกันลดปริมาณขยะบนนี้ ปล.2 ที่นี่เป็นแหล่งธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ เราในฐานะมนุษย์ที่เข้าไปในที่ของสัตว์ป่า เราต้องช่วยกันดูแล และปฏิบัติตามกฎของอุทยานนะคะ ไม่ยากเลย ปล.3 ในวันหยุดนักท่องเที่ยวจะเยอะ ช่วงหลังปิดไฟงดส่งเสียงดัง และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะบางทีเมื่อคุณส่งเสียงดัง ดูตลก ดูน่ารัก แต่เราอยากบอกว่า อาจจะไม่ได้น่ารักกับทุกคน เพราะเมื่อรบกวนคนอื่น เจ้าหน้าที่จะเชิญคุณลงข้างล่างทันทีนะคะ ขอบอก...