
เส้นทางสู่ต้นเดียวดายและสายหมอก...ดอยพุยโค แม่ฮ่องสอน
ดอยพุยโค อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน จ.
Thawatchai Koboonปฐมบทแห่งการเดินทาง

ทริปของผมเริ่มต้นที่สนามบินเชียงใหม่ เมื่อเครื่องบินแตะพื้นรันเวย์ ผมรีบโทรหาทีมงานของ Bikky ร้านรถเช่าชื่อดังของเชียงใหม่ ผมจอง Honda Click i ไว้ 1 คัน สำหรับการเดินทางในทริปนี้
ก่อนหน้านี้ผม Line คุยกับแอดมินของ Bikky ทำการเลือกรุ่นรถ แจ้งวันที่ เวลา สถานที่รับและส่งคืน โดยไม่ต้องมัดจำใด ๆ สำหรับรถที่ผมเช่า คิดค่าเช่าวันละ 300 บาท มีหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบแถมให้ แต่ผมเดินทางไกล ลมหนาวจะตีเข้าหน้าแน่นอน เลยขอเป็นหมวกแบบเต็มใบมีกระจกปิดหน้าด้วย ทางร้านคิดเพิ่มวันละ 50 บาท มีค่าส่งรถที่สนามบิน 50 บาท และค่าที่มารับรถคืนที่สนามบินอีก 50 บาท
จริง ๆ ทริปนี้ตั้งใจเที่ยวเฉพาะในเขตดอยอินทนนท์ แต่วันที่ผมไปถึงสภาพอากาศดูไม่เป็นใจสักเท่าไหร่ หมอกลงหนา ฟ้าปิด มีฝนตกปรอย ๆ เลยต้องวางแผนใหม่ พอดีกับที่น้องที่รู้จักส่งภาพของ "ดอยพุยโค" มาให้ดู มันสวยมาก และช่วงนั้นอากาศที่นั่นกำลังหนาวแต่ไม่มีฝนตกเลย ผมจึงเบนเข็มมุ่งหน้าไปที่ดอยพุยโคทันที จากดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ไปดอยพุยโค อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ก็ประมาณ 200 กม.เท่านั้นเอง
การเดินทาง
จากดอยอินทนนท์ ขับลงมาที่ตัวอำเภอจอมทอง แวะเติมน้ำมันให้เต็มถัง ก่อนมุ่งหน้าตามถนนสาย 108 ผ่านอำเภอฮอด อุทยานแห่งชาติออบหลวง สวนสนบ่อแก้ว (แวะถ่ายรูปที่นี่สักหน่อย)

แล้วเดินทางต่อจนถึงตัวอำเภอแม่สะเรียง จะเจอป้ายบอกทางใหญ่ ๆ ตรงสี่แยกก่อนเข้าสู่ตัวอำเภอแม่สะเรียง ให้เลี้ยวซ้ายตามถนนสาย 105 ไปทางอำเภอสบเมย ระยะทางจากสี่แยกนี้จนถึงทางแยกเข้าไปยังดอยพุยโค 25 กม.

เดินทางมาตามถนนสาย 105 สังเกตซ้ายมือ จะเจอป้ายที่เขียนว่า "บ้านอุมดา" ให้ชะลอเตรียมเลี้ยวซ้าย

จะเจอป้ายทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางไปอีก 14 กม. แม้ระยะทางจะไม่ไกล แต่เป็นทางขึ้นเขา บางช่วงเป็นถนนคอนกรีต บางช่วงเป็นลูกรัง บางช่วงเป็นลาดยาง แต่ค่อนข้างชัน รถที่จะขับขึ้นไปต้องมีกำลังแรงพอสมควร

ทางโค้งและชัน


14 กิโลเมตร ที่น่าจดจำ
เส้นทางจากถนนสาย 105 เลี้ยวเข้าสู่บ้านอุมดา ระยะทาง 14 กม. ยิ่งขับขึ้นสูงเท่าไหร่ ก็จะเจอหมอกหนาขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มใจแป้วเลยว่าข้างบนยอดดอยจะมองเห็นอะไรมั้ยเนี่ย
แต่พอขับมาเรื่อย ๆ หมอกเริ่มจางลง และเผยให้เห็น "ทะเลหมอก" ทั้ง ๆ เพิ่งถึงระหว่างทางเท่านั้น ยังไม่ได้เดินขึ้นยอดดอยเลยด้วยซ้ำ ก็เลยจอดรถถ่ายภาพระหว่างทางเป็นระยะ ๆ
(ช่วงเวลาที่ถ่ายภาพ คือตั้งแต่ 06.45-07.15 น.)











ป้ายบอกทาง
จะมีป้ายบอกทางตลอดเส้นทาง ขับตามป้ายมาเรื่อย ๆ ไม่น่าหลง


ตลอดเส้นทางจะไม่ผ่านหมู่บ้าน จนมาถึงหมู่บ้านสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นดอย ซึ่งที่นี่สามารถติดต่อลูกหาบได้ถ้าต้องการ หรือจะเติมน้ำมันรถก็มีปั๊มแบบหยอดเหรียญเปิดบริการ 24 ชม.

ที่หมู่บ้านนี้เองที่ขับตามเส้นทาง ตามป้ายบอกทางเรื่อย ๆ จะเจอสามแยกที่ไม่มีป้ายบอกว่าขึ้นดอยไปทางไหน ให้สังเกตป้ายบอกทางไปบ้านแม่ออกใต้ (จะมีตัวหนังสือเล็ก ๆ เขียนว่า ดอยปุย คือชื่อดอบพุยโคในภาษาถิ่นนั่นเอง) ให้ไปทางนั้นแหละ ซึ่งต้องขับไปอีกประมาณ 5 กม. จะถึงลานจอดรถและทางเดินเท้า (เป็น 5 กม.สุดท้ายที่ทรหดที่สุด ถนนทั้งชันและเป็นหลุม ขรุขระ รถเก๋งไม่ควรขึ้นมา)

ทางเดินเท้า
ขับตามเส้นทางมุ่งสู่บ้านแม่ออกใต้มาเรื่อย ๆ ประมาณ 5 กม. จะเจอลานจอดรถ (สังเกตป้าย) จะต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดตรงนี้ แล้วเดินไปอีก 100 เมตร จะพบกับบันไดทางขึ้นสู่ยอดดอย และถ้าเกิดปวดหนักปวดเบา ก็มีห้องน้ำที่ลานจอดรถนี้ด้วย จะได้เดินขึ้นแบบสบายใจ






ยิ่งสูง ยิ่งสวย
ด้วยความชันของทางเดิน ทำให้เหนื่อยเอาเรื่อง แต่เมื่อหันกลับไปมองสิ่งที่อย่เบื้องหลังแล้ว สิ่งที่เห็นมันค้าค่าจนลืมเหนื่อยไปเลย



เดินขึ้นมาได้ครึ่งทาง จะมีศาลาให้พักเหนื่อย



เดี๋ยวมาต่อนะครับ
เหลือบรรยากาศบนยอดดอย