
ออกตามหา "หัวใจ" แห่งขุนเขาที่ปิตุ๊โกร
น้ำตกปิตุโกร อุ้มผาง จ.ตาก
Sittichoke Patwichaiวันที่ใจและกายเหนื่อยล้า....คือวันที่เราต้องเติมพลัง
วันหนึ่งที่ใจและกายเราเหนื่อยล้า เหนื่อยจากเรื่องงาน สังคม และความรัก
ภาระต่างๆที่ต้องแบกรับมันไว้ มันคือวันที่ใจและกายของเราต้องเติมพลัง

จุดเริ่มต้นของทริปนี้เกิดจากรอบก่อนที่ไปบุกเดี่ยว เที่ยวคนเดียวมาร่วมๆสัปดาห์
รอบนี้เลยอยากจะลองเปลี่ยนบรรยากาศจากทะเลมาเป็นป่าเขาบ้าง
และเหมือนเดิมรอบนี้เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบและมือลั่นไปด้วย
โดยไปตามคำชวนของเพื่อนแบบไม่ได้คิดอะไรเลย
จากที่ผ่านมาไม่เคยเดินป่ามาก่อนเลยในชีวิต
และที่สำคัญคือตอบตกลงโดยที่ไม่รู้เลยว่าจุดหมายปลายทางมันอยู่ส่วนไหนของโลก?
ตอบแบบงงๆ โอนเงินค่าทริปแบบงงๆ ลางานไปแบบงงๆ

เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
จุดหมายปลายทางรอบนี้คือ"น้ำตกปิตุ๊โกร"
จากข้อมูลที่หาใน Google ได้เรื่องมานิดหน่อยคือ ตัวน้ำตกอยู่ที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
เดินอีกนิดเดียวก็ออกพม่าแล้ว เอาแค่นี้ละกัน
เดือนทางเหอะ
ทริปนี้จัดโดยเพจ "กูเที่ยวไปเรื่อย"
ยังไงก็ลองไปติดตามเพจในเฟสบุ๊คละกันครับ มีอีกหลายทริปที่เตรียมจะออกไปลุยกัน

เราเริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพน่าจะประมาณช่วง 4 ทุ่มของคืนวันศุกร์
โดยการเดินทางครั้งนี้มีผู้ร่วมชะตากรรมด้วยรวมๆแล้วก็น่าจะ 30 คน
และการเดินทางไปผมหลับแทบจะตลอดทางมาตื่นอีกทีก็น่าจะเป็นช่วงระหว่างจาก ตาก ไปอุ้มผาง
ความรู้สึกแรกที่ตื่นมาคือแบบเ-ี้ยมันจะโค้งอะไรนักหนา โค้งแบบต้องร้องขอชีวิต
เจอแบบนี้ไม่เมารถให้มันรู้ไปดิ

หลังจากเจอโค้งมหาโหดมาแล้วก็ถึงจุดพักแรกของเช้าวันใหม่
จุดนี้จอดให้เราทำธุระส่วนตัว ใครจะล้างหน้าล้างตา เข้าห้องน้ำ หรืออ้วกก็แล้วแต่สะดวกกันไปเลย
และยังพอมีเวลานิดหน่อยให้เดินสูดอากาสยามเช้าแล้วก็ถ่ายรูปนิดๆหน่อย


วิวที่ได้ตอนนี้ก็มีแต่ภูเขา....ก็ใช่ดิแกมาเที่ยวเขานี่หว่า จะได้เห็นวิวทะเลได้ไงล่ะ

เจอผีเสื้อตัวน้อยๆ หมุนถ่ายกันตาแทบเหล่
ไปต่อเหอะยังอีกไกลเลย
อุ้มผาง จังหวัดตาก
ในที่สุดก็มาถึงหลังจากเมาโค้งกันเป็นแถบๆ
แวะกินข้าวอาบน้ำแต่งตัวกันก่อน
โดยเราแวะกันที่"คำสิงห์ โฮมสเตย์"

มันยังไม่จบ!!!!
หลังจากแวะกินข้างเติมพลัง อาบน้ำทำธุรส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เรายังต้องเดินทางต่อไปอีก
โดยรอบนี้ต้องเปลี่ยนมาขึ้นรถ 4wd ไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมง

เส้นทาก็.....โค้งๆ มันโค้งอีกแล้วและก็เมารถอีกแล้ว 55555
ที่กินๆมาแทบจะออกไปคืน

ตัดบทมาตรงนี้เลยดีกว่า
ในที่สุดก็มาถึง.....ยังๆ มันยังไม่ถึง นี่มันเป็นแค่จุดที่ต้องลงจากรถมาเดินต่อเฉยๆ
เส้นทางยังอีกไกล.....ลุย
เดินป่าก้าวแรก....ครั้งแรก
จากตอนที่แล้ว
หลังจากลงรถมาก็เดินตามทางมาต่ออีกหน่อย

ใครมีอะไรก็แบกขึ้นบ่ากัน มีกล้องก็ควักออกมา น้ำพร้อม ของกินพร้อม "นั่งรถกลับบ้านได้"
เห้ย...."ไม่ใช่" เดินเข้าป่าไปดิ

จากถนนเรียบๆ(รึเปล่า) เดินมาอีกหน่อยก็ได้เวลาเข้าป่ากันแล้ว

และรอบนี้เราไม่ต้องลุ้นกันนานว่าจะเปียกจะเละกันตอนไหน
เอาเป็นว่าแค่ทางเข้าป่าก็โดนเข้าให้แล้ว 5555
ต้องเดินลุยลำธารเข้าไปก่อนเลย เหนื่อยใช้ได้

หลังจากลุยน้ำมาแปปๆ ก็มาเจอกับทางเรียบๆบ้าง
โด่ว ไอ้เราก็นึกว่าจะโหดกว่านี้ซะอีก

จากทางเรียบๆ มาเจอเนิน เหอะ แค่นี้สบ๊าย

นั่นไงจุดหมายที่เราจะไป....ไม่ต้องห่วงแรงยังเหลือเพียบ

ไปต่อดีกว่าโม้มาเยอะแล้ว

เดินมาอีกหน่อย ถ่ายอีกรูป
มุมนี้เริ่มจะเห้นน้ำตกอยู่ไกลๆแล้ว

มาอีกหน่อยมันเริ่มจะไม่ชิลแล้วดิ
ทั้งเนินทั้งโคลน สงสัยจะต้องถอนคำพูดซะแล้ว

พ้นจากโคลนจากเนินมาได้แบบเหงื่อท่วม
มาเดินข้ามเขากันต่อ




ชักจะร้อนแล้วรีบเดินเข้าไปกันเหอะ...แดดเมืองไทยนี่ทำยังไงก็ไม่ชินซักที
และแล้วก็ถึงเวลาที่เรารอคอย
อ้าวเห้ย ถึงแล้วเหรอ....ไม่ใช่อ่ะ กูหิว
กินข้าวกันดิรอไรกันล่ะ

เข้าป่ามาทั้งที จะกินอะไรที่มันธรรมดาได้ไง
มันต้อง....กะเพราหมู"พิเศษมีไข่ดาวด้วย"
ก็บอกแล้วว่ามันไม่ธรรมดา....ถุย!!!!


เมนูมันอาจจะธรรมดา แต่สถานทีดิที่มันไม่ธรรมดา
นั่งกินกันบนลำธารกันเลย ใครอยากนั่งตรงไหนก็จับจองกันเองเลย
เย็นสดชื่นพร้อมไปต่อ
แคมป์ น้ำตก สดชื่น
หลังจากแวะกินข้าว ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วเรามาลุยกันต่อ
เส้นทางสุดท้ายก่อนถึงจุดตั้งแคมป์ของเราคืนนี้

พาร์ทสุดท้ายจุดนี้น่าจะเหนื่อยสุดในช่วงขามาแล้ว
ต้องเดินเข้าป่าที่ค่อนข้างทึบเลาะตามสันเขา บางช่วงมีขึ้นเขา ลงเขาด้วย
หอบแดกกันพักใหญ่ๆในที่สุดก้มาถึงจนได้

แคมป์อยู่ติดน้ำตก แล้วแต่ใครต้องการได้วิวตรงไหนก็ไปกางเต็นท์กันเอาเอง
ที่สำคัญมีห้องน้ำไว้ให้ทำธุระส่วนตัวกันด้วย

น้ำตกชั้นไหนไม่รู้ แต่ที่รู้ๆกันคือเปิดเต็นท์ออกมาก็เจอกันเลย

มากันอีกชั้นจุดนี้น้ำไม่แรงมาก และก็เป็นที่อาบน้ำด้วย


ลำธารที่ไหลผ่านแคมป์ น้ำนี่เย็นเจี๊ยบ
รู้งี้น่าพกน้ำสีเหลืองๆมาซักป๋องสองป๋องเอามาแช่กินน่าจะช่วยให้ผ่อนคลายได้เยอะเลย

น้ำตกอีกชั้น จุดนี้น่าจะเป็นจุดที่สวยที่สุดแล้วสำหรับที่พักของเรา
ตามหาหัวใจ
พักร่างได้ซักแปปก็ได้เวลาลุยกันต่อ
นี่เป็นช่วงสุดท้ายและเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ด้วย
เรามาตามหาหัวใจกัน

จากคำบอกเล่าของพี่ๆที่เคยไปมาแล้วรู้แค่ว่าเดินข้ามสะพานนี้ไปใกล้ๆ
สบ๊าย....เห็นเค้าบอกว่าไกลๆเราก็ไปแบบชิลๆกล้องอย่างเดียว "น้ำไม่ต้อง"

หลังจากเชื่อตามที่เค้าเล่ามา "ใกล้ๆ"
โถ่ว มันไกลซะที่ไหนเล่า เดินขึ้นเขา ลงเขา ลูกแล้วลูกเล่า น่าจะประมาณชั่วโมงกว่าๆ
ซึ่งแน่นอนมันไม่ใกล้ยังไงรอบหน้าพกน้ำมาด้วย
กว่าจะมาถึงจุดนี้ที่เป็นลูกสุดท้ายที่จะขึ้นมาเจอหัวใจ ก็ซดน้ำจากลำธารไปหลายหยดเหมือนกัน
จังหวะนี้ไม่สนแล้วครับว่าจะมีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง แต่ขอบอกว่าดื่มแล้วสดชื่นมาก
น้ำนี่เย็นมากๆ ยังกับเอาออกมาจากตู้เย็นกันเลย
และแล้วเราก็มาถึงจุดนี้แล้ว

นี่ไงน้ำตกปิตุ๊โกร หัวใจแห่งขุนเขาของอุ้มผาง

อีกซักช็อตมือก็จะสั่นหน่อยๆ และคนก็จะเยอะหน่อยๆ

อีกซักรูปเดี๋ยวเค้าจะหาว่าเรามาไม่ถึง
ทุกการเดินทางต้องมีสิ้นสุด
ทุกๆการเดินทางต้องมีจุดสิ้นสุด
ต้องขอบคุณธรรมชาติ ที่สร้างสถานที่นี้ได้อย่างสวยงาม
ขอบคุณป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่แบบนี้
ขอบคุณเจ้าหน้าที่และในพื่นที่ ที่ยังช่วยกันรักษาและไม่ปล่อยให้ที่แห่งนี้เป็นของนายทุนมาตักตวงผลประโยชน์จากธรรมชาติของเรา
ขอบคุณทุกๆคนที่พาเรามาเจอกับมิตรภาพที่ดีจากการเดินทาง

ขอลากันไปก่อนครับ ทริปหน้าเจอกันใหม่