
ดอยหลวงเชียงดาว เมื่อถูกเพื่อนเททริป การเดินทางชมยอดภูผาและหมอก ราวสวรรค์ กับเหล่าคนแปลกหน้าก็เริ่มต้น
ยอดดอยหลวงเชียงดาว 2225 m. จ.
Sittipong Waiyakulดอยหลวงเชียงดาว หรือ ดอยเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีจุดชมวิวจากที่กางเต๊นท์หลายจุด อยู่ที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางไปชมวิวที่จุดไหน รีวิวนี้มีมุมจากจุดกิ่วลมใต้ (ชมอาทิตย์ขึ้น) และยอดเชียงดาว ชมอาทิตย์ขึ้นและตก ได้ในยอดเดียวกระทู้นี้เดินทางวันที่ 6-8 มกราคม 2560
เหตุเกิดจากการที่ผมมีวันหยุดยาวเหลือในช่วงปีใหม่ 6-8 มกราคา และกำลังมีแพลนอยากเที่ยว แต่ไม่รู้ที่ไหน เพราะเหล่าสหายต่างพากันยกเลิกทริปกันเป็นว่าเล่น ตั้งแต่เพื่อนมหาลัย ยันเพื่อนในออฟฟิศ เลยไปเซิจ คำว่า "6-8 มกรา" ในช่องค้นหาเฟซบุ๊ค ก็เจอกับทริปในเพจเดินป่าแห่งนึง ค่าใช้จ่าย 3500 บาท 3 วัน 2 คืน เหลือที่ว่างในรถตู้ 1 คนพอดิบพอดี3500 บาท จึงเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปที่นี่ทั้งหมด ไม่รวมค่าวินมอไซค์เพื่อไปขึ้นจุดรวมพล ทั้งไปและกลับอีก 160 บาท ถือว่าราคาถูกประมาณนึงเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ ราคานี้รวม ค่ารถตู้ หมอชิต / 4wd ไปเด่นหญ้าขัด / ค่าอาหารบนดอยทั้งหมด ชากาแฟ ขนม ค่าน้ำดื่ม ค่าเต๊นท์นอน(ไม่รวมแผ่นรองนอน และถุงนอน) โดยไม่มีการเก็บเพิ่มทีหลัง





สิ่งที่ควรเตรียมเมื่อไป ดอยหลวงเชียงดาว - น้ำดื่มสำคัญที่สุดเลย ข้างบนไม่มีแหล่งน้ำใดๆ หากมานอนพักแค่ คืนเดียว น้ำดื่มควรมีต่อคนอย่างน้อยก็ 2-3 ขวดแน่นอน บนดอยน้ำแพงมาก ลูกหาบแบกขึ้นมาขาย ถัง 20 ลิตร 500 บาท - ทิชชู่เปียก ควรนำถุงขยะมาด้วย ใช้แล้วควรนำกลับไปด้วยนะครับ บนดอยทิ้งทิชชู่เปียกกันมักง่ายมาก พบเห็นในหลายจุด - รองเท้าที่มีดอกยางลึกกันลื่น สตั๊ดดอย 60-80 บาท เหมาะสำหรับคนงบน้อย เลือกเบอร์ใหญ่กว่าเดิม+1 ใส่ถุงเท้าหนาๆเพิ่มเข้าไปด้วย ผมใส่เบาจิ แบบดอกยางลึก สำหรับเดินป่า ราคาแถวๆ 790 บาท ขาไปลื่นล้มทีนึงเพราะคิดว่าผ่านจุดลื่นมาแล้วเลยไม่ระวัง ขากลับเดินระวังมากไม่ล้มครับ แต่รองเท้ายังคงลื่นมาก (ประมาณ 10-15%) แต่หนึบกว่ารองเท้าวิ่งหน่อยนึงนะ รวมๆถือว่าเบาจิไม่ผ่านครับ ผมน่าจะเอา พาลาเดียมมาแทน - ลูกหาบ แบกได้ 20 กิโล น้ำดื่มก็แทบเต็มแล้ว ถ้าลูกหาบมีไม่พอต้องแบกเอง ต้องเตรียมตัวดีๆ สัมภาระส่วนตัวของผมไม่ได้จ้างลูกหาบเลย ไม่มีค่าใช้จ่ายตรงนี้ - อากาศหนาว ควรเตรียมถุงนอนให้เหมาะกับสภาพอากาศ ช่วงที่ไปอยู่แถวๆ 9-13 กลางคืนนอนทรมานมาก ถุงนอน(ส่วนตัว)ของผมเขียนว่า 9-20 องศา แต่พอช่วง 9 องศามาจริงๆ ถือว่าหนักหนาเอาการครับ - ขึ้นดอยทางเด่นหญ้าขัด ระยะเดินเท้า 8.5 กิโลเมตร เส้นทางลื่น มีโคลน เพราะมีฝนตกและน้ำค้างแรงมากในตอนเช้า (ระยะเดินจริงใน Garmin คือ8.8 กิโลเมตรโดยประมาณ) เวลาเดินประมาณ 4.50 ชั่วโมง ถือว่ากลางๆ + ผมหยุดพักหลังจากลื่นล้มเช็ดโคลนนิดหน่อย - ลงดอยทางปางวัว เส้นทางชัน และลื่นมาก 6.5 กิโลเมตร (Garmin แจ้งว่า 7.6กิโลเมตร) รอบนี้พักไม่ค่อยบ่อยแต่ก็ยังเป็นเวลากลางๆ ที่ 3 ชม.10นาที - ผมแปรงฟันแบบประหยัดน้ำคือเอาลิสเตอรีนไปแปรงฟัน บ้วนเสร็จก็จบเลย ไม่เปลือง แปรงแทบไม่ล้าง - ไฟฉาย สำหรับเดินทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้น และเดินทางกลับสำหรับพระอาทิตย์ตกสภาพร่างกายที่ต้องเตรียมพร้อม - คนไม่ค่อยออกกำลังเดินไหวครับ อาจจะช้ามาก แต่เดินถึงแน่ๆ ถ้าจะให้ดีฝึกเดินซัก 5 โล มาก่อนจะดีกว่าครับ - คนออกกำลังทั่วไป ก็เดินไหวครับ ไม่ชิล เหนื่อยล้าตามปกติ - ส่วนคนที่ไม่เคยคิดจะออกกำลังกายเลย ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุก่อน ผมว่าเดินถึงเหมือนกันครับ แต่อาจจะขาลากเมื่อไปถึง แต่เชื่อผมเถอะ ยังไงก็ถึงทุกคนครับ

อุปกรณ์ถ่ายภาพ : Fuji X-T10 , 12 Samyang , 50-230 mm ถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วรู้สึกดอยเชียงดาวยังไม่ใช่ โหดเกินไป ลองไปดอยพี่น้องคนรอง แต่เดินน้อยกว่าแบบชิลๆดูไหมครับ >>>> ดอยผ้าห่มปก <<<<
ทริปนี้เป็นทริปที่โชคดีอีก1ที่ ถึงพยากาศอากาศบอกว่า วันเดินทางฝนจะตกพรำๆ ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

แต่พอเดินทางมันก็หยุดพอดีครับ ผมไม่ต้องใส่เสื้อกันฝนเดินทางเลย แถมระหว่างทางก็จะเจอทั้งนก ทั้งภูเขาเรียงรายเต็มไปหมด



หมอกที่คืบคลานกินภูเขานี่มันงดงามมากจริงๆ

เจอดอกพญาเสือโคร่งกลางป่าด้วยครับ มันไกลมากจนผมต้องหยิบเลนส์เทเลมายิงภาพเข้าไป


เดินมาได้ 5-7โล ฟ้าเริ่มเปิด ท้องฟ้าไม่ได้มีแค่หมอกขาวแล้ว เริ่มมีสีฟ้ามาปนแล้วครับ พอถึงจุดกางเต๊นท์ (8.5 - 8.8 กม.) ก็พบว่าลูกหาบของกลุ่มเอาเต๊นท์มากางไว้ให้แล้ว เราก็เลือกจับจองเต๊นท์กันได้ทันที แล้วฟ้าก็เปิดเต็มที่เลย จากตอนเช้าที่หมอกลงหนามาก สุดยอดดดดดดดดดด


ภาพนี้คือยอดเชียงดาว ที่เราดูได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกในยอดเดียว ต้องเดินทางขึ้นยอดนี้อีกราวๆ 30-40 นาทีครับ สรุปเดินทางขามา ผมกินน้ำไปขวดเล็ก 1 ขวด ยังหิวน้ำอยู่ คิดว่าอีกซักครึ่งขวดน่าจะพอดีสำหรับความเหนื่อยประมาณนี้
วันแรกฟ้าเปิดเป็นใจในการขึ้นไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกมาก แต่มีเหตุให้ล่าช้านิดหน่อย วันนั้นผมก็เลยได้แค่ขึ้นไปตีนดอย เก็บภาพจากที่ไม่สูงมาก แต่ก็ประทับใจมากๆเช่นกัน




พอเดินกลับก็มืดแล้วครับ ที่นี่ไม่มีสปอตไลท์ให้ ก็ต้องเตรียมไฟฉายตอนเดินขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกกันด้วย ดาวสว่างตั้งแต่หัวค่ำเลย ถ่ายจากหน้าเต๊นท์ผมเอง

จากนั้นหลังทำข้าวเย็นกินกันเสร็จ (พี่สต๊าฟ ทำอร่อยมาก) ก็มานั่งดูดาว ถ่ายดาวให้เพื่อนสมาชิก เป็นการทำความรู้จักกันได้อย่างดี
(นายแบบถ่ายดาว ชื่อพี่เปี๊ยกอายุ 54 ยังเดินมาถึงนี่ชิลๆเลยครับ)



นอนเต๊นท์คืนนั้นหนาวทรมานมากๆ ผมเตรียมตัวมาไม่ดีพอ ถึงจะนอนหลับๆตื่นๆ แต่อยากให้เวลานั้นมันผ่านพ้นไปเร็วๆ ตื่นมาตี 4 แปรงฟันล้างหน้า เหลือผู้ท้าท้ายความง่วงและความอ่อนล้าประมาณแค่ครึ่งเดียวของทริปเอง
จากนั้นเราก็จะเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดดอยกิ่วลมใต้กันครับ เส้นทางลื่น มืด ชัน เดินทางราว 50 นาที พอมาถึงก็เป็นอย่างแอพพลิเคชั่นพยากรอากาศบอกไว้ คือฟ้าเปิด ที่สำคัญคือเราได้เห็นทะเลหมอกอัดแน่นกันเต็ม ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ



อาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้ว ฮึบๆ

งามมากกกกกกกกก


ผมโชคดีจริงๆที่ได้มายืนดูทะเลหมอกแน่นๆแบบนี้


พอสว่างหน่อย เราก็เดินกันต่อไปอีกซัก500ม. กิ่วลมใต้ ยังมีจุดให้ถ่ายรูปสวยๆอยู่ด้วย


บนยอดหินนี้เราถ่ายรูปกันพักนึงเลยครับ วิวสวยมากๆ


มันมีจุดกิ่วลมใต้อีกยอดนึง เดินไปอีกไม่ไกล แต่ผมไม่ได้เดินไป ซูมเข้าไปให้ดูแทนละกันครับ

จากนั้นก็เดินทางกลับมาที่เต๊นท์และหาอะไรทำเรื่อยเปื่อย เพราะเรามากันสองคืน วันนี้จึงรีแลกซ์มากๆ พอตกเย็นก็ขึ้นยอดเชียงดาว ที่อยู่ด้านหลังเต๊นท์ ไปถ่ายภาพมุมมหาชนที่พระอาทิตย์ตกผ่านยอดเขาสามพี่น้องกันครับ

ช่วงเวลาหาอะไรทำ ก็เจอเมฆรูปทรงคล้ายโปเกมอนซักตัวนึง





ระหว่างรอพระอาทิตย์ตก ก็เรียกเพื่อนร่วมทริปมายืน ขอท่าเท่ๆ






บ๊ายบาย พระอาทิตย์ตกครั้งสุดท้ายของทริปนี้
เช้ามืดอีกวัน เราเดินทางมายอดเชียงดาว เดินทางง่ายๆ ทั้งยอดมีกันแค่ 10 เพราะคนอื่นไปกิ่วลมกันหมด
ทะเลหมอกวันนี้ยังคงมีอยู่แต่น้อยกว่าเมื่อวาน ตอนแรกคิดว่าไม่มี ถ้าดูจากภาพด้านล่างนี้

พอไม่นานหมอกมันก็มาครับ


วันสุดท้ายนี้ เป็นวันที่ผมไม่ได้เก็บภาพวิวซะเท่าไหร่ แต่มันกลายเป็นวันที่ผมเก็บแต่ภาพคนแปลกหน้า ที่กลายเป็นเพื่อนอยู่ในกล้องเต็มไปหมด เป็นความประทับใจไม่รู้ลืมในการเที่ยวคนเดียว แต่ได้เพื่อนกลับมาเพียบจริงๆครับ

การเดินป่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกของผมที่ต้องเดินทางเข้าไปตั้งแคมป์ ไม่ใช่การนั่งรถไปตั้งแคมป์แล้วเดินป่าทีหลัง ความลำบากมันจึงผิดกันอยู่พอสมควร แต่ก็มีเพื่อนร่วมทางที่ดีคอยให้ความช่วยเหลือ แบ่งปันข้อมูลความรู้กันอย่างดีทีเดียว
ครั้งหน้าต่อให้เพื่อนกลุ่มไหนทริปล่ม ผมก็มั่นใจแล้วว่ายังมีเพื่อนกลุ่มใหม่รออยู่ และที่พร้อมจะเดินทางไปด้วยกันในโอกาสหน้าอีกแน่นอน
การเดินทางไปหาเพื่อนร่วมทางข้างหน้า มันไม่เลวเลยครับ -------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีทุกท่านในกระทู้ ลาก่อนดอยหลวงเชียงดาว ผมตกหลุมรักเขาจริงๆ

