
"เขาช้างเผือก" ครั้งเดียวไม่พอ
เขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ (Khao Chang Puak-Thongphaphum Nation Park) จ.กาญจนบุรี
ธนัท ธนการณ์โชติครั้งที่ 2 ของการเดินขึ้น "เขาข้างเผือก"
สืบเนื่องมาจากทริป กาลครั้งหนึ่งที่ "เขาช้างเผือก"ที่ผมไปเมื่อวันที่ 16-17 ธันวาคม 2559 นั้นหมอกลงจัดทำให้ไม่สามารถมองเห็นบรรยากาศบนยอดเขาได้

เขาสูงอันดับ 12 ของประเทศไทย แต่จองยากอันดับต้นๆของประเทศไทย
บรรยากาศบนยอดเขาช้างเผือกครั้งก่อน (16 ธันวาคม 2559)





หมอกลงจัด รู้สึกเซ็งมากๆ
การเตรียมตัว และ ค่าใช้จ่าย ของการเดินทางขึ้นเขาช้างเผือก
การจอง
การจองนั้นต้องโทรติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิล่วงหน้า 7 วันก่อนขึ้นเขา 034-510-979 และ 098-252-0359 (เวลาราชการ) เรียนเจ้าหน้าที่ว่ามีความประสงค์จะเดินทางเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะไกลเขาช้างเผือก ระบุวันที่ที่จะเดินทาง จำนวนสมาชิกในทีม พร้อมระบุชื่อนามสกุล เลขบัตรประชาชน รวมถึงจำนวนลูกหาบ ณ ตอนที่คุยกับเจ้าหน้าที่เลย
ค่าใช้จ่ายในการเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติเขาช้างเผือก ดังนี้
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติฯ คนละ 40 บาท ค่าใช้สถานที่ คนละ 30 บาท ค่าเบี้ยเลี้ยงคนนำทางคนละ 200 บาท/กลุ่ม กลุ่มนึงมี 10 คน ค่าลูกหาบ 1300 บาท/คน หาบได้ไม่เกิน 30 กก.การเดินทาง
การเดินทางมาอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิสามารถมาได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัว หรือ รถตู้ บขส.
แต่ครั้งนี้ผมจะมาพูดถึงการเดินทางโดยนั่งรถตู้ บขส. จาก กรุงเทพ นะครับ
ขึ้นรถตู้ที่ ขนส่งหมอชิต 2 กรุงเทพ - บขส.กาญจนบุรี ค่าโดยสาร120 บาท (ใช้เวลา 2 ชั่วโมง) ต่อรถตู้จาก บขส.กาญจนบุรี - ด่านเจดีย์สามองค์ (ตอนซื้อตั๋วบอกเจ้าหน้าที่ว่าลง ตลาดสดทองผาภูมิ) ค่าโดยสาร 115 บาท (ใช้เวลา 3 ชั่วโมง) เมื่อถึงตลาดสดทองผาภูมิ ให้ต่อรถถ 2 แถวเหลือง ที่ปลายทางเป็น อีต่อง รถ2แถว นี้ผ่านอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ค่าโดยสาร 70 บาทการเตรียมตัว
ต้องฟิตร่างการให้พร้อมก่อนขึ้นเขา เดิน 8 กิโล เตรียมยาสามัญติดตัวไว้ เผื่อใช้ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ และทิชชู่เปียก ซื้อปอกแขนไว้กันแดดและป้องกันกิ่งไม้ในระหว่างเดิน น้ำดื่มอย่างน้อย 3 ลิตร เสบียงอาหารแล้วแต่คนครับ แต่แนะนำเป็นพวกอาหารกึ่งสำเร็จรูป(ถ้วย)ครั้งที่ 2 ของการเดินขึ้น

ครั้งนี้พวกเเราตั้งใจจะไปในวันที่ 21-23 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยขึ้นเขาช้างเผือกในวันที่ 22 ธันวาคม 2559 โดยมีสมาชิกทั้งหมด 6 คน ดังนี้ เบ้น นัตตี้ ณช ตะวัน โยเกิร์ต และ ดาด้า
การจองของพวกเรา
ก่อนหน้านี้พวกเราได้วางแผนจะจองขึ้นเขาช้างเผือกในวันที่ 22 ธันวาคม 2559 ซึ่งจะต้องโทรไปจองก่อน 7 วันนั้นก็คือวันที่ 15 ธันวาคม 59 แต่เผอิญว่าสมาชิกในกลุ่มคนนึงโทรจองได้ก็เลยไป จึงทำให้ทริปนีเกิดขึ้น ^^
การเดินทางของพวกเรา
21 ธันวาคม 2559
พวกเรานัดเจอกันที่ขนส่งกรุงเทพฯ ที่หมอชิต2 เวลา 10โมง แต่เพื่อนมากัน 11 โมง ก็คอยต่อไป เมื่อครบแล้ว

รวมตัวกันครบแล้วก็ขึ้นรถได้ Let's go
ก็ขึ้นรถตู้ บขส.เดินทางไป บขส.กาญจนบุรี (นั่งรถ3ชั่วโมง) แล้วต่อรถจาก บขส.กาญจนบุรีไปตลาดสดทองผาภูมิ (นั่งรถ2ชั่วโมง) เมื่อถึงที่ตลาดสดทองผาภุมิก็พบว่าไม่มีรถ2แถวที่ขึ้นไปอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิแล้วเพราะตอนนั้นมัน 5โมงเย็นแล้ว พวกเราเลยต้องขอความช่วยเหลือคนแถวนั้น จนมาพบรถกระบะที่มีตราสัญลักษณ์ของอุทยานอะไรสักอย่าง ก็เลยเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือ ซึ่งคนที่พวกเราไปขอความช่วยเหลือนั้นเป็นถึงรองหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม น้าคนนั้นชื่อว่า "สุภาพ" น้าสุภาพได้ติดต่อประสานงานให้คนมารับ


ตลาดสดทองผาภูมิ


ท่านสุภาพ กำลังประสานงานติดต่อช่วยเหลือพวกผม

สุนัขที่นี้ขนฟูมาก น่ารักมาก เชื่องอีกต่างหาก

เมื่อรถที่จะมารับพวกเรามาถึง พวกเราก็ขึ้นรถกันไปอย่างรวดเร็ว รถพี่แกขับได้ซิ่งมาก5555 แวะร้านโน้นร้านนี้ เพื่อให้เราซื้อของขึ้นไปใช้กินบนเขาช้างเผือก ระหว่างที่นั่งรถไป พวกเราได้เห็นดาวมากมายบนท้องฟ้า สวยมากๆ

ถึงอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิตอนประมาณ 3 ทุ่ม มืดมากๆ ในตอนนั้นเองพวกเราก็ได้ไปชำระเงินค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานและทำการฝากชาร์จ Power Bank
พวกเราเข้าไปที่พัก "บ้านชมดาว1" ระหว่างทางต้องใช้ไฟฉายช่วยเพราะมืดมาก (ทางอุทยานดับไฟตอน3ทุ่ม) เมื่อถึงที่พักก็อาบน้ำพักผ่อน (น้ำโคตรเย็น) และก็นอนเอาแรงไว้ขึ้นเขาช้างเผือกในวันรุ่งขึ้น
ออกเดินทางขึ้นเขาช้างเผือก
วันที่ 22 ธันวาคม 2559
ผมตื่นขึ้นมาตอนตี4 และสักพักเพื่อนอีกคนก็ตื่นตามมาส่วนเพื่อนที่เหลือๆตื่นกันตอนตี5 บางคน 6โมงเช้า ก็ตื่นขึ้นมาอาบน้ำ และก็ออกไปชมทะเลหมอกในอุทยานฯ บริเวณ "กูดดอย"





ทะเลหมอกยามเช้า ณ กูดดอย@อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

ในอุทยานฯจะไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์แต่จะมีบริเวณที่มีสัญญาณโทรศัพท์
มาถ่ายรูปชมทะเลหมอกเสร็จแล้วก็กลับไปที่บ้านพักเก็บกระเป๋าปรากฏว่าเพื่อนๆตื่นนอนอาบน้ำกันหมดแล้ว ก็เก็บกระเป๋าพร้อมม่งหน้าไปที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อทำเรื่องขออนุญาติขึ้นเขาช้างเผือก ในเวลา 8 โมงเช้า



เมื่อถึงที่หมายแล้วก็มีนกเงือกมาต้อนรับ
ก็เข้าไปทำเรื่องขออนุญาติขึ้น ปรากฏเจ้าหน้าที่จำชื่อเรา ได้ เราตกใจมาก 5555 เพราะครั้งก่อนเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง
เจ้าหน้าที่ที่นี้น่ารักมาก เป็นกันเองมาก ต่อมาก็วางเงิน 200 บาท/คน เป็นค่าเจ้าหน้าที่นำทาง ต่อมาพวกเราก็ต้องหาทางจึ้นไปปิล็อกให้ได้ พวกเีราเลยโบกรถที่สัญจรบริเวณหน้าอุทยานฯ ขอติดรถไปด้วย สุดท้ายก็ได้รถนั่งท้ายกระบะของนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปหาข้าวกินบนปิล็อก ระหว่างที่เดินทาง ลมก็ตีหน้าจนหน้าชากันเลยทีเดียว และสุดท้ายพวกเราก็ถึงปิล็อกจนได้
*** ในอุทยานไม่ค่อยมีของกิน หากจะไปกินข้าวก็ต้องขับรถไปกินยนหมู่บ้านปิล็อก****

นี้คือนักท่องเที่ยวทีพวกเราติดรถมาขึ้นมาด้วย ขอบคุณมากๆครับ
จากนั้นพวกเราก็ไปกินข้าว ซื้อเสบียงเป็นข้าวเหนียวไก่ทอดขึ้นไปกินบนเขาและขนมโตเกียว

เมื่อกินเสร็จก็ไปยืนยันตัวกับเจ้าหน้าที่นำทาง และรวมกับสมาชิกอีก 4 คนที่จะเข้ามาในกลุ่ม

นี้คือสมาชิกในกลุ่มของพวกเรา

เริ่มออกเดินทาง

เดินไปเรือยๆก็จะเจอจุด start ก่อนอื่นก็ต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

วันนี้เป็นวันที่ฟ้าเปิด (เราดีใจมาก เพาะจะได้เห็นวิวจริงสักที)

สาวๆกำลังใจดีอยู่

เดินไปสักพักเริ่มเหนื่อย 5555


เดินมาเรื่อยๆก็ถึงจุดพักได้พบกับเพื่อนๆร่วมทาง พวกเราก็พักเอาแรง กินน้ำให้ชื่นใจ



แชะ!!

ลูกหาบของกลุ่มพวกเรา

เจ้าหน้าที่นำทางของกลุ่มผม "พี่โยง"
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินต่อไปเรื่อยก็เริ่มมีวิวสวยๆให้เก็บรูปจนมาถึงจุดพักที่ 2 แต่เราเลือกที่จะเดินต่อ

จนถึงจุดที่ต้องสาวเชือก



พวกเราก็สาวเชือกขึ้นไป ทางเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนเริ่มเหนื่อยกัน แต่ก็ยังฝืนเดินมาถึงจุดพักจุดที่ 3

ขอลองเป็นลูกหาบหน่อย

ชมวิวสักหน่อย

อ้าวเห้ย! ข้างล่างว่าไง
พอเริ่มมีแรงก็เดินต่อ





จนถึงจุดที่มีทุ่งดอกหญ้าพวกเราก็ถ่ายรูปอย่างกับในหนัง

นั่งรอเพื่อนๆแปป

และแล้วข้างหน้าเราก็เป็นเขาช้างเผือกแต่พวกเราต้องลงไปข้างล่างเพื่อไปจุดกางเต้นท์โดยทางลงค่อนข้างยากต้องสาวเชือกลง

ขึ้นวัดใจสันคมมีด
จากนั้นพวกเราก็ถึงจุดกางเต้นท์ (ถึงสักที) ประมาณ บ่าย 2 โมง จากนั้นผมก็กางเต้นท์ที่ตัวเองถือขึ้นมา เพื่อนๆที่เหลือยังต้องรอลูกหาบ เพราะให้ลูกหาบแบก (รอต่อไป5555) เมื่อลูกหาบมาถึงก็หยิบสัมภาระต่างๆมาไว้ในเต้นท์ และก็กางเต้นท์ที่เหลือจากนั้นก็เพื่อนๆก็กินข้าว ส่วนตัวผมไม่กินเพราะอยากนอนมากกว่า



หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ประกาศว่า ตอน บ่าย 3 โมงครึ่งขึ้นสันคมมีด
ระหว่างนั้นก็นอนพักเอาแรง

เมื่อถึงเวลาก็บ่าย 3โมงครึ่ง ก็เริ่มเดินขึ้นสันคมมีด



ระหว่างทางเริ่มแคบเรื่อยๆต้องปีนก้อนหินขึ้น

ทางเริ่มชันมากขึ้น



เดินไปเรื่อยๆ จนถึง สันคมมีดที่ต้องไต่เชือกและก็เหยียบก้อนหินขึ้นไป



เดินไปตามทางเรื่อยๆ ทางก็เริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ

ชันแบบในรูปเลย ข้างบนเป็นยอดเขาช้างเผือก

บรรยากาศยอดเขาช้างเผือก

เห็นเขาช้างน้อยที่เราลงมา

เห็นเขื่อนเขาแหลมแต่ไกลๆ


ถึงแล้วโว้ยยยยยยย

มาถึงยอดทั้งทีต้องถ่ายรูปคู่กับป้ายหน่อย

ในระหว่างที่เดินขึ้นสันคมมีดก็ได้เพื่อนใหม่เป็นนิสิตจุฬา น้องแจน cutex2

และก็ไปถ่ายรูปให้กลุ่มน้องเปิ้ล อัง มุข กี้ แคท ไปๆมาๆ ถ่ายรูปด้วยกันเฉย 555 +

ถ่ายรวมหมู่กับเจ้าหน้าที่นำทางทั้ง 4 ท่าน สักหน่อย
หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ลงจากยอดเขาช้างเผือก เพราะเดี๋ยวจะมืดแล้วจะอันตราย









หลังจากนั้นก็เริ่มเดินลง และชมพระอาทิตย์ตกดินเป็นวิวที่สวยงามจริงๆครับ
ตอนที่พวกเราเดินลงมาท้องฟ้าก็เริ่มมืดเรื่อยๆ บวกกับอากาศเริ่มหนาว และก็บอกกับเพื่อนๆว่า พรุ่งนี้ตอนเช้าออกมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันและก็เลยชวนกลุ่มพวกน้องจุฬาไปด้วย ทันทีที่พวกเราถึงจุดกางเต้นท์ก็ไปหยิบเสบียงอาหารเย็นออกมากิน พอกินเสร็จก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อมนเต้นท์และก็นอนพักผ่อนแปปนึง
และตอนช่วงกลางคืนก็ออกมาดูดาวถ่ายดาว

พอถ่ายดาวเสร็จก็กลับเต้นท์และมีเรื่องที่พีคมากตรงที่เพื่อนเอาเต้นท์มาแล้วป้ายระบุว่านอนได้ 3-4 คนเอาเข้าจริงนอกันได้ 2 คนแบบเบียดๆ อบอุ่นไปอีก ในขณะที่เพื่อนหลับไปแล้วเรานี้นอนไม่หลับเพราะนอนบ่ได้ อีกทั้ง ลมข้างนอกนี้อย่างแรงเลย หนาวอีกต่างหาก ก็เลยตาค้างจนถึงตี5
ชมพระอาทิตย์ขึ้น
23 ธันวาคม 2559
เนื่องจากตาค้างตั้งแต่ตอนเทียงคืน-ตี5 ผมก็เลยปลุกเพื่อนๆไปดูพระอาทิตย์ขึ้น และไปปลุกน้องแจนตามที่คุยกันไว้
โดยพวกเราจะไปชมบนฝั่งที่เราลงมาซึ่งทางมืดมากและอากาศหนาวมาก ระหว่างทางที่เดินก็ได้เจอกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาวันเดียวกับเราเดินลงจากเขา ตอนนั้นรู้สึก 6 โมงเช้า ฟ้านี้ยังมืดอยู่เลย ส่วนพวกผมก็ไปจับจองที่นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น

พระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว

จัดไปอย่าให้เสีย แสง Twilight



บรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้น
พอถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จพวกเราก็รีบลงมาที่เต้นท์เพื่อเก็บสัมภาระและเก็บเต้นท์ เตรียมตัวเดินลงเขา พวกเราลงจากเขาตอน 8 โมงเช้า ส่วนผมรีบเดินเพราะปวดท้อง เลยเดินแบบไม่พัก ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ถึงตีนเขา 10 โมงเช้า เมื่อถึงตีนเขาแล้วก็เข้าไปขอใช้ห้องน้ำร้านอาหารที่อยู่ใกล้ทางลงเส้นทางเขาช้างเผือก มีให้บริการอาบน้ำด้วย หลังจากนั้นก็ไปสั่งข้าวเช้ามากินและน้ำดื่มๆ (หิวน้ำแบบบ้าคลั่ง) และก็ชาร์ขแบดโทรศัพท์&แบดกล้อง ระหว่างนั้นก็รอเพื่อนๆลงมา ซึ่งเพื่อนๆ ลงตอน 11 โมง เมื่อเพื่อนๆมาครบแล้วก็จ่ายเงินค่าลูกหาบ 1300 บาท จากนั้นก็เพื่อนๆก็ไปกินข้าว บางส่วนก็ไปอาบน้ำ พอกินข้าวเสร็จก็เริ่มหารถ 2 แถวเหลืองแบบเหมา เพื่อให้คนขับรถส่งพวกเราที่ตลาดสดทองผาภูมิ เหมา 900 บาท ตอนนั้นบังเอิญเจอกลุ่มน้องๆจุฬาก็เลยชวนไปด้วยเป็น 11 คน หารออกมาก็คนละประมาณ 82 บาท ระหว่างทางทางโค้งเยอะมาก ก็รู้สึกคลื่นไส้อาเจียนไประยะๆ จนต้องอาเจียนในที่สุด และก็อดทนจนถึงตลาดสดทองผาภูมิ เมื่อถึงแล้วก็หของกินในนั้น และก็ต่อรถจาก ทองผาภูมิ-บขส.กาญจนบุรี ราคา 115 บาท ซึ่งรอนานมากๆ เพราะคิวเยอะ พอถึงคิวเราก็ขึ้นรถตู้เดินทางกลับเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี พวกเราถึงตัวเมืองกาญจนบุรีตอนประมาณ บ่าย 4 โมงครึ่ง พวกเราก็แยกกลับน้องๆจุฬา จากนั้นก็ไปซื้อตั๋วกลับหมอชิต2 ราคา 120 บาท/คน เจ้าหน้าที่บอกว่ารถมาถึง 6 โมง เพราะรถติด พวกเราเลยไปหาข้าวเย็นกิน ระหว่างทางมีร้านน้ำเต้่หู้ในรูปแบบไอศครีมด้วย เด้ดมาก 20 บาท หลังจากนั้นก็กลับมาที่ บขส. ปรากฏว่ามีเพื่อนคนนึงในกลุ่มเจอรถตู้ที่ไปทางพระราม 2 เราก็เลยแยกย้ายกับเพื่อนที่กลับหมอชิต และก็กลับบ้าน
ความประทับใจ
ความประทับใจของผมต่อทริปครั้งนี้
ผมรู้สึกว่าผมมาคุ้มมาก เพราะครั้งแรกที่ไปมีแต่หมอกก็ได้วิวหมอกไป พอมาครั้งที่ 2 ฟ้าเปิดก็เลยเห็นวิวต่างๆ และได้ชมพระอาทิตย์ตกดิน พ๔ดได้ว่าครบเครื่องสุดๆ เจ้าหน้าที่นำทางดูแลดีมากๆ และมีความเป็นระเบียบมากตอนขึ้นสันคมมีด พี่ๆลูกหาบก็ใจดีมาก อยู่ดีๆทำมาม่า ไส้กรอก มาให้ ;) เพื่อนๆร่วมทางมีความเป็นมิตร มีความเป็นกันเอง ถ้ามีโอกาสเราคงร่วมทางด้วยกัน ทริปนี้พวกเราได้โบกรถขึ้น ทำให้รู้ว่าคนไทยมีน้ำใจ พวกผมซึ่ในน้ำใจมากครับ ขอบคุณพี่โอ๋กับพี่ต๋องนะครับที่คอยช่วยเหลือพวกผมตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเขา สุดท้ายนี้ก็อยากขอบคุณเพื่อนๆในกลุ่ม 5 คน ที่ช่วยเหลทอซึ่งกันและกัน ที่ทำให้ทริปนี้ออกมาดีได้
"
หากต้องการหาประสบการณ์ใหม่ต้องออกไปหาเอง
ชีวิตคือการเดินทาง
"