มาเลเซีย ไปคนเดียวได้ไม่ง้อทัวร์

ปีนัง มาเลเซีย จ.

Rungrawee Kunyaii

January 18, 2019, 3:45 PM January 20, 2019, 4:20 AM

‘ U Jomtien Pattaya ’ แลนด์มาร์คแห่งใหม่ ต้องไป ที่หาดจอมเทียน พัทยา

ไม่ต้องไปไกลถึงภาคใต้ ก็สัมผัส

infinity pool สวยๆ โรแมนติกๆแบบนี้ได้

ที่โรงแรม U Jomtien Pattaya

U Jomtien Pattaya เป็นโรงแรม 4 ดาว

สุดไพรเวทบนชายหาดจอมเทียน พัทยา

ที่มีห้องพักเพียง 64 ห้องเท่านั้นค่ะ

แต่ละห้องก็สวยเริ่ด ได้มาตรฐานของเครือ U

มีส่วนกลางให้นั่งเล่น มีห้องอาหาร Salt

ให้เราได้เอนจอยอาหารไทยฟิวชั่นรสชาติดี

และที่สำคัญ มีสระว่ายน้ำ ที่ขนานกับเส้าขอบฟ้า

ถ่ายรูปออกมา จะมุมไหนๆก็ปัง

** รายละเอียดอื่นๆอยู่ในโพสต์นี้แล้ว อ่านเล้ย **

อย่างที่บอกว่าโรงแรมนี้ขนาดไม่ใหญ่

สระว่ายน้ำเค้าก็เช่นกัน.. ถึงจะไม่ใหญ่มาก

แต่ก็เพียงพอกับแขกแต่ละวัน แถมมีส่วนที่เป็น

อ่างให้แช่ มีสระเด็กด้วย ที่ชอบสุดคือสระว่ายน้ำ

อยู่บนชั้นดาดฟ้า ให้เราได้นอนดูวิว รับลมเย็นๆ

แถมมีบาร์เครื่องดื่มอยู่บนดาดฟ้า ให้เราสั่ง

คอกเทลมาจิบชิลล์ๆ ตอนรอคิวถ่ายรูปด้วย55555

ใครอยากถ่ายรูปกับ infinity pool ให้มาประมาณ

5 โมงเย็น / 5 โมงครึ่ง เป็นต้นไป แล้วจะได้แสงเย็น

สีส้มๆชมพูๆ สวยม๊ากกกกกกก ที่สำคัญ..

มาวันธรรมดา จะได้ไม่ต้องต่อคิวนานจ้า555555

คำเตือน : ตอนนี้ทางโรงแรมไม่ให้ขึ้นไปนั่ง

ถ่ายรูปบนขอบสระว่ายน้ำแล้วนะ เพื่อความปลอดภัย

ของผู้เข้าพักเอง ก็ช่วยๆกันทำตามกฏด้วยเน่อ

มาสำรวจส่วนอื่นๆของโรงแรมกันบ้างงง..

เริ่มจากทางเข้าอาคารห้องพักเลยแล้วกัน

ตรงนี้โอ่อ่า กว้างขวางดี มีลมเข้าทั้งวันเล้ย

เดินเข้ามาในอาคารห้องพัก จะมีโซนสำหรับ

นั่งเล่นนอนเล่น ซึ่งปิงชอบโทนสีของโซนนี้มาก

มีความพาสเทล สดใส แต่ก็ยังเรียบหรู

ใครมาพักที่นี่อย่าลืมมาแชะสักรูปนะ

ด้านในอาคารก็คงคอนเซ็ปต์ U ได้ดี

นั่นคือดีไซน์ที่เน้นความโมเดิร์น เรียบๆแต่ดูดี

อันนี้ไม่รู้เค้าตั้งใจรึเปล่า ให้แผนผังของอาคาร

ไม่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่เป็นตัว U แบบในรูป *O*

U Jomtien Pattaya มีห้องพัก 4 ประเภทค่ะ

คือ Superior, Deluxe, Deluxe Seaview และ Suite

ได้ข่าวช่วงนี้เค้ามีโปรโมชั่นอยู่ด้วย

– ลดราคาห้องพัก 35% ทุกประเภทห้องพัก

– ลดราคาอาหารเครื่องดื่ม 20% เมื่อเข้าพัก

โปรนี้จองได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2562

เข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. – 30 เม.ย. 2562

และต้องจองขั้นต่ำ 2 คืนนะ แต่ตอนนี้เราไปดู

หน้าตาห้องพักกันก่อน เริ่มจากห้อง Suite

ห้อง Suite เป็นห้องที่มีพื้นที่เยอะที่สุด

มาพร้อมห้องนอน เตียงคิงไซส์ ห้องนั่งเล่น

ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว และ ระเบียงกว้างๆ

ดีงามมากสำหรับคนที่อยากนั่งอ่านหนังสือ

ดูซีรีย์ เล่นคอมวนไป ไม่ได้ออกไปไหนก็ได้

เพราะลมโกรกทั้งวันแลยจ้าาา ห้องนี้ราคาปกติ

อยู่ที่ 4,599 บ. / คืน แต่อย่างที่บอกว่าช่วงนี้

เค้ามีโปรลดราคาห้องพักอยู่ 35% สนใจก็

ลองเข้าไปดูเลยที่ https://www.uhotelsresorts.com/en/ujomtien/

หรือโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 033128028

ส่วนห้อง Deluxe กับ Deluxe Seaview

จะหน้าตาเหมือนกันทุกอย่าง คือมีเตียงคิงไซส์

มีมุมทำงาน ห้องน้ำ ระเบียง ต่างแค่วิวที่ได้ค่ะ

ราคาห้อง Deluxe อยู่ที่ 2,799 บ. / คืน

ส่วน Deluxe Seaview อยู่ที่ 3,499 บ. / คืน

รอบนี้ปิงนอนห้อง Deluxe Seaview ก็จะฟินๆหน่อย

ขนาดกำลังดี มีมุมให้ฟรีแล๊นซ์แบบเราทำงาน

แถมวิวทะลที่ตื่นมาก็เจอ ดีจัง <3

มาดูห้อง Superior กันบ้างค่ะ

ห้องนี้ราคาเบาๆ ช่วยให้การไปพักผ่อน

เป็นเรื่องง่ายไปเล้ยยยยย ปกติ 2,399 บ. / คืน

คิดดูว่าถ้าลดอีก 35% จะเหลือเท่าไหร่ >//<

ห้องนี้เป็นเตียงคู่แบบในรูปค่ะ ส่วนสิ่งอำนวย

ความสะดวกก็ครบครัน แถมมีระเบียงส่วนตัวอีก!

มาดูในส่วน Reception กันบ้างจ้าาาาา

ตัว Reception เชื่อมกับห้องอาหาร Salt

มองด้านนอกเป็นเหมือนบ้านกระจก ชิคๆ

เข้ามาด้านในก็เห็นดีเทลมากมายเลย

ทั้งบาร์หินอ่อน โคมไฟ งานอาร์ตบนผนัง ฯลฯ

ดูไม่เยอะไป ไม่น้อยไป กำลังดีค่ะ : )

ด้วยความที่มีจำนวนห้องพักไม่มาก

ยิมที่นี่เลยไม่ได้ใหญ่เบ้อเริ่มอะไร

มีอุปกรณ์ออกกำลังกายแบบเบสิกๆ

ให้เราได้ keep healthy routine ของเรา

เท่านี้ก็พอแล้ววววว เอ้อ! ยิมอยู่บนดาดฟ้านาจา

ปิงสั่ง calamari / ปลาหมึกชุบแป้งทอด,

สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาทะเล ที่กุ้งเป็นกุ้ง

หอยเป็นหอยจริงๆ55555 คือตัวใหญ่มาก!!

ปลาหมึกก็เคี้ยวดังกรุบ ส่วนตัวของหวาน

เป็น signature waffle ของที่นี่ ด้านบนขาวๆนั่น

ไม่ใช่วิปครีมนะจ๊ะ มันมีไอศกรีมช๊อคโกแลต

ที่ซ่อนอยู่ด้านใน ตัวครีมซอสที่ราดมาก็

หวานมันกำลังดี เริ่ดมากค่ะจานนี้ เอาไปสิบเต็ม

ตัดภาพมาที่มื้อเช้าของเรา..

เป็นบริการสุดพิเศษที่หาได้ยากมากกกกกกกก

นั่นก็คือ Breakfast whenever wherever

คือ เราจะทานมื้อเช้าที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้

แค่เลือกชุดอาหารเช้าจากเมนูในห้องพัก

และโทรกริ๊งเดียว รอแป๊ปนึง อาหารเช้าก็มา

เสิร์ฟถึงที่ !! เช้านี้ปิงเลือกทานบนดาดฟ้าค่ะ..

ชุดที่ปิงสั่งเป็น egg benedict บนครัวซอง

ทานกับเบคอน hash brown ขนมปังออเดิร์ฟ

ผลไม้ ชา/กาแฟ และ น้ำผลไม้จ้าาาา

อันนี้ไม่มีค่าบริการเพิ่มนะ จะสั่งไปทานบนห้องก็ได้ค่ะ

ส่วนใครมาสายบุฟเฟ่ต์ ก็ลงมาทานมื้อเช้า

ที่ห้องอาหาร Salt นั่นแหละ มีให้เลือกเยอะเลย

ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง เมนูเส้น ข้าวและกับ ฯลฯ

ส่วนตัวพักโรงแรมในเครือ U มาหลายที่แล้ว

บอกเลยว่าแต่ละที่ได้มาตรฐานเดียวกัน

ทั้งเรื่องที่พัก และ บริการต่างๆ แถมยังมีบริการ

ที่ต่างกับโรงแรมอื่นอย่าง Breakfast Whenever Wherever

และ 24-hour use of room หรือ เช็คอินเวลาไหน

เช็คเอ้าท์เวลานั้น ใช้ห้องพักได้ 24 ชั่วโมงเต็มๆ

ใครหาที่พักผ่อนใกล้กทม. ก็ลองเก็บโรงแรม

U Jomtien Pattaya ไปพิจารณากันดูววววว

ถ้าชอบรีวิวชิลล์ๆแบบนี้ก็อย่าลืมกด like

กด follow เพจ Bliss Out There แบบติดดาว

หรือ see first นะ จะได้เจอกันบ่อยๆ

https://m.facebook.com/blissoutthere

เข้าไปอ่านรีวิวทั้งหมดของเราได้ที่

http://www.blissoutthere.com/

แล้วเจอกันทริปหน้าน้า บ๊ายบาย : D

‘ U Jomtien Pattaya ’ แลนด์มาร์คแห่งใหม่ ต้องไป ที่หาดจอมเทียน พัทยา

หาดจอมเทียน (Jomtien Beach) จ.ชลบุรี

Ping Pitchaya

January 19, 2019, 2:51 PM January 20, 2019, 4:20 AM

‘ U Jomtien Pattaya ’ แลนด์มาร์คแห่งใหม่ ต้องไป ที่หาดจอมเทียน พัทยา

ไม่ต้องไปไกลถึงภาคใต้ ก็สัมผัส

infinity pool สวยๆ โรแมนติกๆแบบนี้ได้

ที่โรงแรม U Jomtien Pattaya

U Jomtien Pattaya เป็นโรงแรม 4 ดาว

สุดไพรเวทบนชายหาดจอมเทียน พัทยา

ที่มีห้องพักเพียง 64 ห้องเท่านั้นค่ะ

แต่ละห้องก็สวยเริ่ด ได้มาตรฐานของเครือ U

มีส่วนกลางให้นั่งเล่น มีห้องอาหาร Salt

ให้เราได้เอนจอยอาหารไทยฟิวชั่นรสชาติดี

และที่สำคัญ มีสระว่ายน้ำ ที่ขนานกับเส้าขอบฟ้า

ถ่ายรูปออกมา จะมุมไหนๆก็ปัง

** รายละเอียดอื่นๆอยู่ในโพสต์นี้แล้ว อ่านเล้ย **

อย่างที่บอกว่าโรงแรมนี้ขนาดไม่ใหญ่

สระว่ายน้ำเค้าก็เช่นกัน.. ถึงจะไม่ใหญ่มาก

แต่ก็เพียงพอกับแขกแต่ละวัน แถมมีส่วนที่เป็น

อ่างให้แช่ มีสระเด็กด้วย ที่ชอบสุดคือสระว่ายน้ำ

อยู่บนชั้นดาดฟ้า ให้เราได้นอนดูวิว รับลมเย็นๆ

แถมมีบาร์เครื่องดื่มอยู่บนดาดฟ้า ให้เราสั่ง

คอกเทลมาจิบชิลล์ๆ ตอนรอคิวถ่ายรูปด้วย55555

ใครอยากถ่ายรูปกับ infinity pool ให้มาประมาณ

5 โมงเย็น / 5 โมงครึ่ง เป็นต้นไป แล้วจะได้แสงเย็น

สีส้มๆชมพูๆ สวยม๊ากกกกกกก ที่สำคัญ..

มาวันธรรมดา จะได้ไม่ต้องต่อคิวนานจ้า555555

คำเตือน : ตอนนี้ทางโรงแรมไม่ให้ขึ้นไปนั่ง

ถ่ายรูปบนขอบสระว่ายน้ำแล้วนะ เพื่อความปลอดภัย

ของผู้เข้าพักเอง ก็ช่วยๆกันทำตามกฏด้วยเน่อ

มาสำรวจส่วนอื่นๆของโรงแรมกันบ้างงง..

เริ่มจากทางเข้าอาคารห้องพักเลยแล้วกัน

ตรงนี้โอ่อ่า กว้างขวางดี มีลมเข้าทั้งวันเล้ย

เดินเข้ามาในอาคารห้องพัก จะมีโซนสำหรับ

นั่งเล่นนอนเล่น ซึ่งปิงชอบโทนสีของโซนนี้มาก

มีความพาสเทล สดใส แต่ก็ยังเรียบหรู

ใครมาพักที่นี่อย่าลืมมาแชะสักรูปนะ

ด้านในอาคารก็คงคอนเซ็ปต์ U ได้ดี

นั่นคือดีไซน์ที่เน้นความโมเดิร์น เรียบๆแต่ดูดี

อันนี้ไม่รู้เค้าตั้งใจรึเปล่า ให้แผนผังของอาคาร

ไม่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่เป็นตัว U แบบในรูป *O*

U Jomtien Pattaya มีห้องพัก 4 ประเภทค่ะ

คือ Superior, Deluxe, Deluxe Seaview และ Suite

ได้ข่าวช่วงนี้เค้ามีโปรโมชั่นอยู่ด้วย

– ลดราคาห้องพัก 35% ทุกประเภทห้องพัก

– ลดราคาอาหารเครื่องดื่ม 20% เมื่อเข้าพัก

โปรนี้จองได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2562

เข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. – 30 เม.ย. 2562

และต้องจองขั้นต่ำ 2 คืนนะ แต่ตอนนี้เราไปดู

หน้าตาห้องพักกันก่อน เริ่มจากห้อง Suite

ห้อง Suite เป็นห้องที่มีพื้นที่เยอะที่สุด

มาพร้อมห้องนอน เตียงคิงไซส์ ห้องนั่งเล่น

ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว และ ระเบียงกว้างๆ

ดีงามมากสำหรับคนที่อยากนั่งอ่านหนังสือ

ดูซีรีย์ เล่นคอมวนไป ไม่ได้ออกไปไหนก็ได้

เพราะลมโกรกทั้งวันแลยจ้าาา ห้องนี้ราคาปกติ

อยู่ที่ 4,599 บ. / คืน แต่อย่างที่บอกว่าช่วงนี้

เค้ามีโปรลดราคาห้องพักอยู่ 35% สนใจก็

ลองเข้าไปดูเลยที่ https://www.uhotelsresorts.com/en/ujomtien/

หรือโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 033128028

ส่วนห้อง Deluxe กับ Deluxe Seaview

จะหน้าตาเหมือนกันทุกอย่าง คือมีเตียงคิงไซส์

มีมุมทำงาน ห้องน้ำ ระเบียง ต่างแค่วิวที่ได้ค่ะ

ราคาห้อง Deluxe อยู่ที่ 2,799 บ. / คืน

ส่วน Deluxe Seaview อยู่ที่ 3,499 บ. / คืน

รอบนี้ปิงนอนห้อง Deluxe Seaview ก็จะฟินๆหน่อย

ขนาดกำลังดี มีมุมให้ฟรีแล๊นซ์แบบเราทำงาน

แถมวิวทะลที่ตื่นมาก็เจอ ดีจัง <3

มาดูห้อง Superior กันบ้างค่ะ

ห้องนี้ราคาเบาๆ ช่วยให้การไปพักผ่อน

เป็นเรื่องง่ายไปเล้ยยยยย ปกติ 2,399 บ. / คืน

คิดดูว่าถ้าลดอีก 35% จะเหลือเท่าไหร่ >//<

ห้องนี้เป็นเตียงคู่แบบในรูปค่ะ ส่วนสิ่งอำนวย

ความสะดวกก็ครบครัน แถมมีระเบียงส่วนตัวอีก!

มาดูในส่วน Reception กันบ้างจ้าาาาา

ตัว Reception เชื่อมกับห้องอาหาร Salt

มองด้านนอกเป็นเหมือนบ้านกระจก ชิคๆ

เข้ามาด้านในก็เห็นดีเทลมากมายเลย

ทั้งบาร์หินอ่อน โคมไฟ งานอาร์ตบนผนัง ฯลฯ

ดูไม่เยอะไป ไม่น้อยไป กำลังดีค่ะ : )

ด้วยความที่มีจำนวนห้องพักไม่มาก

ยิมที่นี่เลยไม่ได้ใหญ่เบ้อเริ่มอะไร

มีอุปกรณ์ออกกำลังกายแบบเบสิกๆ

ให้เราได้ keep healthy routine ของเรา

เท่านี้ก็พอแล้ววววว เอ้อ! ยิมอยู่บนดาดฟ้านาจา

ปิงสั่ง calamari / ปลาหมึกชุบแป้งทอด,

สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาทะเล ที่กุ้งเป็นกุ้ง

หอยเป็นหอยจริงๆ55555 คือตัวใหญ่มาก!!

ปลาหมึกก็เคี้ยวดังกรุบ ส่วนตัวของหวาน

เป็น signature waffle ของที่นี่ ด้านบนขาวๆนั่น

ไม่ใช่วิปครีมนะจ๊ะ มันมีไอศกรีมช๊อคโกแลต

ที่ซ่อนอยู่ด้านใน ตัวครีมซอสที่ราดมาก็

หวานมันกำลังดี เริ่ดมากค่ะจานนี้ เอาไปสิบเต็ม

ตัดภาพมาที่มื้อเช้าของเรา..

เป็นบริการสุดพิเศษที่หาได้ยากมากกกกกกกก

นั่นก็คือ Breakfast whenever wherever

คือ เราจะทานมื้อเช้าที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้

แค่เลือกชุดอาหารเช้าจากเมนูในห้องพัก

และโทรกริ๊งเดียว รอแป๊ปนึง อาหารเช้าก็มา

เสิร์ฟถึงที่ !! เช้านี้ปิงเลือกทานบนดาดฟ้าค่ะ..

ชุดที่ปิงสั่งเป็น egg benedict บนครัวซอง

ทานกับเบคอน hash brown ขนมปังออเดิร์ฟ

ผลไม้ ชา/กาแฟ และ น้ำผลไม้จ้าาาา

อันนี้ไม่มีค่าบริการเพิ่มนะ จะสั่งไปทานบนห้องก็ได้ค่ะ

ส่วนใครมาสายบุฟเฟ่ต์ ก็ลงมาทานมื้อเช้า

ที่ห้องอาหาร Salt นั่นแหละ มีให้เลือกเยอะเลย

ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง เมนูเส้น ข้าวและกับ ฯลฯ

ส่วนตัวพักโรงแรมในเครือ U มาหลายที่แล้ว

บอกเลยว่าแต่ละที่ได้มาตรฐานเดียวกัน

ทั้งเรื่องที่พัก และ บริการต่างๆ แถมยังมีบริการ

ที่ต่างกับโรงแรมอื่นอย่าง Breakfast Whenever Wherever

และ 24-hour use of room หรือ เช็คอินเวลาไหน

เช็คเอ้าท์เวลานั้น ใช้ห้องพักได้ 24 ชั่วโมงเต็มๆ

ใครหาที่พักผ่อนใกล้กทม. ก็ลองเก็บโรงแรม

U Jomtien Pattaya ไปพิจารณากันดูววววว

ถ้าชอบรีวิวชิลล์ๆแบบนี้ก็อย่าลืมกด like

กด follow เพจ Bliss Out There แบบติดดาว

หรือ see first นะ จะได้เจอกันบ่อยๆ

https://m.facebook.com/blissoutthere

เข้าไปอ่านรีวิวทั้งหมดของเราได้ที่

http://www.blissoutthere.com/

แล้วเจอกันทริปหน้าน้า บ๊ายบาย : D

พังงา-ภูเก็ต 4 วัน 3 คืน

พังงา-ภูเก็ต จ.

Sarun Sudnum

January 21, 2019, 10:02 AM January 23, 2019, 4:54 AM

#Unseenพังงาภูเก็ต

#พาไปหลงมนต์เสน่ห์พังงาภูเก็ต

เที่ยวทะเล เที่ยวภูเขา ตามหาหมอก ล่าน้ำตก

ทริปนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวอีกมุมนึงของพังงาและภูเก็ตที่บอกเลยว่าแต่ล่ะสถานที่ต้องห้ามพลาดเมื่อได้ไปเยือน

ภูเก็ตผมว่าเป็นจังหวัดที่ไปง่ายเที่ยวง่าย เป็นเมืองที่มีเสน่ห์นะ มีความคลาสสิค ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของผมยังประทับใจเหมือนเดิม ยังเป็นจังหวัดที่น่าค้นหาจังหวัดนึงเลย

พังงา ไม่พูดถึงคงไม่ได้ จังหวัดเล็กๆใกล้ภูเก็ต เป็นจังหวัดบอกเลยว่าสุดจริงๆเป็นหนึ่งในไม่กี่จังหวัดที่ผมชอบที่สุด เพราะสถานที่ท่องเที่ยวแต่ล่ะที่แจ่มๆทั้งนั้น เรียกว่าเที่ยวจังหวัดเดียวครบ มีทั้งทะเล ภูเขา หมอก น้ำตก แต่ล่ะที่บอกเลยว่าอันซีน ที่ผมไปอาจจะเน้นไปที่น้ำตกนิดนึงเพราะขับผ่านแต่น้ำตก 555+

มาเริ่มที่การเดินทางเลย ทริปนี้เดินทางโดยเครื่องบิน ไฟท์ประมาณ 7 โมงครึ่งถึงภูเก็ตประมาณ 9 โมงเช้า (สายการบินแอร์เอเชียร์ไปกลับพัดนิดๆ)  จากนั้นผมก็ไปหารถเช่า ร้านต้นรถเช่า ผมเช่ารถมอเตอร์ไซด์ขับ เช่า 3 วันรวด คือทริปนี้บอกเลยว่าเที่ยวแบบไม่มีแพลนเลยจริงๆกะไว้ว่าผ่านตรงไหนก็แวะตรงนั้น

เมื่อจองรถเสร็จ แพลนของผมคือไปนอนพังงา 2 คืน ผมขับมุ่งตรงไปยังพังงา ระหว่างทางเจอหาดอะไรไม่รู้สวยดีเลยจดถ่าย แต่คลื่นแรงมาก ลมแรงเย็นดี ผมนั่งเล่นอยู่สักพักจากนั้นก็ขับรถไปต่อ

ขับรถไปเห็นป้ายแว๊บๆ  น้ำตกลำปี เลยแวะเข้าไปดู ตอนช่วงที่ไปน้ำเยอะมาก กำลังสวยเลย คนน้อยด้วย

น้ำใสไหลเย็นน่าเล่นมาก เป็นหน้าผากว้างๆ ตกมาสูงพอสมควร แบบน้ำกระเด็นเป็นละอองเลย ก่อนออกจากน้ำตกผมถามเจ้าหน้าที่ว่าแถวนี้มีน้ำตกใกล้ๆอีกไหม พี่เขาเลยบอกว่ามีน้ำตกโตนไพรอีกที่ผมก็เลยไม่รอช้า ขับย้อนไปอีกหน่อยไปยังน้ำตกโตนไพร

จากหน้าถนนเข้าเข้าไปลึกพอสมควร จริงๆถ้ามาจากภูเก็ตจะผ่านน้ำตกโตนไพรก่อนแล้วถึงไปน้ำตกลำปี แต่ตอนผมขับมามองไม่เห็นป้าย55 พอถึงจุดจอดรถต้องเดินเข้าไปอีกไม่แน่ใจว่า600เมตรหรือ800เมตร เราจะเดินเลาะตามน้ำตกไป ระหว่างทางก็จะมีต้นไม้ใหญ่ มีธรรมชาติให้เราได้สัมผัส

เดินเข้ามารู้สึกถึงความคูล บรรยากาศแบบดีมาก

ตอนแรกคิดว่าเดินมาคนเดียวไม่มีคน พอมาถึงมีคนเหมือนกันนี่นา555 เรียกว่าเป็นน้ำตกอีกแห่งที่สวยเลย ตกมาจากผาสูง สวยงาม

เป็นน้ำตกแห่งที่ควรแวะเลย เงียบสงบ มีแอ่งให้เล่นน้ำด้วย

น้ำตกสายรุ้ง อันนี้ขับหลงเข้าไป555 แต่ก็สวยดีนะ

ที่พักของเราคืนแรก X2khaolak andamani resort เป็นที่พักติดทะเล แอบกระซิป X2 KhaoLak Anda Mani เค้าติดอันดับ 1 ของโรงแรมที่ดีที่สุดจาก 71 โรงแรมในเขาหลักของเวป Tripadvisor ด้วยนะ

บริเวณล๊อบบี้และที่รับประทานอาหารเช้า

มาถึงทางที่พักตอนรับด้วยเวลคั้มดริ้ง เย็นๆสดชื่น

สระว่ายน้ำติดทะเล สามารถดูพระอาทิตย์ตกได้จากตรงสระว่ายน้ำเลย โรแมนติกไปอีก

ยิ่งห้องโคตรดี กว้างมาก เค้ามานี่แบบหอมมาก เตียงนุ่ม มี 2 เตียงอยู่คนล่ะฝั่ง ทีวีห้องน้ำมี 2 ฝั่ง

ที่ชอบอย่างนึงคือในห้องเราสามารถเปลี่ยนกลิ่นได้ด้วย คือเค้าจะมีเป็นหัวเชื้อให้เราหยดในอะไรสักอย่างนึงเรียกไม่ถูก5555 เพื่อเปลี่ยนกลิ่นอันนี้โคตรดี มีให่้เลือกหลายกลิ่น

ห้องที่ผมนอนเป็นห้องใหญ่ เหมาะสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน มี 2 เตียง 2 ห้องน้ำ มีอ่างอาบน้ำด้วย

มีมินิบาร์เล็กๆเครื่องดื่มเพียบ 555

ห้องน้ำเป็นแบบโอเพ่นไม่มีประตู

มาเหนื่อยๆต้องลงอ่างซะหน่อย 555

บรรยากาศช่วงเย็นดีมาก

สระว่ายน้ำน่าเล่น แสงตอนเย็นสวยมาก

อยากให้เห็นหลายๆมุม บรรยากาศโรแมนติกมากๆ ต้องมากับแฟนเหมาะมาก

แสงสวยๆก่อนพระอาทิตย์ตก

บรรยากาศโคตรดี โรแมนติกมาก อยากที่บอก ต้องมากับแฟน ส่วนผมถ่ายคนเดียวบรรยากาศเลยดูเหงาๆไปเลย555

ยิ่งพระอาทิตย์ใกล้ติกดินยิ่งสวย ผมว่าเป็นรีสอร์ทนึงที่ราคากลางๆไม่แพงมาก ใครอยากพาแฟนมาฮานีมูนผมว่าเหมาะเลย บรรยากาศโรแมนติกมาก มีหาดส่วนตัวยิ่งแสงตอนแย็นสวยๆดูพระทิตย์ตกดินหน้าหาดแบบฟินๆ

บรรยากาศช่วงหัวค่ำ หลังจากดื่มด่ำบรรยากาศเสร็จก็เข้านอน พักผ่อน

ผมรีบตื่นแต่เช้า เพราะอยากไปดูทะเลหมอกที่เขาไข่นุ้ย ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักประมาณ 10กว่าโล สุดท้ายตื่นสาย555 มาถึงก็ไม่คอ่ยเจอหมอก อาจจะเป็นเพราะลมแรงด้วย เป็นครั้งที่ 2 ที่พลาด

เขาไข่นุ้ย มีความพิเศษหลายอย่าง อย่างแรกเราสามารถมองเห็นวิวได้360องศา เห็นพระอาทิตย์ขึ้นชมทะเลหมอก อีกฝั่งนึงสามารถมองเห็นทะเลอันดามันแถมยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินได้อีกด้วย ตกกลางคืนมองเห็นดาวชัดมาก และชื่อของที่นี่เกิดจากคน2คนที่พบภูเขาลูกนี้ คือบังไข่กับบังนุ้ย เขาลูกนี้เลยมีชื่อว่า "เขาไข่นุ้ย"

ที่พักตรงนี้ชื่อบ้านในหมอก ราคาหลักร้อยวิวดูตามภาพเลย เราสามารถซื้อของไปปิ้งย่างได้ ที่พักมีเตาปิ้งย่างให้ ใครชอบนอนเต็นท์ก็สามารถนำเต็นท์ไปนอนได้ มีลานกางเต็นท์ วิวสวยๆ

การเดินทางขึ้นเขาต้องใช้รถโฟลวินหรือรถขับเคลื่อน4ล้อยกสูง รถเก๋งหมดสิทธิ์ ทางชันมากไม่เรียบและมีหินกรวด รถมอเตอร์ไซด์ขึ้นได้แต่ต้องเป็นคนที่ขับรถแข็งพอสมควร คนที่ขับรถมาจอดรถไว้ที่บ้านเจ้าของที่พัก แล้วนั่งรถของที่พักขึ้นไปบนเขา  สนใจที่พักสามารถติดต่อได้ที่ : FBบ้านในหมอกเขาไข่นุ้ย.ชายนุ้ย จ.พังงา  โทร. 089-5931432 บังเลก

บรรยากาศดีเวอร์ ไม่คิดว่าทางใต้ก็มีบรรยากาศแบบเหนือๆเหมือนกัน

บ๊ายๆเขาไข่นุ้ย

ผมกลับมายังที่พัก  อาหารเช้าที่นี่ดีมาก คือมีให้เลือกทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง แต่ที่ชอบสุดคือแพนเค้ก อร่อยมาก หอมนุ่มลิ้น ติดใจเลย  ทานข้าวเสร็จผมเช็คเอ้าแล้วก็ไปต่อ

ขับรถไปเรื่อยๆโดยไม่มีจุดหมาย ขับไปพักระหว่างทางทาง เล่นเฟสเปิดไปเจอน้ำตกนึง เค้าบอกว่าน้ำตกที่นี่ไม่มีป้ายบอกทาง gpsก็พาไปไม่ได้ เลยอยากลอง ก็เลยขับไปแล้วถามทางชาวบ้าน

น้ำตกชื่อ น้ำตกภูผาสวรรค์หรือน้ำตกนาแฝก ทางเข้าไปช่วงแรกเป็นหมู่บ้าน ขับไปสุดทางเลี้ยวเข้าไปตรงสวนปาล์ม ตอนแรกก็คิดมาผิดทางเปล่าว่ะ55 ขับเข้าไปนิดเดียว เฮ้ยน้ำตก แต่ป้ายก็ไม่มีนะ ไม่มีคนด้วย 555 แต่น้ำตกสวยจริงๆ ตกมาสูงเลย สวย เงียบสงบด้วยน่าไปแคมปิ้ง เป็นส่วนตัวสุดๆ อาจจะเพราะคนยังไม่ค่อยรู้จักด้วย

อย่างที่บอกคือทริปนีี้ไม่มีแพลนจริงๆ ขับไปเจอป้ายวัดคูหาสวรรค์ เคยอ่านในรีวิวมีถ้ำสวย เลยขับเข้าไปดู

เป็นถ้ำขนาดใหญ่เลย ภายยในเข้าก็จะมีทางให้เราเดินชมภายในถ้ำ

แอบกลัวๆว่าจะเหมือนถ้ำหลวงหรือเปล่า 5555 แต่อยากรู้ก็เลยเดินเข้าไป

เดินเข้าไปจนสุดก็จะมีพวกหินงอก หินย้อย หินรูปร่างแปลกตาสวยดี บรรยากาศเย็นๆ

จากนั้นผมก็ไปที่น้ำตกรามัญ น้ำตกมีหลายชั้น

แต่ล่ะชั้นก็แตกต่างกันออกไป มีชื่อเรียกด้วย

ชอบชั้นนี้สุด มีแสงลอดลงมากระทบพื้นน้ำ ตรงกับน้ำที่ตกพอดี สวยเลย

มีแอ่งกว้างๆให้เล่นน้ำ

จากน้ำตกรามัญ ผมก็เปิดgpsยิงยาว มาที่ อ่าวโต๊ะหลีที่นี่ไม่ใช่เสม็ดนางชี ่วิวสวยไม่แพ้กัน อยู่ห่างจากเสม็ดนางชีไม่ถึง 2 กิโล แนะนำไปตอนเช้ามืดจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้น วิวน่าจะสวย แต่เราไปตอนกลางวันแดดเปรี้ยงเลย ฮ่าๆๆ

มีที่พักเป็นกระท่อม มีเต็นท์ให้เช่า มีเตาปิ้งย่างให้เช่า

ด้านบนไม่มีอาหารขายแนะนำให้ซื้อขึ้นไป ที่นี่รถยนต์ รถเก๋ง รถทุกชนิดขึ้นได้ ทางไม่ชันมาก วิวก็สวยไม่แพ้เสม็ดนางชี

วิวจากอ่าวโต๊ะหลี วิวก็จะประมาณนี้

ส่วนที่พักของผม sametnangshe boutique  เสม็ดนางชี หลายคนๆคงจะเห็นรีวิวกันมาบ้างแล้ว รู้สึกว่าพักหลังมานี้เห็นรีวิวเสม็ดนางชีบ่อยมาก เลยต้องลองไปมั่ง มาๆ มาดูมุมมองเสม็ดนางชีของเรากันบ้าง หลังจากที่ไปมาแล้วเราก็พบว่าแม่มเป็นสถานที่บอกเลยควรจะพาแฟนไปสักครั้ง เราว่ามันโรแมนติกนะ บรรยากาศมันได้อ่ะ มันแปลกตาด้วย แค่คนล่ะเวลาท้องฟ้ามันก็คนล่ะสีแล้วอ่ะ รู้สึกฟ้ามันเปลี่ยนตลอด ชอบเวลาตอนเช้าสุดแสงสวย ที่เราไปพักคือเสม็ดนางชีบูทีค ที่นี่เปิดเป็นร้านอาหารด้วย สามารถขึ้นมารับประทานอาหารได้ เปิดตั้งแต่ 10.30-21.00 น. ขึ้นมาถ่ายรูปชมวิวได้ มีรถรับส่งขึ้นลงคนล่ะ 30 บาท

เต็นท์ คืนล่ะ 850 บาทพร้อมอาหารเช้า ส่วนที่เป็นห้องพักก็มีนะ ราคาก็จะขึ้นลงตามช่วงเวลา

ตรงด้านหน้าก็จะมีเป็นเบาะนั่งเล่น นอนเล่นชมวิว สั่งเครื่องดื่มมานั่งเล่นก็ชิวดี

โซนนั่งเล่นด้านบนก็มี เห็นวิว180องศาเลย

ยามเย็น กับท้องฟ้าเป็นสีชมพู

บริเวณที่รับประทานอาหาร บรรยากาศโรแมนติกมาก

บรรยากาศได้ ต้องจิบเบียร์ซะหน่อย 5555

ยามเช้า แสงเริ่มมา

เนี่ยมีแต่คนมาเป็นคู่ ผมได้แต่อิจฉา 555 แต่บอกเลยว่าบรรยากาศโรแมนติกจริงๆนะ แสงตอนเช้าสวยมาก

เค้าว่ากันว่า มองไปมองมามันก็คล้ายๆฮาลองเบของเวียดนามเหมือนกันนะ

ห้องอาหารวิวกระจก ทานอาหารไปชมวิวไปอิ่มทั้งตาอิ่มทั้งท้อง อิอิ

เป็นไงบ้างครับ เสม็ดนางชีบูทีค ที่ถ่ายมาคงเป็นแค่ส่วนนึง แต่ล่ะคนก็อาจจะไปเจอภาพบรรยากาศไม่เหมือนกัน แต่บอกเลยว่าอยากให้ลองพาแฟนไป วิวมันดีจริงๆนะ โรแมนติกเลยแหละ

ตอนเช้าเช็คเอ้าจากเสม็ดนางชีบูทิค อยากลองขึ้นมาที่เสม็ดนางชีเพื่อมาเปรียบเทียบกันว่าหระหว่าง 3 ที่ที่ไหนวิวสวยกว่ากัน

ที่นี่เปิดที่แรกสุด อยู่สูงสุด สำหรับผมคิดว่าวิวสวยสุดใน 3 ที่นะ

ข้างบนมีที่พัก เป็นกระท่อม มีเต็นท์ให้เช่า มีห้องน้ำ มีร้านอาหาร กลางคืนปิ้งย่างได้ ไม่สามารถเอารถขึ้นได้ ทางโหดพอสมควร แต่มีรถบริการรับส่ง

ถ่ายรูปเป็นที่ละทึกซะหน่อย

จากเสม็ดนางชีผมยิงยาวไปภูเก็ต แวะที่สะพานสารสิน จริงๆจะแวะตั้งแต่ขาไปแต่ขับเลยทางเข้า55

วิวดีนะ ลมพัดตลอดๆ เย็นดี มุมถ่ายรูปก็เยอะดี

มุมถ่ายรูปเหมาะดีนะ ถ้าจะถ่ายพรีเวดดิ้ง

ภูเก็ต

ที่แรกที่ตั้งใจอยากมา วัดไชยธาราราม หรือที่เราคุ้นหูกันเรียกกันว่า วัดฉลองหรือวัดหลวงพ่อแช่ม เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดภูเก็ต

ใครมาเที่ยวก็ต้องแวะมากราบนมัสการหลวงพ่อแช่ม เพื่อความเป็นสิริมงคล

ด้านบนเราสามารถขึ้นมาได้ วิวสวยดี

ที่พักคืนที่3ของเรา Hyattplace Phuket Patong ตั้งอยู่ที่หาดป่าตอง เป็นโรงแรมที่เราว่าโอเคเลยถึงจะไม่ติดหาดเลยแต่เดินแค่200เมตร ก็โดดลงเล่นน้ำทะเลได้เลย  ที่พักที่นี่เหมาะกับคนที่ชอบความเงียบสงบอยากพักผ่อน อยากชาร์ตแบตให้ตัวเอง เป็นที่พักวิวดีมากมองจากห้องก็เห็นวิวทะเล บรรยากาศดีเลย สำหรับการบริการของที่นี่ มีรถรับส่งจากสนามบินด้วยนะเมื่อเราถึงสนามบินก็สามารถโทรให้ทางที่พักไปรับได้เลย มีบริการshuttle bus ไปยัง JungCeylong Shopping Mall ห้างดังของภูเก็ตด้วยนะ มีวันล่ะ 5 รอบตั้งแต่ 17.00น. - 21.00น.เลย  

เปิดเข้ามาในห้องโห ห้องกว้างมาก แบบนอนได้หลายคนอ่ะ 5555 เตียงนุ่ม วิวโคตรดี ถ้ามีบ้านอยากตกแต่งห้องนอนแบบนี้เลย คือดีย์อ่ะ พื้นที่ห้องกว้างมาก

สระว่ายน้ำน่าเล่นมาก

ที่เป็นไฮไลท์ของสระเลย มีจุดที่เป็น see through กระจกข้างสระ เรียกได้ว่าถ้าถ่ายรูปกับกระจกใสๆนี้ได้รูปcoolแน่นอน

ห้องฟินเนต วิวดีมาก ออกกำลังกายไปด้วยดูวิวไปด้วยเพลินนนน

ตอนเย็นแวปไปแหลมพรหมเทพ จริงๆอยากไปแหลมกระทิงแต่หาทางเข้าไปเจอgpsพาหลง 5555 แหลมพรหมเทพเค้าว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดแห่งนึงในประเทศไทย แต่ว่า.... คนเยอะมาก

ถ้าอยากได้รูปแบบไม่มีคนเดินลงไปอีกหน่อย ตอนผมไปคนเยอะมากหาที่ถ่ายรูปไม่ได้เลยไปอีกที่นึง

อีกจุดใกล้ๆกันกับแหลมพรหมเทพ จุดชมวิวกังหันลม ผมว่าสวยนะคนไม่เยอะด้วย

มองไปจะเห็นแหลมพรหมเทพด้วย เขาบังนิดหน่อย

หลังจากนั้นก็ไปที่ย่านเมืองเก่าภูเก็ต เป็นตึกเก่าๆแบบคลาสสิค เป็นตึกสไตล์ชิโนโปตุกีส

ภาพนี้อยู่ในความทรงจำ ใครมาก็ต้องถ่ายภาพตรงนี้ มีสตรีทอาร์ทหลายที่ ใกล้ๆกันแต่เดินหาไม่เจอ ฝนก็ดันตกด้วย TT

มีแต่ตึกอาร์ทๆ เท่ๆสวยๆ ถ้ามาตอนกลางวันนี่แจ่มเลย เดินถ่ายรูปกับตึกสวยๆ ได้รูปเท่แน่นอน

กลับมาถึงห้อง ดูบรรรยากาศยามค่ำคืนดิ บรรยากาศแบบเมืองๆ นั่งจิบเบียร์ฟินๆ 555

บรรยากาศยามเช้า เดินลงไปถ่ายรูปเล่น สักพักฝนตก กลับห้องนอนต่อ ><

"เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน เงียบๆคนเดียวและไม่อยากตื่นขึ้นพบใคร" เพลงพี่บอยดังมา 5555 ไม่อยากลุกเบยยย

วิวยามเช้า โคตรดีเลย

ทานอาหารเช้าเสร็จเช็คเอ้า บ๊ายบาย Hyattplace Phuket Patong

หาดไม้ขาด จังหวัดภูเก็ต สถานที่สุดUnseen ต้องห้ามพลาดเมื่อไปเยือนภูเก็ต สามารถชมเครื่องบินแลนดิ้งติดหาดติดทะเล แบบใกล้มากๆ รับลองว่าไปแล้วจะได้รูป Cool Cool ไปอวดเพื่อนๆแน่นอน ใครไปเที่ยวภูเก็ตก็ลองแวะไปดูครับ การเดินทาง : จากสนามบินขับเลาะไปตามถนน 4031 แล้วไปเลี้ยวซ้ายตรงแยกสนามบินเก่า ขับตรงไปตามถนนเส้น 402 แล้วไปเลี้ยวซ้ายตรงทางเข้าวัดหาดไม้ขาวขับตรงไปตามถนน 3033 พอเจอทางแยกให้เลี้ยวขวาขับตรงไป แล้วไปเลี้ยวซ้ายเข้าตรงซอยไม้ขาว6 ขับตรงไปเรื่อยๆจนถึงทางโค้งตรงหาด จนถึงโรงแรมcoriacea boutique ถ้าขับมอเตอร์ไซด์มาให้ขับเลาะหน้าโรงแรมเลาะทิวต้นสนไปได้เลยครับ ส่วนคนที่ขับรถยนต์มาให้จอดรถไว้แถวนี้แล้วเดินไปแต่ไกลพอสมควร ถ้าใครไม่อยากเดินจะมีรถสามล้อรับส่งคนล่ะ 20 ส่งถึงที่เลย เราแนะนำวิธีนี้ไกลอยู่ๆ ถ้าใครอ่านแล้วงงเปิดgpsแล้วขับไปได้เลยครับ 555

เครื่องบินมาแล้วๆ ได้ยินเสียงตะโกนคนแถวๆนั้น รีบวิ่งไป แป่วไม่ทัน 5555 อยากไปใกล้อีกนิด

วิ่งไปรอบสองตั้งใจจะถ่ายวิดีโอ สรุปเปิดไม่ทันพลาด 555 แต่น้ำทะเลสวยดีนะ

จนรอบ3 เห็นไฟ มาแต่ไกล รีบวิ่งไปยืนรอ คราวนี้ไม่พลาดได้รูปที่ต้องการ โอเคล่ะ 555 เครื่องบินแบบว่าบินแบบใกล้มากๆ ผมไปช่วงเกือบๆเที่ยงแดดจะร้อนหน่อยแต่ว่าไม่ค่อยมีคน ดีเลย

เป็นไงบ้างครับ พังงาภูเก็ตในแบบฉบับอยากเที่ยวก็เที่ยว เที่ยวแบบไม่มีแพลนจริงๆ 555 ที่ผมไปคงเป็นแค่ส่วนเล็กๆของ2จังหวัดนี้ ยังไงก็ฝากรีวิวนี้ไว้ด้วยนะครับ ดูไว้เป็นแนวทางได้ครับ พังงงา-ภูเก็ต 2 จังหวัดสุดunseen

ขอบคุณนะครับที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอบคุณที่ติดตามกันมา เจอกันทริปหน้าครับ ^^

เที่ยวเกาะเปิดใหม่ทะเลพม่า@Reindeerbeach MacleodIsland

Reindeerbeach MacleodIsland จ.

Sarun Sudnum

January 21, 2019, 11:09 AM January 23, 2019, 4:54 AM

    หลังๆมานี้ทะเลพม่า ทะยอยเปิดใหม่กันเยอะมาก นี่ก็เป็นอีกเกาะที่พึ่งเปิดใหม่ เรนเดียร์บีช เกาะแมคคลอยด์ พึ่งเปิดเมื่อ 1 ตุลาคมที่ผ่านมานี้เอง เรียกได้ว่ายังสดๆซิงๆ น้ำใสดุจคริสตัล ทรายขาวละเอียดดั่งแป้ง อันนี้ไม่ได้เวอร์แต่อยากให้ไปลองพิสูจน์กันได้เลย ส่วนใต้น้ำดิบมาก ปลา ปะการัง ยังสมบูรณ์อยู่มากๆ ปลาแปลกๆเยอะมาก ดำแค่ผิวน้ำ ก็เจอเพียบปลาสวยๆ ปะการัง เพียบ

     ทาง Andaman Duck เค้ามีคอนเซปที่ว่า จะพาทุกคนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 200 ปีก่อนทำไมถึงต้องย้อนไป200ปีก่อน มาเราจะบอกให้เด้อ คือที่นี่ถูกปิดตัวมานาน ธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ยังดิบๆ ยังสมบูรณ์ เหมือนกับว่าเราย้อนอดีตไปเที่ยวเหมือนเมื่อ200ปี คือมันดิบจริงๆที่นี่มีแต่ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทั้งชายหาดและใต้น้ำ สมยังสมบูรณ์จริงๆเพราะยังไม่มีใครได้ไปสัมผัส ถ้าเราไปเราจะเป็นกลุ่มแรกๆที่ได้ไปสัมผัส

    เรนเดียร์บิช ชายหาดส่วนตัว น้ำทะเลใสๆ ทรายขาวละเอียด มีกิจกรรมสนุกๆให้เล่น มีพายเรือคายัก เซิฟบอร์ด แถมหน้าหาดยังดำน้ำได้อีกด้วย มีจุดถ่ายรูปสวยๆหลายจุด สาวๆอย่าลืมพกบีกีนี่ตัวโปรด ไปโพสท่าชิวๆถ่ายรูปอวดเพื่อนๆให้ร้องว้าวกันไปเลย

การเดินทางไประนองแสนง่ายดาย มีทั้งรถทัวร์และเครื่องบิน 1.เครื่องบินมี 2 สายการบิน นกแอร์กับแอร์เอเชียร์ ไฟท์อาจจะน้อย แต่ราคาถูกกว่าแต่ก่อนมาก ถ้าจองล่วงหน้าไม่ถึงพันก็มีบ่อยๆ  2.รถทัวร์ มี3บริษัทหลักๆ สมบัติทัวร์ โชคอนันต์ทัวร์ นวมิตรทัวร์ แนะนำรถvip24 สมบัติทัวร์ดีสุด นั่งสบาย ใช้เวลา 9 ชั่วโมง แนะนำเป็นรอบดึกถึงเช้าเที่ยวได้เลย ราคา600กว่าๆ  **เมื่อมาถึงระนองทางAndamanduckมีรถรับส่งฟรี เป็นรถโพถ้อง เป็นรถพื้นเมืองระนอง รับส่งฟรีจากตัวเมืองยังท่าเรือประภาคาร  **ไปทะเลพม่าถามว่าต้องใช้อะไรมั่ง ตอบคือแค่ใช้บัตรประชาชนแค่ใบเดียว สะดวกสบาย พาสปอร์ตไม่ต้องใช้

เช้าวันเดินทาง ฝนตกปรอยๆ รถสองแถวไม้ของAndamanduckมารับจากที่พักมายังลอบบี้  มาเช็คอินโดยยื่นบัตรประชาชนแล้วรับประทานอาหารเช้า

อาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวเหนียวสังขยา ข้ามต้มมัด ขนมนมเนย ชากาแฟ ทุกอย่างกินได้ไม่อั้น

แจกขวดส่วนตัวให้ล่ะขวด ทางAndamanduckเค้าเน้นเรื่องการไม่ใช่พลาสติค โดยเราจะใช้ขวดนี้เติมน้ำตลอดทริปไม่ใช้แก้วพลาสติค อันนี้ดีชอบเลย ถือเป็นการช่วยลดขยะ

ทริปนี้เราเดินทางไปกับไกด์ขมิ้น  ก่อนเดินทางไกด์จะอธิบายรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใส่เสื้อชูชีพ การดำน้ำ รวมถึงข้อห้ามและกิจกรรม  ส่วนใครที่ว่ายน้ำไม่แข็งไม่ต้องกลัว ทางไกด์จะมีสายรัดข้อมือให้อีก1เส้น เพื่อจะได้ดูแลเป็นพิเศษสำหรับกลุ่มที่ว่ายน้ำไม่แข็งหรือว่ายน้ำไม่เป็น

รวมพลังก่อนขึ้นเรือ

ทุกคนพร้อม ยื่นเอกสารที่ไกด์เตรียมให้พร้อมบัตรประชาชน ลงเรือแล้วลุยเลย

ก่อนไปยังเกาะ เราต้องมาทำเอกสารผ่านแดนกันที่เกาะสองประเทศพม่า เราไม่ต้องลงเรือไกด์เป็นคนจัดการให้ นั่งรอประมาณ 10 นาที 

จากเกาะสอง พม่า ยิงยาวประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ไปยังเรนเดียร์บีช เกาะแมคคลอยด์  ในระหว่างนี้ก็พักสายตา ถ่ายรูปเล่นไปเพลินๆ

ก่อนขึ้นเกาะเรามาดำน้ำกันก่อน

โดดลงไปตู้มมมม โหว ใต้น้ำยังสมบูรณ์อยู่มาก ปะการัง เยอะ ปลาสวยเพียบ

ตรงนี้เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรเขากวางอย่างที่เค้าว่าไว้จริงๆ ปะการังเขากวางเยอะมาก

ปะการังสวยๆ ปลาเยอะเลย สวยมาก ขอบคุณภาพจากไกด์ 5555 ไม่ต้องแปลกใจทำไมสองภาพบนภาพไม่ชัดเพราะถ่ายจากกล้องเค้าเอง TT

หลังจากน้ำดำ เราก็มายังหาดส่วนตัว ที่หาดเรนเดียร์บีช

ใครจะลงเล่นน้ำถ่ายรูป สบายๆเพราะมีแค่กรุ๊ปเรามีแค่เรือเพียงลำเดียว คน20กว่าคน ส่วนตัวมาก  วันที่ผมไปโชคร้ายไปหน่อย ฟ้าครึ้มไม่มีแดด ทำไมน้ไทะเลไม่ใสเท่าที่ควร แอบเสียดาย แต่ขนาดไม่มีแดดน้ำก็ยังใสเลย

มาถึงประมาณเกือบเที่ยง ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี  อาหารจัดเต็มมาก ส่วนใหญ่เป็นอาหารใต้ อร่อยมาก เป็นแบบบุฟเฟ่ กินได้ไม่อั้นเติมแล้วเติมอีกได้ 555

กินกันหน้าหาดท่ามกลางทะเลน้ำใสๆ ฟินๆกันไปเลย

Save the sea ชอบคอนเซปนี้มาก ไม่ใช้พลาสติค

มุมชิงช้าเล็กๆให้ถ่ายรูป

ดูทรายดิ ขาวล่ะเอียดมาก เหมือนแป้งเลยจริงๆนะ

ไปเล่นกิจกรรมกัน

มากับแก็งซ์เพื่อนมันก็ต้องมีรูปเท่ๆกันบ้าง 555 (แต่เท่เปล่าไม่รู้555)

พายเรือคายักใส มันมาก สนุกๆ

หนุกสุดคืออันนี้ ยืนพายไม่ได้นั่งพายนอนพายก็ได้ 555

เหมือนจะง่ายนะถ้าลองยืน ยืนได้นี่เท่เลย ผมลองมาแล้วปรากฎว่าคว่่ำสิครับ ลองอยู่หลายรอบก็ไม่ได้ 555

ภาพนี้ประมาณ 1 วินาที รีบกดถ่าย หลังจากนั้นไม่ต้องพูดถึง คว่ำสิฮะ 5555

เป็ดน้อยสีเหลือง สัญลักษณ์ของทางandamanduck ไปถ่ายรูปเล่นกันได้

สีน้ำสวยนะถึงแม้ฟ้าจะครึ้ม

เสียดายวันไปไม่มีแดด ไม่งั้นนะน้ำจะสีสวยกว่านี้ ลองนึกภาพแสงแดดสะท้อนน้ำทะเล คงสวยระยิบระยับแน่ๆ

กดชัตเตอร์กันไปรัวๆ

ไว้มีโอกาสนะต้องไปแก้มือใหม่ ช่วงหลังไปเที่ยวที่ไหนชอบเจอฝน สงสัยดวงถูกชะตากับฝน ปีใหม่2019นี้ไม่เอาแล้วนะน้องฝน 5555

มาดำน้ำกันต่อ สวยมากขอบคุณภาพจากไกด์ของandamanduck เพราะถ้ากล้องผมคงไม่ได้ภาพแบบนี้ 5555

หมึกกระดองตัวเบ่อเลิ่มเลย ว่ายมาให้เห็นแบบใกล้ๆเลย

นีโม น่ารักมาก ภาพเบลอๆสั่นๆไปหน่อย ไม่ต้องถามกล่องใคร กล้องเค้าเอง 

ดำลงไปเจอแต่ปะการังสวยๆ

แมงกระพรุนตัวหย่ายย

ดำน้ำเสร็จก็นั่งเรือกลับท่าเรือประภาคารใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เป็นอันจนทริปหาด ReideerBeach MacleodIsland 

เป็นไงบ้างครับ สำหรับเกาะเปิดใหม่เรนเดียร์บีช เกาะแมคคลอด์ ผมว่าธรรมชาติที่นี่ยังดิบมาก สมบูรณ์ทั้งบนบกและใต้น้ำ เสียดายตอนไปฟ้าครึ้มไม่งั้นภาพสวยกว่านี้แน่นอน ยังไงถ้าไปช่วงนี้กุมภา-เมษาผมคิดว่าไม่น่าจะเจอฝนแล้ว อากาศน่าจะกำลังดีเลย ยังไงก่อนไปก็เช็คสภาพอากาศล่วงหน้าจะได้ไม่พลาด สำหรับสายทะเล สายดำน้ำไม่ควรพลาดจริงๆ คนที่สนใจติดต่อ  https://www.facebook.com/andamanduckได้เลย รับลองไม่ผิดหวังแน่นอน เจอกันใหม่ทริปหน้าครับ

ทดสอบ

โคราช จ.

Pigevol KoJu

January 22, 2019, 6:47 AM January 23, 2019, 4:54 AM

ดอยมณฑา เลาะห้วย เข้าป่า แตะขอบฟ้าแม่สอด

“ตอนนี้ยังไม่เปิดครับ ฝนกำลังดี ชาวบ้านนำทางลูกหาบเขายังทำไร่ทำนาอยู่” นั่นคือคำตอบของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช จังหวัดตาก บอกกับผมตอนโทรไปถามข้อมูลการท่องเที่ยวเดินป่าขึ้นดอยมณฑา ... แต่นั่นเมื่อสองปีกว่าๆ มาแล้วนะครับ

ตัดฉับมาปัจจุบัน เมื่อผมแจ้งเจ้าหน้าที่ในช่วงปลายปีว่ามีความประสงค์จะพาเพื่อนๆ รวม 8 ชีวิต ไปยลดอยมณฑา เป็นทริปประเดิมปี 2562 สักหน่อย คราวนี้ทุกอย่างดูเหมือนราบลื่นเรียบร้อยดี

ตั๋วรถทัวร์จองแล้ว นัดแนะเพื่อนแล้ว นัดแนะรถกระบะรับ-ส่งของเจ้าหน้าที่แล้ว แต่พอหลังหยุดยาวปีใหม่ก่อนเดินทางแค่สองวัน โทรคุยกับเจ้าหน้าที่อีกรอบก็ถึงกับอึ้งกิมกี่เมื่อปลายสายพูดว่า “ชาวบ้านบอกว่าเดือนนี้ไม่นำเดินแล้วค่ะ บนดอยหาแหล่งน้ำยากแล้ว”

ใจหล่นถึงตาตุ่ม จะทำยังไงล่ะ ก็อ้อนวอนเจ้าหน้าที่ไปสิครับว่าขออีกกลุ่มไม่ได้หรือ เพิ่งหลังปีใหม่เอง ที่สำคัญเราเตรียมการเดินทางไว้หมดแล้ว นับว่าโชคดีที่เจ้าหน้าที่เข้าใจและใจดีคุยกับชาวบ้านให้ และชาวบ้านเองก็เห็นใจ... โอเค กลุ่มเราเป็นกลุ่มสุดท้ายของฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้นะ

เฮ้อ... โล่งอกไปที

ดอยมณฑา เป็นยอดเขาลูกหนึ่งในเขตอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช เป็นแนวแบ่งเขตอำเภอแม่สอด กับอำเภอเมือง ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวทางอุทยานฯ บริการจัดการร่วมกับชุมชนบ้านปูแป้ ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด นักท่องเที่ยวจะขึ้นดอยต้องติดต่อขออนุญาตอุทยานฯ ก่อน จากนั้นอุทยานฯ จะประสานงานกับชาวบ้านให้ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่แท้จริง

อช.ตากสินมหาราช ดอยมณฑา และบ้านปูแป้ อยู่ตรงกลางระหว่าง ตาก – แม่สอด หากเดินทางเองด้วยรถสาธารณะแนะนำให้ลง บขส.ตาก แล้วใช้บริการเหมารถกระบะของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จะดีที่สุด เหมือนที่พวกเราทำในครั้งนี้ครับ

---------------------------------------------------------

(1)

ทริปนี้พวกเรา 8 ชีวิต เดินทางจากหมอชิต 6 คน นัดเจอกับเจ้าถิ่นชาวตาก อีก 2 คน ที่อุทยานฯ สะดวกที่สุดคือรถ ป.1 กทม. – บ้านตาก รอบสี่ทุ่ม ถึง บขส.ตาก 5.00-5.30 น. เวลากำลังดี

ถึง บขส.ตาก เช้าตรู่ รถเจ้าหน้าที่ก็มารับ หน้าหนาวแบบนี้ฟ้ายังมืดตึ้ดตื๋อ ก่อนเข้าไปข้างในต้องแวะตลาดซื้อของก่อน ทริปนี้วันเดียวเพราะฉะนั้นทำแบบง่ายๆ ผัดผัก หมูยอทอด ลูกชิ้นทอด ที่ตลาดมีให้เลือกทุกสิ่งอยู่แล้ว

จับจ่ายข้าวของเสร็จก็ตรงมาที่ทำการอุทยานฯ วิ่งถนน แม่สอด-ตาก ทล.12 นั่นแหละ จากปากทางเข้ามาประมาณสามกิโลเมตร ตรงนี้เป็นเขตของอำเภอเมือง เรามาที่นี่เพื่อลงทะเบียนขึ้นดอยมณฑาและเตรียมตัวลุยกัน

ในเอกสารลงทะเบียนบอกเอาไว้ครับ เส้นทางถึงยอดดอยมณฑาทั้งหมด 7 กิโลเมตร เป็นทางค่อนข้างราบ 4 กิโลเมตร และทางชัน 3 กิโลเมตร เตือนไว้ก่อนว่าจะต้องเหนื่อยพอดู

หากใครขับรถส่วนตัวจะมากางเต็นท์นอนที่นี่ก่อนสักคืนก็บรรยากาศดี ลานกางเต็นท์หลายโซน ห้องน้ำห้องท่าสะดวกมาก

จากที่ทำการฯ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที จึงมาถึงจุดนัดหมายกับชาวบ้านนำทางที่วัดปูแป้ ตรงนี้อยู่ในเขตอำเภอแม่สอดแล้ว เป็นหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง แต่เพราะไม่ได้อยู่บนเขา ถนนเข้าถึง ก็เป็นชาวกะเหรี่ยงทันสมัย ลูกหลานรุ่นใหม่ถือสัญชาติไทย พูดทั้งกะเหรี่ยงทั้งไทยได้สบาย และเป็นจุดสุดท้ายจริงๆ สำหรับใครจะเตรียมความพร้อมเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย

ความสนุกก่อนเหนื่อยคือเราต้องนั่งรถอีแต๊กจากวัดปูแป้ต่อเข้าไปจุดเริ่มเดิน ผ่านทั้งถนนลูกรัง ลำห้วย สองข้างทางเป็นพื้นที่ถากถางทำเกษตรบ้าง ป่าปลูกบ้าง นั่งหัวโยกหัวคลอนกันประมาณครึ่งชั่วโมงครับ

ถึงสุดทางรถอีแต๊กจึงได้เดินกันแล้ว (เย้...) เตรียมของขึ้นเป้ได้เลย มองนาฬิกาสิบโมงครึ่งพอดี

อย่างที่บอกครับว่าทางช่วงแรกเป็นทางราบ จริงๆ ก็ไม่ราบเสียทีเดียวหรอก ไต่ระดับทีละน้อยตามห้วยปูแป้ ข้ามห้วยไปมาหลายครั้ง ดีว่าเดือนมกราคมน้ำค่อนข้างน้อย เหยียบหินบ้าง ก้าวยาวๆ บ้างก็พ้น ไม่ต้องลุยน้ำเหมือนตอนหมดฝนใหม่ๆ

ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงดี เราก็มาถึงจุดที่ลำห้วยย่อยสองสายมาบรรจบกัน ไกด์บอกว่าพักกินข้าวตรงนี้แหละ เราบอกว่ายังไม่หิวเลยไปต่อก็ได้ แต่ไกด์ยืนยันว่าให้กินตรงนี้ มาบางอ้อหลังกินเสร็จว่าจากจุดนี้ลูกหาบจะแยกกับเรา เขาไปทางสั้นกว่าเพื่อตัดขึ้นแคมป์ ส่วนเราไปอีกทางที่ชันกว่าไกลกว่าแต่มีวิวให้ชมนั่นเอง

น้ำในลำห้วยปูแป้ใสมากครับ กุ้ง ปลา ลูกอ๊อด เพียบเลย หลักฐานความสะอาดของน้ำคือการมีอยู่ของสัตว์น้ำตามธรรมชาตินี่แหละ

หลังพักกินข้าวเรายังคงเดินขึ้นแบบเรื่อยๆ ทีละนิดละหน่อยอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงจึงพ้นช่วงที่เรียกว่า 4 กิโลเมตรแรก ต้องเจอทางชัน 3 กิโลเมตร ที่อุทยานฯ ขู่ไว้สักที

เนินแรกมาตอนเที่ยงครึ่ง เพิ่งรู้สึกว่ามาเดินป่าขึ้นเขาจริงจังก็ตอนนี้ การได้เดินมายาวๆ ก่อนหน้าถือว่าดีนะ เหมือนวอร์มเครื่อง พอเจอทางชันเลยไม่หนักมาก ไม่เหมือนบางดอยแค่ก้าวไม่กี่ก้าวก็ชันซะแล้ว

ใกล้บ่ายสอง พ้นเนินที่สองขึ้นมาจะมองเห็นภูเขาสีทองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล นั่นแหละคือดอยมณฑา และจุดที่เราจะตั้งแคมป์กัน

ทีละนิด ทีละนิด เราต้องผจญทางชันๆ อีกประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อผ่านเนินที่สองและเนินที่สามให้ได้

พ้นแนวป่าเนินที่สามขึ้นมาสู่ยอดเขาโล่งๆ พอเห็นเขาลูกข้างหน้าแล้วถึงกับน้องโอ้ว ยิ่งเห็นทางเดินสีขาวๆ ขึ้นสู่ยอดเขาด้วยแล้ว ขอกลืนน้ำลายแป๊บนะ (ฮา...)

ไกด์บอกว่ายอดเขาโดดเด่นลูกข้างหน้าคือเนินสุดท้ายที่เราต้องเผชิญ มีชื่อว่าคลุยโจโม ส่วนตรงที่เราจะไปตั้งแคมป์คือคลุยพะแล (คลุยแปลว่าภูเขา) ทั้งหมดอยู่ในภูเขาลูกที่เรียกว่าดอยมณฑานั่นไง

ถอนหายใจสักเฮือก ขึ้นเป้ แล้วไปต่อ ยืนอยู่นิ่งๆ เฉยๆ ยังไงภูเขาก็ไม่ลดความสูงให้หรอก (ฮา...)

ขึ้นมาเรื่อยๆ ทีละก้าววิวสวยมาก น่าแปลกคือตอนยืนดูไกลๆ เห็นว่าสูงลิบลับ พอเดินจริงๆ กลับไม่ชันเหมือนที่ตาเห็นแฮะ หรืออาจเพราะได้เดินไปชมวิวไปถ่ายรูปไปด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้

ถึงยอดคลุยโจโม แดดแรงๆ แบบนี้นั่งพักหลบร่มต้มกาแฟร้อนๆ กินกันเถอะ บ้าไปแล้วอากาศร้อนดันจิบกาแฟร้อนอีก

นั่นแหละครับเนินชันเนินสุดท้าย หลังจากนี้จะเดินเลาะตามสันเขา ช่วงที่เราไปหญ้าเริ่มแห้งแถมดอกหญ้ากำลังออก สะท้อนแดดกลายเป็นทางเดินสีทองสวยน่าประทับใจมาก แต่อย่าชมวิวเพลินเกินไปล่ะ เพราะบางช่วงหากเผลอก้าวผิดทิศผิดทางอาจลงยาวหล่นหายวับไปในป่าเลยก็ได้

สี่โมงเศษๆ ถึงจุดชมวิวสวยที่สุดของดอยครับ เป็นจุดถ่ายรูปหลักเลยแหละ มีชะง่อนหินยื่นออกมาให้ยืนให้นั่งแอ็กท่าพอดีเป๊ะ แบ็คกราวน์เป็นแนวเทือกเขาและยอดคลุยโจโม ขอบอกว่าฟิน

จากจุดถ่ายรูป เดินทะลุชายป่าอีกไม่เกินห้านาทีก็ถึงจุดตั้งแคมป์ สภาพพื้นที่ช่วงหน้าแล้งแจ๋วมาก เต็นท์ดี เปลสะดวก มีเพิงที่ชาวบ้านทำไว้อีกสองหลัง เราสามารถใช้พื้นที่ได้เลย สัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอินเทอร์เน็ต มีครบทุกเครือข่าย

ส่วนน้ำดื่มน้ำใช้ลูกหาบเอามาให้เรียบร้อย ไกด์บอกว่าเข้ามกราคม ลูกหาบจะต้องแบกน้ำมาไกลกว่าช่วงก่อนหน้านี้ เพราะแหล่งน้ำใกล้แคมป์แห้งสนิทไปแล้ว นั่นทำให้หมู่บ้านจะทำการปิดดอยไม่พานักท่องเที่ยวขึ้นมาแล้วนั่นไง

หลังจัดการที่นอนเสร็จก็ช่วยกันหุงข้าวทำกับข้าวกับปลาแบบง่ายๆ สไตล์ชาวแคมป์ล่ะนะ

พอใกล้พระอาทิตย์ตกก็พากันออกไปดื่มด่ำบรรยากาศสักหน่อย วันนี้เพราะอิทธิพลของหางพายุปาบึกแสงเลยไม่แรงฟ้าไม่จัดจ้านเท่าไหร่ แต่ก็แลกมากับการได้เห็นไข่แดงดวงกลมๆ สวยดีครับ

ค่ำคืนนี้พวกเรากินข้าวนั่งคุยกันไปเรื่อยแบบไม่แคร์เวลา อากาศกำลังดี ไม่หนาวเกินไป ลมไม่แรง ท้องฟ้าเปิดๆ ปิดๆ เมฆลอยไปลอยมา ผมเลยขี้เกียจไม่ได้ตั้งกล้องถ่ายดาว ขอเป็นทริปชิลๆ บ้างแล้วกัน

---------------------------------------------------------

(2)

เราอยู่แม่สอด อำเภอชิดขอบตะวันตกของประเทศ ดังนั้นพระอาทิตย์ขึ้นช้าแน่นอน หกโมงลุกจากเต็นท์ออกมาดูว่าวันนี้ไม่มีทะเลหมอก (แห้งแบบนี้จะไปมีได้ยังไง) ก็เข้าไปเกลือกกลิ้งต่อ สักใกล้ๆ เจ็ดโมงโน่นแน่ะค่อยออกมาขยี้ตาอรุณสวัสดิ์วันใหม่

หลังต้มน้ำกินกาแฟ ช่วยกันหุงข้าวทำกับข้าวไว้ส่วนหนึ่ง เจ็ดโมงครึ่งก็พากันเดินขึ้นไปดูวิวบนยอดเขาซึ่งอยู่เหนือจุดตั้งแคมป์ เดินแป๊บเดียวยังไม่ทันเหนื่อยเลย

ขึ้นไปแล้วก็แช้ะเก็บภาพความประทับใจกันไป มีตากล้องหลายคนเสียงชัตเตอร์ก็ลั่นเป็นระยะไม่ขาดสาย เป็นช่วงเวลาที่สงบ อบอุ่น สนุก และมีความสุขดีครับ

กินข้าว เก็บแคมป์ ทำความสะอาดพื้นที่ 9.27 น. เป็นเวลาที่ผมถ่ายภาพหมู่ของพวกเราบนดอยเป็นภาพสุดท้าย ได้เวลาเซย์กู๊ดบายความสวยของภูเขาสีทองลูกนี้แล้ว

ขาลงนี่เดินลงจริงๆ ลาดลงเรื่อยๆ แต่เดินไม่ยาก เป็นทางเดียวกับที่ลูกหาบขึ้นมาเมื่อวาน

ประมาณชั่วโมงนิดๆ ก็ลงมาถึงลำห้วย บอกเลยว่ามีจุดที่สวยมากๆ คือบริเวณถ้ำใต้หน้าผาตรงนี้ ถามไกด์ว่าเรียกว่าอะไร ไกด์นั่งคิดอยู่ตั้งนานแล้วบอกว่าชื่อถ้ำพอโทะเล

หลังจากนี้เราจะเดินเลาะห้วยไปเรื่อยๆ จนบรรจบกับจุดที่พักกินข้าวเมื่อวาน แล้วใช้เส้นทางเดิมกลับไปขึ้นรถอีแต๊กที่จอดไว้

เรื่องเหมือนกำลังจะจบแต่มีแถมตอนท้ายอีกหน่อย เพราะพอกลับถึงวัดปูแป้ ที่นั่นกำลังมีงานปีใหม่ของกลุ่มเยาวชนบ้านปูแป้พอดี น้องๆ กะเหรี่ยงเลยชวนเรากินข้าวให้อิ่มหนำสมความเหนื่อยตามใจชอบ

แรกๆ ก็ออกลูกเกรงใจ ไปๆ มาๆ ชักวนตักคนละหลายรอบจนอิ่มแปล้กันเลยแฮะ (ฮา...)

รออีกสักพักรถเจ้าหน้าที่ก็มารับเราที่วัดปูแป้ กลับไปอาบน้ำอาบท่าที่ที่ทำการอุทยานฯ จากนั้นก็มาส่งพวกเราต่อที่ บขส.ตาก เพื่อนั่งรถทัวร์กลับบ้านกัน

โดยส่วนตัวหากถามผมว่าดอยมณฑาน่าเที่ยวหรือเปล่า ผมว่าที่นี่มีวิวสวยพอตัวเลยนะ ทางเดินไม่ยากมาก ไม่ไกลเกินไปด้วย เหนื่อยกำลังสนุกแบบไม่ทรมานนัก ความสบายของจุดกางเต็นท์มีเยอะ พื้นที่ดี สัญญาณโทรศัพท์ก็มี พอเอาทุกอย่างบวกลบคูณหารกันแล้ว คำตอบเลยเป็นว่า... ผมชอบที่นี่มากครับ และแนะนำให้ต้องจัดมาสักครั้งเลยล่ะ

ปีนี้ย้ำว่าปิดดอยเรียบร้อย ทางหมู่บ้านไม่พาขึ้นมาแล้ว ใครขึ้นหลังจากนี้คือแอบอุทยานฯ ขึ้น ต้องรอเปิดใหม่อีกทีราวๆ เดือนตุลาคม ที่คุยกับหลายฝ่ายแว่วมาว่าฤดูกาลท่องเที่ยวหน้าอาจเปิดลากยาวกว่าแค่สิ้นปีไปอีกสักเดือน ถึงเวลาก็สอบถามอุทยานฯ อีกทีแล้วกัน

ส่วนผมมาแล้ว ฟินแล้ว พอใจแล้ว ถ้ามีโอกาสก็อาจไว้รออีกสักพักใหญ่ๆ แล้วจะกลับมาเที่ยวใหม่แล้วกันนะ ดอยมณฑา

---------------------------------------------------------

ค่าใช้จ่ายทริปนี้

- ค่าไกด์ชาวบ้านนำทาง 1,200 บาท - ค่าลูกหาบ 1,000 บาท (ต่อคน) - ค่าเจ้าหน้าที่อุทยานฯ 1,200 บาท (ต่อคน/ถ้ามี) - ค่าธรรมเนียมเข้าหมู่บ้านคนละ 100 บาท - ค่ารถอีแต๊กไป-กลับ วัดปูแป้-จุดเริ่มเดิน คันละ 200 บาท - ค่ารถเหมาไป-กลับ บขส.ตาก-ที่ทำการฯ-วัดปูแป้ คนละ 350 บาท - ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ คนละ 40 บาท

---------------------------------------------------------

รู้สักนิดก่อนไปเที่ยว

- อยู่ในเขต อช.ตากสินมหาราช ระหว่าง อ.เมือง และ อ.แม่สอด จ.ตาก - นั่งรถทัวร์ให้ลง บขส.ตาก ไม่ใช่ บขส.แม่สอด จากนั้นเหมาะรถรับ-ส่ง สะดวกที่สุด - เปิดให้เที่ยวประมาณเดือนตุลาคม ถึงธันวาคม หรือมกราคม ในแต่ละปี - ขึ้นได้ทุกวันช่วงที่เปิด แต่หนึ่งวันรวมกันไม่เกิน 30-40 คน - ยอดดอยความสูงประมาณ 1,300 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล - เส้นทางเดินราว 7 กิโลเมตร เดินตามลำห้วย 4 กิโลเมตร ขึ้นเขา 3 กิโลเมตร - ใช้เวลาเดินประมาณ 5-6 ชั่วโมง รวมพักแบบสบายๆ ไม่เร่งรีบมาก - ช่วงปลายฤดูฝนรถอีแต๊กอาจไปได้ไม่สุดทางรถ ก็จะได้ระยะทางเดินเพิ่มขึ้น - ทางเดินช่วงปลายฤดูฝนมีทากพอสมควรแถวลำห้วย ส่วนฤดูแล้งแทบไม่มี - ปลายฤดูฝนการข้ามลำห้วยเปียกแน่นอน ช่วงฤดูแล้งพอหลบเลี่ยงได้ - ปลายฝนยอดดอยยังหญ้าเขียว เข้าธันวาค่อยๆ เริ่มเหลืองทอง - แคมป์บนดอยกางเต็นท์ได้ เปลได้ นอนปลาทูได้ - มีแหล่งน้ำตลอดทางเดินและบนยอด เตรียมเฉพาะน้ำกินระหว่างทางก็พอ - สัญญาณโทรศัทพ์และอินเทอร์เน็ต มีทุกเครือข่ายข้างบน - ข้อมููลอื่นๆ อช.ตากสินมหาราช 055511429 และคุณแอม จนท.อุทยานฯ 0820317842  

---------------------------------------------------------

ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทางhttp://www.facebook.com/alifeatraveller

ดอยมณฑา เลาะห้วย เข้าป่า แตะขอบฟ้าแม่สอด

ดอยมณฑา (Doi Montha) จ.ตาก

นายสองสามก้าว ...

January 22, 2019, 2:46 PM January 23, 2019, 4:54 AM

ดอยมณฑา เลาะห้วย เข้าป่า แตะขอบฟ้าแม่สอด

“ตอนนี้ยังไม่เปิดครับ ฝนกำลังดี ชาวบ้านนำทางลูกหาบเขายังทำไร่ทำนาอยู่” นั่นคือคำตอบของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช จังหวัดตาก บอกกับผมตอนโทรไปถามข้อมูลการท่องเที่ยวเดินป่าขึ้นดอยมณฑา ... แต่นั่นเมื่อสองปีกว่าๆ มาแล้วนะครับ

ตัดฉับมาปัจจุบัน เมื่อผมแจ้งเจ้าหน้าที่ในช่วงปลายปีว่ามีความประสงค์จะพาเพื่อนๆ รวม 8 ชีวิต ไปยลดอยมณฑา เป็นทริปประเดิมปี 2562 สักหน่อย คราวนี้ทุกอย่างดูเหมือนราบลื่นเรียบร้อยดี

ตั๋วรถทัวร์จองแล้ว นัดแนะเพื่อนแล้ว นัดแนะรถกระบะรับ-ส่งของเจ้าหน้าที่แล้ว แต่พอหลังหยุดยาวปีใหม่ก่อนเดินทางแค่สองวัน โทรคุยกับเจ้าหน้าที่อีกรอบก็ถึงกับอึ้งกิมกี่เมื่อปลายสายพูดว่า “ชาวบ้านบอกว่าเดือนนี้ไม่นำเดินแล้วค่ะ บนดอยหาแหล่งน้ำยากแล้ว”

ใจหล่นถึงตาตุ่ม จะทำยังไงล่ะ ก็อ้อนวอนเจ้าหน้าที่ไปสิครับว่าขออีกกลุ่มไม่ได้หรือ เพิ่งหลังปีใหม่เอง ที่สำคัญเราเตรียมการเดินทางไว้หมดแล้ว นับว่าโชคดีที่เจ้าหน้าที่เข้าใจและใจดีคุยกับชาวบ้านให้ และชาวบ้านเองก็เห็นใจ... โอเค กลุ่มเราเป็นกลุ่มสุดท้ายของฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้นะ

เฮ้อ... โล่งอกไปที

ดอยมณฑา เป็นยอดเขาลูกหนึ่งในเขตอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช เป็นแนวแบ่งเขตอำเภอแม่สอด กับอำเภอเมือง ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวทางอุทยานฯ บริการจัดการร่วมกับชุมชนบ้านปูแป้ ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด นักท่องเที่ยวจะขึ้นดอยต้องติดต่อขออนุญาตอุทยานฯ ก่อน จากนั้นอุทยานฯ จะประสานงานกับชาวบ้านให้ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่แท้จริง

อช.ตากสินมหาราช ดอยมณฑา และบ้านปูแป้ อยู่ตรงกลางระหว่าง ตาก – แม่สอด หากเดินทางเองด้วยรถสาธารณะแนะนำให้ลง บขส.ตาก แล้วใช้บริการเหมารถกระบะของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จะดีที่สุด เหมือนที่พวกเราทำในครั้งนี้ครับ

---------------------------------------------------------

(1)

ทริปนี้พวกเรา 8 ชีวิต เดินทางจากหมอชิต 6 คน นัดเจอกับเจ้าถิ่นชาวตาก อีก 2 คน ที่อุทยานฯ สะดวกที่สุดคือรถ ป.1 กทม. – บ้านตาก รอบสี่ทุ่ม ถึง บขส.ตาก 5.00-5.30 น. เวลากำลังดี

ถึง บขส.ตาก เช้าตรู่ รถเจ้าหน้าที่ก็มารับ หน้าหนาวแบบนี้ฟ้ายังมืดตึ้ดตื๋อ ก่อนเข้าไปข้างในต้องแวะตลาดซื้อของก่อน ทริปนี้วันเดียวเพราะฉะนั้นทำแบบง่ายๆ ผัดผัก หมูยอทอด ลูกชิ้นทอด ที่ตลาดมีให้เลือกทุกสิ่งอยู่แล้ว

จับจ่ายข้าวของเสร็จก็ตรงมาที่ทำการอุทยานฯ วิ่งถนน แม่สอด-ตาก ทล.12 นั่นแหละ จากปากทางเข้ามาประมาณสามกิโลเมตร ตรงนี้เป็นเขตของอำเภอเมือง เรามาที่นี่เพื่อลงทะเบียนขึ้นดอยมณฑาและเตรียมตัวลุยกัน

ในเอกสารลงทะเบียนบอกเอาไว้ครับ เส้นทางถึงยอดดอยมณฑาทั้งหมด 7 กิโลเมตร เป็นทางค่อนข้างราบ 4 กิโลเมตร และทางชัน 3 กิโลเมตร เตือนไว้ก่อนว่าจะต้องเหนื่อยพอดู

หากใครขับรถส่วนตัวจะมากางเต็นท์นอนที่นี่ก่อนสักคืนก็บรรยากาศดี ลานกางเต็นท์หลายโซน ห้องน้ำห้องท่าสะดวกมาก

จากที่ทำการฯ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที จึงมาถึงจุดนัดหมายกับชาวบ้านนำทางที่วัดปูแป้ ตรงนี้อยู่ในเขตอำเภอแม่สอดแล้ว เป็นหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง แต่เพราะไม่ได้อยู่บนเขา ถนนเข้าถึง ก็เป็นชาวกะเหรี่ยงทันสมัย ลูกหลานรุ่นใหม่ถือสัญชาติไทย พูดทั้งกะเหรี่ยงทั้งไทยได้สบาย และเป็นจุดสุดท้ายจริงๆ สำหรับใครจะเตรียมความพร้อมเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย

ความสนุกก่อนเหนื่อยคือเราต้องนั่งรถอีแต๊กจากวัดปูแป้ต่อเข้าไปจุดเริ่มเดิน ผ่านทั้งถนนลูกรัง ลำห้วย สองข้างทางเป็นพื้นที่ถากถางทำเกษตรบ้าง ป่าปลูกบ้าง นั่งหัวโยกหัวคลอนกันประมาณครึ่งชั่วโมงครับ

ถึงสุดทางรถอีแต๊กจึงได้เดินกันแล้ว (เย้...) เตรียมของขึ้นเป้ได้เลย มองนาฬิกาสิบโมงครึ่งพอดี

อย่างที่บอกครับว่าทางช่วงแรกเป็นทางราบ จริงๆ ก็ไม่ราบเสียทีเดียวหรอก ไต่ระดับทีละน้อยตามห้วยปูแป้ ข้ามห้วยไปมาหลายครั้ง ดีว่าเดือนมกราคมน้ำค่อนข้างน้อย เหยียบหินบ้าง ก้าวยาวๆ บ้างก็พ้น ไม่ต้องลุยน้ำเหมือนตอนหมดฝนใหม่ๆ

ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงดี เราก็มาถึงจุดที่ลำห้วยย่อยสองสายมาบรรจบกัน ไกด์บอกว่าพักกินข้าวตรงนี้แหละ เราบอกว่ายังไม่หิวเลยไปต่อก็ได้ แต่ไกด์ยืนยันว่าให้กินตรงนี้ มาบางอ้อหลังกินเสร็จว่าจากจุดนี้ลูกหาบจะแยกกับเรา เขาไปทางสั้นกว่าเพื่อตัดขึ้นแคมป์ ส่วนเราไปอีกทางที่ชันกว่าไกลกว่าแต่มีวิวให้ชมนั่นเอง

น้ำในลำห้วยปูแป้ใสมากครับ กุ้ง ปลา ลูกอ๊อด เพียบเลย หลักฐานความสะอาดของน้ำคือการมีอยู่ของสัตว์น้ำตามธรรมชาตินี่แหละ

หลังพักกินข้าวเรายังคงเดินขึ้นแบบเรื่อยๆ ทีละนิดละหน่อยอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงจึงพ้นช่วงที่เรียกว่า 4 กิโลเมตรแรก ต้องเจอทางชัน 3 กิโลเมตร ที่อุทยานฯ ขู่ไว้สักที

เนินแรกมาตอนเที่ยงครึ่ง เพิ่งรู้สึกว่ามาเดินป่าขึ้นเขาจริงจังก็ตอนนี้ การได้เดินมายาวๆ ก่อนหน้าถือว่าดีนะ เหมือนวอร์มเครื่อง พอเจอทางชันเลยไม่หนักมาก ไม่เหมือนบางดอยแค่ก้าวไม่กี่ก้าวก็ชันซะแล้ว

ใกล้บ่ายสอง พ้นเนินที่สองขึ้นมาจะมองเห็นภูเขาสีทองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล นั่นแหละคือดอยมณฑา และจุดที่เราจะตั้งแคมป์กัน

ทีละนิด ทีละนิด เราต้องผจญทางชันๆ อีกประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อผ่านเนินที่สองและเนินที่สามให้ได้

พ้นแนวป่าเนินที่สามขึ้นมาสู่ยอดเขาโล่งๆ พอเห็นเขาลูกข้างหน้าแล้วถึงกับน้องโอ้ว ยิ่งเห็นทางเดินสีขาวๆ ขึ้นสู่ยอดเขาด้วยแล้ว ขอกลืนน้ำลายแป๊บนะ (ฮา...)

ไกด์บอกว่ายอดเขาโดดเด่นลูกข้างหน้าคือเนินสุดท้ายที่เราต้องเผชิญ มีชื่อว่าคลุยโจโม ส่วนตรงที่เราจะไปตั้งแคมป์คือคลุยพะแล (คลุยแปลว่าภูเขา) ทั้งหมดอยู่ในภูเขาลูกที่เรียกว่าดอยมณฑานั่นไง

ถอนหายใจสักเฮือก ขึ้นเป้ แล้วไปต่อ ยืนอยู่นิ่งๆ เฉยๆ ยังไงภูเขาก็ไม่ลดความสูงให้หรอก (ฮา...)

ขึ้นมาเรื่อยๆ ทีละก้าววิวสวยมาก น่าแปลกคือตอนยืนดูไกลๆ เห็นว่าสูงลิบลับ พอเดินจริงๆ กลับไม่ชันเหมือนที่ตาเห็นแฮะ หรืออาจเพราะได้เดินไปชมวิวไปถ่ายรูปไปด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้

ถึงยอดคลุยโจโม แดดแรงๆ แบบนี้นั่งพักหลบร่มต้มกาแฟร้อนๆ กินกันเถอะ บ้าไปแล้วอากาศร้อนดันจิบกาแฟร้อนอีก

นั่นแหละครับเนินชันเนินสุดท้าย หลังจากนี้จะเดินเลาะตามสันเขา ช่วงที่เราไปหญ้าเริ่มแห้งแถมดอกหญ้ากำลังออก สะท้อนแดดกลายเป็นทางเดินสีทองสวยน่าประทับใจมาก แต่อย่าชมวิวเพลินเกินไปล่ะ เพราะบางช่วงหากเผลอก้าวผิดทิศผิดทางอาจลงยาวหล่นหายวับไปในป่าเลยก็ได้

สี่โมงเศษๆ ถึงจุดชมวิวสวยที่สุดของดอยครับ เป็นจุดถ่ายรูปหลักเลยแหละ มีชะง่อนหินยื่นออกมาให้ยืนให้นั่งแอ็กท่าพอดีเป๊ะ แบ็คกราวน์เป็นแนวเทือกเขาและยอดคลุยโจโม ขอบอกว่าฟิน

จากจุดถ่ายรูป เดินทะลุชายป่าอีกไม่เกินห้านาทีก็ถึงจุดตั้งแคมป์ สภาพพื้นที่ช่วงหน้าแล้งแจ๋วมาก เต็นท์ดี เปลสะดวก มีเพิงที่ชาวบ้านทำไว้อีกสองหลัง เราสามารถใช้พื้นที่ได้เลย สัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอินเทอร์เน็ต มีครบทุกเครือข่าย

ส่วนน้ำดื่มน้ำใช้ลูกหาบเอามาให้เรียบร้อย ไกด์บอกว่าเข้ามกราคม ลูกหาบจะต้องแบกน้ำมาไกลกว่าช่วงก่อนหน้านี้ เพราะแหล่งน้ำใกล้แคมป์แห้งสนิทไปแล้ว นั่นทำให้หมู่บ้านจะทำการปิดดอยไม่พานักท่องเที่ยวขึ้นมาแล้วนั่นไง

หลังจัดการที่นอนเสร็จก็ช่วยกันหุงข้าวทำกับข้าวกับปลาแบบง่ายๆ สไตล์ชาวแคมป์ล่ะนะ

พอใกล้พระอาทิตย์ตกก็พากันออกไปดื่มด่ำบรรยากาศสักหน่อย วันนี้เพราะอิทธิพลของหางพายุปาบึกแสงเลยไม่แรงฟ้าไม่จัดจ้านเท่าไหร่ แต่ก็แลกมากับการได้เห็นไข่แดงดวงกลมๆ สวยดีครับ

ค่ำคืนนี้พวกเรากินข้าวนั่งคุยกันไปเรื่อยแบบไม่แคร์เวลา อากาศกำลังดี ไม่หนาวเกินไป ลมไม่แรง ท้องฟ้าเปิดๆ ปิดๆ เมฆลอยไปลอยมา ผมเลยขี้เกียจไม่ได้ตั้งกล้องถ่ายดาว ขอเป็นทริปชิลๆ บ้างแล้วกัน

---------------------------------------------------------

(2)

เราอยู่แม่สอด อำเภอชิดขอบตะวันตกของประเทศ ดังนั้นพระอาทิตย์ขึ้นช้าแน่นอน หกโมงลุกจากเต็นท์ออกมาดูว่าวันนี้ไม่มีทะเลหมอก (แห้งแบบนี้จะไปมีได้ยังไง) ก็เข้าไปเกลือกกลิ้งต่อ สักใกล้ๆ เจ็ดโมงโน่นแน่ะค่อยออกมาขยี้ตาอรุณสวัสดิ์วันใหม่

หลังต้มน้ำกินกาแฟ ช่วยกันหุงข้าวทำกับข้าวไว้ส่วนหนึ่ง เจ็ดโมงครึ่งก็พากันเดินขึ้นไปดูวิวบนยอดเขาซึ่งอยู่เหนือจุดตั้งแคมป์ เดินแป๊บเดียวยังไม่ทันเหนื่อยเลย

ขึ้นไปแล้วก็แช้ะเก็บภาพความประทับใจกันไป มีตากล้องหลายคนเสียงชัตเตอร์ก็ลั่นเป็นระยะไม่ขาดสาย เป็นช่วงเวลาที่สงบ อบอุ่น สนุก และมีความสุขดีครับ

กินข้าว เก็บแคมป์ ทำความสะอาดพื้นที่ 9.27 น. เป็นเวลาที่ผมถ่ายภาพหมู่ของพวกเราบนดอยเป็นภาพสุดท้าย ได้เวลาเซย์กู๊ดบายความสวยของภูเขาสีทองลูกนี้แล้ว

ขาลงนี่เดินลงจริงๆ ลาดลงเรื่อยๆ แต่เดินไม่ยาก เป็นทางเดียวกับที่ลูกหาบขึ้นมาเมื่อวาน

ประมาณชั่วโมงนิดๆ ก็ลงมาถึงลำห้วย บอกเลยว่ามีจุดที่สวยมากๆ คือบริเวณถ้ำใต้หน้าผาตรงนี้ ถามไกด์ว่าเรียกว่าอะไร ไกด์นั่งคิดอยู่ตั้งนานแล้วบอกว่าชื่อถ้ำพอโทะเล

หลังจากนี้เราจะเดินเลาะห้วยไปเรื่อยๆ จนบรรจบกับจุดที่พักกินข้าวเมื่อวาน แล้วใช้เส้นทางเดิมกลับไปขึ้นรถอีแต๊กที่จอดไว้

เรื่องเหมือนกำลังจะจบแต่มีแถมตอนท้ายอีกหน่อย เพราะพอกลับถึงวัดปูแป้ ที่นั่นกำลังมีงานปีใหม่ของกลุ่มเยาวชนบ้านปูแป้พอดี น้องๆ กะเหรี่ยงเลยชวนเรากินข้าวให้อิ่มหนำสมความเหนื่อยตามใจชอบ

แรกๆ ก็ออกลูกเกรงใจ ไปๆ มาๆ ชักวนตักคนละหลายรอบจนอิ่มแปล้กันเลยแฮะ (ฮา...)

รออีกสักพักรถเจ้าหน้าที่ก็มารับเราที่วัดปูแป้ กลับไปอาบน้ำอาบท่าที่ที่ทำการอุทยานฯ จากนั้นก็มาส่งพวกเราต่อที่ บขส.ตาก เพื่อนั่งรถทัวร์กลับบ้านกัน

โดยส่วนตัวหากถามผมว่าดอยมณฑาน่าเที่ยวหรือเปล่า ผมว่าที่นี่มีวิวสวยพอตัวเลยนะ ทางเดินไม่ยากมาก ไม่ไกลเกินไปด้วย เหนื่อยกำลังสนุกแบบไม่ทรมานนัก ความสบายของจุดกางเต็นท์มีเยอะ พื้นที่ดี สัญญาณโทรศัพท์ก็มี พอเอาทุกอย่างบวกลบคูณหารกันแล้ว คำตอบเลยเป็นว่า... ผมชอบที่นี่มากครับ และแนะนำให้ต้องจัดมาสักครั้งเลยล่ะ

ปีนี้ย้ำว่าปิดดอยเรียบร้อย ทางหมู่บ้านไม่พาขึ้นมาแล้ว ใครขึ้นหลังจากนี้คือแอบอุทยานฯ ขึ้น ต้องรอเปิดใหม่อีกทีราวๆ เดือนตุลาคม ที่คุยกับหลายฝ่ายแว่วมาว่าฤดูกาลท่องเที่ยวหน้าอาจเปิดลากยาวกว่าแค่สิ้นปีไปอีกสักเดือน ถึงเวลาก็สอบถามอุทยานฯ อีกทีแล้วกัน

ส่วนผมมาแล้ว ฟินแล้ว พอใจแล้ว ถ้ามีโอกาสก็อาจไว้รออีกสักพักใหญ่ๆ แล้วจะกลับมาเที่ยวใหม่แล้วกันนะ ดอยมณฑา

---------------------------------------------------------

ค่าใช้จ่ายทริปนี้

- ค่าไกด์ชาวบ้านนำทาง 1,200 บาท - ค่าลูกหาบ 1,000 บาท (ต่อคน) - ค่าเจ้าหน้าที่อุทยานฯ 1,200 บาท (ต่อคน/ถ้ามี) - ค่าธรรมเนียมเข้าหมู่บ้านคนละ 100 บาท - ค่ารถอีแต๊กไป-กลับ วัดปูแป้-จุดเริ่มเดิน คันละ 200 บาท - ค่ารถเหมาไป-กลับ บขส.ตาก-ที่ทำการฯ-วัดปูแป้ คนละ 350 บาท - ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ คนละ 40 บาท

---------------------------------------------------------

รู้สักนิดก่อนไปเที่ยว

- อยู่ในเขต อช.ตากสินมหาราช ระหว่าง อ.เมือง และ อ.แม่สอด จ.ตาก - นั่งรถทัวร์ให้ลง บขส.ตาก ไม่ใช่ บขส.แม่สอด จากนั้นเหมาะรถรับ-ส่ง สะดวกที่สุด - เปิดให้เที่ยวประมาณเดือนตุลาคม ถึงธันวาคม หรือมกราคม ในแต่ละปี - ขึ้นได้ทุกวันช่วงที่เปิด แต่หนึ่งวันรวมกันไม่เกิน 30-40 คน - ยอดดอยความสูงประมาณ 1,300 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล - เส้นทางเดินราว 7 กิโลเมตร เดินตามลำห้วย 4 กิโลเมตร ขึ้นเขา 3 กิโลเมตร - ใช้เวลาเดินประมาณ 5-6 ชั่วโมง รวมพักแบบสบายๆ ไม่เร่งรีบมาก - ช่วงปลายฤดูฝนรถอีแต๊กอาจไปได้ไม่สุดทางรถ ก็จะได้ระยะทางเดินเพิ่มขึ้น - ทางเดินช่วงปลายฤดูฝนมีทากพอสมควรแถวลำห้วย ส่วนฤดูแล้งแทบไม่มี - ปลายฤดูฝนการข้ามลำห้วยเปียกแน่นอน ช่วงฤดูแล้งพอหลบเลี่ยงได้ - ปลายฝนยอดดอยยังหญ้าเขียว เข้าธันวาค่อยๆ เริ่มเหลืองทอง - แคมป์บนดอยกางเต็นท์ได้ เปลได้ นอนปลาทูได้ - มีแหล่งน้ำตลอดทางเดินและบนยอด เตรียมเฉพาะน้ำกินระหว่างทางก็พอ - สัญญาณโทรศัทพ์และอินเทอร์เน็ต มีทุกเครือข่ายข้างบน - ข้อมููลอื่นๆ อช.ตากสินมหาราช 055511429 และคุณแอม จนท.อุทยานฯ 0820317842  

---------------------------------------------------------

ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทางhttp://www.facebook.com/alifeatraveller

เที่ยวเขาใหญ่ 3 วัน 2 คืน

เขาใหญ่ จ.

Sarun Sudnum

January 22, 2019, 3:04 PM January 23, 2019, 4:54 AM

   เขาใหญ่ ใกล้ๆไปเที่ยวกันไหม ไปสัมผัสความหนาวกับสายหมอก ทริปนี้เราไปนอนเต็นท์ที่ผากล้วยไม้ ไปเล่นเครื่องเล่นที่ไร่ทองสมบูรณ์คลับ    ทริปนี้เป็นการไปเที่ยวเขาใหญ่ครั้งแรก  รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ไปสถานที่ใหม่ๆที่ที่เราไม่เคยไป ทริปนี้ไปกัน4คน อย่างที่บอกทริปนี้เป็นการRoadtrip ขับรถเที่ยว ไปเรื่อยๆผ่านตรงไหนก็แวะ  ไม่มีแพลนอะไรมากมาย เราไปกัน3วัน2คืนช่วงหยุดยาววันที่ 8-10 ธ.ค.61 ที่ผ่านมา โชคไม่ค่อยดี ฝนตกด้วย รถค่อนข้างติดเลยอาจจะเก็บสถานที่ท่องเที่ยวได้น้อย ถ้าใครไปช่วงที่ไม่ใช่เทศกาลเที่ยวสบาย กลับมายังรู้สึกค้างคาใจกับเขาใหญ่ พึ่งรู้ตอนไปว่าเขาใหญ่มีที่เที่ยวเยอะมาก อากาศก็ดี ธรรมชาติป่าไม้ยังสมบูรณ์ สถานที่คูลๆเหมาะแก่การถ่ายรูปเยอะดีไว้จะกลับไปเที่ยวใหม่แน่นอน ยังไงรีวิวนี้ก็ลองอ่านกันดูเผื่อเป็นแนวทางได้ครับ

มาเริ่มที่การเดินทางของเรากันเลย เราออกเดินทางจากกรุงเทพช่วงสายๆ มุ่งหน้าไปเขาใหญ่ขับไปเส้นสระบุรี  ทริปนี้เราใช้บริการรถเช่าของ Haupcar  การเช่ารถสะดวกสบายไม่ต้องพกกุญแจ ใช้วิธีการปลดล็อคผ่านแอฟ ง่ายสะดวกสบาย ลองเข้าไปดูรายละเอียดหน้าเพจเลย

เราใช้เวลาค่อนข้างนาน เนื่องจากวันที่เราไปเป็นช่วงหยุดยาว รถค่อนข้างติดพอสมควร ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงได้ ตามปกติประมาณ 2 ชั่วโมง

ที่แรกที่เราแวะ The birder's Lodge ที่นี่เป็นทั้งที่พัก ร้านกาแฟ และตลาด มีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะดี เป็นจุดเช็คอินที่ใครๆมาเขาใหญ่ก็ไม่พลาดที่จะแวะ

โซนร้านกาแฟ ชิคๆดูเท่ๆนะ

ด้านใน แต่วันไปก็ไม่ได้ลองคนเยอะด้วย แล้วก็กลัวเข้าอุทยานไม่ทัน

ส่วนด้านในของบ้านเขียวๆ ก็จะเป็นตลาด มีพวกต้นไม้ ดอกไม้ ผลไม้ ข้าวของเครื่องใช้ ขนมนมเนยขาย

ไอติมอะไรวะแพงมาก แท่งล่ะ70บาท แต่อร่อยโอเคให้อภัยก็ได้ น้ำตาไหลเบาๆ555 แต่รถชาติดีจริงมีหลายรสด้วยชื่อแปลกด้วยไปลองกันได้นะ

มุมถ่ายรูปสวยๆเยอะดีนะ

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แวะถ่ายรูปนิดหน่อย เพื่อเป็นที่ละทึก ก่อนเขาอุทยานเสียค่าเข้าคนล่ะ 40 บาท

จุดชมวิวกม.30 จริงตรงนี้น่าจะสวยแต่วันที่ไปฟ้าปิด เลยมองไม่เห็นอะไร ไปถึงเย็นแล้วด้วย แต่ถ้าฟ้าเปิดน่าจะเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้ด้วยนะ จะน่าสวยเลย เสียดายเหมือนกัน

เขาใหญ่เป็นเมืองมรดกโลกด้วนะ ไปแล้วอย่าลืมแวะไปถ่ายรูปกับป้ายกันด้วยล่ะ

ถึงแล้วผากล้วยไม้ มาถึงซะเย็น เกือบมืดเลย มองไปตรงไหนมีแต่คนกางเต็นท์เต็มไปหมด คนเยอะมาก แต่ผมจองเต็นท์ไว้แล้วจากเวปอุทยาน เป็นเต็นท์นอน2-3คน เต็นท์ล่ะ 225 บาท แผ่นรองนอน 20 บาท ถุงนอน 30 บาท หมอน 10 บาท ดีนะที่จองไว้ก่อน เพราะเต็นท์เต็มหมด แนะนำคนที่ไปช่วงเทศกาลจองก่อนไปนะครับ เวปจอง : http://nps.dnp.go.th/index.php

อากาศดีนะเย็นๆ แต่ยังไม่หนาว เดินหาที่กางเต็นท์พักนึง เพราะพื้นที่ทั้งหมดถูกจับจองไปหมดเนื่องจากพวกเราขึ้นมาเย็น พอได้ที่กางก็โล่งใจแต่....ปัญหามันยังไม่จบเว้ย กางเต็นท์กันไม่เป็น 5555

ทุกคนช่วยกันกางเต็นท์ แม้แต่เต็นท์ข้างๆก็มาลุมช่วยกัน กว่าจะเสร็จปาไปทุ่มนึง 555 เล่นเอาเครียด เลยไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลย เป็นการกางเต็นท์ครั้งแรก แต่ก็สนุกฮาดี 555  ตรงผากล้วยไม้มีอาหารขายนะ ขนมนมเนยก็มี ร้านปิด 21.00 น. พวกเราซื้อของกันมาบ้างแล้วก็มาสั่งข้าวคนล่ะกล่อง จุดเทียนเล่มนึง กินข้าวท่ามกลางแสงเทียน บรรยากาศเย็นๆ มีอะไรก็ฟาดกันเรียบ กินเสร็จอาบน้ำนอน

ยามเช้าอากาศเย็นๆ

สวัสดีเช้าวันที่ 2 เราตื่นกันแต่เช้า ขับรถมุ่งหน้ากันไปที่น้ำตกเหวสุวัต อยู่ไม่ไกลจากผากล้วยไม้  เป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งนึงเลย

น้ำอาจจะน้อยไปหน่อย แต่โดยรวมสวยเลย  เก็บภาพสักหน่อย เพื่อนหนีขึ้นไปกันก่อนเลย ตั้งกล้องถ่ายเก็บภาพเป็นที่ละทึกซะหน่อย  

อีกสักภาพ บ๊ายน้ำตกเหวสุวัต ไปต่อๆ  

มาต่อกันที่ผาเดียวดาย วันที่ไปหมอกลงจัดตั้งแต่ทางเข้าจนถึงผาเดียวดาย เลยมองไม่เห็นอะไร แต่ก็สวยไปอีกแบบ สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงชื่อผาเดียวดาย พอถ่ายรูปแล้วเอ้อมันเดียวดายจริงๆแฮะ555 ไม่เกี่ยวหรอกแหม

มันก็ต้องถ่ายให้ดูเดียวดายตามชื่อผา 5555

บรรยากาศคูลดีนะ เย็นๆ เดินไปจะเปียกๆหน่อย ไม่ใช้ฝนตกนะ น้ำค้างหยด แต่ฟินมาก หมอกบางๆลมเย็นๆ

อ่างเก็บน้ำสายศร อ่างเก็บน้ำขนาดกำลังเหมาะ ตั้งอยู่ในอุทยาน เป็นจุดถ่ายรูปอีกแห่งที่ควรแวะ

บรรยากาศรอบๆ น่าถ่ายพรีเวดดิ้งเนาะ แสงตอนเย็นน่าจะกำลังสวย

มุมถ่ายรูปสวยๆเยอะนะ ควรแวะ อากาศดีด้วย

บรรยากาศระหว่างทาง ภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สองข้างทางล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ และสัตว์ป่า โชคดีที่วันไปไม่เจอพี่ช้างเจ้าถิ่น เจอแต่พี่ลิงเต็มเลย 555 แต่เพื่อนเจอกวางด้วยนะ

ร้านเป็นลาว ออกมาจากเขาใหญาด้วยความหิวโหย เรามาแวะกันที่ร้านเป็นลาว มองเห็นจากข้างหน้าน่าแวะ เลยเปิดดูรีวิวใช้ได้นิ แวะเลย

บรรยากาศในร้าน

อาหารที่สั่งก็จะประมาณนี้ รสชาติอร่อยเลย แต่ตินิดเดียวราคาแรงไปหน่อยหมดนี้ แปดร้อยกว่าบาท ให้ตายเถอะโรบิ้น 5555 แต่เอาเถอะหิวด้วย รสชาติแซบดีให้อภัย อร่อยเลยแหละ

Toscana Valley อีตาลีแห่งเขาใหญ่ ด้วยสไตล์การตกแต่ง เหมือนอยู่ต่างประเทศ

มีหอเอนปิซ่าด้วย แต่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่สวยดีนะ

ที่นี่เป็นโครงการบ้านจัดสรรและบ้านพัก ด้านในมีร้านอาหาร และสนามกอล์ฟ ถ้าใครจะมาถ่ายรูปจะถ่ายได้เฉพาะด้านนอก จะเข้าได้เฉพาะคนที่มาพักและคนที่เข้ามารับประทานอาหาร พวกเราถ่ายรูปกันอยู่ด้านนอก ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

ทุ่งทานตะวันไร่มณีศร ทุ่งทานตะวันขนาดใหญ่ เค้าบอกว่ามีเนื้อที่กว่า 300 ไร่

สวยดี แต่เราไปช่วงบ่ายๆดอกมันคว่ำ 555

ไหนๆก็มาแล้วถ่ายไปเถอะ เสียค่าเข้าตั้ง 40 บาท

มองไปดูหนาอยู่นะ แต่ตอนไปก็ยังบานไม่หมด

ผู้หญิงน่าจะชอบนะ กดถ่ายรัวๆไปเลย

บายไร่มณีศร ไปต่อๆ    

Tara cafe บ้านหนึ่งธารา คาเฟ่น่านั่ง บรรยากาศร่มรื่น ติดริมน้ำ

น่าอิจฉาจุงเบย บรรยากาศดีใช้ได้

มีมุมนั่งชิวเยอะดี

ข้างๆมีลำธารเล็กไหลผ่าน

บรรยากาศรอบๆคาเฟ่ มุมถ่ายรูปชิคๆเท่ๆเยอะดี อย่าลืมแวะไปกันนะ

ทีเด็ดของทริปนี้ เรามากันที่ไร่ทองสมบรูณ์คลับ บนเนื้อที่กว่า 300 ไร่ที่นี่ แหล่งรวมความมันความสนุก ความเพลิดเพลินอยู่ที่นี่ ที่นี่มีทั้งที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สวนสนุก เรียกได้ว่ามาที่เดียวบันเทิงกันเลยทีเดียว

ร้านกาแฟเปิดใหม่ อยู่ใกล้ๆกับโซนเครื่องเล่นเลย

วิวดีด้วยนะเออ

มุมพักผ่อน เล่นเครื่องเล่นมาเหนื่อยๆมาเอนกายพักได้

กาแฟอร่อยราคาหลักสิบเอง

ยิ่งเค้กนะอร่อยมาก แนะนำเลย โดยเฉพาะเค้กบราวนี่ ราคาไม่แพงด้วย 

กินอิ่มแล้วมาเล่นเครื่องเล่นกัน ไร่ทองสมบูรณ์คลับ เครื่องเล่นกิจกรรมที่นี่มีเยอะมาก มีอะไรบ้างมาดูกัน  1.รอกลอยฟ้า 2.ลูจ  3.กระเช้าลอยฟ้า 4.รถดริฟ 5.เอทีวี 6.รถโคคาร์ท 7.ล่องแก่ง 8.ดรายสเลจ 9.โรลิ่งบอล 10.รถบักกี้ 11.ยิงปืนบีบีกัน 12.เหมืองร่อนทอง 13.รถจักไอน้ำ 14.โรดอโอวัวพยศ 15.ขี่ม้า 16.ปืนเลเซอร์ 17.แต่งชุดคาวบอยถ่ายรูป ประมาณนี้ ยังมีกิจกรรมพวกเกมส์อีกด้วยนะ

ดรายสเลจ มันมาก มองเผินๆเหมือนไม่มีอะไร แต่เสียวเอาเรื่องเลย 5555 เล่นมาแล้วเสียววาปอยู่ช่วงแรก จากนั้นไหลยาว มันดีอยากซ้ำหลายๆรอบ อยากให้ลองเลย จากตอนแรกนิ่งๆเงียบๆ พอไหลลงไปเท่านั้นรองลั่น เกือบแต๋วแตก 5555

ล่องแก่ง เหมือนจะชิว แต่มีจุดพีค คือไหลลงมาด้วยความเร็ว ตู้มน้ำกระจาย เด็กๆน่าจะชอบ เปียกหน่อยๆนะ ให้เล่นอันนี้ก่อน ชุดจะได้แห้ง 5555

โกคาร์ท เหมาะกับคนที่ชอบความเร็ว  ค่อยๆขับเดี๋ยวแหกโค้ง 5555 เด็กเล่นได้ ผู้ใหญ่เล่นดี

ATV ขับมัน ขับเพลินมาก ขับง่าย วิวภูเขาสวยดี

อันนี้เด็ดมาก ลูจ รถไม่มีเกียร์ ห้ามพลาด สนามเค้าพึ่งทำใหม่ด้วย เป็นสีรุ้งสวยดี

ระยะทางไหลยาวๆไปเลย

ลูจ เป็นรถที่ไม่มีเครื่องยนต์ ใช้แค่แฮนบังคับทิศทางและเบรกมือ มันจะไหลจากที่สูงไปตามระยะทาง บังคับง่ายมาก เด็กก็เล่นได้

เห็นเส้นทางเป็นแบบนี้ อย่ากำเบรกมากนะ ค่อยๆปล่อยไหลกำเบรกเป็นบางช่วงที่ชันๆและจุดโค้งๆ ไม่มใช่อะไรนะเพราะถ้ากำเบรกมากรถไม่ไหลต้องลงไปเข็นนะ 5555 ผมเจอมาแล้วตรงช่วงก่อนถึงปลายทาง อย่างฮา ดีนะไม่มีใครตามมา 5555

สนามสวย ต้องไปลองนะ วิวมองเพลินเลย ด้านบนเป็นกระเช้าลอยฟ้า

กระเช้าลอยฟ้า เด็กกับผู้สูงอายุเล่นได้ ความสูลพอประมาณ ทีเด็ดคือวิวสองข้างเป็นภูเขา

เราก็ไม่พลาดที่จะเล่น เพราะว่าเมื่อขับลูจลงไปแล้วไม่มีทางขึ้นต้องนั่งกระเช้ามาอย่างเดียว ผมนั่งมากับเพื่อนมันเงียบตลอดทาง ถามว่ามึงเป็นไรมันกลัวความสูง 5555

คนที่กลัวความสูงผมว่าไม่เท่าไรนะ พยายามอย่ามองลงไปข้างล่างมากก็ได้ 555 แต่อยากให้เล่นสนุกดี

รถบั๊กกี้ รถ 4 ล้อลุยๆแบบวิบาก

เส้นทางไม่โหดมาก ใครที่เป็นสายลุย ชอบความเร็วไม่ควรพลาด

แนวชิวๆ ไม่ชอบเล่นเครื่องเล่น มาแต่งตัวเป็นคาวบอย เดินถ่ายรูป ขี่ม้าชิวๆได้นะ

โซนเกมส์สนุกๆก็มีเยอะเลย

ชอบที่นี่นะ ดูมีสไตล์ตั้งแต่เดินเข้ามา ทุกมุมเท่ดี เสียดายตอนไปเวลาจำกัด อยากให้รูปมาเยอะๆ เก็บภาพมาได้แค่บางส่วน

ที่พักมีหลายโซน มีแบบเป็นบ้านพัก เป็นกระโจม เป็นเกวียน เรือนอน เป็นสไตล์คาวบอย และบังกะโล อีกโซนนึงเป็นโซนโรงแรม ที่พักที่นี่ราคาเริ่มต้นผมแอบเข้าไปดูมาราคาคืนล่ะพันกว่าบาท ไม่แพงนะ ไปสองคนค่าที่พักคนล่ะไม่กี่ร้อยเอง ลองดูตามเวปนี้ http://www.thongsomboon-club.com/th/index.html

ร้านกาแฟ ทางด้านล่างก่อนเข้าก็มีนะ

เรามาถึงบ่ายแล้ว เลยเล่นได้ไม่กี่อย่าง ตั้งใจว่าตอนเช้าจะเล่นไปเก็บให้หมด ก็ดันเปลี่นแพลนกัน สรุปอด 555

ช่วงค่ำ เราไม่ได้ออกไปข้างนอก เรามากันที่ร้านครัวคาวบอย มีเมนูหลากหลาย นั่งชิวได้

ที่พักที่ผมพักเป็นโซนโรงแรม อยู่ด้านนอก ห้องดีมาก หรูระดับนึง ในห้องมีเตียงใหญ่ 1 เตียง และเตียงเล็กอีก1 เตียง นอนได้ห้องล่ะ 3 คน

จริงๆเสียดาย อยากเล่นทุกเครื่องเล่น สนุกมากมาก ที่ถ่ายมาเป็นเพียงแค่ส่วนนึงของไร่เท่านั้น ย้ำว่าเป็นเพียงแค่ส่วนนึง อยากให้ลองจริงๆ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หยุดยาวไม่รู้จะไปเที่ยวไปพักผ่อนที่ไหน ลองไปที่นี่ดูครับไร่ทองสมบูรณ์คลับ

ทริปนี้ขาดไปไม่ได้ ต้องขอบคุณรถเช่าของเรา Haupcar  เช่ารถง่ายๆผ่านแอพ สะดวกสบาย ไปหลายคนหารกันคนล่ะไม่กี่บาทเองดีกว่านั่งรถประจำทางไปอีกนะ ข้อมูลบริการ Haupcar 

♨ Prem Café In The Garden ► คาเฟ่ลับริมน้ำในสวนแคคตัส

ปทุมธานี จ.

JOURNEY TRAVEL WITH US

January 25, 2019, 2:53 PM January 26, 2019, 5:04 AM

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว theTripPacker

Journey Travel with us พร้อมรีวิว

เข้าสู่ฉบับที่ยี่สิบของเราแล้ว ฝากตามรอย ไปเที่ยว ไปกิน ไปพัก

ไปหลงรักสถานที่ที่เราเดินทางไปสัมผัสกันด้วยน้า

✿ ✿✿ ✿✿ ✿✿ ✿✿ ✿✿ ✿

สุดสัปดาห์น่าเที่ยว เรามีวันเดย์ทริปใกล้กรุงฯ มาฝาก

ชวนที่ยวคาเฟ่ลับๆ ย่านปทุมธานี สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ พร้อมอาหารอร่อยๆ

แ น ะ น ำ

Prem Café In The Garden

คาเฟ่ริมน้ำในสวนแคคตัส สไตล์เม็กซิกัน

เพียงแค่ย่างก้าวเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความสบาย สงบ ร่มรื่น

แถมยังได้รูปชิคๆ กลับไปอีกเพียบ !!!

ร้านจะน่ารักแค่ไหน ตามมาดูกันเล้ยยยยยยยย

Prem Café In The Garden

ร้านจะอยู่ติดถนนเลยค่ะ เห็นเด่นมาก ที่จอดค่อนข้างน้อยไปหน่อย

กำแพงรั้วหน้าร้านประดับด้วยต้นแคคตัส และพรรณไม้ทะเลทรายหลากหลายสายพันธุ์

ตามเข้ามาดูข้างในกันดีกว่า

ประตูรั้วบานใหญ่ เปิดออกต้อนรับลูกค้า เดินเข้ามาจะเจอป้ายร้านสีดำ ตั้งอยู่ตรงกลาง

ด้านในตกแต่งสัญญาณไฟจราจร ซากรถโฟล์คขึ้นสนิม

และทำมุมถ่ายรูปเล็กๆ ข้างๆเป็นกระถางน้ำพุ และมีบอลสีสันสดใส

มุมนี้ก็จัดพร้อพเก๋ๆ มีหมวก และหมอน ไว้ให้ถ่ายรูปอีกแล้ว

เดินเข้ามา ภายในซุ้มต้นไม้นานาชนิด หลากหลายสายพันธุ์

สร้างบรรยากาศให้เขียวครึ้ม ร่มรื่น น่าค้นหา ช่วยอำพรางอาคารคาเฟ่เอาไว้ด้วย

เดินลึกมาอีกหน่อยจะเจอมุมนี้ ใครที่ต้องการความเงียบ หรือใช้สมาธิในการอ่านหนังสือ

จะเม้าท์กับแก็งค์เพื่อน มุมนี้โดนใจมาก มีความเป็นส่วนตัว และไพรเวทสุด

เดินลัดเลาะมาเรื่อย จนเจอทางเข้าคาเฟ่ที่แท้ทรู !!!!!

ลักษณะเป็นอาคารหลังเล็กชั้นเดียว ด้านหน้าตกแต่งด้วยต้นแคคตัสและมีหมวกห้อย เหมือนมาคาเฟ่แถบทะเล

ข้างหน้าทางเข้าและมุมด้านข้างอาคาร ก็มีที่นั่งเล็กๆ สำหรับมาคนเดียว หรือ มาเป็นคู่

ภายในร้านตกแต่งไม่ต่างจากด้านนอกเลยจ้า ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสวนตลอดเวลา

ตัดด้วยสีและลายกระเบื้องที่เป็นแพตเทิร์นดูอินเทรนไปอีกแบบค่ะ

ด้านหน้าจะเป็นเคาน์เตอร์สั่งอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ มีแผ่นเมนูให้ติ้กเลือกรายการอาหารและเครื่องดื่ม

สั่งกับพนักงานได้เลย สั่งเสร็จพนักงานจะทวนเมนูให้เราฟังอีกรอบ จบด้วยคำถามว่าเราจะนั่งส่วนไหนของคาเฟ่ จะมีเลขโต๊ะอยู่ที่กล่องทิชชู่ ก่อนจะกดวอ (วิทยุสื่อสาร) พูดสั่งออเดอร์อีกที และระบุที่นั่งเรียบร้อย

ซึ่งที่นี่จะมีหลายโซนมากๆ เลือกได้ตามใจชอบเลย

มุมนี้จะเป็นตู้ขายเค้กจ้า ใครสายหวานเชิญทางนี้โล้ดดดดดดดดดด

เราตัดสินใจนั่งทานภายในร้านนี่แหละ กินเสร็จแล้วจะพาไปชมโซนริมน้ำด้านใน

ภายในอาคารก็มีที่รองรับลูกค้าได้หลายโต๊ะเหมือนกัน ตกแต่งและประดับไปด้วยดอกไม้แห้งและต้นไม้สีเขียว

ข้างๆจะมีตู้หนังสือแนวจัดสวน ไว้ให้อ่านเพลินๆ ขณะนั่งรออาหารด้วย

พนักงาานเดินมาเสิร์ฟน้ำเปล่าก่อน ที่นี่น้ำเปล่าฟรี ไม่เสียตังค์นะจ๊ะ

เราสั่งอาหารมาทานด้วยกัน 3 เมนู มาดูกันเลย

หลังจากอิ่มเรียบร้อยแล้ว เราจะพาทัวร์โซนริมคลองกันต่อเลย ~

มุมนี้จะเป็นห้องน้ำของทางร้านนะคะ

จัดมุมไว้ให้ถ่ายรูปอีกแล้ว มีเก้าอี้ไว้ให้นั่งถ่ายเสร็จสรรพ พร้อมก็แอ็คท่าเลย !!!

เดินมาอีกนิด มุมนี้โดนใจมาก ไฮไลท์และแนะนำเลย ห้ามพลาดมาถ่ายรูปเช็คอินกันน๊าาาาา

ให้อารมณ์ประมาณว่าเรากำลังจะเปิดประตูข้ามไปอีกโลก จินตนาการและความมโนล้วนๆ ฮ่าาาาาาาาาาาา

หลังจากเปิดประตูเข้ามา ก็จะเจอโซนริมคลองจ้า

ร้านจะตั้งอยู่ติดคลอง มองเห็นวิวคุ้งน้ำวัดเสด็จได้ชัดเจน มีต้นไทรขนาดใหญ่ และที่นั่งหลากหลายมุม

เหมาะสำหรับผู้ที่อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งชิลล์ ได้รับลมเย็นจากธรรมชาติ

พร้อมรับประทานอาหารและเครื่องดื่มเย็นๆฟินๆ และอาจจะได้ไอเดียดีดีไปตกแต่งสวนด้วย

ส่วนโซนนี้จะเป็นโซนออฟฟิตของทางร้านคะ เป็นบ้านขนาดกะทัดรัด น่ารักมาก

ด้านข้างมีการตกแต่งของจัดสวน นำของเก่ามาประยุกต์แต่งเอา ไอเดียดีจริงๆค่ะ

มีชิงช้าใหญ่ๆ ใต้ต้นไทรให้นั่งแกว่งเพลินๆด้วย

ภายในมีเปิดฟาร์มเล็กๆอยู่ริมคลอง นอกจากจะได้มากินอาหารอร่อยๆ แล้วยังได้ดูธรรมชาติของสัตว์ด้วย

มุมนี้จะเป็นโซนของเด็กๆค่ะ มีทรายและของเล่น ทำให้มีกิจกรรมไม่น่าเบื่อด้วย

การเดินทาง : ตัวร้านตั้งอยู่ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี จากกรุงเทพใช้เส้นทางรังสิต-ปทุมธานี ผ่านหน้าตลาดรังสิตตรงไปทางปทุมธานี ถึงแยกวัดเสด็จ (สังเกตมีทางแยกไปทางด่วนอุดรรัถยาให้ชิดขวาทันที) จากนั้นเลี้ยวขวาผ่านหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดปทุมธานีไปประมาณ 2.1 กิโลเมตรตัวร้านจะอยู่ทางขวามือ สามารถจอดรถได้หน้าร้าน

เปิดบริการทุกวัน 9.00 น. - 18.00 น.

โทรศัพท์ 08-4563-9292, 09-4563-9924

เพจเฟซบุค : https://www.facebook.com/Prem-Cafe-In-the-Garden-1...

Prem Café In The Garden

คาเฟ่ริมน้ำ ย่านปทุมธานี ที่รอคุณมาเช็คอิน

กับบรรยากาศในสวนแคคตัส สไตล์เม็กซิกัน

รสชาติอาหารถูกปาก ราคาถูกใจ

กับบรรยากาศในสวนแคคตัส สไตล์เม็กซิกัน

สาวกถ่ายรูป เซลฟี่ ห้ามพลาดร้านนี้

หวังว่าจะเป็นข้อมูลการท่องเที่ยวให้แก่เพื่อนๆ ไปตามรอยกันได้...

แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้า ฝากกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะจ้า

By Journey Travel With Us

ไปพักผ่อนกับเขาสักวันสองวัน

ดอยตุง จ.เชียงราย

Pakka-Orh OKe

January 25, 2019, 5:01 PM January 26, 2019, 5:04 AM

วันที่ 1(21 มค. 2562) : เริ่มทริป

นักรวมตัวกันที่บ้านน้องแถวสุวรรณภูมิ ช่วงบ่าย3โมง(ได้เอารถไปจอด แล้วง่ายตอนกลับมาถึง) พอได้เวลาที่ดีก็เรียกรถมารับ เดินทางสู่ บ.สมบัติทัวร์(ถนนวิภาวดี) เพื่อขึ้นรถเวียงพิงค์บัส (VIP20ที่นั่ง) รอบ 19.00น.กว้างขวางสบายมาก ขนมน้ำแจกมีพร้อม แวะกินข้าว มีทั้ง ข้าวต้มเครื่อง ข้าวต้มกับ ข้าวสวยกับ บอกได้ว่าอร่อยทุกอย่าง

ปล. ขอผ้าห่มหนาหน่อยไม่ก็เบาแอร์นิดหนาวมากกกกก

วันที่ 2 (22 มค. 2562) ตอน1 : ก่อนไปหาเขา (เที่ยวเมือง)

เช้าๆ ตี5.45น. ก็มาถึงขนส่ง2 จ.เชียงราย รถมาเร็วกว่ากำหนดไป ชั่วโมงกว่า เลยต้องเรียกรถเช่าเร็วตามไปด้วย(แกรงใจมา ตามแต่เช้าเลย) สัก 6.45 รถก็มาส่ง แต่เกิดยางรั่ว อ๊ะไม่เป็นไร เรามีเวลา(เป้าหมายแรกเปิด9.00) ก็พากันไปเปลี่ยนรถแถวสนามบิน ได้รถทำสัญญา(3วัน@900)เสร็จ ไปล่ะคร๊าบบบบ

เป้าหมายแรก Ryokan Cafe (https://goo.gl/maps/V7b6sMovBay) เข้าแบบลึกลับนิดพอเข้าำปบรรยากาศดี สไตล์ญี่ปุ่นจ๋าเลย มีมุมถ่ายรูปพอสมควร มีอาหาร กาแฟ มีเค้ก ให้เลือก ราคาพอรับได้ แต่ก็มีสิ่งสะดุดใจทำให้เสียอารมณ์กับทางร้านเล็กน้อย ไม่พูดแระกัน

วัดร่องขุ่น (https://goo.gl/maps/H9cN43QWzWC2)ไม่มาไม่ได้ เดี๋ยวคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง เข้าด้านโรงปั้น จอดรถสบาย เดินชมสวยงามตามท้องเรื่อง แบบว่าเดินไปเรื่อย คล้ายๆจะเป็นโชงกทัวร์ จอดถ่ายรูปไม่ได้ 555 แต่พอส่วนอื่นก็หามุมถ่ายไป ห่างๆนักเดินทางแผ่นดินใหญ่หน่อย แกจะแทรกเข้ามาในรูปแบบไม่สนใจ

หิว หาไรกินกันดีกว่า น้องเสนอให้ไปร้านร้านก๋วยเตี๋ยวจัมโบ้ (https://goo.gl/maps/aLscFLD3LU62) เป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำใส ธรรมดา30(ทั่วไป) พิเศษ40(เยอะ) จัมโบ้50(โคตะระเยอะ) แล้วก็มีน้ำเงี้ยวหมู ธรรมดา30(ทั่วไป) พิเศษ40 (เยอะจุก) ผมไม่กินเนื้อ เลยกินน้ำเงี้ยว หลุกปากบอกพิเศษตามสัน.... มาเสริฟเท่านั้นแหละ โอ้โห...แต่ก็หมดจร้า..แต่แน่นมากกกก

พักผ่อนอิริยาบท The Wonderer Cafe (https://goo.gl/maps/ZHWnuWF1vmD2) ร้านกาแฟชิลๆ ที่น้องบอกที่นี่ค่ะพี่ ชิลแน่นอน  ไม่พูดมาก กะซิบว่า ได้ทุกอย่าง ตามสบาย #ไม่บอกหรอก_อย่าหลอกถาม(มุขจากถามใส้ขนม)

ไปต่อสองวัดรวด เริ่มที่วัดร่องเสือเต้น (https://goo.gl/maps/v8SMDy1FcM72) สวยงาม แต่เล็กๆ รายละเอียดยิบยับไปหมด

ไปต่อที่วัดห้วยปลากั้ง (https://goo.gl/maps/DP8UHbg2FRT2)บนเขา สูงมากไม่ไหวจะเดิน 555 ถ่ายระยะไกลแระกัน

วันที่ 2 (23 มค. 2562) ตอน2 : ใกล้เจอเขา (ออกเมือง)

ได้เวลาบ่าย2นิดๆ ก็เดินทางออกจากตัวเมืองมุ่งหน้าสู่ อ.แม่สาย เป็นที่พักที่เราจองไว้ที่ตีนดอยตุง สำหรับจะขึ้นดอยในวันพรุ่งนี้

Bedtime Story (https://goo.gl/maps/1gAa858XaDT2)ที่พักราคาถูก(600-700)แต่ดี พร้อมชากาแฟขนมปังยามเช้า เข้าที่พัก อาบน้ำ(ไม่ได้อาบตั้งแต่เริ่มทริป55)พักผ่อนสักครู่ เย็นหน่อยก็ออกไปหาไรกิน

ร้านอาหารครัวฮิมเขื่อน (https://goo.gl/maps/eA3s34Axwn12) ร้านอาหารสไตล์บ้านๆ ที่นั่งริมน้ำ มีห้องคาราโอเกะ เราเลือกเข้าห้องเพราะมาค่ำไปนิด ยุงจะมาหามเอา อาหารใช้ได้กินกันอย่ากะพายุลง 55

กลับมาก็ซื้อไรติดไม้ติดมือมาจากโลตัสปากซอย มานั่งท้าลมหนาวกันที่หน้าห้อง(พอดีได้ห้องชั้นล่างในสุด)เม้าท์มอยกันไปเรื่อยเผลอแพล๊บเดียวตี2นิดๆ เลยแยกย้ายกันไปนอน...จบวัน

วันที่ 3 (24 มค. 2562) : ไปหาเขา (ขึ้นดอย)

ตื่น7.30 เห็นหมอกลงอย่างหนา เดินผ่านรู้สึกได้ว่าเป็นละออกน้ำไม่ใช่ฝุ่นแน่นอน เดินไปฟร้อนท์จัดกาแฟดำ ขนมบังทาแยมมาขับไล่ของเมื่อวาน (ชงเต็มไปหน่อย เดินมากระฉอกเลย55)

ได้เวลาจัดแจงอาบน้ำเก็บกระเป๋าเตรียมตัวขึ้นดอย ไปคุยกับเจ้าของ แกบอกว่าหน้าปากซอยเป็นตลาด แบบบ้านๆมีของขายเยอะลองไปดูซิ เราเห็นว่าก็สายมาแล้วก็เลยไม่ได้ไปเดิน ไว้โอกาสหน้าน๊ะครับป้า

เริ่มไต่ความสูงตามเส้นทางสายใหม่ ที่โค้งมากหน่อยแต่ไม่ชันมาก โค้งไป โค้งมา สักพักก็มาถึง จุดชมวิว กม.12 (https://goo.gl/maps/DxgFjR2ESMx) วันนี้โชคดีมาก เราขึ้นมาถึงก็10โมงกว่า แต่ทะเลหมอกยังอยู่ สวยงามมากกก จุดนี้ มีร้านกาแฟ หอมอร่อย แนะนำเลย ปลูกเอง คั่วเอง ขายเอง ราคาถูกมากกกกกก(ซื้อถุงเม็ดไม่บด250เอง) ตงนี้ได้เสื้อคลุม ม่อห้อมแขนยาว 200 สวยไม่แพง

ดื่มด่ำบรรยากาศสักพัก ชิมไวน์กันสักนิดก็เดินทางต่อไปยัง พระตำหนักดอยตุง โชคดีของเราอย่างแรง ที่จอดรถถึงหน้าทางเข้า สบายเลย แล้วก็ไปเดินกาดดอยตุงสักนิดหาไรกิน ลงไปหน่อยจะมีร้านอาหารด้านขวามือเดินขึ้นมานิด ร้านธรรมดาเราไม่หวังไรมาก แต่ครับแต่ เตี๋ยวเนื้อเปื่อยน้องบอกอร่อยมาก(คนนี้พูด ถือเป็นกรันตีเลย)ผมกินข้าวซอยไก่ เห้ย อร่อยโคตร ผักดองเหมือนแช่น้ำไรไม่รู้ แต่ กัดแล้ว มันช่าง.....อธิบายไม่ถูก ต้องลองเอง.. จากนั้นก็เดินเล่นในกาด เจอเสื้อคลุมสไตล์ญี่ปุ่นผสมม่อห้อม ใส่ได้พอดี สวยด้วยเลยซื้อ 150บาท(เพื่อนซื้อที่ตีนดอย 250บ. 555)

เข้าเขตพระราชฐานซื้อตั๋วเข้าชมพระตำหนัก(90)และ สวนแม่ฟ้าหลวง(90) พอดีไกล้เวลารอบ 11.30 เหลือ10 นาที เลยต้องรีบเดินกันหน่อย 500เมตรเองทันน่า เอาเข้าจริงทางขึ้นเขาครับท่าน จ๊ากเลย เอาไปหนึ่งเหนื่อย ดีน๊ะอากาศไม่ร้อน เข้าไปชม เห็นห้องทรงประทับ วิวที่ระเบียง ความเป็นอยู่ของพระองค์ท่านที่เรียบง่าย ความสง่างามของสถายที่ ให้เราทราบซึ้งคิดพระองค์ท่านขึ้มาทันที

นั่งพักกันสักครู่ที่หน้าพระตำหนัก ก็เดินลงมายังสวนแม่ฟ้าหลวง เข้าไปชม ดอกไม้เมืองหนาวนานาชนิด สวยงามตามท้องเรื่อง

#อีดอกลำโพง(มุขจากดอกลำโพงที่สวยแต่มีพิษ ร้ายมากก)

ไปพระธาตุ ดอยตุง (https://goo.gl/maps/CrYQFPJHR3q)กันต่อเลยดีกว่า ตอนนี้แหละ โค้งมากกว่าก่อน ชันมากขึ้น แต่ไม่ไกลประมาณ 8กิโล แต่ก็เอาเรื่องเหมือนกันน๊ะ55 ยิ่งจากวัดไปพระธาตุสั้นๆแต่ชันมากเล่นเอาน้องที่ขับรถเสียวๆเหมือนกัน แล้วก็ลงไปกราบไหว้บูชา จุดเทียบสะเดาะเคราะห์เสริมบุญ พักให้หายเครียดจากทาง แล้วเดินทางกันต่อ

เข้า ม.มูเซอลาบา (https://goo.gl/maps/T7NaYy9GCvy)ที่อยู่ระหว่างสวนแม่ฟ้าหลวงกับพระธาตุ ทางเข้าเป็นดาวน์ฮิล40-45องศาได้(ถ้าจะไปรถควร 1500ขึ้นน๊ะ)ลงไปแค่ 150เมตร จะมีป้ายตัวP เลี้ยวไปจอดเลย และที่นั่นคือ ฺLABA CAFE & BRISTRO DOITUNG   มีที่พักด้วย แค่2ห้อง รับสูงสุด 6 คนน๊ะ สอบถามราคาแต่ละช่วงและห้องว่างได้ที่  https://www.facebook.com/delababywnd/ เห็นวิวก็คุ้มแล้ว วิว100ล้านเลย ไปถึงสักพัก สั่งอาหารมากิน แม่เจ้า ฟินไปอี๊ก จากนั้นก็อาบน้ำ พักผ่อนตามอัธยาศรัย ตกเย็นก็ต้อง หมูกะทะจัดมา1ชุด++ พร้อมส้มตำลาบา(ใส่กะปิและพริกไท)ได้รสชาดอีกแบบอร่อยดี ออลืมบอก ผักเค้าปลูกเอง กรอบอร่อยมาก จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ปล่อยใจสบายๆ นั่งคุยเฮฮาตามประสา เพราะไม่มีใครนอกจากเรา ร้านเค้าปิดสี่ทุ่มครึ่ง เราเลยสั่งเผื่อไว้ก่อน นั่งกินกันเพลิน อากาศกำลังพอดี เพราะลมมาทางด้านหลังบ้านเลยไม่โดนเรา มีผ้าห่มเล็กมาให้กันหนาว แฮบปี้มาก กินกันเกือบเช้าเลย55 มีอาหารเช้าบริการด้วย เลือกเอา ข้าวต้ม/ข้าวผัด/ข้าวกระเพรา/อเมริกันเบรคฟาส พร้อม กาแฟสด อร่อยยยยยย.. อยากไปอีก ต้องหาเวลาไป #ช่าย_ใช่_ชั่ย(คำตอบติดปากน้อง ตอบอย่างนี้ทั้งคืน)

วันที่ 4 (24 มค. 2562) : จำจากเขา (ลงดอย กลับ กทม.)

ยามเช้าที่ LABA สวยงามมาก แต่ไม่มีทะเลหมอกน๊ะ อากาศสดชื่นมาก ลมเข้าด้านหน้าระเบียงเบาๆ ชื่นใจ จัดชุดกาแฟ อเมริกาโน่ พร้อม อเมริกันเบรกฟาส โล่งคอ โล่งจมูก ตรงนี้เราไม่รีบ ซึมซับบรรยากาศเต็มที่ ด้วยความที่ระเบียงหัน ตต. จึงไม่มีแดดมากวนใจ นั่งเล่นนอนอเล่นสักพัก แล้วก็ไปอาบน้ำ จัดกระเป๋า อำลาด้วยอาลัย เสียดายที่ต้องกลับแล้ว(#ถ้าไม่กลับก็สุกด้านเดียวสิ/มุขจากการกินหมูกะทะ) เอาหล่ะขึ้นรถพร้อมแล้ว ถอยรถลงไปด้านล่างกลับรถแล้วลงเกียร์ต่ำเร่งเครื่องเหยีบจมให้ไหลขึ้นไป ทำเหมือกะเครื่องบินเลย เชิดหัวพุ่งขึ้นกลั้นหายใจกันหมด ไม่มีรูป ลุ้นสุดตัวเลย 555

ลงมาตีนดอยก็มาแวะ กม.12 อีกที มาจิบกาแฟดีๆ พร้อมซื้อไวน์ที่ขิมไว้เมื่อวาน(5แถม1) แต่วันนี้ไม่มีทะเลหมอก เห็นเมืองด้านล่าง สวยไปอีกแบบ ลงมาต่อก็มาหาของขึ้นชื่อแถวนี้ ข้าวซอยป้าหรอย-ป้าคำ เลือกเอาว่าเอาร้านไหน แต่วันนั้นเปิดแต่ป้าหรอยเลยโชคดีไป(เห็นว่าเป็นญาติๆกันแล้วแยกกันขาย) รสชาดใช้ได้(ข้างบนดีกว่า อิอิ)

ต่อไปที่บ้านดำของ อ.ถวัล โดยรวมดี แต่เราไม่ชอบดูแล้วอึดอัด มีแต่โครงกระดูก หนังสัตว์ สงสาร มันมากเกิน แล้วกลิ่นที่ออกมา...พยายามหาว่าภาพเขียนท่านอยู่ไหน ปรากฎว่าโชว์อยูข้างนอนในห้องกระจก ไม่ต้องเสีค่าเข้าด้วย เสียดายตัง 80อ่ะ(เท่าหมดไทย-เทศ-จีน) ใช้เวลาแป็บเดียว ออกเลย

เหลือเวลา ไปพัทยาดีกว่า ไปหาดเชียงรายหรือหาดพัทยา (https://goo.gl/maps/2vuk53fwCaS2) นั่งเล่น นอนเล่น สั่งอาหารมากิน โดยเฉพาะ กุ้งเต้น ต้องกินเดี๋ยวเค้าว่ามาไม่ถึงส้มตำ ไก่ทอด...... สักพักก็เครียร์ หาทางในอากู๋วนมาเติมน้ำมัน ไปถึงแยกสนามบิน

อออ..ของฝากพอเลี้ยวเข้ามาสักพัก จะเจอ ร้านของฝากนันทวัน (https://goo.gl/maps/6Li6Z85snjz) โอเค สบายล่ะ จัดสิครับ รออะไร ระหว่างซื้อก็คืดไปว่าจะยัดตงไหนบลาๆๆๆ ซื้อเสร็จก็ออกมายัดลงกระเป๋ากันตรงนั้นเลย

ถึงสนามบินเรื่องก็เกิด กระเป๋าเดินทางใบนึงเกิดซิบแตก(เป็นหลายครั้งแล้ว)แบบว่่าชนหน่อยก็เด้งแล้ว ทำไงดีอ่ะ เข้าไปก่อนมีบริการแวพกระเป๋าน่า ป้าดดดด ปิดแล้ว 55 คิดซิคิดซิคิดสิ แว็บแรก เอาเสื้อยืดมาใส่ให้ก่อน เดินไปหน่อยเจอกล่องเปล่ามีเชือกฟาง จัดสิครับเอามามัดๆๆๆๆๆ แล้วโหลดไป 555

เจอคำนี้สดุดเลย ฺเครื่องดีเลย์ มาจากสุวรรณภูมิ ล้าช้าไป 40นาที พอขึ้นเครื่องได้ ออกเลย เท็กซี่ถึงปลายรันเวย์เร่งเครื่องขึ้นเลย สักพักนึงน้องบอกว่า พี่ทำผมติดใจบางกอกแอร์แระ คือดีย์อ่ะ มีขนมชากาแฟที่ภาคพื้น ที่นั่งกว้างกว่า โหลดกระเป๋าได้20+5(สมาชิก) มีอาหารกินบนเครื่อง เสริฟ ชา กาแฟ น้ำส้ม เที่ยวนี้ได้กิน ใส้อั่วทอดกับข้าวเหนียว อร่อยดี แล้วก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ตรงเวลาตามตั๋วเปะ ถือว่าจบทริปอย่างสมบูรณ์...

ค่าตัวเขา : รวมค่าใช้จ่าย

ไป เวียงพิงค์บัส ช 890/คน     

กลับ บินบางกอกแอร์ = 1300/คน

เช่ารถ VIOS 900/วัน 3วัน = 2700

Ryokan Cafe = 420

ก๋วยเตี๋ยวจัมโบ้ = 130

The Wonderer = 685

Bedtime Story  = 1300

ฮิมเขื่อน   = 1290 (รวมค่าห้อง 240)

เข้าพระตำหนัก+สวน = 180/คน

LABA CAFE = 1998

อาหารเครื่องดื่ม LABA = 3140

บ้านดำ = 80/คน (เสียดายตัง)

หาดพัทยา = 500

ค่าน้ำมัน = 600

====ทริปนี้เฉลี่ยต่อคน 5,700บาท / คน====

มีจุกจิกไม่ได้คิด + ของฝาก ส่วนตัวแล้วแต่จร้า..

One Day Trip แต่งไทยเที่ยว "ลพบุรี" พาชิมของอร่อยโดย Local Expert

อำเภอเมืองลพบุรี (Mueang Lopburi District) จ.ลพบุรี

แป้งเจอนี่เจอนั่น Review

January 26, 2019, 9:10 AM January 27, 2019, 5:13 AM

One Day Trip แต่งไทยเที่ยว

สวัสดีค่ะ...ทริปนี้ชวนเที่ยวลพบุรีแบบไม่เหมือนใครกับเคมเปญ "LocalTable" ที่ทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ TakeMeTour ร่วมกับ dtac, King Power, Thai AirAsia และ AccorHotels จัดทำแคมเปญดีๆ แบบนี้ขึ้นมา

ความพิเศษของแคมเปญ "LocalTable" คือการนำอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบในท้องถิ่นหรือร้านอาหารชื่อดังประจำจังหวัดมาใช้ส่งเสริมในการท่องเที่ยว โดยมี "Local Expert" เป็นผู้พาชิมพาเที่ยว มีเส้นทางท่องเที่ยวให้เลือกมากกว่า 70 เส้นทาง หากใครสนใจสามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่ TakeMeTour ซึ่งเป็นเว็บไซต์จองทริปส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยได้เลยค่ะ 

บอกเลยว่าทริปนี้ใช้เวลาเพียง 1 วันเท่านั้นแต่สามารถ Check in ที่เที่ยวได้แบบรัวๆ 

สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมในทริป...

1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์

2.บ้านหลวงรับราชทูต (บ้านวิชาเยนทร์)

3.พระปรางค์สามยอด

4.พระที่นั่งไกรสรสีหราช (พระที่นั่งเย็น)

5.ทานมื้อกลางวันเมนู LocalTable โดยฝีมือ Local Expert

6.ทุ่งทานตะวันเขาจีนแล

7.วัดเขาจีนแล

8.วัดตะกร้าทอง

9.ร้านกะเพรา & Coffee

10.อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก

*ค่าเช้าชมโบราณสถานและค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ทางทีมงานเป็นฝ่ายจัดการให้ค่ะ

1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์

หลังจากเปลี่ยนชุดไทยที่ทางทีมงานจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว สถานที่แรกที่เราไปก็คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ หรือพระนารายณ์ราชนิเวศน์ หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันสั้นๆ ว่าวังนารายณ์ "คุณการ์ตูน" Local Expert ของเราบอกว่าคนลพบุรีแต่งชุดไทยกันเป็นเรื่องปกติ และช่วงต้นปีจะมี "งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์" คนลพบุรีแต่งไทยกันทั้งจังหวัด ปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 8 - 17 กุมภาพันธ์ 2562 ใครมาเที่ยวลพบุรีช่วงนั้นอย่าลืมเตรียมชุดไทยมาถ่ายรูปสวยๆ ที่นี่กันนะคะ

เวลาเปิด-ปิด: 09.00 - 16.00 น.

ค่าเข้าชม: คนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท

โทร: 036-411458

2.บ้านหลวงรับราชทูต (บ้านวิชาเยนทร์)

หรือบ้านของ "คอนสแตนติน ฟอลคอน" สร้างขึ้นเพื่อใช้ต้อนรับคณะทูตจากประเทศฝรั่งเศสชุดแรกที่เข้ามาในกรุงศรีอยุธยา เหมือนกับที่เพื่อนๆ เห็นในละครเรื่องบุพเพสันนิวาสหรือเปล่า ต้องไปดูสถานที่จริงกันเองนะคะ ค่าเข้าชมสำหรับคนไทย 10 บาท

Advertisement

3.พระปรางค์สามยอด

มาเที่ยวลพบุรีที่พลาดไม่ได้เลยคือมาเที่ยวพระปรางค์สามยอด ถือเป็น landmark ประจำจังหวัดเลยก็ได้ อย่างตัวเราเองมา 3 รอบก็แวะทุกครั้ง แต่ครั้งนี้พระปรางค์สามยอดดูดีกว่าครั้งก่อน เพราะมีการปรับภูมิทัศน์เป็นพื้นหญ้าสีเขียว สามารถเข้าไปชมข้างในพระปรางค์ได้ค่ะ

ข้อควรระวัง บริเวณพระปรางค์สามยอดมีน้องลิงเยอะมาก อย่าถือถุง อาหาร ต่างหูแบบระย้าฯ อาจจะทำให้ถูกลิงแย่งได้ ใครแต่งไทยไปเที่ยวให้ระวังตรงนี้เป็นพิเศษ เราไปกับ Local Expert มีความเชี่ยวชาญในการกันน้องลิงให้เรามากค่ะ หากไปกันเองมีคนถือไม้ขู่สักคนก็ดี น้องลิงจะได้ไม่เข้ามาใกล้ แต่อย่าไปไล่ตีเขานะคะ

4.พระที่นั่งไกรสรสีหราช (พระที่นั่งเย็น)

เป็นสถานที่ที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชใช้เป็นสถานที่ศึกษาจันทรุปราคา ถือเป็นที่ศึกษาดาราศาสตร์สมัยใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย ที่นี่ค่อนข้างเงียบเพราะห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร ถ่ายรูปได้แบบสบายใจ มีร่มไม้และที่นั่งหลบร้อนค่ะ ค่าเข้าชมสำหรับคนไทย 10 บาท

5.ทานมื้อกลางวันเมนู LocalTable โดยฝีมือ Local Expert

แต่งไทยถ่ายรูปกับโบราณสถานกันจนเต็มที่แล้ว เรามาเติมพลังกันที่บ้านของ Local Expert ซึ่งเปิดบ้านพร้อมทำอาหารให้เราทานด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง คุณแม่ตกแต่งบ้านน่ารักมาก มีมุมถ่ายรูปสวยๆ นอกจากชุดไทยที่คุณแม่เตรียมไว้ให้แล้ว ยังมีชุดกิโมโนไว้ให้ใส่ถ่ายรูปอีกด้วย

หัวใจหลักของการมาทริปนี้คือการกินเมนูที่ทำจากวัตถุดิบในท้องถิ่น ได้แก่ ตุ๋นไก่ฟักมะนาวดอง ข้าวผัดไข่เค็มและขนมกล้วยอัญชัน

มาที่เมนูแรกกันก่อน "ข้าวผัดไข่เค็ม" ความพิเศษคือไข่เค็มทำโดยดินสอพองชั้นดีของลพบุรี เป็นของฝากขึ้นชื่อของจังหวัด ดินสองพองที่ดีที่สุดในโลกอยู่ที่บ้านหินสองก้อน จังหวัดลพบุรี สามารถติดต่อเพื่อเยี่ยมชมการทำดินสอพองได้

"ตุ๋นไก่ฟักมะนาวดอง" เนื้อไก่เปื่อยนุ่มกับน้ำซุปหอมกลิ่นมะนาวดอง รสชาติแบบนี้หาทานยากมากเป็นรสชาติที่กลมกล่อมกลิ่นมะนาวดองกำลังดีไม่โดดจนขม นั่งซดน้ำซุปจนแห้ง

ก่อนทานอาหารคุณแม่กับคุณการ์ตูนมี Workshop ให้พวกเราทำ "ขนมกล้วยอัญชัน" ดูวิธีทำเหมือนง่ายมาก แต่ถ้าให้ทำเองคงเละแน่นอน ฮ่าๆ ใช้สีธรรมชาติจากดอกอัญชัน ใส่มะพร้าวอ่อนเพิ่มความหอมและรสสัมผัสที่ละมุน ทานตอนร้อนๆ อร่อยมาก เป็นมื้อที่อร่อย มีความสุขและประทับใจมากค่ะ

6.ทุ่งทานตะวันเขาจีนแล

เราโชคดีได้มาตอนดอกทานตะวันบานเต็มที่ ซึ่งหลังจากนี้ไม่กี่วันดอกทานตะวันจะคว่ำหน้าแล้ว ช่วงวันหยุดยาวนักท่องเที่ยวเยอะ แต่ถ้าเดินออกไปจากจุดถ่ายรูปเสียหน่อย แทบถ่ายไม่ติดนักท่องเที่ยวคนอื่นเลยค่ะ มีบริการรถพาชมทุ่งและร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม ของฝาก สิ่งที่ต้องระวังคือดินบางพื้นที่นิ่มอาจจะทำให้รองเท้าเลอะได้หากเดินไม่ระวัง และขอความร่วมมือไม่แกะหรือเด็ดดอกไม้ แบ่งปันกันชมความสวยงามน้าาาา

7.วัดเขาจีนแล

Local Expert บอกว่าจะพามาไหว้พระและดูนกยูง ที่วัดเขาจีนแลมีนกยูงเยอะมากเลี้ยงแบบเปิด ทำให้น้องเดินไปเดินมา เชื่อง รำแพนหางอวดนักท่องเที่ยวอยู่เนืองๆ สามารถให้อาหารได้ แต่มีข้อห้ามคือ...ห้ามขอนกยูงวัดค่ะ

8.วัดตะกร้าทอง

มีอีกชื่อว่าวัดสุวรรณคีรีปิฎก ที่นี่เป็น Unseen ลพบุรีสำหรับเรามากตั้งอยู่บนภูเขา บางส่วนของวัดกลมกลืนไปกับถ้ำ มีสังขารของหลวงพ่อบุญเหลือที่สภาพไม่เน่าเปื่อยให้สักการบูชา

ที่เราบอกว่า Unseen คือมีจุดชมวิวความสวยงามของอ่างเก็บน้ำซับเหล็กฉากหลังเป็นภูเขา กับถ้ำค้างคาวที่ในเวลาประมาณหกโมงเย็นจะมีค้างคาวบินออกจากถ้ำ หากใครจะมาเที่ยวถ้ำหรือรอดูค้างคาวเป็นเวลานานเตรียมผ้าปิดปากปิดจมูกมาด้วยนะคะเพราะกลิ่นขี้ค้างคาวแรงมาก

9.อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก

ให้ความรู้สึกเหมือนมาเที่ยวทะเลเลยค่ะ มีร้านอาหารและแพสำหรับนั่งทานอาหาร แต่พวกเราแค่แวะมาถ่ายรูปกันนิดหน่อย เป็นของแถมนอกโปรแกรมทัวร์จาก Local Expert ค่ะ

10.กระเพรา & Coffee

เป็นคาเฟ่ที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม อยู่ใกล้กับทุ่งทานตะวันเขาจีนแล นอกจากเรื่องอาหารการกินแล้วที่นี่ยังมีทุ่งดอกคอสมอสและสะพานไม้ไว้ให้ถ่ายรูปสวยๆ แต่ต้องมาให้ถูกเวลานะคะ ช่วงที่เราไปดอกไม้ยังไม่โตออกดอกเพียงบางส่วน แค่นี้ก็ได้รูปไปเพียบแล้ว ค่าเข้าชมทุ่งดอกคอสมอสคนละ 20 บาท เวลาปิดการเข้าชม 18.00 น.

เที่ยวลพบุรีครั้งนี้เราไป Check in ที่เที่ยวที่กินกันทั้งหมด 10 สถานที่ภายใน 1 วัน เป็นทริปที่คุ้มค่า มีความเป็นส่วนตัว ดูแลอย่างทั่วถึง ประทับใจกับมื้อกลางวันมาก แทบไม่ได้รู้สึกเหมือนไกด์กับลูกทัวร์เลยค่ะ เหมือนไปเที่ยวไปกินข้าวบ้านเพื่อนมากกว่า

ที่เราสามารถไปเที่ยวได้เยอะเนื่องจากจำนวนคนน้อย จึงมีความคล่องตัวในการเคลื่อนย้ายไปตามสถานที่ต่างๆ สะดวกสบายไม่ต้องกังวลเรื่องต่อรถสาธารณะ หรือกังวลว่าจะหลงทางเพราะเราไปกับ Local Expert

ใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ๆ แบบเรา เข้าไปเลือกดูทริปที่ถูกใจได้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ

Click >> TakeMeTour

ติดตามการเดินทางของเราได้ที่: KeepGoing Thailand

เที่ยว ‘ เซี่ยงไฮ้ ’ ในมุมใหม่ ไปเฉพาะคาเฟ่และมิวเซี่ยมสุดโมเดิร์น! | Bliss Out There

เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน จ.

Ping Pitchaya

January 27, 2019, 5:38 PM January 28, 2019, 5:21 AM

เที่ยว ‘ เซี่ยงไฮ้ ’ ในมุมใหม่ ไปเฉพาะคาเฟ่และมิวเซี่ยมสุดโมเดิร์น! | Bliss Out There

หลายๆคนอาจคิดว่า ‘ เซี่ยงไฮ้, ประเทศจีน ‘ เป็นจุดหมาย

ของนักช้อปปิ้ง ไม่ก็ นักล่า landmark แต่วันนี้เราจะพา

เพื่อนๆไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ในมุมใหม่ เอาให้ไม่เหลือ

ภาพเดิมอยู่เลย! จัดไปกับ 8 คาเฟ่ในตำนาน

และ 2 มิวเซี่ยมสุดปัง ที่ใครเห็นก็ต้องตกใจว่า

‘ นี่เซี่ยงไฮ้จริงๆหรอ *O* ‘ ขอบอกก่อนว่า

ทริปนี้จะ สายกิน สายถ่ายรูป สายมินิมอล

สายสวย สายความรู้ ก็ไปตามรอยได้หมด

จะมีที่ไหนบ้าง ? แต่ละที่ไปยากมั้ย ?

พูดภาษาจีนไม่ได้จะไปยังไง ? ราคาล่ะ ?

รีวิวนี้ตอบให้หมดแล้ว.. อ่ า น เ ล้ ย !

ก่อนจะไปเที่ยว ไปดูเรื่องการเดินทางกันก่อน

ทริปนี้เราบินกับ AirAsia X ค่ะ เคยได้ยินมั้ย

‘ ไปจีน ไปกับแอร์เอเชียเอ็กซ์ ‘ เพราะสะดวกสบาย

แถมถึงที่หมายตรงเวลาอีกต่างหาก บินครั้งหน้า

เข้าไปจองตั๋วที่ https://www.airasia.com/booking/ นะ

Seesaw Coffee (สาขา Jing An)

ร้านนี้เป็นสาขาแรกที่เปิดตั้งแต่ปี 2012 เลยน้า

ที่นี่มีเมล็ดกาแฟให้เลือกเยอะมาก แถมมี

โรงคั่วเป็นของตัวเองด้วย เอาเป็นว่าถ้า

The Bund คือ Landmark ของนักท่องเที่ยว

ที่มาเซี่ยงไฮ้ Seesaw ก็เป็น Landmark

ของเหล่า Cafè Hoppers เช่นกัน

ตัวร้านแบ่งเป็น 2 โซน คือ โซนแสงธรรมชาติ

กับ โซนแสงไฟ ที่ไม่เรียก Outdoor/Indoor

เพราะทั้งหมดไม่ได้มีกระจกกั้นนะจ้ะ

ร้านนี้เราลองเมนูเบสิคเลย คือ Cappuccino

(36 หยวน) Mocha (38 หยวน) และ Tiramisu

(42 หยวน) กาแฟหอมละมุนสมคำร่ำลือ!

ส่วนเค้กเนื้อนุ่มละลายในปาก <3

– ที่อยู่ : NO. 8 433 , Yuyuan Road , JingAn , Shanghai

https://goo.gl/maps/837MSSxuY3J2

– การเดินทาง : Jing An Temple Station

– เปิด/ปิด : จ-ศ 09:00-19:00 น. / ส-อา 10:00-19:30 น.

– เว็ปไซต์ : http://www.seesawcoffee.com/index.shtml

Starbucks Reserve Shanghai Roastery

ร้านนี้คือ สตาร์บัคที่ใหญ่ที่สุดในโลก !!

ใช่แล้วอ่านกันไม่ผิดจ้า มันกว้างใหญ่ม๊ากกกก

เค้าบอกว่าใหญ่กว่าสาขาปกติถึง 300 เท่า แหนะ

แล้วกิจกรรมคือแน่นสุด ตั้งแต่คั่วกาแฟเอย

ดริปกาแฟเอย หรือแม้แต่ Cold Brew เอย..

แถมกาแฟก็มีเมนูแปลกๆใหม่ๆเต็มไปหมด

เบเกอรี่ก็มี ซาลามี่ ชีสอะไรก็มา และที่สำคัญ

ชั้นสองทั้งชั้น จัดเต็มเรื่องชาไปอี๊กกกกก

มีตั้งแต่ชงแบบธรรมดา ยันสกัดเย็น

ไหนจะสารพัดแก้ว ขวด จาน ชุดดริปที่เป็น

ลายเฉพาะของสาขานี้ คือนั่งเพลินมากกก

อยู่ได้ทั้งวันไม่มีเบื่ออ่ะ แฟนสตาร์บัคต้องโดน

– ที่อยู่ : 789 West Nanjing Rd , Unit 110&201, JingAn , Shanghai

https://goo.gl/maps/AqxEUGfLu4A2

– การเดินทาง : Nanjing West Road Station

– เปิด/ปิด : ทุกวัน 07:00-23:00 น.

– เว็ปไซต์ : https://www.starbucksreserve.com/en-us/locations/shanghai

1984 Bookstore

ร้านต่อไปเป็นฟีลร้านลับๆในย่านอาณานิคม

ฝรั่งเศสเก่า หรือย่าน XuHui ค่ะ ตึกแถวนี้จะมี

กลิ่นอายยุโรปๆ เหมาะจะมาเดินเล่นถ่ายรูปชิลล์ๆ

พอเข้ามาในร้านแล้วเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ใน

โลกของหนังสืออะ ร้านอบอุ่นด้วยไฟเหลืองนวลๆ

มีแต่หนังสือกับคนที่รักการอ่านนั่งกันอยู่เต็มร้าน

บรรยากาศโคซี่สุด หนังสือที่นี่มีทั้งภาษาจีนและ

อังกฤษนะ แต่ส่วนมากจะมีแค่เล่มเดียว ( แรไอเท็ม )

จะยืมอ่านหรือจะซื้อก็ได้ ในร้านยังขายโปสการ์ด

เสื้อแฮนด์เมด ถุงผ้า เข็มกลัดลายน่ารักๆ

ใครอยากได้ที่สงบๆ พักอ่านหนังสือ จิบกาแฟ

ระหว่างทริป ที่นี่คือตอบโจทย์มากที่สุดค่า !!

เมนูขึ้นชื่อของเค้า คือ Barley Latte

(45 หยวน) ได้รสหวานของข้าวบาร์เลย์

กลมกล่อมมาก ไม่ต้องเติมน้ำตาลเลย

ส่วนขนมสั่งเป็น เค้กแครอท (38 หยวน)

ชอบที่เค้าใส่วอลนัทลงไปในเนื้อเค้กด้วย

เพิ่ม Texture ดี กินกับครีมชีสด้านบทคือฟิน!

– ที่อยู่ : 11 Hu Nan Lu, Xuhui Qu, Shanghai

https://goo.gl/maps/GJzH3CvvttJ2

– การเดินทาง : Shanghai Library Station

– เปิด/ปิด : ทุกวัน 11:00-22:00 น.

– เบอร์ติดต่อ : 3428 0911 ( ไม่มีเว็บไซต์จ้า )

% Arabica Shanghai

เดินถัดมาจาก 1984 Bookstore ไม่ไกล

ก็ถึง % Arabica ร้านดังแล้วจ้า เค้ามาเปิดที่

เซี่ยงไฮ้ทั้งที มีหรือสายกาแฟแบบเราจะพลาด!

ในร้านใช้ไฟ Warm White ตกแต่งแบบมินิมอล

ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน เข้ากับโลโก้เรียบง่าย

ที่ใครเห็นก็จำได้.. หลังจากคุยกับบาริสต้าอยู่นาน

ว่าลองตัวไหนดี ก็ได้ข้อสรุปว่าเราจะลอง

Spanish Latte (40 หยวน – แก้วซ้ายที่สีเข้มๆ)

กับ Latte 90% (45 หยวน) ตัว Spanish

จะมีรสเปรี้ยวๆพุ่งออกมา ใครชอบกาแฟเปรี้ยว

น่าจาเลิฟ แต่เราชอบ Latte เฉยๆจ่ะ

– ที่อยู่ : No. 374, Wukang Road, Xuhui District, Shanghai

https://goo.gl/maps/Xf6HjgxnNyS2

– การเดินทาง : Shanghai Library Station

– เปิด/ปิด : ทุกวัน 09:00-20:00 น.

– เว็บไซต์ : https://arabica.coffee/en/location/arabica-shanghai-wukang-lu

Shanghai Natural History Museum

แฮร่ เผลอแป๊ปเดียวมาถึงครึ่งทางและ !

กินกาแฟกันมาเยอะแล้ว ขอมาคั่นกลางด้วย

พิพิธภัณฑ์สักนิดดด ที่นี่เป็นที่ๆตั้งแต่เห็นรูป

ก็คือรู้เลยว่าต้องมา ตัวตึกสวย ดีไซน์กระจก

อลังการมากกกกกก ข้างในก็วิชาการแน่นสุด

เอาใจสายความรู้แบบจัดเต็ม มีเล่าตั้งแต่

การกำเนิดของโลก ไปจนสิ่งมีชีวิต แต่ละสายพันธุ์

มีทั้งสัตว์สต๊าฟ และของจริง ถ้ามีเวลามากๆ

ก็อยากจะนั่งฟังบรรยายของแต่ละชั้นเลย

เป็นที่ที่ผู้ใหญ่มาได้ เด็กมาดี ใส่ที่นี่ลงไป

ใน list รับรองไม่ผิดหวังค่าาาาา

– ที่อยู่ : No.260 Yan’an Dong Road, Huangpu District, Shanghai

https://goo.gl/maps/RqxFddfajkG2

– การเดินทาง : Natural History Museum Station

– เปิด/ปิด : หยุดวันจันทร์ / 09:00-17:15 น.

– ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 30 หยวน / นักเรียน-นักศึกษา : 25 หยวน / เด็ก 12 หยวน

– เว็บไซต์ : http://www.snhm.org.cn/eg/index.htm

Long Museum

พิพิธภัณฑ์หลง เป็นอีกสัญลักษณ์ที่แสดง

ความเป็น Modernist ของเซี่ยงไฮ้ ได้ดีมาก

ด้วยตัวโครงสร้างอาคารที่แสนจะ Photogenic

( คือแค่มาดูตัวอาคารก็คุ้มแล้วอะ5555555 )

แถมที่นี่ตั้งอยู่ข้างๆแม่น้ำ Huangpu วิวดีไปอีก

สายถ่ายรูปเซฟรัวๆนะจ้ะ มาที่เดียวได้รูปอัพไปทั้งปี !

ด้านในจะแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่ง Art Shop ก็จะ

ขายงานศิลปะ มีทั้งภาพเขียน หนังสือ ไปจนถึง

งานประติมากรรม ส่วนฝั่งจัดแสดงงานจะมีทั้ง

หมุนเวียนและถาวร เสียดายเค้าไม่ให้ถ่ายรูป

ของงี้ไปดูเองดีกว่าเนอะ ประทับใจกว่า :- )

– ที่อยู่ : 3398 Longteng Ave, Xuhui Qu, Shanghai

https://goo.gl/maps/Cbq5cMdf2K62

– การเดินทาง : Middle Longhua Road Station

– เปิด/ปิด : หยุดวันจันทร์ / 10:00-17:30 น. (คิวสุดท้าย 16:30)

– ค่าเข้า : 250 หยวน

– เบอร์ติดต่อ : 021 68776818

Aunn cafe&co.

เป็นอีกร้านที่ Cafè Hopper ที่เซี่ยงไฮ้ พลาดไม่ได้

เพราะเป็นคาเฟ่ต์มินิมอลที่ชิคไม่เหมือนใคร

แถมยังเป็นเจ้าของเดียวกับ Seesaw อีกด้วย

เรื่องกาแฟไม่ต้องพูดถึง ดีงามตามระเบียบค่ะ

ส่วนชื่อ AUNN ย่อมาจาก ‘All you need now’

ชั้นบนเป็นร้าน Selected design shop น่ารักๆ

มีขายตั้งแต่อุปกรณ์ครัว เครื่องเขียน เสื้อผ้า

เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ทำสวน เทียนหอม นาฬิกา

กระเป๋าตังค์ ไปจน ถึงชุดกางเต๊นท์ปิกนิก

ที่ปิงชอบเป็นพิเศษคือ วัสดุ โต๊ะเก้าอี้ของที่นี่

เค้าแปรรูปมาจากวัสดุรีไซเคิล ชิคแล้วยังรักษ์โลกอีก

ร้านแบบนี้ไม่สนับสนุนไม่ได้แล้ว อิ_อิ

แอบอ่านจากรีวิวมา เค้าว่าที่นี่แค่ Latte ธรรมดา

ก็อร่อยแล้ว ปิงเลยลอง Latte (30 หยวน) กับ

Cappuccino (30 หยวน) กินคู่กับ ครัวซอง (12 หยวน)

หอมนุ่มละมุน เข้ากับบรรยากาศตอนเช้าๆ

– ที่อยู่ : No.1728 Nanjing West Road, JingAn , Shanghai

https://goo.gl/maps/RjMQA2ZZyrK2

– การเดินทาง : JingAn Temple Station

– เปิด/ปิด : ทุกวัน / 08:30-22:00 น.

– เบอร์ติดต่อ : 5290 9012

Paras Cafè

ถ้าใครกำลังมองหาที่ทาน Brunch แบบ

สวยด้วยอร่อยด้วย Paras คือคำตอบ !

ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องมื้อสายมาก ตัวร้านตกแต่ง

สไตล์ Loft แต่ผสมๆหลาย Texture เข้าด้วยกัน

มีทั้งปูน แก้ว เน้นสีครีมเป็นหลัก แล้วแซมด้วย

สีเขียวจี๊ดๆ ดูเป็นกิมมิคที่ดี ส่วนชั้นสองกว้าง

พอสมควร กั้นกลางด้วยกระจกทรงหลังคา

ทำให้ร้านดูกว้างขึ้นไปอีก แถมมีแสงเข้าตลอด ดี๊ดี

Spice&coconut latte (38 หยวน)

คือเมนูพิเศษของช่วงนี้ ครีมด้านบนเป็น

เครื่องเทศหอมๆผสมกับมะพร้าว คือดีย์มาก

ขอยกให้เป็นแก้วที่ชอบที่สุดของทริป !

ส่วนแก้วข้างๆคือ Cappuccino (28 หยวน)

ด้านหลังคือ ครัวซองค์ช็อคโกแลต (22 หยวน) ค่ะ

– ที่อยู่ : 55 Shaanxi S Rd, Huangpu , Shanghai

https://goo.gl/maps/VwBesHWKZXJ2

– การเดินทาง : South Shaanxi Rd. Station

– เปิด/ปิด : จ-ศ 08:30-20:30 / ส-อา 09:30-20:30

– เบอร์ติดต่อ : 021-6433-9796

NN tea station

ร้านนี้ขายชานมไข่มุก ซึ่งอยู่ใกล้ที่พักปิงมาก

( Haodu Hotel ) ตัวร้านเป็นตึกสีเขียวอ่อน คิ้วท์ๆ

อยู่ริมถนน ด้านในตกแต่งแบบวินเทจประยุกต์

คอนเซ็ปต์ของเค้าคือ Tea Station ร้านมี 2 ชั้น

คือ ชั้นธีมโรงหนัง กับ ชั้นธีมรถไฟ ในรูปคือ

ชั้นโรงหนัง ไม่น่าเชื่อว่านี่คือร้านชานมไข่มุก

บอกว่าโฮสเทลยังเชื่อ! ตกแต่งออกมาได้

อลังการงานสร้างสุด หันไปมุมไหนก็ถ่ายรูปได้

ส่วนเครื่องดื่มปิงสั่งเป็นชมนมไข่มุกร้อน (22 หยวน)

กินตอนอากาศหนาวๆคือฟินนนน ปล.ขอกระซิบว่า

ที่นี่เรายังไม่เจอในรีวิวไหนเลย ใครมีแพลน

มาเที่ยวเซี่ยงไฮ้ก็รีบมาถ่ายรูปกันน้า ก่อนจะเกร่อ : p

– ที่อยู่ : 177 Xizang S Rd HuaiHai DongDuan , Huangpu , Shanghai

https://goo.gl/maps/vr3wgfP5sdQ2

– การเดินทาง : Da Shi Jie Station

– เปิด/ปิด : จ-ห 10:00-22:00 น. / ศ-อา 10:00-24:00 น.

– เบอร์ติดต่อ : 02153097980

MoMi Time Travel Cafè

มาถึงร้านสุดท้ายแล้ว งือออออออ

ร้านนี้เป็นร้านที่โคตรของโคตรน่ารักอะ

เป็นทั้งคาเฟ่ ร้านหนังสือ และ ร้านขายเครื่องเขียน

ในที่เดียว! ที่ปิงเลือกมาที่นี่ก่อนกลับเพราะ

เราสามารถเลือกซื้อโปสการ์ดและส่งไป

หาใครก็ได้ แค่ไปหย่อนในช่องที่ทางร้านจัดไว้

หย่อนช่องวันที่ไหน ทางร้านก็จะส่งให้ตามวันที่นั้น

เป็นบริการน่ารักๆของทางร้าน บรรยากาศในร้าน

จะละมุนๆหน่อย มีของให้เลือกเยอะ นี่เดินเลือก

ดูแปปๆ หมดไปชั่วโมงอะ ! ใครอยากส่งโปสการ์ด

กลับไปให้ครอบครัว เพื่อน แฟน บลาๆ ก็มาตำกันนะจ๊ะ!

– ที่อยู่ : 245 Madang Rd (B1/F-13 Xintiandi Style) ,

Lúwān , Huangpu , Shanghai https://goo.gl/maps/MrBYWhB8JAp

– การเดินทาง : Xin Tian Di Station

– เปิด/ปิด : ทุกวัน / 10:00 -22:00 น.

ขอบคุณสายการบิน Air Asia X อีกรอบ

ที่ทำให้ทริปเซี่ยงไฮ้ของเราชิคได้ขนาดนี้

หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยให้เพื่อนๆได้เห็นเซี่ยงไฮ้

ในมุมใหม่ๆ และกระตุ้นต่อมการเดินทางให้

เพื่อนๆไปตามรอยกันน้า <3

ถ้าชอบรีวิวแบบนี้ ก็อย่าลืมกด like และ follow

เพจ Bliss Out There แบบติดดาว / See first

https://www.facebook.com/BlissOutThere/

จะได้ไม่พลาดทริปต่อๆไปนาจา เข้าไปติดตาม

รีวิวอื่นๆของปิงได้ที่ http://www.blissoutthere.com/

แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้า เย้ : D

ี"โตนเพชร"ที่พักในสวนปาล์ม ติดลำธาร ราคาหลักร้อย

โตนเพชร กรีนเนอรี่ การ์เด้น จ.

Sarun Sudnum

January 29, 2019, 2:53 PM January 31, 2019, 5:41 AM

โตนเพชร กรีนเนอรี่ การ์เด้น จ.ระนอง พูดถึงจังหวัดระนอง เมืองฝนแปดแดดสี่ที่ทุกคนคุ้นหู ถ้าเป็นเมื่อก่อนระนองคงเป็นจังหวัดทางผ่าน แต่เดี๋ยวนี้ผมว่าไม่ใช้แล้ว ระนองน่าเที่ยวมาก ทะเลพม่าทยอยเปิดหลายเกาะ สวยๆทั้งนั้น สถานที่ท่องเที่ยวจ.ระนองก็น่าเที่ยว ตอนนี้ระนองเรียกได้ว่าHotมาก หากพูดถึงที่พักคูลๆ ไม่รู้ว่าหลายๆคนชอบที่พักแบบผมหรือเปล่า วันนึงผมเปิดไปเจอที่พักที่นึงในFacebook รู้สึกชอบมาก อยากไปพักเลย เป็นที่พักที่แบบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีต้นไม้เขียวๆ มีลำธารเล็กๆ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน เหมือนได้เอาตัวเองหนีจากการทำงานที่วุ่นวายไปชาร์ตแบต ตกเย็นเล่นน้ำข้างที่พัก ช่วงค่ำๆก็ปิ้งย่าง จิบเบียร์นั่งคุยกันไปเพลินๆ ตกกลางนอนฟังเสียงลำธาร เป็นอะไรที่ฟินมาก เป็นที่พักที่อยู่กลางป่าแบบเงียบสงบจริงๆ ใช่ครับทริปนี้ผมมาพักที่ โตนเพชร ที่พักในสวนปาล์มมีลำธารไหลผ่าน บรรยากาศดีเวอร์ มาๆตามผมครับ

ทริปนี้พวกเราไปกัน 5 คน เช่ารถขับหลังจากไปดำน้ำทะเลพม่ามา  โตนเพชร อยู่ห่างจากเมืองระนองประมาณ 30 กว่าkm ห่างจากสนามบินเพียง 7 km  ถ้านั่งเครื่องมาสามารถโทรให้ทางที่พักไปรับได้เลย(รับส่งฟรี) ถ้านั่งรถทัวร์มาลงระนอง ให้ต่อรถระนอง-กะเปอร์ ลงหน้าถนนแล้วโทรให้ทางที่พักไปรับได้หรือจะเดินเข้าไปก็ไม่ไกลเท่าไร

พวกเราขับรถมาประมาณ 30 นาทีก็มาถึงที่พัก ทำการเช็คอินเข้าห้องพักเลย มาถึงซะเย็นเลยไม่ได้ถ่ายรูปบริเวณรอบๆเท่าไร

บรรยากาศที่พักบริเวณลอบบี้ มีลานกว้างๆ บรรยากาศดูร่มรื่นดีนะ

บ้านที่เราพักหลังนี้เลย ชื่อบ้านเบญจพรรณ พักได้ 4-6 คน

ที่พักที่นี่จะเป็นสไตล์แคปปิ้งมีหลายแบบ มีบ้านเป็นหลังๆสำหรับ2คน ครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน หรือจะเป็นที่พักแบบเป็นเต็นท์กระโจม  ราคาที่พักพร้อมอาหารเช้า สำหรับ 2 ท่าน เต็นท์กระโจม 990บาท  Luxury tent 1,850 บาท บ้านอนันดา , บ้านเอวาลิน 2,250 บาท บ้านโยทะกา 2,650 บาท บ้านเบญจพรรณ 3,350 บาท (ที่พวกเราพัก) รวมอาหารเย็นปิ้งย่างด้วยตกคนล่ะ1000บาท

บริเวณชั้นล่างมีโซฟานั่งเล่น ข้างๆเป็นห้องน้ำ เป็นแบบopenด้วยนะ ชั้นล่างสามารถเสริมเตียงได้ 1 เตียง

หันหน้าออกไปก็จะเห็นวิว ติดลำธารแบบนี้เลย

ส่วนชั้นบนเป็นห้องนอนมีเตียง 2 เตียงติดกัน มีระเบียงชมวิว

บรรยากาศห้องนอนโรแมนติกมาก แต่เรามากับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย 5 คน 5555 ถ้ามาเป็นคู่นี่คงจะฟินมาก

เปิดประตูระเบียงออกไปก็จะเห็นวิวแบบนี้เลย มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งเล่น เอ้อผมลืมบอกให้อยู่ในป่าแบบนี้สัญญาณเนตมีครบทุกค่ายนาจา สำหรับคนที่ติดโซเชี่ยวไม่ต้องกลัวเลย มีเนตอัพรูปแน่นอน

ที่พักที่นี่จะค่อนข้างเงียบสงบ ล้อมรอบด้วนสวนปาล์ม มีลำธารเล็กไหลผ่าน

ส่วนเต็นท์กระโจมซึ่งอยู่ติดกับหลังที่เราพัก เห็นมีประมาณ 3 หลัง พักได้ 2 คน คืนล่ะ 990 บาท มาเป็นคู่โรแมนติกมาก กลางวันอาจจะร้อนแต่คงไม่มาก มีหน้าต่างเป็นซิปข้างๆ เปิดให้ลมเข้าได้

อยู่ติดริมน้ำเหมือนกัน เดินไม่กี่ก้าวโดดลงน้ำได้เลย

หลายคนกลัวว่าถ้าฝนตกแรงๆฝนจพสาดไหม จะมีเป็นผ้าใบเป็นหลังคาคลุมอีกทีนึง เต็นท์แบบนี้จะไม่มีห้อ

น้ำในตัวนะ แต่ว่าห้องน้ำอยู่ด้านหลังเดินไม่ไกล

อีกโซนนึงตรงนี้น่าจะเป็นLuxury tent นะ ราคาอัพขึ้นมาหน่อย มีห้องน้ำในตัว จะอยู่ติดสวนปาล์ม ไม่ติดลำธารแต่ว่าเดินประมาณ 50 เมตรก็ถึง 

บรรยากาศที่นี่ถูกล้อมรอบไปด้วยสวน บรรยากาศโคตรคูล มองไปตรงไหนก็เขียว ใครสายป่าไม่ควรพลาดเลยนะ

ตอนเย็นลงไปแช่น้ำซะหน่อย น้ำเย็นน่าเล่นมาก 

อยากเล่น แต่เพื่อนไม่มี่ใครลงเลยได้แค่ถ่ายรูปแล้วขึ้น 5555

ตกเย็นทางที่พักเอาชุดซีฟู๊ดมาให้ปิ้งย่างพร้อมกับเตา พวกเรากลัวไม่พอกินเลยอกไปหาซื้อสเบียงพร้อมเครื่องดื่มมาเพิ่ม อยู่ใกล้ๆเองมีร้านขายอาหาร มีเซเว่น ถ้าจำไม่ผิดอยู่ห่างประมาณ 2 กิโล

นี่งาย มีกุ้ง ปู บาบีคิว ไก่ ปลา ทีเด็ดคือหอย ไม่รู้เค้าเรียกหอยอะไร เหนียวนุ่มลิ้นมาก อร่อยๆ 

เพื่อนๆช่วยกันปิ้ง ส่วนเราถ่ายรูปแล้วรอกิน 5555

เอ้อลืมบอกเค้ามีข้าวจานใหญ่มาให้ด้วย หน้าตาอาหารและกับแกล้ม  ของพวกเราในคืนนี้ 5 คน กินยังไงก็ไม่หมด เยอะมาก 55555

ตื่นเช้ามาฝนตกปรอยๆ อากาศเย็นๆ 

อาหารเช้าเป็นข้าวต้ม พร้อมชากาแฟ ขนมปัง และผลไม้

มาถึงทั้งทีจะไม่เล่นน้ำก็คงจะไม่ได้ ลากไอที่นั่งสีส้มโดดลงน้ำ เอาเป็นพร๊อบถ่ายรูป 555

สบายกาย สบายใจ น้ำเย็นชื่นใจ แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังรูปนี้เพื่อนจับไว้แล้วแอบอยู่ข้างหลังไม่งั้นคว่ำ 5555

มากับแก็งซ์เพื่อนมันก็ต้องคูลกันหน่อย

นอนสบาย ความจริงคือน้ำเย็นมาก555

เยสเข้ โชว์พุงกันหน่อย 555

เอ้าถ่ายไปรัวๆ เพื่อนแม่งขยัน บอกมึงยืนตรงโน้นตรงนี้ ดีแบบนี้แหละมีเพื่อนเป็นตากล้อง 5555

สุดท้ายก่อนกลับ เห็นในที่พักมีผ้าถุง เลยบอกเพื่อนเฮ้ยเราเอามาใส่ถ่ายรูป แล้วโพสลงเฟสคงจะฮาดี โพสไปคนกดไลท์ คอมเมนต์กันใหญ่ ทีรูปดีๆไม่ค่อยมีคนกดไลท์หรอก รูปบ้าๆบอๆเนี่ยชอบกันจริงๆ 55555 จริงๆโพสแบบแต๋วๆแบบเห็นหน้าก็มีแต่อย่าเลย ให้เห็นแค่ข้างหลังพอ 5555

เป็นไงบ้างครับกับที่พักที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศเงียบสงบ สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อน อยากหนีฝุ่นเมืองกรุงไปเที่ยวสถานที่คูลๆ ไม่ว่าจะไปกับแฟน ไปกับเพื่อน หรือไปกับครอบครัว ที่นี่เค้าก็มีห้องพักรองรับ รับลองว่าไปแล้วคุณจะไม่ผิดหวังกับบรรยากาศ จะได้ชาร์ตแบตสูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอดแน่นอน เจอกันทริปหน้าครับ ^^ 

Singapore ทำไมต้องไป รีวิวเที่ยวสิงคโปร์

สิงคโปร์ Singapore จ.

suriya pilasak

February 2, 2019, 3:09 PM February 3, 2019, 5:47 AM

ทำไมต้องไปสิงคโปร์  ก่อนอื่นต้องบอกก่อนถึงเเม้สิงคโปร์ จะเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นที่เกาะเล็ก เกาะน้อยมีพื้นที่รวมกันทั้งสิ้นประมาณ 682.7 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณเกาะภูเก็ตก็ตาม แต่สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆบอกได้เลยว่ามีมากมาย ไม่น้อยหน้าประเทศอื่นอย่างเเน่นอน สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ต้นทางจากสนามบินเชียงใหม่ - สุวรรณภูมิ เพื่อต่อเครื่องไปยังสิงคโปร์

โดยสายการบิน Scoot 

Check in และโหลกสัมภาระ เป็นที่เรียบร้อย 

หาน้ำชา กาแฟ กินกันตอนเช้า เดินทางไปรอเข้า Gate

และเเล้วการเดินทางข้ามฟ้า ไปพจญภัยต่างแดน ก็เริ่มขึ้น ด้วยความตื่นเต้น

เหมือนจะไม่ใช่ความตื่นเต้นนะ เอาใหม่ล่ะกันนะ

อื่มนี่สิ เเล้วรอเวลา Tack off 

เมื่อเครื่องขึ้นเเล้วสักพัก Air จะเดินมาแจกเอกสารให้กรอกสำหรับการเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ พร้อมบริการอาหารเครื่องดื่มตามกฏระเบียบของสายการบิน 

เนื้อหายัง ไม่สมบูรณ์ โปรดติตามชมอย่างต่อเนื่อง 

ฮาวทู : ปีนังยังไง ให้มีอะไรมากกว่า street art

ปีนัง มาเลเซีย จ.

SomBozziO Som'O

February 2, 2019, 5:21 PM February 4, 2019, 5:53 AM

รีวิว 50 คาเฟ่ ‘ เชียงใหม่ ’ ครบกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว | Bliss Out There

ตาไม่ได้ฝาดหรอก มันคือเลข 5 กับเลข 0 !!

มีแพลนไปเที่ยว ‘ เชียงใหม่ ‘ share เก็บไว้ ได้ใช้ชัวร์

หรือ คนเจียงใหม่เจ้าที่กำลังมองหาร้านนั่ง

เม้ามอย วันหยุด ก็อย่าพลาดนะจ๊าาาา

เพราะงานนี้ปิงรวมมาให้ทั้งหมด ทั้งมวล

ทุกร้านที่ Bliss Out There เคยไป

รับรองว่าไม่มีรีวิวคาเฟ่เชียงใหม่ที่ไหน

จะครบเท่าคัมภีร์เล่มนี้อีกแล้ว : )

ข้อมูลของแต่ละร้าน ทั้งจุดเด่น คอนเซ็ปต์ ที่อยู่

เวลาเปิด/ปิด เบอร์ติดต่อ ในรีวิวนี้อัพเดทล่าสุดแล้วจ้า

อ่าน >> เลือก >> แล้วไปตามรอยกันเล้ยยยยย!

เผื่อใครยังไม่รู้ เพจเราทำหนังสือท่องเที่ยวหรือ

ไกด์บุ๊คเชียงใหม่ด้วยนะ ชื่อว่า Bliss of Chiang Mai

เล่มเล็ก พกง่าย ดีไซน์สวย แบ่งเป็น 5 บท คือ

ข้อควรรู้ก่อนไปเที่ยวเชียงใหม่, ร้านกาแฟ,

ที่พักในเมือง, ร้านอาหาร, โฮมสเตย์ / ที่เที่ยวนอกเมือง

พิมพ์ไม่เยอะน้า หมดแล้วหมดเลย รีบสั่งกันเข้ามานะคะ <3

ตอนนี้ลดจากเล่มละ 295 บ. เหลือ 255 บ.

รวมส่งลงทะเบียน เมื่อ inbox มาสั่งที่เพจ

https://www.facebook.com/BlissOutThere/

หรือไปซื้อด้วยตัวเองในราคาปกติ ได้ที่..

– ศูนย์หนังสือจุฬา สยามแสควร์ กทม.

– ร้าน Factory Coffee ถ.พญาไท กทม.

– ร้านรื่นอารมย์ ซอยวัดอุโมงค์ เชียงใหม่

– ร้าน Tenten テンテン ถ. บำรุงบุรี เชียงใหม่

– Funwahn Hostel ถ.พระปกเกล้า เชียงใหม่

KHAGEE

ขจี คือ ร้านโปรดตลอดกาลของปิงในเมืองเชียงใหม่

ตัวร้านไม่ได้ใหญ่มากค่ะ มีแค่ 4 – 5 โต๊ะ

ตกแต่งเรียบๆแต่ลงตัว ดูมินิมอลแบบญี่ปุ่นๆๆ

บรรยากาศรวมๆทั้งนอกและในร้าน อบอุ่นมาก <3

ที่นี่มีนิตยสารดีๆเกี่ยวกับการตกแต่งบ้านและแฟชั่น

ของญี่ปุ่นหลายเล่ม ว่างๆก็แวะมาสั่งกาแฟ อ่านหนังสือ

ดูวิวริมแม่น้ำปิงได้ ขอกระซิบว่าขนมที่นี่อร่อยหลายตัว

อย่าลืมสั่งมาลองทานคู่กับเครื่องดื่มล่ะ

– ที่อยู่ : ถนนเส้นเชียงใหม่ – ลำพูน ริมแม่น้ำปิง

– เปิด/ปิด : 10.00 – 17.00 น. หยุด จ, อ

– เบอร์ติดต่อ : 082-975-7774

– FB : https://www.facebook.com/khageecafe/

A DAY IN CHIANGMAI COFFEE BREW

ร้านนี้ก็ดีมากอีกเช่นกันนนน ตัวร้านแบ่งเป็น

2 โซน โซนแรกพื้นที่ไม่เยอะค่ะ มีที่นั่งแบบชนผนัง

พื้นที่ทำงานของบาริสต้า และ บาร์ ที่ผนังมีติดรูปถ่าย

สวยๆในเชียงใหม่ ทำให้ร้านดูมีชีวิตขึ้นไปอีกกกก

มีนิตยสารและหนังสือสัญชาติญี่ปุ่นให้นั่งเสพกันเพลินๆ

ส่วนอีกโซนเป็นจุดที่คนชอบมาถ่ายรูป เพราะมันขาว

สบายตา ถ่ายพอทเทรทก็สวย ถ่ายขนม เครื่องดื่มก็ปัง

เอ้อ เมนูที่นี่มีไม่เยอะนะ เน้นรสชาติให้สุดไปเลย

– ที่อยู่ : ถนนระแกง ตรงข้ามบริษัทยาคูลท์

– เปิด/ปิด : 10.00 – 16.00 น. หยุดวันอาทิตย์

– เบอร์ติดต่อ : 053-277-777

– FB : https://www.facebook.com/adayinchiangmaicoffee

MAGOKORO JAPANESE TEAHOUSE (มีใจให้มัทฉะ)

ฮั่นแน่ ชื่อร้านคุ้นๆใช่อ๊ะป่าวววววว ?

ร้าน ‘มีใจให้มัทฉะ’ คนดีคนเดิมของปิงเองงง

เค้าปรับปรุงและย้ายมาอยู่ข้างๆร้านเก่า

คือร้านเก่าจะมีความโฮมเมดๆโคซี่ๆใช่มะ

แต่ร้านนี้คือเหมือนยกญี่ปุ่นมาไว้เชียงใหม่เลย!

มาทีไรไม่เคยผิดหวัง เมนูมัทฉะมีให้เลือกเยอะ

matcha lover สุดๆ เมนูโฮจิฉะ ที่ร้านอื่นไม่ค่อยมี

ร้านนี้เค้ามีนะจ๊าาาาา บ อ ก เ ล ย ว่ า ต้ อ ง ม า

– ที่อยู่ : ถ.ศรีดอนไชย ต.ช้างคลาน อ.เมือง เชียงใหม่

– เปิด/ปิด : 10.00-16.00 น. หยุด จ

– เบอร์ติดต่อ : 081-583-2544

– FB : https://www.facebook.com/magokoro.tea/

RUEN A ROM ( รื่นอารมย์ )

ร้านคาเฟ่ในโฮมสเตย์ที่แสนจะรื่นรมย์

สมชื่อร้านนี้ปิงเคยมาแล้วชอบมาก จนต้องซ้ำ

บรรยากาศอบอุ่น ตัวคาเฟ่อยู่ที่โถงด้านหน้า

ของอาคาร พร้อมด้วยหลังคาทรงสูง

ในร้านมีหนังสือเก่าๆให้อ่านเล่น

มีโปสการ์ดแปะอยู่เต็มผนังด้านนึงของร้าน

ไหนจะเครื่องเล่นแผ่นเสียง โทรศัพท์โบราณ

กระเป๋าเดินทางแบบวินเทจที่ตกแต่งอยู่รอบๆ

** ที่ร้านมีไกด์บุ๊ค Bliss of Chiang Mai วางขาย

ด้วยน้า ไปอุดหนุนกันได้เลย รับรองว่าคุ้ม **

– ที่อยู่ : 146 หมู่ 10 ซอย วัดอุโมงค์ ต.สุเทพ อ.เมือง

– เปิด/ปิด : 9.30 – 17.00 น. หยุด จ

– เบอร์ติดต่อ : 081 633 8300

– FB : https://www.facebook.com/RuenARomchiangmai/

ACROSS THE UNIVERSE CAFE

คาเฟ่สุดเก๋ในเมืองเชียงใหม่ ตกแต่งคล้าย

ห้องทดลองแต่โมเดิร์นขึ้นมาหน่อย บรรยากาศ

โคตรดี มีที่นั่งทั้งในและนอกร้าน เฟอร์นิเจอร์

และของตกแต่งที่ใช้ก็เข้าธีมห้องแลปมาก

ทั้งตู้ โต๊ะ เก้าอี้ รูปภาพ และ แจกันที่ดัดแปลง

มาจากหลอดทดลอง เรียกได้ว่ามีมุมให้ถ่ายรูป

เยอะเลยแหละ แถมเครื่องดื่มก็รสชาติใช้ได้ : )

– ที่อยู่ : ถนนศิริมังคลาจารย์ หลังนิมมานซอย 9-11

– เปิด/ปิด : 10.00 – 23.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 081-855-6686

– FB : https://www.facebook.com/Thelabposhtel/

FIND COFFEE

ร้านกาแฟสไตล์มินิมอล ที่มาในคอนเซ็ปต์

Find Coffee = Quality and Fair

แฟร์จริงๆ ด้วยกาแฟและเครื่องดื่มรสชาติดี

ในราคาแก้วละ 40 บ. ถึง 18 เมนู และ

อีก 5 เมนู special drink ที่แก้วละแค่ 60 บ.

ราคา 40 – 60 บ. ต่อแก้ว ที่ว่าหายากมาก

ในคาเฟ่ฮิปๆแบบนี้ นอกจากนี้ ร้านเขายัง

มีเค้กหลากหลายแบบ ให้เราเลือกมาทานคู่

กับเครื่องดื่มด้วย ดีงามขนาดนี้ ไม่ไป = พลาด

– ที่อยู่ : ตรงข้ามสำนักงานสาธารณสุข ใกล้ข้าวต้มนายดำ

– เปิด/ปิด : 7.30 – 18.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 086-567-3330

– FB : https://www.facebook.com/findcoffeecnx/

OON POSHTEL & CAFE

คาเฟ่สุดอบอุ่นใน Poshtel ฮิปๆ

ตัวคาเฟ่ไม่ใหญ่มาก ด้านในมีที่นั่ง

ประมาณ 5 -6 โต๊ะ ด้านนอกก็พอๆกัน

แต่จะมีร่มเงาจากต้นไม้เล็กๆที่ปลูก

อยู่รอบๆด้วย ในคาเฟ่ตกแต่งสไตล์

เดียวกับห้องพัก คือเน้นความเรียบง่าย

เน้นสีขาว สีครีม และ เฟอร์นิเจอร์ไม้

ให้ความรู้สึกอบอุ่น แซมด้วยสีชมพูอ่อน

เพื่อให้ดูมีสีสัน และ น่ารักมากขึ้น

ส่วนเมนูก็มีหลากหลาย ทั้งเมนูกาแฟ นม

โซดา และ สมูตตี้ มาลอง !

– ที่อยู่ : ถนนชัยภูมิ ตำบลศรีภูมิ

– เปิด/ปิด : 8.00 – 17.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 085-653-8489

– FB : https://www.facebook.com/oonposhtel/

THE BARN : EATERY DESIGN

ร้านสีขาวสไตล์โมเดิร์นที่ให้ความรู้สึกเหมือน

อยู่โรงนาในยุโรป ด้วยโครงสร้างเหล็กสีขาว

และผนังกระจกรอบๆตัวร้าน ทำให้โรงนานี้ดู

ทันสมัย โปร่ง และ น่านั่งม๊ากมาก ของตกแต่ง

รอบๆร้านก็น่ารักค่ะ ทั้งชั้นวางหนังสือเอย โคมไฟเอย

แจกัน ไม้ประดับ ก็ด้วย ร้านนี้ที่นั่งมีทั้ง indoor

และ outdoor ส่วน indoor มีที่นั่งทั้งแบบโต๊ะ

และแบบบาร์ ส่วน outdoor จะมีประมาณ 3-4 โต๊ะค่ะ

ราคาเครื่องดื่มและอาหารก็ไม่แพงอย่างที่คิด

สายสวย สายหวานแต่ไม่เลี่ยน ปิงแนะนำร้านนี้เลย

– ที่อยู่ : ถนนศรีวิชัย ซอยตรงข้ามคณะเภสัชศาสตร์ มช.

( เข้าซอยมาประมาณ 300 เมตร )

– เปิด/ปิด : 10.00 – 1.00 น. ( ตีหนึ่ง ) ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 094-049-0294

– FB : https://www.facebook.com/thebarnchiangmai/

FOREST BAKE

คาเฟ่และร้านขนมที่ตกแต่งได้สวยงามสุดๆ

ด้วยกระท่อมไม้ตรงกลางร้าน และที่นั่ง outdoor

ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในป่า แถมความวินเทจจาก

ของตกแต่ง ไม้ดอก ไม้ประดับ ปิงว่าสาวๆน่าจะ

ตกหลุมรักร้านนี้ชนิดที่อยู่ได้ทั้งวัน เมนูเครื่องดื่มก็มี

เมนูอาหารก็มา แต่หลักๆจะเป็นพวกขนมปัง เค้ก

เบเกอรี่ โฮมเมด จากสูตรในครอบครัวค่ะ

– ที่อยู่ : ซอย หน้าวัดเกต 1

– เปิด/ปิด : 10.30 – 17.00 น. หยุดพ, พฤ

– เบอร์ติดต่อ : 091-928-8436

– FB : https://www.facebook.com/forestbake/

SS1254372 CAFE

ชื่อร้านอ่านว่า เอสเอส ( ตามด้วยตัวเลข )

ไม่ใช่ ห้าห้า คาเฟ่ชื่อสุดจะจำยาก แต่ถ้าได้ไปสักครั้ง

รับรองว่าจำไม่ลืมมมมม เพราะร้านเค้าตกแต่ง

ได้น่ารักมากๆ จุดเด่นคือกระจกรูปวงกลมรอบๆร้าน

รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ และ ของโชว์ สีพาสเทล

ถึงร้านนี้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีที่นั่งทั้งโซน indoor

และ outdoor หลังร้านมีแกลอรี่เล็กๆ ให้ลูกค้า

เข้าไปเสพอาร์ตกันเพลินๆด้วย เรียกว่ามาร้านเดียว

ได้ทำ 2 อย่างเลย กิน กับ ดู

– ที่อยู่ : นิมมานซอย 17

– เปิด/ปิด : 8.00 – 17.00 น. หยุด จ

– เบอร์ติดต่อ : 093-831-9394

– FB : https://www.facebook.com/ss1254372cafe/

I TIM BAAN YAII

ไอติมบ้านยาย ร้านไอศกรีมดีต่อใจที่ซ่อนตัวอยู่

ในถนนศิริมังคลาจารย์ ตัวร้านเล็กๆน่ารักแบบ open-air

มีที่นั่งประมาณ 10 ที่บริเวณโต๊ะยาว และอีกประมาณ

3-4 ที่ตรงบาร์ติดผนัง ข้อดีของไอศกรีมที่นี่คือ

เป็นไอศกรีมโฮมเมด เนื้อละเอียด นุ่มละมุนสุดๆ

แถมมีรสชาติใหม่ๆมาให้ลองเรื่อยๆ มีทั้งใส่ถ้วย

ใส่โคนคิ้วท์ๆ และ เมนูเครื่องดื่มสีสวยๆมากมาย

ว่าแล้วก็ อยากไปอีก ใครยังไม่เคยไป จัดซะ !

– ที่อยู่ : ถนนศิริมังคลาจารย์ ซอย 3

– เปิด/ปิด : 10.00 – 19.30 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 083-516-5506

– FB : https://www.facebook.com/itimbaanyaii/

BREW FACT

คาเฟ่แบบ open-air เข้ากับอากาศดีๆ

ช่วงต้นปี เพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่คนก็แห่มา

กันเยอะพอสมควร เป็นร้านชั้นเดียว

มีที่นั่งทั้งในและนอกร้าน ด้านนอกเป็น

ปูนเปลือย ตกแต่งด้วยไม้ประดับให้ดูร่มรื่น

ส่วนด้านในตกแต่งสไตล์โคโลเนียล

เรียบๆแต่ก็มีลวดลาย เน้นสีน้ำเงิน สีเทา

สีขาวเป็นหลัก ส่วนตัวปิงว่าร้านนี้เหมาะ

จะมานั่งเล่น นั่งคุย จิบกาแฟ ทานขนม

แต่ถ้าจะมานั่งทำงานยาวๆน่าจะยาก

เอาเป็นว่า ลองแวะไปละกัน !

– ที่อยู่ : ถนนศิริมังคลาจารย์ ซอย 7

– เปิด/ปิด : 8.00 – 16.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 093-139-8683

– IG : @brewfact

RUSTIC AND BLUE

นี่คือคาเฟ่กระจก ที่มาพร้อมสวนหลังบ้าน

ก็แน่นอนว่ามีทั้งที่นั่ง indoor และ outdoor

ในความอบอุ่น ก็มีความสดใส เพราะเค้าตกแต่ง

ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้หลายๆสี และ ไม้ประดับรอบๆร้าน

ชื่อร้าน Rustic แปลว่า ชนบท ส่วน Blue สื่อถึง

ท้องฟ้าที่สดใส เค้าต้องการจะสื่อว่าตัววัตถุดิบ

มาจากฟาร์มออร์แกนิคของชาวบ้าน ซึ่งเป็นการ

สนับสนุนชาวบ้านไปในตัวค่ะ จุดเด่นของร้านคือ

เครื่องดื่มและอาหารเฮลตี้ ที่หน้าตาน่ากิน

แถมรสชาติไม่เหมือนใครด้วยสูตรเฉพาะของร้าน

ปิงลองไอศกรีม honey lavender ไป หอมสุดๆๆ

– ที่อยู่ : นิมมานซอย 7

– เปิด/ปิด : 8.30 – 22.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 05-321-6420

– FB : https://www.facebook.com/rusticandbluechiangma

YELLOW CRAFTS – HOME BREWING

ร้านกาแฟสไตล์มินิมอล คอนเซ็ปต์ชัดๆ

ที่ cafe hopper อย่างพวกเราไม่ควรพลาด !

ตัวร้านทาสีขาวทั้งด้านนอกและด้านใน

เพิ่มความสดใสด้วยสีเหลืองบ้าง อย่างเช่น

ขอบป้ายหน้าร้าน ประตู โต๊ะ และ เมนูพิเศษ

สีเหลือง-น้ำตาล อีกหลายเมนู เช่น Acid Fresh

White balance นมถั่วเหลือง และ นมฟักทอง

สูตรเฉพาะของร้าน ยังไม่พอ ยังมีพวก cold brew

กับ เบเกอรี่ด้วย ไปตำด่วนๆ บอกเลยยยยย

– ที่อยู่ : ซอยข้างธนาคารกสิกร บนถนนสุเทพ

– เปิด/ปิด : 7.00 – 19.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 053-278-757

– FB : https://www.facebook.com/YellowCraftsHomeBrewing/

CHEEVIT CHEEVA FINE DESSERTS

ใครกำลังหาร้านขนมหวานน่ารักๆ

ไว้กินล้างปากหลังจัดมื้อเที่ยงแถวนิมมาน

‘ชีวิตชีวา’ ปิงว่าตอบโจทย์ สายปิงซู ฮันนี่โทส

น่าจาเลิฟได้ไม่ยาก แถมร้านน่ารัก ถ่ายรูปได้

กรุบอยู่นาจา ตัวร้านชั้นเดียว ออกแนวโคซี่ มินิมอล

หน้าต่างกลมเป็นมุมห้ามพลาดของที่นี่

ขนมก็มีให้เลือกเยอะ แถมหน้าตาดี ขึ้นกล้อง!

อิ่มท้องแล้งยังมีรูปอัพลงโซเชียลอีกนาเหวย

– ที่อยู่ : 6 ซอย 7 ถ.ศิริมังคลาจารย์ ต.สุเทพ อ.เมือง

– เปิด/ปิด : เปิดทุกวัน 10.00 – 22.00 น.

– เบอร์ติดต่อ : 092 626 9965

– FB : https://www.facebook.com/cheevitcheevacafe/?epa=SEARCH_BOX

FLIPS & FLIPS HOMEMADE DONUTS

นอกจากคริสปี้ครีมตอนมาไทยแรกๆ

ก็ไม่เคยเห็นคนต่อคิวซื้อโดนัทเยอะแบบนี้เลย

Flips & Flips เป็นร้านโดนัทโฮมเมด ที่ทำโดนัท

ขายแค่วันละประมาณ 300 ชิ้น เท่านั้นนนน

หมดแล้ว หมดเลย นอกจากจะสั่งไว้ล่วงหน้า

ทำให้ร้านนี้เปิดแค่วันละไม่กี่ชั่วโมง

ปิงลองโดนัทชาเขียวถั่วแดงไป ก็ตรัสรู้เลย

ว่าทำไมคนต้องมาต่อแถวรอ คือ มันอร่อยจริง!

ถ้าอยากรู้ว่าอร่อยขนาดไหน ไปเที่ยวเชียงใหม่

รอบหน้า ห้ามพลาดนะ!  

– ที่อยู่ : หมู่บ้าน หัสดิเสวี ซอย 5

– เปิด/ปิด : 11.00 – 16.00 น. หยุด พฤ

– เบอร์ติดต่อ : 091-865-1535

– FB : https://www.facebook.com/FlipsandFlipsHomeMadeDonuts/

BREWING ROOM

คาเฟ่สีหวาน เอาใจคนหาที่นั่งทำงาน

เพราะที่นี่มี wifi ที่เร็วมากกกกก5555

แถมอยู่ในโซนที่ค่อนข้างสงบ

ตัวร้านมีชั้นเดียว เน้นสีมิ้นท์อ่อนๆ

สีชมพู สีขาว และ สีเทา สไตล์ออกไป

ทางเกาหลี ส่วนตัวชอบร้านนี้นะ

เพราะถึงจะตกแต่งไม่เยอะ แต่ก็น่ารัก

ลงตัว แถมมี hojicha เมนูโปรดที่

หาทานได้ยากอีกด้วยยยย

– ที่อยู่ : ถนนเจริญเมือง เยื้องกับตลาดสันป่าข่อย

– เปิด/ปิด : จ – ศ 8.00 – 16.00 น.,

ส – อา 9.00 – 17.00 น.

– IG : @brewingroom

WOO CAFE

คาเฟ่ที่สาวกเชียงใหม่ตัวจริงต้องรู้จัก

ตั้งแต่เปิดมา กระแสตอบรับร้านนี้คือดีมากกกกก

เพราะเขาไม่ใช่แค่ร้านกาแฟ แต่ยังเป็นร้านอาหาร

แกลอรี่ และ lifestyle shop ด้วย! ใน shop ก็จะมี

เซรามิคสวยๆ จาน ชาม ไม้ น้ำหอม ฯลฯ ขายเพียบ

ด้านในตกแต่งสไตล์แฟนซี มีรูปวาด มีต้นไม้ ดอกไม้

และ โคมไฟหลายๆแบบ มีที่นั่งเยอะ ทั้งโต๊ะ บาร์

โซฟา ที่จอดรถก็มี wifi ก็มา จะรออะไรอีกล่ะ ?

– ที่อยู่ : ถนนเจริญราษฎร์ ใกล้วัดเกตและแม่น้ำปิง

– เปิด/ปิด : 10.00 – 22.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 052-003-717

– FB : https://www.facebook.com/Woochiangmai/

COTTONTREE COFFEE ROASTERS

ถึงร้านนี้จะไม่ได้อยู่ในย่านท่องเที่ยว

แต่ควรค่าแก่การไปลองกาแฟของเค้าสุดๆ

เพราะเค้าผลิตเมล็ดกาแฟเอง มีใส่ถุงขายเองด้วย

packaging เรียบๆแต่น่ารักเชียว ขอกระซิบว่า

เมล็ดกาแฟร้านนี้เค้าดีถึงขั้นที่บางคนซื้อไป

ทำขายเลยนะ เพราะฉะนั้นเรื่องรสชาติไม่ต้องพูดถึง..

บรรยากาศภายในร้านก็ดี ฟีลเหมือนอยู่ต่างประเทศ

เขายกเพดานสูง ทำให้ร้านโปร่ง แถมผนังสีขาว

คลีนๆ มีนั่งมีทั้งบาร์ โต๊ะเล็ก โต๊ะใหญ่ เป็นอีกร้าน

ที่ปิงอยากให้มาลอง โดยเฉพาะเมนู Hojicha <3

– ที่อยู่ : ถนนซุปเปร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำพูน ซอยใกล้ MAYA

– เปิด/ปิด : 8.00 – 16.00 น. หยุด อ

– เบอร์ติดต่อ : 086-090-9014

– FB : https://www.facebook.com/cottontreecnx/

8 DAYS A WEEK

คาเฟ่ปูนเปลือยในสวน ที่เหมาะจะมานั่งชิลล์

นั่งเม้าท์ หรือจะมานั่งอ่านหนังสือ ทำงานก็ได้

เพราะเครื่องดื่มราคาไม่แพง wifi แรง แถมมีที่นั่งเยอะ

จะนั่งในห้องแอร์หรือนั่งในสวนก็ดีงามไม่แพ้กัน

ร้านนี้ตกแต่งแบบ Loftstyle คือ ผนัง เพดาน

และ เสาจะดูดิบๆหน่อย ไปใส่ลูกเล่นตรง

พื้นกระเบื้องและของเก่าที่เอามาตกแต่งรอบๆร้าน

คอนเซ็ปต์ของร้านคือ ‘ จะทำอะไร ถ้าสัปดาห์หนึ่งมี 8 วัน ‘

จะลองเอาวันที่แปด มานั่งเล่นที่นี่มั้ยล่ะ ?

– ที่อยู่ : ถนนสุขเกษม เดินทะลุจากนิมมานซอย 2

– เปิด/ปิด : 8.00 – 20.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 084-046-3025

– FB : https://www.facebook.com/8dayscoffee/

THUNDER BIRD HOSTEL

นี่คือโฮสเทลที่มาพร้อมคาเฟ่สุดชิค

ภายใต้คอนเซ็ปต์นกๆ5555555 พอผ่านอุโมงค์

ทางเข้ามาก็จะรับรู้ได้ถึงความดิบ ความฮิป

จากผนังปูน บันไดโครงเหล็ก และ การตกแต่ง

แต่เขาก็ยังคงความสนุกสนานด้วยการใช้ลายและ

ข้อความที่เกี่ยวกับนกเพ้นต์อยู่รอบๆ รวมถึงไม้ประดับ

และเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีสันบ้าง แต่ก็ไม่แย่งคอนเซ็ปต์

โดยรวม เอาไปเต็ม 10 เลยสำหรับดีไซน์ของที่นี่

แอบเสียดายที่เพิ่งได้มา ไม่งั้นจะพักสักคืน : p

– ที่อยู่ : ถนนมูลเมือง ซอย 6

– เปิด/ปิด : ไม่แน่ใจเหมือนกัน ลองโทรถามดู

– เบอร์ติดต่อ : 064-324-2654

– FB : https://www.facebook.com/thunderbirdhostel/

GRAPH CAFE

นิยามของร้านนี้คือคาเฟ่จิ๋วแต่แจ๋ว ในกล่องไม้

ด้านในมีที่นั่งแค่ 3 โต๊ะ แต่ในความเล็กก็มีความฮิปอยู่

ตกแต่งๆน้อยๆแต่ดูดีด้วยชั้นวาง และ ของเก่า

ของสะสม สไตล์วินเทจที่โชว์อยู่บนชั้น ตั้งแต่

กล้องฟิล์ม หมวก นาฬิกา เครื่องบดกาแฟสมัยก่อน

และ นิตยสารคูลๆ ถ้าไปตอนคนเยอะๆก็ต้อง

นั่งหน้าร้าน ไม่ก็ซื้อแบบ takeaway เอาค่ะ

หรือถ้าอยากกินของคาว ขนมแบบจัดเต็ม

แนะนำให้ไป Graph Table นะ เจ้าของเดียวกัน

หรือจะแวะไปคาเฟ่อีกสาขาก็ได้ อยู่ที่ one nimman

– ที่อยู่ : ระหว่างซอยราชวิถี 1 และ 2

– เปิด/ปิด : 9.00 – 17.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 086-567-3330

– FB : https://www.facebook.com/graphcafe.chiangmai/

MALED COFFEE ROASTERS

ในรูปคือ Maled Coffee Bar ซึ่งปิดไปแล้วจ้า

ตอนนี้เหลือแต่ Maled Coffee Roasters

เจ้าเก่า ที่รับประกันเรื่องคุณภาพกาแฟได้เลย

ส่วนตัวยังไม่เคยไปอันที่เป็น roasters แต่จากที่

เข้าไปส่อง IG และ รีวิวแล้ว ก็รู้ว่า ร้านยังเรียบๆ

น่ารัก นวลๆ เหมือนเดิม มีทั้งกาแฟและเครื่องดื่ม

ร้อน เย็น ที่ราคาสมเหตุสมผล น่าไปโดนม๊ากมั่ก

ใครไปแล้วเอามาเล่าให้ฟังมั่งเด้ออออออ

– ที่อยู่ : ถนนสนามบินเก่า ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง

– เปิด/ปิด : 8.00 – 18.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 099-295-5655

– FB : https://www.facebook.com/MaLedCoffeeBar/

FLOUR FLOUR LOAF

อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้นะ นี่คือร้านที่ขึ้นชื่อเรื่อง

ขนมปังที่สุดในเชียงใหม่! และในรูปก็คือสาขาใหม่

ของเค้าจ้าาาา เค้าเอาอาคารพานิชย์มารีโนเวท

ให้ออกมาน่ารักขนาดนี้ได้ยังง๊ายยยยย! เข้ามาใน

ร้านจะเห็นเชลเตอร์ขนมปังก่อนอย่างแรก

พร้อมด้วยเมนูขนมที่มีให้เลือกมากมาย

นี่โดนโดนัทไส้วนิลาตัวท๊อป และ ชาเอิลด์เกรย์ไป

เข้ากันดีมั่กๆ เค้าฝากมาบอกว่ามีบริการส่ง

Kerry ส่งขนมให้ถึงกรุงเทพฯเลยด้วยน้า สั่งๆๆๆ

– ที่อยู่ : 200 13 B Avenue ต.สุเทพ อ.เมือง

– เปิด/ปิด : เปิดทุกวัน 08.30 – 18.00 น.

– เบอร์ติดต่อ : 092 916 4166

– FB : https://www.facebook.com/flourflourbread/

LOOPER CO.

Espresso Bar สุดฮิปที่เพิ่งเปิดใหม่ในย่าน

โกดังราชวงศ์ ร้านนี้คือนิยามของวลี “น้อยแต่มาก”

ที่แท้ทรู ข้างในจะตกแต่งแบบวินเทจประยุกต์

เฟอร์นิเจอร์รุ่นพ่อ เข้ากับผนังและบาร์ดิบๆได้

อย่างลงตัว มานี่นอกจากจะได้ดื่มกาแฟอร่อยๆแล้ว

ยังได้รูปมู้ดเรียบๆไว้อัพลงไอจีแน่นอน

ป.ล. ตอนกลางคืนที่นี่เค้าเป็นบาร์ด้วยนะ ต้องมาลอง!

– ที่อยู่ : ถ. ราชวงค์ ต. ช้างม่อย อ.เมือง เชียงใหม่

– เปิด/ปิด : 10.00-16.00 น. หยุด พ

– เบอร์ติดต่อ : 087 177 2640

– FB : https://www.facebook.com/looperandcompany/

ผ่าง !! ขอขั้นเวลาด้วย โปรโมชั่นสุดร้อนแรงตอนนี้

ไกด์บุ๊ค Bliss of Chiang Mai ลดราคาอยู่นะ

จากปกติ เล่มละ 295 บ. เหลือ 255 บ. แถมส่ง

ลงทะเบียนให้อีกเอ้า! รีบ inbox มาสั่งกันได้เลย

คนเชียงใหม่ต้องมีติดไว้ ใช้หาที่นั่งชิลล์ๆ

คนจะไปเที่ยวก็พลาดไม่ได้เพราะข้อมูลครบม๊าก

ไม่สะดวกสั่งออนไลน์ หาซื้อเองได้ที่…

– ศูนย์หนังสือจุฬา สยามแสควร์ กทม.

– ร้าน Factory Coffee ถ.พญาไท กทม.

– ร้านรื่นอารมย์ ซอยวัดอุโมงค์ เชียงใหม่

– ร้าน Tenten テンテン ถ. บำรุงบุรี เชียงใหม่

– Funwahn Hostel ถ.พระปกเกล้า เชียงใหม่

GATEAWAY COFFEE ROASTERS

ไปต่อกันค่ะ ร้านนี้ซ่อนตัวอยู่บนตึกเก่า

ย่านท่าแพ มาในคอนเซ็ปต์เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว..

ทั้งคาเฟ่เอย โรงคั่วเอย แกลลอรี่เอย มีหมดจ่ะ

เมนูที่จะสั่งเป็นซิคเนเจอร์ที่ทางร้านคิดเอง

อยากรู้ว่าคือเมนูไรต้องดูต่อนะจ๊ะ อิอิ

ที่เลิฟอีกอย่างคือการตกแต่ง เค้าขายความเก่า

ความวินเทจ เฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งหลาย

มาตอนแสงเย็นๆคือให้ความรู้สึก Nostalgia มาก

เท่อ่ะร้านนี้ ชอบ !!

– ที่อยู่ : ถ.ท่าแพ อ.เมือง เชียงใหม่

– เปิด/ปิด : 09.00-18.00 น. เปิดทุกวัน

– FB : https://www.facebook.com/gatewaycoffeeroasters/

RAKUDA PHOTO ARTISANS & CAFE

มากกว่าร้านกาแฟ คือเป็นแกลอรี่โชว์งานภาพถ่ายด้วย

ถึงจะเป็นร้านชั้นเดียว แต่ก็กว้างพอสมควร ด้านหน้า

ใช้ผนังสีขาว บาร์ไม้ เก้าอี้ไม้ มีที่นั่งไม่มาก

เน้นมานั่งดื่มกาแฟ นั่งเม้าท์แป๊ปๆออก ไม่ก็ซื้อแบบ

takeaway ส่วนด้านในเป็นแกลอรี่ ผนังปูน ดิบๆดี

เมนู signature เขาแปลกดี เป็นกาแฟผสมโยเกิร์ต

ส่วนเมนูอื่นๆก็ราคาถูกเลยถ้าเทียบกับร้านส่วนใหญ่

ในเมืองเมืองเชียงใหม่ ว่างๆลองแวะไปนะ : )

– ที่อยู่ : ถนนราชวิถี ใกล้ที่ว่าการอำเภอ

– เปิด/ปิด : อ – ศ 9.00 – 18.00 น.

ส, อา 9.00 – 20.00 น. หยุดวันจันทร์

– เบอร์ติดต่อ : 093-153-0074

– FB : https://web.facebook.com/rakudaphotoartisan/

TENTEN テンテン

คาเฟ่มินิมอลสัญชาติยุ่นร้านนี้สังเกตุง่ายมาก

หน้าร้านจะมีน้องแมวกวักตัวเบอเริ่มตั้งอยู่

ด้านบนของร้านจะเป็นร้านสุกี้ยากี้-อาหารญี่ปุ่น

เจ้าของเดียวกัน ข้างในตกแต่งได้คลีน และ Loft สุด!

พื้นปูนเปลือย ผนังกระเบื้องขาว โต๊ะเก้าอี้ไม้

คือน่ารัก ทุกอย่างในร้านคลุมโทนญี่ปุ่น ตั้งแต่

เมนู ของตกแต่ง นิตยสาร ไปยัน ขนม-เครื่องดื่ม !!

ใครเป็นเอฟซีส้มยูสุ ปักหมุดเลย เพราะชีสเค้ก

ยูสุเค้าอร่อยมากกกกกกก (ก.ไก่ล้านนๆๆๆตัว)

** ร้านนี้มีหนังสือ Bliss of Chiang Mai วางขายจ้า **

– ที่อยู่ : ถ.บำรุงบุรี ต.พระสิงห์ อ.เมือง เชียงใหม่

– เปิด/ปิด : 09.00-22.00 น. เปิดทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 088 869 0000

– FB : https://www.facebook.com/tentencnx/

HEARTWORK THE SHARING SPACE & CAFÉ

ในยุคที่อาชีพอิสระได้รับความนิยมมากขึ้น

คนจำนวนมากทำงานโดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ

เราก็จะเห็นร้านกาแฟ หรือ co-working space ผุดขึ้นมา

มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆอย่างเชียงใหม่

ล่าสุด ‘Heartwork The Sharing Space & Cafe’

ก็เพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นาน เป็นร้าน 2 ชั้น

ที่รีโนเวทมาจากโรงพิมพ์เก่า ด้านในจัดสรรพื้นที่ได้

ดีมาก มีที่ให้นั่งทำงานทั้งโต๊ะเล็ก โต๊ะใหญ่ และ บาร์

ทุกโต๊ะมีที่ให้เสียบปลั๊ก แถมจะห้องประชุมสำหรับ

คุยงานหรือติวหนังสืออีกด้วย ปิงแนะนำเลย

สำหรับคนที่หาที่นั่งทำงานในเชียงใหม่ ต้องมา !

– ที่อยู่ : ถนนกำแพงดิน

– เปิด/ปิด : 9.00-20.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 083-208-5405

– Facebook : https://www.facebook.com/pg/heartworknevergetshard

THE BARISOTEL BY THE BARISTRO

ยกให้ติดอันดับ top 10 คาเฟ่ที่ชอบที่สุดในเชียงใหม่ !

เห้ย มันดี มันมีความเกาหลี ผสมความมินิมอล

และความสดใสได้พอดีมาก ที่นี่ด้านบนเป็นโรงแรม

2 ชั้นล่างเป็นคาเฟ่ กว้างเลยแหละ มีมากกว่า 10 โต๊ะ

ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวเป็นหลักค่ะ มีพร็อพ

สีชมพูอ่อน น้ำตาลอ่อน เหลืองอ่อน และ ไม้ประดับ

อยู่รอบๆร้าน ที่สำคัญคือเครื่องดื่มราคาไม่แพงเลย

ถ้าเทียบกับหลายๆร้านในนิมมาน รับประกันความดีงาม

ด้วยอีก 3 สาขา ใน จ.เชียงใหม่ สาขา Ping River

เพิ่งเปิดไม่นาน ดีงามมาก ไปด้วยล่ะ

– ที่ตั้ง : นิมมานซอย 9

– เปิด/ปิด : ทุกวัน 8.00 – 21.30 น.

– เบอร์ติดต่อ : 092 – 545 -8855

– IG : https://goo.gl/mQ2JNn

DAY OFF DAY

หลายคนคงรู้สึกเหมือนปิงว่าช่วงนี้คาเฟ่สีขาว

คู่กับเฟอร์นิเจอร์ไม้มาแรงมากในเชียงใหม่

ร้านนี้เขาเลยสร้างความแตกต่างให้ตัวเอง

ด้วยการแบ่งร้านออกเป็นหลายๆส่วน

ทั้งส่วนร้านกาแฟ ดาดฟ้า ร้านขายงานฝีมือ

และที่นั่งเล่นที่กระจายอยู่ในสวน ไหนจะ

สีพาสเทลจากพวกแก้ว จาน ชาม ที่มาอยู่

รวมกันแล้วน่ารักมากเว่อร์ ถูกใจสาวๆแน่นอน

– ที่อยู่ : ถนนรอบเมืองเชียงใหม่ ใกล้โรงแรม B2 Premier

– เปิด/ปิด : อ 9.00 – 18.00 น.,

พ – อา 9.00 – 20.00 น. หยุด จ

– เบอร์ติดต่อ : 084-504-5084

– IG : @day_off_day

PICCADILLY

ปีที่แล้วสีชมพูมาแรงมากกกกกกก

คาเฟ่สีชมพูเปิดใหม่เยอะเลยยยยย

ซึ่งร้านนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ แต่เค้าลดความหวาน

และ เพิ่มความฮิปด้วยที่นั่งในสวน ตกแต่งด้วย

ไม้ประดับ และ เก้าอี้สีเข้มอย่าง น้ำตาล เทา

ให้ดูสุขุมขึ้นมาหน่อย ที่พีคสุดในร้านก็

เห็นจะเป็นเมนูสีสันสดใสน่าถ่ายรูป

อย่างเครื่องดื่มปั่น และ ไอศกรีม แฟนซี

ปิงว่าสาวๆต้องชอบร้านนี้แน่นอน

เพราะฉะนั้น อย่าพลาด >//<

– ที่อยู่ : นิมมานซอย 7

– เปิด/ปิด : 10.00 – 20.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 083-325-2533

– FB : https://www.facebook.com/piccadillyicecream/

ABCD: A BETTER CUP & DESIGN

ร้านเล็กๆที่คอนเซ็ปต์เบื้องหลังเครื่องดื่มและขนม

ไม่เล็กเลย! ตัวร้านชั้นเดียวกระจกรอบด้าน

ด้านในมีที่นั่งติดผนังกระจกประมาณ 5-6 ที่

และโต๊ะไซส์ 4-5 คน อีก 1 โต๊ะ หรือจะนั่งนอกร้าน

ก็ร่มรื่น เมนูที่ปิงสั่งมาลองคือ Peachfully กับ

ช๊อคโกแลตเค้ก ซึ่งดีสุดไรสุด! โดยเฉพาะ

ช๊อคโกแลตเค้กที่ปิงไม่ได้คาดหวังอะไรเลย

เพราะตอนที่เห็นในตู้ มันก็ดูเป็นเค้กธรรมดาๆ

แต่ตอนเสิร์ฟกับราดด้วยช๊อคโกแลตร้อน

โรยอัลมอนด์ แถมด้านในมีสอดไส้ไวท์ช๊อคอีก!

อันนี้คือดีมาก ประทับใจ <3

– ที่อยู่ : ถนนห้วยแก้ว

– เปิด/ปิด : 09.00-17.00 น. หยุด อา

– FB : https://www.facebook.com/pg/ABCD.CNX/

BAREFOOT CAFE

Barefoot cafe คาเฟ่พิซซ่า พาสต้า และ

สปาเก็ตตี้โฮมเมด ที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเชียงใหม่

ถ้ามาเชียงใหม่แล้วนึกอยากกินพิซซ่า ไม่ต้อง

ไป Pizza Hut หรือ Pizza Company ค่ะ ไปร้านนี้

ตัวร้านมี 2 ชั้น ชั้นล่างนั่งติดบาร์ เห็นขั้นตอน

การทำพิซซ่าแบบใกล้ชิด ชั้นบนมีที่นั่ง 4 – 5 โต๊ะ

เพื่อความเป็นส่วนตัว นอกจาก 3 เมนูด้านบนแล้ว

เขาก็มีขนมปัง เบอเกอรี่ และ เครื่องดื่มด้วย

พิซซ่าอร่อยมาก ถาดละแค่ 200 บ. เอง

เส้นพาสต้าก็เหนียวนุ่มจริงๆ อยากให้ไปโดน

– ที่อยู่ : โครงการ penguin villa ถนนช้างเผือก

– เปิด/ปิด : 11.00 – 20.00 น. หยุด อ

– เบอร์ติดต่อ : 083-564-7107

– FB : https://www.facebook.com/barefootcafechiangmai/

NUAN CAFE & BISTRO

ร้านนี้ชื่อ ‘นวล’ ก็คือมัน ‘นวล’ สมชื่อจริงๆ

เข้ามานั่งในร้านแล้วได้ฟีลเหมือนอยู่บ้าน

สมัยพ่อแม่เราเด็กๆ เวลาดูในภาพถ่ายอะ

บรรยากาศรอบๆ เหมือนมีฟีลเตอร์นวลๆ

คลุมอยู่ตลอดเลย ในร้านตกแต่งได้พอดีมาก

มีต้นไม้นิดๆให้ไม่ดูแห้งจนเกินไป <3

อ่ะ แต่เห็นโล่งๆงี่ มุมถ่ายรูปแน่นนะจ๊ะ

สายเกา ถือกระเป๋าสานมา ถ่ายรูปวนไปจ้า

– ที่อยู่ : ซ.พระปกเกล้า 9 ถ.พระปกเกล้า (ใกล้ประตูท่าแพ)

– เปิด/ปิด : 09.00-17.00 น. เปิดทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 086 573 2999

– FB : https://www.facebook.com/nuancafeandbistro/

LAN DIN

ด้านนอกของร้าน เป็น Visual ที่ใครเห็นก็จำได้

เจ้ากล่องโปร่งแสงยักษ์ กลางธรรมชาติ

น่าถ่ายรูปสุดๆไปเลย ร้านนี้ตั้งอยู่ในโครงการ

ลานดินที่รวมร้านอาหาร คาเฟ่ อื่นๆอีกพรึบ

ที่นี่เป็นเหมือนศูนย์รวมของคนทุกวัยเลย

เด็กนักเรียน วัยรุ่น แก๊งค์ผู้ใหญ่ ด้วยความที่

เมนูเรียบง่ายด้วยมั้ง มีตั้งแต่ข้าว ขนม น้ำชา

กาแฟ เบเกอรี่ ยันของหวาน !

ไม่แปลกใจเลยที่คนจะชอบมา

– ที่อยู่ : ถ.บ้านร่ำเปิง ต.สุเทพ อ.เมือง เชียงใหม่

– เปิด/ปิด : 08.00-20.00 น. เปิดทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 063 365 3946

– FB : https://www.facebook.com/landinproject

THE BARISTRO AT PING RIVER

นี่คาเฟ่ หรือสตูดิโอ !? ทำไมมันสวย เป๊ะ

แถมมุมถ่ายรูปเยอะขนาดเนนนนน้~

The Baristro เองมีหลายสาขา สาขานี้เป็น

สาขาที่ใหญ่สุด ปิงเคยมาตอนยังไม่เสร็จดี

ครั้งนี้แวะมาอีกรอบ เค้าเปลี่ยนบ้านเก่าทั้งหลัง

เป็นบ้านสไตล์ loft ตกแต่งแบบมินมอล

แต่ก็มีพร็อพให้ถ่ายเพลินมาก คอนเซ็ปต์ชัด

แบบนี้ คนก็เยอะสิคะคุณ55555555

บาริสต้าก็น่ารัก เอ้า ! รออะไรไปค่ะ !

– ที่อยู่ : 62 ถ.ป่าตัน ต.ป่าตัน อ.เมือง

– เปิด/ปิด : เปิดทุกวัน 08.00 – 20.00 น.

– เบอร์ติดต่อ : 081 883 7402

– FB : https://goo.gl/T5KMg8

MAHOGANY CAFE

Cafè and Bistro ในบรรยากาศสุดร่มรื่น

สบายๆ กลางร้านมีต้นใม้ใหญ่เป็นพระเอกของที่นี่

ต่อด้วยระเบียงที่เป็นชั้นลอยสุดชิลล์

โต๊ะ เก้าอี้ในร้านจะคละกันไป ทั้งแบบหวาย

ไม้ และ หินอ่อน รวมๆให้ความรู้สึกอบอุ่น

เหมือนนั่งเล่นอยู่ในสวนหย่อมหลังบ้าน คือดีย์

มีทั้งอาหาร ขนม เครื่องดื่ม เหมาะจะพาครอบครัว

มาทาน Brunch ในวันหยุดมาก รับรองว่าแฮปปี้ (-:

– ที่อยู่ : 222/29 ถนนโชตนา ตำบลช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่

– เปิด/ปิด : ทุกวัน 09.00 -18.00 น.

– เบอร์ติดต่อ : 062 665 6266

– FB : https://www.facebook.com/MahoganyCafe/

KEDTAWA HOMEMADE DONUTS

ชื่อ(เต็ม)ร้านมีคำว่า ‘Homemade’ ซะขนาดนี้

เราจะพลาดได้ที่ไหนล่ะ! ร้านนี้ไซส์กำลังพอดี

ดูอบอุ่น ด้านในมีความแกลอรี่ โชว์ภาพอยู่

รอบๆร้านด้วย เมนูเด็ดของที่นี่ นอกจากโดนัท

เค้ายังขึ้นชื่อเรื่องชาไข่มุกด้วยนะ จับคู่ความ

อาหย่อยกันไป ใครมาหาร้านเล็กๆ โคซี่ๆ

เหมาะจะนั่งกินไปคุยไปกะเพื่อน มาเลย : p

– ที่อยู่ : 23 หมู่ 6 บ้านร่ำเปิง ต.สุเทพ อ.เมือง

– เปิด/ปิด : เปิดทุกวัน 10.00 – 23.00 น.

– เบอร์ติดต่อ : 093 518 1456

– FB : https://www.facebook.com/Kedtawa-197147944256801/

NO. 39 CAFE

No. 39 café ที่รวมตัวใหม่ของฮิปสเตอร์เชียงใหม่

และฮิปสเตอร์กรุงเทพฯที่ไปเที่ยวเชียงใหม่ อ้าว

งงอ่ะดิ5555555 เป็นร้านที่มีพื้นที่กว้างขวางมากกก

มีที่นั่งทั้ง indoor และ outdoor ล้อมรอบสระน้ำ

มุมที่ห้ามพลาดเลยคือสไลเดอร์บนบ้านต้นไม้

ส่วนตัวชอบการตกแต่งและราคาเครื่องดื่มที่ไม่สูงมาก

แต่อยากให้ปลูกต้นไม้ร่มรื่นกว่านี้อีกนิด

เพราะถึงตอนนี้จะต้นไม้เยอะแต่ต้นไม่ค่อยใหญ่

ไม่ให้ร่มเงา ไปตอนหน้าร้อนก็จะเหงื่อแตกหน่อยๆ

– ที่อยู่ : ซอยวัดอุโมงค์ หลังมช.

– เปิด/ปิด : 10.30 – 20.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 086-879-6697

– FB : https://www.facebook.com/no39chiangmai

BROWN CAFE

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าร้านนี้จะตกแต่งด้วยสีอะไร..

แน่นอนว่าสีน้ำตาลเป็นหลัก และ ใช้สีอ่อนๆ

อย่างชมพู ครีม และ กระถางต้นไม้ เสริมให้

ร้านน่ารักขึ้นไปอีกกกกก ร้านนี้มี 2 ชั้น ค่ะ

ชั้นที่ 2 เป็นแค่ครึ่งชั้น คือจะมองลงมาเห็นชั้นล่าง

จุดเด่นของร้านคือ ชานมไข่มุก หลายสี

น่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง คุณค่าที่ผู้หญิงทุกคนคู่ควร

อีกอย่างคือ ขนมหวานเย็นสไตล์ไต้หวัน

ซึ่งก็คือน้ำแข็งใส ทานกับเฉาก๊วย ทาโร่บอล

มะพร้าวอ่อน ฯลฯ ตอนนี้เค้ามาเปิดสาขาที่สยามแล้ว

ดังนั้น รับประกันความดีงาม

– ที่อยู่ : นิมมานซอย 9

– เปิด/ปิด : 10.00 – 22.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 099-269-6924

– FB : https://www.facebook.com/browndessert/

OMNIA CAFE

Omnia Cafe เป็นร้านกาแฟโทนสีขาว-น้ำตาล

แบบแมนๆคุยกันว่ะ ร้านไม่ใหญ่แต่จัดสรรพื้นที่ได้ดี

มีที่นั่งไม่มาก แต่ก็พอให้คอกาแฟได้คุยกัน

ถ้าพูดถึงรสชาติกาแฟ ร้านนี้น่าจะติดอันดับต้นๆใน

เชียงใหม่เลยแหละ ! ที่สำคัญคือทางร้านใช้เมล็กกาแฟ

ที่เขาคั่วเองด้วย เป็นอีกร้านที่มีกาแฟดริปให้ลอง

ตอนเราไป สั่ง Mocha Layer รสชาติกลมกล่อมม๊ากกกก

– ที่อยู่ : โครงการ Prom T Business Home ถนนโพธาราม

– เปิด/ปิด : 8.00 -18.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 089-999-4440

– FB : https://www.facebook.com/OmniaCafeChiangmai/

THESIS COFFEE

ชื่อร้านอ่านว่า ธีสิส ค่ะ ไม่ใช่เดอะซิส55555

ร้านนี้ตกแต่งในสไตล์มินิมอล น้อยๆแต่ดูดี

ด้วยผนังสีขาว เฟอร์นิเจอร์ไม้ และ รูปวาด

รูปถ่ายที่ติดอยู่ตามผนัง สาเหตุที่ร้านนี้เป็น

ที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเชียงใหม่คือ ร้านมันกว้าง

มีปลั๊กให้ชาร์จหลายจุด มี wifi ความเร็วสูง

และ ตัวร้าน โปร่ง สว่าง นั่งสบาย เหมาะจะมา

ทำงาน อ่านหนังสือสุดๆ ขนาดปิงไปเที่ยว

เวลามีงานเข้า ปิงยังมานั่งทำที่ร้านนี้เลย ฮ่าๆ

– ที่อยู่ : ถนนห้วยแก้ว จ.เชียงใหม่

– เปิด/ปิด : 10.00 – 22.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 094-256-5600

– FB : https://www.facebook.com/thesiscoffee.chiangmai

WELLA’S

Wella’s เป็นคาเฟ่เพื่อนบ้านกับ Ristr8to Lab

อยู่ในอาคารเดียวกันเลย แต่แยกโซนชัดเจน

ประมาณว่าใครจะสั่งกาแฟไปฝั่ง Ristr8to Lab

ใครจะสั่งของหวานและเครื่องดื่มอื่นๆมา Wella’s

ร้านเล็กเลยแหละ มีแค่ 3-4 โต๊ะ แต่ในความเล็ก

มันมีความน่ารักอยู่ที่ตัวร้านสีขาวสะอาดตา

ด้านหน้าร้านมีที่นั่งใต้ร่มไม้ ไหนจะเบเกอรี่ที่

อบสดๆทุกวัน ปิงลองวาฟเฟิ้ลรสนมไป คือ เลิฟมาก

– ที่อยู่ : นิมมาน ระหว่างซอย 3 กับ ซอย 5

– เปิด/ปิด : 9.00 -17.00 น. หยุดวันอังคาร

– เบอร์ติดต่อ : 080-469-6696

Ristr8to Lab

ใครๆก็รู้ว่าเจ้าของร้าน Ristr8to มีดีกรีเป็นถึง

Latte Art อันดับ 6 ในการแข่งขัน World Latte Art

Championship 2011 หลังจากได้รางวัลพี่แก้ก็เปิด

ร้าน Ristr8to บนถนนนิมมาน ข้างร้านโรตีกู

ตอนนี้ขายดีมากๆ จนเปิดสาขาที่ 2 เป็น Ristr8to Lab

ที่เน้นการผสมผสานระหว่างกาแฟและเครื่องดื่ม

แอลกอฮอล์ กลายเป็น cocktail กาแฟ หน้าตาน่าทาน

มีเพิ่มสีสันและความสนุกในการทำกาแฟเข้าไป

อย่างที่บอกคือร้านติดกับ Wella’s มีที่นั่งทั้ง

ด้านนอกและด้านในร้าน โอมมม จงมา _/|\_

– ที่อยู่ : นิมมาน ระหว่างซอย 3 กับ ซอย 5

– เปิด/ปิด : 7.08 -18.08 น. ทุกวัน ( ทำไมต้อง 8 นาที อยากรู้555555 )

– เบอร์ติดต่อ : 053-215-278

– FB : https://www.facebook.com/ristr8to/

TASTE CAFE

Taste Cafe เป็นร้านกาแฟเล็กๆบนถนนสุขสันต์

ที่เหมือนจะเป็นทางผ่าน แต่ไม่เลยยยยย

คนที่เคยไปน่าจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากไปอีก

ร้านตกแต่งด้วยสไตล์มินิมอล ใช้พื้นที่น้อยๆ

ให้เกิดประโยชน์ใช้สอยได้มาก มีทั้งที่นั่งติดผนัง

โต๊ะยาวเล็ก โต๊ะยาวใหญ่ และ บาร์

ผนังอิฐสีขาวกับเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นของคู่กัน

ที่เราเห็นได้ทั่วไปในคาเฟ่ แต่ที่นี่มีความอุบอุ่น

บางอย่างที่เราบอกไม่ถูกว่าทำไมมันถึงพิเศษ

เขาไม่ขายอาหารนะ แต่อยากให้มาลองน้ำ ลองขนม

– ที่อยู่ : ถนนสุขสันต์ หลังมช.

– เปิด/ปิด : 8.00 -19.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 091-076-7600

– FB : https://www.facebook.com/Taste.Cafe.chiangmai/

FACTORY COFFEE

อีกหนึ่งคาเฟ่สุดแนวในตัวเมืองเชียงใหม่

การตกแต่งจะออกไปแนว loft หน่อยๆ

แต่ก็ mix กับอย่างอื่นด้วย เข้าร้านมาปุ๊ป

ก็จะเจอเจ้ากวางยืนสง่าอยู่ และ ผนังที่

ติดรูปถ่ายสวยๆ ชั้นบนมีที่นั่งเยอะเลย

ทั้งโต๊ะเล็ก โต๊ะใหญ่ หรือจะนั่งบนฟูกก็ได้

เหมาะมากสำหรับเด็กมช.ที่หาที่นั่งทำงาน

หรืออ่านหนังสือ เพราะร้านอยู่ไม่ไกลจากมช.

– ที่อยู่ : ซอยสุเทพ 4 หลังมช. ใกล้วัดอุโมงค์

– เปิด/ปิด : 10.00 – 20.00 น. หยุดวันอังคาร

– เบอร์ติดต่อ : 081-399-6639

– FB : https://www.facebook.com/factorycoffeecnx/

CAT BROTHERS CAFE

คาเฟ่แมวคิ้วท์ๆในเมืองเชียงใหม่ที่เพื่อนๆ

สามารถเล่นกับฝูงน้องแมวมากกว่า 10 ตัว !!

ใครกลัวน้องแมวไม่สนใจ ปิงแนะนำให้

ซื้อขนมแมวกระปุกละ 20 บ. ขึ้นไปด้วย

ร้านแบ่งเป็น 2 ชั้น มานั่งทำงาน นั่งเม้าท์

ชั้นล่างได้ อยากเล่นกับน้องแมวก็

ขึ้นไปชั้นสอง ถ้าซื้อขนม เครื่องดื่มที่ร้าน

ก็เล่นกับน้องแมวได้เลย แต่ถ้าตั้งใจมา

เล่นกับน้องเฉยๆ มีค่าผ่านประตู 100 บ.

วิธีอยู่ร่วมกับน้องๆอย่างสงบ คือ ล้างมือ

ก่อนเล่นกับน้อง ไม่กวนน้องที่นอนอยู่

บอกพนักงานก่อน ถ้าอยากอุ้มน้องถ่ายรูป

และ ไม่ถ่ายรูปด้วยแฟลช

– ที่อยู่ : ถนนศรีภูมิ หน้าซอยศรีภูมิ 2

– เปิด/ปิด : 10.00 – 20.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 090-891-0444

– Facebook : https://www.facebook.com/CatBrothersCafe/

DOM CAFE

คาเฟ่ชิคๆ ของคนชิคๆ อย่าง โน๊ต อุดม แต้พานิช

ตัวร้านเป็นโครงเหล็กและกระจกรอบด้าน

หน้าร้านมีเจ้าแมวตัวใหญ่ สะพายกระเป๋าแบรนด์เนม

ด้านในก็มีงานอาร์ต งานปั้นของพี่โน๊ตตกแต่งอยู่รอบๆ

ร้านนี้มี 2 ชั้น ทั้งสองชั้นคือพื้นที่เหลือเฟือมากกกก

จะมานั่งกินข้าว นั่งเม้าท์ นั่งทำงาน ประชุม ได้หมด

มีทั้งเมนูเครื่องดื่ม ของหวาน และ ของคาว

Iberry ในนิมมาน ดีงามยังไง ร้านนี้ก็อย่างงั้นเลย

– ที่อยู่ : โครงการ Think Park ตรงข้าม MAYA

– เปิด/ปิด : 8.30 – 21.00 / 22.00 น. แล้วแต่วัน

– เบอร์ติดต่อ : 05-321-5250

– FB : https://www.facebook.com/lovedomcafe/

GARINCHA

การินชา ร้านชาและขนมไทยสุดล้ำ

ที่นำความเป็นไทยสู่ความทันสมัย

เอาใจวัยรุ่น ด้วยเมนูชาสีสวย 3 รสชาติ

ทั้งแบบแก้วและแบบขวด แถม ไอศกรีม sort serve

รสนมสดและรสมันม่วง ให้เราเลือกทาน

กับ topping ขนมไทยสีหวานๆอย่าง

บัวลอย ฝอยทอง ข้าวเหนียวอัญชัน ฯลฯ

ตอนเราไปขนมหมด เหลือแต่ชา แต่ไปส่อง

หน้าตาขนมมา คือเริ่ดดดด ไว้รอบหน้าไปแก้ตัว

ป.ล. ร้านมีที่นั่งไม่มาก แนะนำให้ซื้อแบบ takeaway

– ที่อยู่ : นิมมานซอย 5

– เปิด/ปิด : 10.30 – 20.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 086-424-4224

– FB : https://www.facebook.com/garinchacafe/

ฝาก Bliss of Chiang Mai ไว้ในใจทุกคนด้วยน้า

ปิงเขียนเอง ตีพิมพ์เอง ขายเอง แบบ.. ทำด้วยใจจริงๆ

พิมพ์ไม่เยอะด้วย ใครยังไม่มี รีบสั่งกันเข้ามาทาง

Inbox เพจ Bliss Out There เลย ตอนนี้ลดอยู่

https://www.facebook.com/BlissOutThere

ขอบคุณที่ติดตามและสนับสนุนกันนะค้า (-:

รีวิว 50 คาเฟ่ ‘ เชียงใหม่ ’ ครบกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว | Bliss Out There

เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี (Chiangmai Night Safari) จ.เชียงใหม่

Ping Pitchaya

February 3, 2019, 4:31 PM February 4, 2019, 5:53 AM

รีวิว 50 คาเฟ่ ‘ เชียงใหม่ ’ ครบกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว | Bliss Out There

ตาไม่ได้ฝาดหรอก มันคือเลข 5 กับเลข 0 !!

มีแพลนไปเที่ยว ‘ เชียงใหม่ ‘ share เก็บไว้ ได้ใช้ชัวร์

หรือ คนเจียงใหม่เจ้าที่กำลังมองหาร้านนั่ง

เม้ามอย วันหยุด ก็อย่าพลาดนะจ๊าาาา

เพราะงานนี้ปิงรวมมาให้ทั้งหมด ทั้งมวล

ทุกร้านที่ Bliss Out There เคยไป

รับรองว่าไม่มีรีวิวคาเฟ่เชียงใหม่ที่ไหน

จะครบเท่าคัมภีร์เล่มนี้อีกแล้ว : )

ข้อมูลของแต่ละร้าน ทั้งจุดเด่น คอนเซ็ปต์ ที่อยู่

เวลาเปิด/ปิด เบอร์ติดต่อ ในรีวิวนี้อัพเดทล่าสุดแล้วจ้า

อ่าน >> เลือก >> แล้วไปตามรอยกันเล้ยยยยย!

เผื่อใครยังไม่รู้ เพจเราทำหนังสือท่องเที่ยวหรือ

ไกด์บุ๊คเชียงใหม่ด้วยนะ ชื่อว่า Bliss of Chiang Mai

เล่มเล็ก พกง่าย ดีไซน์สวย แบ่งเป็น 5 บท คือ

ข้อควรรู้ก่อนไปเที่ยวเชียงใหม่, ร้านกาแฟ,

ที่พักในเมือง, ร้านอาหาร, โฮมสเตย์ / ที่เที่ยวนอกเมือง

พิมพ์ไม่เยอะน้า หมดแล้วหมดเลย รีบสั่งกันเข้ามานะคะ <3

ตอนนี้ลดจากเล่มละ 295 บ. เหลือ 255 บ.

รวมส่งลงทะเบียน เมื่อ inbox มาสั่งที่เพจ

https://www.facebook.com/BlissOutThere/

หรือไปซื้อด้วยตัวเองในราคาปกติ ได้ที่..

– ศูนย์หนังสือจุฬา สยามแสควร์ กทม.

– ร้าน Factory Coffee ถ.พญาไท กทม.

– ร้านรื่นอารมย์ ซอยวัดอุโมงค์ เชียงใหม่

– ร้าน Tenten テンテン ถ. บำรุงบุรี เชียงใหม่

– Funwahn Hostel ถ.พระปกเกล้า เชียงใหม่

KHAGEE

ขจี คือ ร้านโปรดตลอดกาลของปิงในเมืองเชียงใหม่

ตัวร้านไม่ได้ใหญ่มากค่ะ มีแค่ 4 – 5 โต๊ะ

ตกแต่งเรียบๆแต่ลงตัว ดูมินิมอลแบบญี่ปุ่นๆๆ

บรรยากาศรวมๆทั้งนอกและในร้าน อบอุ่นมาก <3

ที่นี่มีนิตยสารดีๆเกี่ยวกับการตกแต่งบ้านและแฟชั่น

ของญี่ปุ่นหลายเล่ม ว่างๆก็แวะมาสั่งกาแฟ อ่านหนังสือ

ดูวิวริมแม่น้ำปิงได้ ขอกระซิบว่าขนมที่นี่อร่อยหลายตัว

อย่าลืมสั่งมาลองทานคู่กับเครื่องดื่มล่ะ

– ที่อยู่ : ถนนเส้นเชียงใหม่ – ลำพูน ริมแม่น้ำปิง

– เปิด/ปิด : 10.00 – 17.00 น. หยุด จ, อ

– เบอร์ติดต่อ : 082-975-7774

– FB : https://www.facebook.com/khageecafe/

A DAY IN CHIANGMAI COFFEE BREW

ร้านนี้ก็ดีมากอีกเช่นกันนนน ตัวร้านแบ่งเป็น

2 โซน โซนแรกพื้นที่ไม่เยอะค่ะ มีที่นั่งแบบชนผนัง

พื้นที่ทำงานของบาริสต้า และ บาร์ ที่ผนังมีติดรูปถ่าย

สวยๆในเชียงใหม่ ทำให้ร้านดูมีชีวิตขึ้นไปอีกกกก

มีนิตยสารและหนังสือสัญชาติญี่ปุ่นให้นั่งเสพกันเพลินๆ

ส่วนอีกโซนเป็นจุดที่คนชอบมาถ่ายรูป เพราะมันขาว

สบายตา ถ่ายพอทเทรทก็สวย ถ่ายขนม เครื่องดื่มก็ปัง

เอ้อ เมนูที่นี่มีไม่เยอะนะ เน้นรสชาติให้สุดไปเลย

– ที่อยู่ : ถนนระแกง ตรงข้ามบริษัทยาคูลท์

– เปิด/ปิด : 10.00 – 16.00 น. หยุดวันอาทิตย์

– เบอร์ติดต่อ : 053-277-777

– FB : https://www.facebook.com/adayinchiangmaicoffee

MAGOKORO JAPANESE TEAHOUSE (มีใจให้มัทฉะ)

ฮั่นแน่ ชื่อร้านคุ้นๆใช่อ๊ะป่าวววววว ?

ร้าน ‘มีใจให้มัทฉะ’ คนดีคนเดิมของปิงเองงง

เค้าปรับปรุงและย้ายมาอยู่ข้างๆร้านเก่า

คือร้านเก่าจะมีความโฮมเมดๆโคซี่ๆใช่มะ

แต่ร้านนี้คือเหมือนยกญี่ปุ่นมาไว้เชียงใหม่เลย!

มาทีไรไม่เคยผิดหวัง เมนูมัทฉะมีให้เลือกเยอะ

matcha lover สุดๆ เมนูโฮจิฉะ ที่ร้านอื่นไม่ค่อยมี

ร้านนี้เค้ามีนะจ๊าาาาา บ อ ก เ ล ย ว่ า ต้ อ ง ม า

– ที่อยู่ : ถ.ศรีดอนไชย ต.ช้างคลาน อ.เมือง เชียงใหม่

– เปิด/ปิด : 10.00-16.00 น. หยุด จ

– เบอร์ติดต่อ : 081-583-2544

– FB : https://www.facebook.com/magokoro.tea/

RUEN A ROM ( รื่นอารมย์ )

ร้านคาเฟ่ในโฮมสเตย์ที่แสนจะรื่นรมย์

สมชื่อร้านนี้ปิงเคยมาแล้วชอบมาก จนต้องซ้ำ

บรรยากาศอบอุ่น ตัวคาเฟ่อยู่ที่โถงด้านหน้า

ของอาคาร พร้อมด้วยหลังคาทรงสูง

ในร้านมีหนังสือเก่าๆให้อ่านเล่น

มีโปสการ์ดแปะอยู่เต็มผนังด้านนึงของร้าน

ไหนจะเครื่องเล่นแผ่นเสียง โทรศัพท์โบราณ

กระเป๋าเดินทางแบบวินเทจที่ตกแต่งอยู่รอบๆ

** ที่ร้านมีไกด์บุ๊ค Bliss of Chiang Mai วางขาย

ด้วยน้า ไปอุดหนุนกันได้เลย รับรองว่าคุ้ม **

– ที่อยู่ : 146 หมู่ 10 ซอย วัดอุโมงค์ ต.สุเทพ อ.เมือง

– เปิด/ปิด : 9.30 – 17.00 น. หยุด จ

– เบอร์ติดต่อ : 081 633 8300

– FB : https://www.facebook.com/RuenARomchiangmai/

ACROSS THE UNIVERSE CAFE

คาเฟ่สุดเก๋ในเมืองเชียงใหม่ ตกแต่งคล้าย

ห้องทดลองแต่โมเดิร์นขึ้นมาหน่อย บรรยากาศ

โคตรดี มีที่นั่งทั้งในและนอกร้าน เฟอร์นิเจอร์

และของตกแต่งที่ใช้ก็เข้าธีมห้องแลปมาก

ทั้งตู้ โต๊ะ เก้าอี้ รูปภาพ และ แจกันที่ดัดแปลง

มาจากหลอดทดลอง เรียกได้ว่ามีมุมให้ถ่ายรูป

เยอะเลยแหละ แถมเครื่องดื่มก็รสชาติใช้ได้ : )

– ที่อยู่ : ถนนศิริมังคลาจารย์ หลังนิมมานซอย 9-11

– เปิด/ปิด : 10.00 – 23.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 081-855-6686

– FB : https://www.facebook.com/Thelabposhtel/

FIND COFFEE

ร้านกาแฟสไตล์มินิมอล ที่มาในคอนเซ็ปต์

Find Coffee = Quality and Fair

แฟร์จริงๆ ด้วยกาแฟและเครื่องดื่มรสชาติดี

ในราคาแก้วละ 40 บ. ถึง 18 เมนู และ

อีก 5 เมนู special drink ที่แก้วละแค่ 60 บ.

ราคา 40 – 60 บ. ต่อแก้ว ที่ว่าหายากมาก

ในคาเฟ่ฮิปๆแบบนี้ นอกจากนี้ ร้านเขายัง

มีเค้กหลากหลายแบบ ให้เราเลือกมาทานคู่

กับเครื่องดื่มด้วย ดีงามขนาดนี้ ไม่ไป = พลาด

– ที่อยู่ : ตรงข้ามสำนักงานสาธารณสุข ใกล้ข้าวต้มนายดำ

– เปิด/ปิด : 7.30 – 18.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 086-567-3330

– FB : https://www.facebook.com/findcoffeecnx/

OON POSHTEL & CAFE

คาเฟ่สุดอบอุ่นใน Poshtel ฮิปๆ

ตัวคาเฟ่ไม่ใหญ่มาก ด้านในมีที่นั่ง

ประมาณ 5 -6 โต๊ะ ด้านนอกก็พอๆกัน

แต่จะมีร่มเงาจากต้นไม้เล็กๆที่ปลูก

อยู่รอบๆด้วย ในคาเฟ่ตกแต่งสไตล์

เดียวกับห้องพัก คือเน้นความเรียบง่าย

เน้นสีขาว สีครีม และ เฟอร์นิเจอร์ไม้

ให้ความรู้สึกอบอุ่น แซมด้วยสีชมพูอ่อน

เพื่อให้ดูมีสีสัน และ น่ารักมากขึ้น

ส่วนเมนูก็มีหลากหลาย ทั้งเมนูกาแฟ นม

โซดา และ สมูตตี้ มาลอง !

– ที่อยู่ : ถนนชัยภูมิ ตำบลศรีภูมิ

– เปิด/ปิด : 8.00 – 17.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 085-653-8489

– FB : https://www.facebook.com/oonposhtel/

THE BARN : EATERY DESIGN

ร้านสีขาวสไตล์โมเดิร์นที่ให้ความรู้สึกเหมือน

อยู่โรงนาในยุโรป ด้วยโครงสร้างเหล็กสีขาว

และผนังกระจกรอบๆตัวร้าน ทำให้โรงนานี้ดู

ทันสมัย โปร่ง และ น่านั่งม๊ากมาก ของตกแต่ง

รอบๆร้านก็น่ารักค่ะ ทั้งชั้นวางหนังสือเอย โคมไฟเอย

แจกัน ไม้ประดับ ก็ด้วย ร้านนี้ที่นั่งมีทั้ง indoor

และ outdoor ส่วน indoor มีที่นั่งทั้งแบบโต๊ะ

และแบบบาร์ ส่วน outdoor จะมีประมาณ 3-4 โต๊ะค่ะ

ราคาเครื่องดื่มและอาหารก็ไม่แพงอย่างที่คิด

สายสวย สายหวานแต่ไม่เลี่ยน ปิงแนะนำร้านนี้เลย

– ที่อยู่ : ถนนศรีวิชัย ซอยตรงข้ามคณะเภสัชศาสตร์ มช.

( เข้าซอยมาประมาณ 300 เมตร )

– เปิด/ปิด : 10.00 – 1.00 น. ( ตีหนึ่ง ) ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 094-049-0294

– FB : https://www.facebook.com/thebarnchiangmai/

FOREST BAKE

คาเฟ่และร้านขนมที่ตกแต่งได้สวยงามสุดๆ

ด้วยกระท่อมไม้ตรงกลางร้าน และที่นั่ง outdoor

ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในป่า แถมความวินเทจจาก

ของตกแต่ง ไม้ดอก ไม้ประดับ ปิงว่าสาวๆน่าจะ

ตกหลุมรักร้านนี้ชนิดที่อยู่ได้ทั้งวัน เมนูเครื่องดื่มก็มี

เมนูอาหารก็มา แต่หลักๆจะเป็นพวกขนมปัง เค้ก

เบเกอรี่ โฮมเมด จากสูตรในครอบครัวค่ะ

– ที่อยู่ : ซอย หน้าวัดเกต 1

– เปิด/ปิด : 10.30 – 17.00 น. หยุดพ, พฤ

– เบอร์ติดต่อ : 091-928-8436

– FB : https://www.facebook.com/forestbake/

SS1254372 CAFE

ชื่อร้านอ่านว่า เอสเอส ( ตามด้วยตัวเลข )

ไม่ใช่ ห้าห้า คาเฟ่ชื่อสุดจะจำยาก แต่ถ้าได้ไปสักครั้ง

รับรองว่าจำไม่ลืมมมมม เพราะร้านเค้าตกแต่ง

ได้น่ารักมากๆ จุดเด่นคือกระจกรูปวงกลมรอบๆร้าน

รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ และ ของโชว์ สีพาสเทล

ถึงร้านนี้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีที่นั่งทั้งโซน indoor

และ outdoor หลังร้านมีแกลอรี่เล็กๆ ให้ลูกค้า

เข้าไปเสพอาร์ตกันเพลินๆด้วย เรียกว่ามาร้านเดียว

ได้ทำ 2 อย่างเลย กิน กับ ดู

– ที่อยู่ : นิมมานซอย 17

– เปิด/ปิด : 8.00 – 17.00 น. หยุด จ

– เบอร์ติดต่อ : 093-831-9394

– FB : https://www.facebook.com/ss1254372cafe/

I TIM BAAN YAII

ไอติมบ้านยาย ร้านไอศกรีมดีต่อใจที่ซ่อนตัวอยู่

ในถนนศิริมังคลาจารย์ ตัวร้านเล็กๆน่ารักแบบ open-air

มีที่นั่งประมาณ 10 ที่บริเวณโต๊ะยาว และอีกประมาณ

3-4 ที่ตรงบาร์ติดผนัง ข้อดีของไอศกรีมที่นี่คือ

เป็นไอศกรีมโฮมเมด เนื้อละเอียด นุ่มละมุนสุดๆ

แถมมีรสชาติใหม่ๆมาให้ลองเรื่อยๆ มีทั้งใส่ถ้วย

ใส่โคนคิ้วท์ๆ และ เมนูเครื่องดื่มสีสวยๆมากมาย

ว่าแล้วก็ อยากไปอีก ใครยังไม่เคยไป จัดซะ !

– ที่อยู่ : ถนนศิริมังคลาจารย์ ซอย 3

– เปิด/ปิด : 10.00 – 19.30 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 083-516-5506

– FB : https://www.facebook.com/itimbaanyaii/

BREW FACT

คาเฟ่แบบ open-air เข้ากับอากาศดีๆ

ช่วงต้นปี เพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่คนก็แห่มา

กันเยอะพอสมควร เป็นร้านชั้นเดียว

มีที่นั่งทั้งในและนอกร้าน ด้านนอกเป็น

ปูนเปลือย ตกแต่งด้วยไม้ประดับให้ดูร่มรื่น

ส่วนด้านในตกแต่งสไตล์โคโลเนียล

เรียบๆแต่ก็มีลวดลาย เน้นสีน้ำเงิน สีเทา

สีขาวเป็นหลัก ส่วนตัวปิงว่าร้านนี้เหมาะ

จะมานั่งเล่น นั่งคุย จิบกาแฟ ทานขนม

แต่ถ้าจะมานั่งทำงานยาวๆน่าจะยาก

เอาเป็นว่า ลองแวะไปละกัน !

– ที่อยู่ : ถนนศิริมังคลาจารย์ ซอย 7

– เปิด/ปิด : 8.00 – 16.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 093-139-8683

– IG : @brewfact

RUSTIC AND BLUE

นี่คือคาเฟ่กระจก ที่มาพร้อมสวนหลังบ้าน

ก็แน่นอนว่ามีทั้งที่นั่ง indoor และ outdoor

ในความอบอุ่น ก็มีความสดใส เพราะเค้าตกแต่ง

ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้หลายๆสี และ ไม้ประดับรอบๆร้าน

ชื่อร้าน Rustic แปลว่า ชนบท ส่วน Blue สื่อถึง

ท้องฟ้าที่สดใส เค้าต้องการจะสื่อว่าตัววัตถุดิบ

มาจากฟาร์มออร์แกนิคของชาวบ้าน ซึ่งเป็นการ

สนับสนุนชาวบ้านไปในตัวค่ะ จุดเด่นของร้านคือ

เครื่องดื่มและอาหารเฮลตี้ ที่หน้าตาน่ากิน

แถมรสชาติไม่เหมือนใครด้วยสูตรเฉพาะของร้าน

ปิงลองไอศกรีม honey lavender ไป หอมสุดๆๆ

– ที่อยู่ : นิมมานซอย 7

– เปิด/ปิด : 8.30 – 22.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 05-321-6420

– FB : https://www.facebook.com/rusticandbluechiangma

YELLOW CRAFTS – HOME BREWING

ร้านกาแฟสไตล์มินิมอล คอนเซ็ปต์ชัดๆ

ที่ cafe hopper อย่างพวกเราไม่ควรพลาด !

ตัวร้านทาสีขาวทั้งด้านนอกและด้านใน

เพิ่มความสดใสด้วยสีเหลืองบ้าง อย่างเช่น

ขอบป้ายหน้าร้าน ประตู โต๊ะ และ เมนูพิเศษ

สีเหลือง-น้ำตาล อีกหลายเมนู เช่น Acid Fresh

White balance นมถั่วเหลือง และ นมฟักทอง

สูตรเฉพาะของร้าน ยังไม่พอ ยังมีพวก cold brew

กับ เบเกอรี่ด้วย ไปตำด่วนๆ บอกเลยยยยย

– ที่อยู่ : ซอยข้างธนาคารกสิกร บนถนนสุเทพ

– เปิด/ปิด : 7.00 – 19.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 053-278-757

– FB : https://www.facebook.com/YellowCraftsHomeBrewing/

CHEEVIT CHEEVA FINE DESSERTS

ใครกำลังหาร้านขนมหวานน่ารักๆ

ไว้กินล้างปากหลังจัดมื้อเที่ยงแถวนิมมาน

‘ชีวิตชีวา’ ปิงว่าตอบโจทย์ สายปิงซู ฮันนี่โทส

น่าจาเลิฟได้ไม่ยาก แถมร้านน่ารัก ถ่ายรูปได้

กรุบอยู่นาจา ตัวร้านชั้นเดียว ออกแนวโคซี่ มินิมอล

หน้าต่างกลมเป็นมุมห้ามพลาดของที่นี่

ขนมก็มีให้เลือกเยอะ แถมหน้าตาดี ขึ้นกล้อง!

อิ่มท้องแล้งยังมีรูปอัพลงโซเชียลอีกนาเหวย

– ที่อยู่ : 6 ซอย 7 ถ.ศิริมังคลาจารย์ ต.สุเทพ อ.เมือง

– เปิด/ปิด : เปิดทุกวัน 10.00 – 22.00 น.

– เบอร์ติดต่อ : 092 626 9965

– FB : https://www.facebook.com/cheevitcheevacafe/?epa=SEARCH_BOX

FLIPS & FLIPS HOMEMADE DONUTS

นอกจากคริสปี้ครีมตอนมาไทยแรกๆ

ก็ไม่เคยเห็นคนต่อคิวซื้อโดนัทเยอะแบบนี้เลย

Flips & Flips เป็นร้านโดนัทโฮมเมด ที่ทำโดนัท

ขายแค่วันละประมาณ 300 ชิ้น เท่านั้นนนน

หมดแล้ว หมดเลย นอกจากจะสั่งไว้ล่วงหน้า

ทำให้ร้านนี้เปิดแค่วันละไม่กี่ชั่วโมง

ปิงลองโดนัทชาเขียวถั่วแดงไป ก็ตรัสรู้เลย

ว่าทำไมคนต้องมาต่อแถวรอ คือ มันอร่อยจริง!

ถ้าอยากรู้ว่าอร่อยขนาดไหน ไปเที่ยวเชียงใหม่

รอบหน้า ห้ามพลาดนะ!  

– ที่อยู่ : หมู่บ้าน หัสดิเสวี ซอย 5

– เปิด/ปิด : 11.00 – 16.00 น. หยุด พฤ

– เบอร์ติดต่อ : 091-865-1535

– FB : https://www.facebook.com/FlipsandFlipsHomeMadeDonuts/

BREWING ROOM

คาเฟ่สีหวาน เอาใจคนหาที่นั่งทำงาน

เพราะที่นี่มี wifi ที่เร็วมากกกกก5555

แถมอยู่ในโซนที่ค่อนข้างสงบ

ตัวร้านมีชั้นเดียว เน้นสีมิ้นท์อ่อนๆ

สีชมพู สีขาว และ สีเทา สไตล์ออกไป

ทางเกาหลี ส่วนตัวชอบร้านนี้นะ

เพราะถึงจะตกแต่งไม่เยอะ แต่ก็น่ารัก

ลงตัว แถมมี hojicha เมนูโปรดที่

หาทานได้ยากอีกด้วยยยย

– ที่อยู่ : ถนนเจริญเมือง เยื้องกับตลาดสันป่าข่อย

– เปิด/ปิด : จ – ศ 8.00 – 16.00 น.,

ส – อา 9.00 – 17.00 น.

– IG : @brewingroom

WOO CAFE

คาเฟ่ที่สาวกเชียงใหม่ตัวจริงต้องรู้จัก

ตั้งแต่เปิดมา กระแสตอบรับร้านนี้คือดีมากกกกก

เพราะเขาไม่ใช่แค่ร้านกาแฟ แต่ยังเป็นร้านอาหาร

แกลอรี่ และ lifestyle shop ด้วย! ใน shop ก็จะมี

เซรามิคสวยๆ จาน ชาม ไม้ น้ำหอม ฯลฯ ขายเพียบ

ด้านในตกแต่งสไตล์แฟนซี มีรูปวาด มีต้นไม้ ดอกไม้

และ โคมไฟหลายๆแบบ มีที่นั่งเยอะ ทั้งโต๊ะ บาร์

โซฟา ที่จอดรถก็มี wifi ก็มา จะรออะไรอีกล่ะ ?

– ที่อยู่ : ถนนเจริญราษฎร์ ใกล้วัดเกตและแม่น้ำปิง

– เปิด/ปิด : 10.00 – 22.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 052-003-717

– FB : https://www.facebook.com/Woochiangmai/

COTTONTREE COFFEE ROASTERS

ถึงร้านนี้จะไม่ได้อยู่ในย่านท่องเที่ยว

แต่ควรค่าแก่การไปลองกาแฟของเค้าสุดๆ

เพราะเค้าผลิตเมล็ดกาแฟเอง มีใส่ถุงขายเองด้วย

packaging เรียบๆแต่น่ารักเชียว ขอกระซิบว่า

เมล็ดกาแฟร้านนี้เค้าดีถึงขั้นที่บางคนซื้อไป

ทำขายเลยนะ เพราะฉะนั้นเรื่องรสชาติไม่ต้องพูดถึง..

บรรยากาศภายในร้านก็ดี ฟีลเหมือนอยู่ต่างประเทศ

เขายกเพดานสูง ทำให้ร้านโปร่ง แถมผนังสีขาว

คลีนๆ มีนั่งมีทั้งบาร์ โต๊ะเล็ก โต๊ะใหญ่ เป็นอีกร้าน

ที่ปิงอยากให้มาลอง โดยเฉพาะเมนู Hojicha <3

– ที่อยู่ : ถนนซุปเปร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำพูน ซอยใกล้ MAYA

– เปิด/ปิด : 8.00 – 16.00 น. หยุด อ

– เบอร์ติดต่อ : 086-090-9014

– FB : https://www.facebook.com/cottontreecnx/

8 DAYS A WEEK

คาเฟ่ปูนเปลือยในสวน ที่เหมาะจะมานั่งชิลล์

นั่งเม้าท์ หรือจะมานั่งอ่านหนังสือ ทำงานก็ได้

เพราะเครื่องดื่มราคาไม่แพง wifi แรง แถมมีที่นั่งเยอะ

จะนั่งในห้องแอร์หรือนั่งในสวนก็ดีงามไม่แพ้กัน

ร้านนี้ตกแต่งแบบ Loftstyle คือ ผนัง เพดาน

และ เสาจะดูดิบๆหน่อย ไปใส่ลูกเล่นตรง

พื้นกระเบื้องและของเก่าที่เอามาตกแต่งรอบๆร้าน

คอนเซ็ปต์ของร้านคือ ‘ จะทำอะไร ถ้าสัปดาห์หนึ่งมี 8 วัน ‘

จะลองเอาวันที่แปด มานั่งเล่นที่นี่มั้ยล่ะ ?

– ที่อยู่ : ถนนสุขเกษม เดินทะลุจากนิมมานซอย 2

– เปิด/ปิด : 8.00 – 20.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 084-046-3025

– FB : https://www.facebook.com/8dayscoffee/

THUNDER BIRD HOSTEL

นี่คือโฮสเทลที่มาพร้อมคาเฟ่สุดชิค

ภายใต้คอนเซ็ปต์นกๆ5555555 พอผ่านอุโมงค์

ทางเข้ามาก็จะรับรู้ได้ถึงความดิบ ความฮิป

จากผนังปูน บันไดโครงเหล็ก และ การตกแต่ง

แต่เขาก็ยังคงความสนุกสนานด้วยการใช้ลายและ

ข้อความที่เกี่ยวกับนกเพ้นต์อยู่รอบๆ รวมถึงไม้ประดับ

และเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีสันบ้าง แต่ก็ไม่แย่งคอนเซ็ปต์

โดยรวม เอาไปเต็ม 10 เลยสำหรับดีไซน์ของที่นี่

แอบเสียดายที่เพิ่งได้มา ไม่งั้นจะพักสักคืน : p

– ที่อยู่ : ถนนมูลเมือง ซอย 6

– เปิด/ปิด : ไม่แน่ใจเหมือนกัน ลองโทรถามดู

– เบอร์ติดต่อ : 064-324-2654

– FB : https://www.facebook.com/thunderbirdhostel/

GRAPH CAFE

นิยามของร้านนี้คือคาเฟ่จิ๋วแต่แจ๋ว ในกล่องไม้

ด้านในมีที่นั่งแค่ 3 โต๊ะ แต่ในความเล็กก็มีความฮิปอยู่

ตกแต่งๆน้อยๆแต่ดูดีด้วยชั้นวาง และ ของเก่า

ของสะสม สไตล์วินเทจที่โชว์อยู่บนชั้น ตั้งแต่

กล้องฟิล์ม หมวก นาฬิกา เครื่องบดกาแฟสมัยก่อน

และ นิตยสารคูลๆ ถ้าไปตอนคนเยอะๆก็ต้อง

นั่งหน้าร้าน ไม่ก็ซื้อแบบ takeaway เอาค่ะ

หรือถ้าอยากกินของคาว ขนมแบบจัดเต็ม

แนะนำให้ไป Graph Table นะ เจ้าของเดียวกัน

หรือจะแวะไปคาเฟ่อีกสาขาก็ได้ อยู่ที่ one nimman

– ที่อยู่ : ระหว่างซอยราชวิถี 1 และ 2

– เปิด/ปิด : 9.00 – 17.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 086-567-3330

– FB : https://www.facebook.com/graphcafe.chiangmai/

MALED COFFEE ROASTERS

ในรูปคือ Maled Coffee Bar ซึ่งปิดไปแล้วจ้า

ตอนนี้เหลือแต่ Maled Coffee Roasters

เจ้าเก่า ที่รับประกันเรื่องคุณภาพกาแฟได้เลย

ส่วนตัวยังไม่เคยไปอันที่เป็น roasters แต่จากที่

เข้าไปส่อง IG และ รีวิวแล้ว ก็รู้ว่า ร้านยังเรียบๆ

น่ารัก นวลๆ เหมือนเดิม มีทั้งกาแฟและเครื่องดื่ม

ร้อน เย็น ที่ราคาสมเหตุสมผล น่าไปโดนม๊ากมั่ก

ใครไปแล้วเอามาเล่าให้ฟังมั่งเด้ออออออ

– ที่อยู่ : ถนนสนามบินเก่า ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง

– เปิด/ปิด : 8.00 – 18.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 099-295-5655

– FB : https://www.facebook.com/MaLedCoffeeBar/

FLOUR FLOUR LOAF

อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้นะ นี่คือร้านที่ขึ้นชื่อเรื่อง

ขนมปังที่สุดในเชียงใหม่! และในรูปก็คือสาขาใหม่

ของเค้าจ้าาาา เค้าเอาอาคารพานิชย์มารีโนเวท

ให้ออกมาน่ารักขนาดนี้ได้ยังง๊ายยยยย! เข้ามาใน

ร้านจะเห็นเชลเตอร์ขนมปังก่อนอย่างแรก

พร้อมด้วยเมนูขนมที่มีให้เลือกมากมาย

นี่โดนโดนัทไส้วนิลาตัวท๊อป และ ชาเอิลด์เกรย์ไป

เข้ากันดีมั่กๆ เค้าฝากมาบอกว่ามีบริการส่ง

Kerry ส่งขนมให้ถึงกรุงเทพฯเลยด้วยน้า สั่งๆๆๆ

– ที่อยู่ : 200 13 B Avenue ต.สุเทพ อ.เมือง

– เปิด/ปิด : เปิดทุกวัน 08.30 – 18.00 น.

– เบอร์ติดต่อ : 092 916 4166

– FB : https://www.facebook.com/flourflourbread/

LOOPER CO.

Espresso Bar สุดฮิปที่เพิ่งเปิดใหม่ในย่าน

โกดังราชวงศ์ ร้านนี้คือนิยามของวลี “น้อยแต่มาก”

ที่แท้ทรู ข้างในจะตกแต่งแบบวินเทจประยุกต์

เฟอร์นิเจอร์รุ่นพ่อ เข้ากับผนังและบาร์ดิบๆได้

อย่างลงตัว มานี่นอกจากจะได้ดื่มกาแฟอร่อยๆแล้ว

ยังได้รูปมู้ดเรียบๆไว้อัพลงไอจีแน่นอน

ป.ล. ตอนกลางคืนที่นี่เค้าเป็นบาร์ด้วยนะ ต้องมาลอง!

– ที่อยู่ : ถ. ราชวงค์ ต. ช้างม่อย อ.เมือง เชียงใหม่

– เปิด/ปิด : 10.00-16.00 น. หยุด พ

– เบอร์ติดต่อ : 087 177 2640

– FB : https://www.facebook.com/looperandcompany/

ผ่าง !! ขอขั้นเวลาด้วย โปรโมชั่นสุดร้อนแรงตอนนี้

ไกด์บุ๊ค Bliss of Chiang Mai ลดราคาอยู่นะ

จากปกติ เล่มละ 295 บ. เหลือ 255 บ. แถมส่ง

ลงทะเบียนให้อีกเอ้า! รีบ inbox มาสั่งกันได้เลย

คนเชียงใหม่ต้องมีติดไว้ ใช้หาที่นั่งชิลล์ๆ

คนจะไปเที่ยวก็พลาดไม่ได้เพราะข้อมูลครบม๊าก

ไม่สะดวกสั่งออนไลน์ หาซื้อเองได้ที่…

– ศูนย์หนังสือจุฬา สยามแสควร์ กทม.

– ร้าน Factory Coffee ถ.พญาไท กทม.

– ร้านรื่นอารมย์ ซอยวัดอุโมงค์ เชียงใหม่

– ร้าน Tenten テンテン ถ. บำรุงบุรี เชียงใหม่

– Funwahn Hostel ถ.พระปกเกล้า เชียงใหม่

GATEAWAY COFFEE ROASTERS

ไปต่อกันค่ะ ร้านนี้ซ่อนตัวอยู่บนตึกเก่า

ย่านท่าแพ มาในคอนเซ็ปต์เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว..

ทั้งคาเฟ่เอย โรงคั่วเอย แกลลอรี่เอย มีหมดจ่ะ

เมนูที่จะสั่งเป็นซิคเนเจอร์ที่ทางร้านคิดเอง

อยากรู้ว่าคือเมนูไรต้องดูต่อนะจ๊ะ อิอิ

ที่เลิฟอีกอย่างคือการตกแต่ง เค้าขายความเก่า

ความวินเทจ เฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งหลาย

มาตอนแสงเย็นๆคือให้ความรู้สึก Nostalgia มาก

เท่อ่ะร้านนี้ ชอบ !!

– ที่อยู่ : ถ.ท่าแพ อ.เมือง เชียงใหม่

– เปิด/ปิด : 09.00-18.00 น. เปิดทุกวัน

– FB : https://www.facebook.com/gatewaycoffeeroasters/

RAKUDA PHOTO ARTISANS & CAFE

มากกว่าร้านกาแฟ คือเป็นแกลอรี่โชว์งานภาพถ่ายด้วย

ถึงจะเป็นร้านชั้นเดียว แต่ก็กว้างพอสมควร ด้านหน้า

ใช้ผนังสีขาว บาร์ไม้ เก้าอี้ไม้ มีที่นั่งไม่มาก

เน้นมานั่งดื่มกาแฟ นั่งเม้าท์แป๊ปๆออก ไม่ก็ซื้อแบบ

takeaway ส่วนด้านในเป็นแกลอรี่ ผนังปูน ดิบๆดี

เมนู signature เขาแปลกดี เป็นกาแฟผสมโยเกิร์ต

ส่วนเมนูอื่นๆก็ราคาถูกเลยถ้าเทียบกับร้านส่วนใหญ่

ในเมืองเมืองเชียงใหม่ ว่างๆลองแวะไปนะ : )

– ที่อยู่ : ถนนราชวิถี ใกล้ที่ว่าการอำเภอ

– เปิด/ปิด : อ – ศ 9.00 – 18.00 น.

ส, อา 9.00 – 20.00 น. หยุดวันจันทร์

– เบอร์ติดต่อ : 093-153-0074

– FB : https://web.facebook.com/rakudaphotoartisan/

TENTEN テンテン

คาเฟ่มินิมอลสัญชาติยุ่นร้านนี้สังเกตุง่ายมาก

หน้าร้านจะมีน้องแมวกวักตัวเบอเริ่มตั้งอยู่

ด้านบนของร้านจะเป็นร้านสุกี้ยากี้-อาหารญี่ปุ่น

เจ้าของเดียวกัน ข้างในตกแต่งได้คลีน และ Loft สุด!

พื้นปูนเปลือย ผนังกระเบื้องขาว โต๊ะเก้าอี้ไม้

คือน่ารัก ทุกอย่างในร้านคลุมโทนญี่ปุ่น ตั้งแต่

เมนู ของตกแต่ง นิตยสาร ไปยัน ขนม-เครื่องดื่ม !!

ใครเป็นเอฟซีส้มยูสุ ปักหมุดเลย เพราะชีสเค้ก

ยูสุเค้าอร่อยมากกกกกกก (ก.ไก่ล้านนๆๆๆตัว)

** ร้านนี้มีหนังสือ Bliss of Chiang Mai วางขายจ้า **

– ที่อยู่ : ถ.บำรุงบุรี ต.พระสิงห์ อ.เมือง เชียงใหม่

– เปิด/ปิด : 09.00-22.00 น. เปิดทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 088 869 0000

– FB : https://www.facebook.com/tentencnx/

HEARTWORK THE SHARING SPACE & CAFÉ

ในยุคที่อาชีพอิสระได้รับความนิยมมากขึ้น

คนจำนวนมากทำงานโดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ

เราก็จะเห็นร้านกาแฟ หรือ co-working space ผุดขึ้นมา

มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆอย่างเชียงใหม่

ล่าสุด ‘Heartwork The Sharing Space & Cafe’

ก็เพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นาน เป็นร้าน 2 ชั้น

ที่รีโนเวทมาจากโรงพิมพ์เก่า ด้านในจัดสรรพื้นที่ได้

ดีมาก มีที่ให้นั่งทำงานทั้งโต๊ะเล็ก โต๊ะใหญ่ และ บาร์

ทุกโต๊ะมีที่ให้เสียบปลั๊ก แถมจะห้องประชุมสำหรับ

คุยงานหรือติวหนังสืออีกด้วย ปิงแนะนำเลย

สำหรับคนที่หาที่นั่งทำงานในเชียงใหม่ ต้องมา !

– ที่อยู่ : ถนนกำแพงดิน

– เปิด/ปิด : 9.00-20.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 083-208-5405

– Facebook : https://www.facebook.com/pg/heartworknevergetshard

THE BARISOTEL BY THE BARISTRO

ยกให้ติดอันดับ top 10 คาเฟ่ที่ชอบที่สุดในเชียงใหม่ !

เห้ย มันดี มันมีความเกาหลี ผสมความมินิมอล

และความสดใสได้พอดีมาก ที่นี่ด้านบนเป็นโรงแรม

2 ชั้นล่างเป็นคาเฟ่ กว้างเลยแหละ มีมากกว่า 10 โต๊ะ

ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวเป็นหลักค่ะ มีพร็อพ

สีชมพูอ่อน น้ำตาลอ่อน เหลืองอ่อน และ ไม้ประดับ

อยู่รอบๆร้าน ที่สำคัญคือเครื่องดื่มราคาไม่แพงเลย

ถ้าเทียบกับหลายๆร้านในนิมมาน รับประกันความดีงาม

ด้วยอีก 3 สาขา ใน จ.เชียงใหม่ สาขา Ping River

เพิ่งเปิดไม่นาน ดีงามมาก ไปด้วยล่ะ

– ที่ตั้ง : นิมมานซอย 9

– เปิด/ปิด : ทุกวัน 8.00 – 21.30 น.

– เบอร์ติดต่อ : 092 – 545 -8855

– IG : https://goo.gl/mQ2JNn

DAY OFF DAY

หลายคนคงรู้สึกเหมือนปิงว่าช่วงนี้คาเฟ่สีขาว

คู่กับเฟอร์นิเจอร์ไม้มาแรงมากในเชียงใหม่

ร้านนี้เขาเลยสร้างความแตกต่างให้ตัวเอง

ด้วยการแบ่งร้านออกเป็นหลายๆส่วน

ทั้งส่วนร้านกาแฟ ดาดฟ้า ร้านขายงานฝีมือ

และที่นั่งเล่นที่กระจายอยู่ในสวน ไหนจะ

สีพาสเทลจากพวกแก้ว จาน ชาม ที่มาอยู่

รวมกันแล้วน่ารักมากเว่อร์ ถูกใจสาวๆแน่นอน

– ที่อยู่ : ถนนรอบเมืองเชียงใหม่ ใกล้โรงแรม B2 Premier

– เปิด/ปิด : อ 9.00 – 18.00 น.,

พ – อา 9.00 – 20.00 น. หยุด จ

– เบอร์ติดต่อ : 084-504-5084

– IG : @day_off_day

PICCADILLY

ปีที่แล้วสีชมพูมาแรงมากกกกกกก

คาเฟ่สีชมพูเปิดใหม่เยอะเลยยยยย

ซึ่งร้านนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ แต่เค้าลดความหวาน

และ เพิ่มความฮิปด้วยที่นั่งในสวน ตกแต่งด้วย

ไม้ประดับ และ เก้าอี้สีเข้มอย่าง น้ำตาล เทา

ให้ดูสุขุมขึ้นมาหน่อย ที่พีคสุดในร้านก็

เห็นจะเป็นเมนูสีสันสดใสน่าถ่ายรูป

อย่างเครื่องดื่มปั่น และ ไอศกรีม แฟนซี

ปิงว่าสาวๆต้องชอบร้านนี้แน่นอน

เพราะฉะนั้น อย่าพลาด >//<

– ที่อยู่ : นิมมานซอย 7

– เปิด/ปิด : 10.00 – 20.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 083-325-2533

– FB : https://www.facebook.com/piccadillyicecream/

ABCD: A BETTER CUP & DESIGN

ร้านเล็กๆที่คอนเซ็ปต์เบื้องหลังเครื่องดื่มและขนม

ไม่เล็กเลย! ตัวร้านชั้นเดียวกระจกรอบด้าน

ด้านในมีที่นั่งติดผนังกระจกประมาณ 5-6 ที่

และโต๊ะไซส์ 4-5 คน อีก 1 โต๊ะ หรือจะนั่งนอกร้าน

ก็ร่มรื่น เมนูที่ปิงสั่งมาลองคือ Peachfully กับ

ช๊อคโกแลตเค้ก ซึ่งดีสุดไรสุด! โดยเฉพาะ

ช๊อคโกแลตเค้กที่ปิงไม่ได้คาดหวังอะไรเลย

เพราะตอนที่เห็นในตู้ มันก็ดูเป็นเค้กธรรมดาๆ

แต่ตอนเสิร์ฟกับราดด้วยช๊อคโกแลตร้อน

โรยอัลมอนด์ แถมด้านในมีสอดไส้ไวท์ช๊อคอีก!

อันนี้คือดีมาก ประทับใจ <3

– ที่อยู่ : ถนนห้วยแก้ว

– เปิด/ปิด : 09.00-17.00 น. หยุด อา

– FB : https://www.facebook.com/pg/ABCD.CNX/

BAREFOOT CAFE

Barefoot cafe คาเฟ่พิซซ่า พาสต้า และ

สปาเก็ตตี้โฮมเมด ที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเชียงใหม่

ถ้ามาเชียงใหม่แล้วนึกอยากกินพิซซ่า ไม่ต้อง

ไป Pizza Hut หรือ Pizza Company ค่ะ ไปร้านนี้

ตัวร้านมี 2 ชั้น ชั้นล่างนั่งติดบาร์ เห็นขั้นตอน

การทำพิซซ่าแบบใกล้ชิด ชั้นบนมีที่นั่ง 4 – 5 โต๊ะ

เพื่อความเป็นส่วนตัว นอกจาก 3 เมนูด้านบนแล้ว

เขาก็มีขนมปัง เบอเกอรี่ และ เครื่องดื่มด้วย

พิซซ่าอร่อยมาก ถาดละแค่ 200 บ. เอง

เส้นพาสต้าก็เหนียวนุ่มจริงๆ อยากให้ไปโดน

– ที่อยู่ : โครงการ penguin villa ถนนช้างเผือก

– เปิด/ปิด : 11.00 – 20.00 น. หยุด อ

– เบอร์ติดต่อ : 083-564-7107

– FB : https://www.facebook.com/barefootcafechiangmai/

NUAN CAFE & BISTRO

ร้านนี้ชื่อ ‘นวล’ ก็คือมัน ‘นวล’ สมชื่อจริงๆ

เข้ามานั่งในร้านแล้วได้ฟีลเหมือนอยู่บ้าน

สมัยพ่อแม่เราเด็กๆ เวลาดูในภาพถ่ายอะ

บรรยากาศรอบๆ เหมือนมีฟีลเตอร์นวลๆ

คลุมอยู่ตลอดเลย ในร้านตกแต่งได้พอดีมาก

มีต้นไม้นิดๆให้ไม่ดูแห้งจนเกินไป <3

อ่ะ แต่เห็นโล่งๆงี่ มุมถ่ายรูปแน่นนะจ๊ะ

สายเกา ถือกระเป๋าสานมา ถ่ายรูปวนไปจ้า

– ที่อยู่ : ซ.พระปกเกล้า 9 ถ.พระปกเกล้า (ใกล้ประตูท่าแพ)

– เปิด/ปิด : 09.00-17.00 น. เปิดทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 086 573 2999

– FB : https://www.facebook.com/nuancafeandbistro/

LAN DIN

ด้านนอกของร้าน เป็น Visual ที่ใครเห็นก็จำได้

เจ้ากล่องโปร่งแสงยักษ์ กลางธรรมชาติ

น่าถ่ายรูปสุดๆไปเลย ร้านนี้ตั้งอยู่ในโครงการ

ลานดินที่รวมร้านอาหาร คาเฟ่ อื่นๆอีกพรึบ

ที่นี่เป็นเหมือนศูนย์รวมของคนทุกวัยเลย

เด็กนักเรียน วัยรุ่น แก๊งค์ผู้ใหญ่ ด้วยความที่

เมนูเรียบง่ายด้วยมั้ง มีตั้งแต่ข้าว ขนม น้ำชา

กาแฟ เบเกอรี่ ยันของหวาน !

ไม่แปลกใจเลยที่คนจะชอบมา

– ที่อยู่ : ถ.บ้านร่ำเปิง ต.สุเทพ อ.เมือง เชียงใหม่

– เปิด/ปิด : 08.00-20.00 น. เปิดทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 063 365 3946

– FB : https://www.facebook.com/landinproject

THE BARISTRO AT PING RIVER

นี่คาเฟ่ หรือสตูดิโอ !? ทำไมมันสวย เป๊ะ

แถมมุมถ่ายรูปเยอะขนาดเนนนนน้~

The Baristro เองมีหลายสาขา สาขานี้เป็น

สาขาที่ใหญ่สุด ปิงเคยมาตอนยังไม่เสร็จดี

ครั้งนี้แวะมาอีกรอบ เค้าเปลี่ยนบ้านเก่าทั้งหลัง

เป็นบ้านสไตล์ loft ตกแต่งแบบมินมอล

แต่ก็มีพร็อพให้ถ่ายเพลินมาก คอนเซ็ปต์ชัด

แบบนี้ คนก็เยอะสิคะคุณ55555555

บาริสต้าก็น่ารัก เอ้า ! รออะไรไปค่ะ !

– ที่อยู่ : 62 ถ.ป่าตัน ต.ป่าตัน อ.เมือง

– เปิด/ปิด : เปิดทุกวัน 08.00 – 20.00 น.

– เบอร์ติดต่อ : 081 883 7402

– FB : https://goo.gl/T5KMg8

MAHOGANY CAFE

Cafè and Bistro ในบรรยากาศสุดร่มรื่น

สบายๆ กลางร้านมีต้นใม้ใหญ่เป็นพระเอกของที่นี่

ต่อด้วยระเบียงที่เป็นชั้นลอยสุดชิลล์

โต๊ะ เก้าอี้ในร้านจะคละกันไป ทั้งแบบหวาย

ไม้ และ หินอ่อน รวมๆให้ความรู้สึกอบอุ่น

เหมือนนั่งเล่นอยู่ในสวนหย่อมหลังบ้าน คือดีย์

มีทั้งอาหาร ขนม เครื่องดื่ม เหมาะจะพาครอบครัว

มาทาน Brunch ในวันหยุดมาก รับรองว่าแฮปปี้ (-:

– ที่อยู่ : 222/29 ถนนโชตนา ตำบลช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่

– เปิด/ปิด : ทุกวัน 09.00 -18.00 น.

– เบอร์ติดต่อ : 062 665 6266

– FB : https://www.facebook.com/MahoganyCafe/

KEDTAWA HOMEMADE DONUTS

ชื่อ(เต็ม)ร้านมีคำว่า ‘Homemade’ ซะขนาดนี้

เราจะพลาดได้ที่ไหนล่ะ! ร้านนี้ไซส์กำลังพอดี

ดูอบอุ่น ด้านในมีความแกลอรี่ โชว์ภาพอยู่

รอบๆร้านด้วย เมนูเด็ดของที่นี่ นอกจากโดนัท

เค้ายังขึ้นชื่อเรื่องชาไข่มุกด้วยนะ จับคู่ความ

อาหย่อยกันไป ใครมาหาร้านเล็กๆ โคซี่ๆ

เหมาะจะนั่งกินไปคุยไปกะเพื่อน มาเลย : p

– ที่อยู่ : 23 หมู่ 6 บ้านร่ำเปิง ต.สุเทพ อ.เมือง

– เปิด/ปิด : เปิดทุกวัน 10.00 – 23.00 น.

– เบอร์ติดต่อ : 093 518 1456

– FB : https://www.facebook.com/Kedtawa-197147944256801/

NO. 39 CAFE

No. 39 café ที่รวมตัวใหม่ของฮิปสเตอร์เชียงใหม่

และฮิปสเตอร์กรุงเทพฯที่ไปเที่ยวเชียงใหม่ อ้าว

งงอ่ะดิ5555555 เป็นร้านที่มีพื้นที่กว้างขวางมากกก

มีที่นั่งทั้ง indoor และ outdoor ล้อมรอบสระน้ำ

มุมที่ห้ามพลาดเลยคือสไลเดอร์บนบ้านต้นไม้

ส่วนตัวชอบการตกแต่งและราคาเครื่องดื่มที่ไม่สูงมาก

แต่อยากให้ปลูกต้นไม้ร่มรื่นกว่านี้อีกนิด

เพราะถึงตอนนี้จะต้นไม้เยอะแต่ต้นไม่ค่อยใหญ่

ไม่ให้ร่มเงา ไปตอนหน้าร้อนก็จะเหงื่อแตกหน่อยๆ

– ที่อยู่ : ซอยวัดอุโมงค์ หลังมช.

– เปิด/ปิด : 10.30 – 20.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 086-879-6697

– FB : https://www.facebook.com/no39chiangmai

BROWN CAFE

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าร้านนี้จะตกแต่งด้วยสีอะไร..

แน่นอนว่าสีน้ำตาลเป็นหลัก และ ใช้สีอ่อนๆ

อย่างชมพู ครีม และ กระถางต้นไม้ เสริมให้

ร้านน่ารักขึ้นไปอีกกกกก ร้านนี้มี 2 ชั้น ค่ะ

ชั้นที่ 2 เป็นแค่ครึ่งชั้น คือจะมองลงมาเห็นชั้นล่าง

จุดเด่นของร้านคือ ชานมไข่มุก หลายสี

น่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง คุณค่าที่ผู้หญิงทุกคนคู่ควร

อีกอย่างคือ ขนมหวานเย็นสไตล์ไต้หวัน

ซึ่งก็คือน้ำแข็งใส ทานกับเฉาก๊วย ทาโร่บอล

มะพร้าวอ่อน ฯลฯ ตอนนี้เค้ามาเปิดสาขาที่สยามแล้ว

ดังนั้น รับประกันความดีงาม

– ที่อยู่ : นิมมานซอย 9

– เปิด/ปิด : 10.00 – 22.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 099-269-6924

– FB : https://www.facebook.com/browndessert/

OMNIA CAFE

Omnia Cafe เป็นร้านกาแฟโทนสีขาว-น้ำตาล

แบบแมนๆคุยกันว่ะ ร้านไม่ใหญ่แต่จัดสรรพื้นที่ได้ดี

มีที่นั่งไม่มาก แต่ก็พอให้คอกาแฟได้คุยกัน

ถ้าพูดถึงรสชาติกาแฟ ร้านนี้น่าจะติดอันดับต้นๆใน

เชียงใหม่เลยแหละ ! ที่สำคัญคือทางร้านใช้เมล็กกาแฟ

ที่เขาคั่วเองด้วย เป็นอีกร้านที่มีกาแฟดริปให้ลอง

ตอนเราไป สั่ง Mocha Layer รสชาติกลมกล่อมม๊ากกกก

– ที่อยู่ : โครงการ Prom T Business Home ถนนโพธาราม

– เปิด/ปิด : 8.00 -18.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 089-999-4440

– FB : https://www.facebook.com/OmniaCafeChiangmai/

THESIS COFFEE

ชื่อร้านอ่านว่า ธีสิส ค่ะ ไม่ใช่เดอะซิส55555

ร้านนี้ตกแต่งในสไตล์มินิมอล น้อยๆแต่ดูดี

ด้วยผนังสีขาว เฟอร์นิเจอร์ไม้ และ รูปวาด

รูปถ่ายที่ติดอยู่ตามผนัง สาเหตุที่ร้านนี้เป็น

ที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเชียงใหม่คือ ร้านมันกว้าง

มีปลั๊กให้ชาร์จหลายจุด มี wifi ความเร็วสูง

และ ตัวร้าน โปร่ง สว่าง นั่งสบาย เหมาะจะมา

ทำงาน อ่านหนังสือสุดๆ ขนาดปิงไปเที่ยว

เวลามีงานเข้า ปิงยังมานั่งทำที่ร้านนี้เลย ฮ่าๆ

– ที่อยู่ : ถนนห้วยแก้ว จ.เชียงใหม่

– เปิด/ปิด : 10.00 – 22.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 094-256-5600

– FB : https://www.facebook.com/thesiscoffee.chiangmai

WELLA’S

Wella’s เป็นคาเฟ่เพื่อนบ้านกับ Ristr8to Lab

อยู่ในอาคารเดียวกันเลย แต่แยกโซนชัดเจน

ประมาณว่าใครจะสั่งกาแฟไปฝั่ง Ristr8to Lab

ใครจะสั่งของหวานและเครื่องดื่มอื่นๆมา Wella’s

ร้านเล็กเลยแหละ มีแค่ 3-4 โต๊ะ แต่ในความเล็ก

มันมีความน่ารักอยู่ที่ตัวร้านสีขาวสะอาดตา

ด้านหน้าร้านมีที่นั่งใต้ร่มไม้ ไหนจะเบเกอรี่ที่

อบสดๆทุกวัน ปิงลองวาฟเฟิ้ลรสนมไป คือ เลิฟมาก

– ที่อยู่ : นิมมาน ระหว่างซอย 3 กับ ซอย 5

– เปิด/ปิด : 9.00 -17.00 น. หยุดวันอังคาร

– เบอร์ติดต่อ : 080-469-6696

Ristr8to Lab

ใครๆก็รู้ว่าเจ้าของร้าน Ristr8to มีดีกรีเป็นถึง

Latte Art อันดับ 6 ในการแข่งขัน World Latte Art

Championship 2011 หลังจากได้รางวัลพี่แก้ก็เปิด

ร้าน Ristr8to บนถนนนิมมาน ข้างร้านโรตีกู

ตอนนี้ขายดีมากๆ จนเปิดสาขาที่ 2 เป็น Ristr8to Lab

ที่เน้นการผสมผสานระหว่างกาแฟและเครื่องดื่ม

แอลกอฮอล์ กลายเป็น cocktail กาแฟ หน้าตาน่าทาน

มีเพิ่มสีสันและความสนุกในการทำกาแฟเข้าไป

อย่างที่บอกคือร้านติดกับ Wella’s มีที่นั่งทั้ง

ด้านนอกและด้านในร้าน โอมมม จงมา _/|\_

– ที่อยู่ : นิมมาน ระหว่างซอย 3 กับ ซอย 5

– เปิด/ปิด : 7.08 -18.08 น. ทุกวัน ( ทำไมต้อง 8 นาที อยากรู้555555 )

– เบอร์ติดต่อ : 053-215-278

– FB : https://www.facebook.com/ristr8to/

TASTE CAFE

Taste Cafe เป็นร้านกาแฟเล็กๆบนถนนสุขสันต์

ที่เหมือนจะเป็นทางผ่าน แต่ไม่เลยยยยย

คนที่เคยไปน่าจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากไปอีก

ร้านตกแต่งด้วยสไตล์มินิมอล ใช้พื้นที่น้อยๆ

ให้เกิดประโยชน์ใช้สอยได้มาก มีทั้งที่นั่งติดผนัง

โต๊ะยาวเล็ก โต๊ะยาวใหญ่ และ บาร์

ผนังอิฐสีขาวกับเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นของคู่กัน

ที่เราเห็นได้ทั่วไปในคาเฟ่ แต่ที่นี่มีความอุบอุ่น

บางอย่างที่เราบอกไม่ถูกว่าทำไมมันถึงพิเศษ

เขาไม่ขายอาหารนะ แต่อยากให้มาลองน้ำ ลองขนม

– ที่อยู่ : ถนนสุขสันต์ หลังมช.

– เปิด/ปิด : 8.00 -19.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 091-076-7600

– FB : https://www.facebook.com/Taste.Cafe.chiangmai/

FACTORY COFFEE

อีกหนึ่งคาเฟ่สุดแนวในตัวเมืองเชียงใหม่

การตกแต่งจะออกไปแนว loft หน่อยๆ

แต่ก็ mix กับอย่างอื่นด้วย เข้าร้านมาปุ๊ป

ก็จะเจอเจ้ากวางยืนสง่าอยู่ และ ผนังที่

ติดรูปถ่ายสวยๆ ชั้นบนมีที่นั่งเยอะเลย

ทั้งโต๊ะเล็ก โต๊ะใหญ่ หรือจะนั่งบนฟูกก็ได้

เหมาะมากสำหรับเด็กมช.ที่หาที่นั่งทำงาน

หรืออ่านหนังสือ เพราะร้านอยู่ไม่ไกลจากมช.

– ที่อยู่ : ซอยสุเทพ 4 หลังมช. ใกล้วัดอุโมงค์

– เปิด/ปิด : 10.00 – 20.00 น. หยุดวันอังคาร

– เบอร์ติดต่อ : 081-399-6639

– FB : https://www.facebook.com/factorycoffeecnx/

CAT BROTHERS CAFE

คาเฟ่แมวคิ้วท์ๆในเมืองเชียงใหม่ที่เพื่อนๆ

สามารถเล่นกับฝูงน้องแมวมากกว่า 10 ตัว !!

ใครกลัวน้องแมวไม่สนใจ ปิงแนะนำให้

ซื้อขนมแมวกระปุกละ 20 บ. ขึ้นไปด้วย

ร้านแบ่งเป็น 2 ชั้น มานั่งทำงาน นั่งเม้าท์

ชั้นล่างได้ อยากเล่นกับน้องแมวก็

ขึ้นไปชั้นสอง ถ้าซื้อขนม เครื่องดื่มที่ร้าน

ก็เล่นกับน้องแมวได้เลย แต่ถ้าตั้งใจมา

เล่นกับน้องเฉยๆ มีค่าผ่านประตู 100 บ.

วิธีอยู่ร่วมกับน้องๆอย่างสงบ คือ ล้างมือ

ก่อนเล่นกับน้อง ไม่กวนน้องที่นอนอยู่

บอกพนักงานก่อน ถ้าอยากอุ้มน้องถ่ายรูป

และ ไม่ถ่ายรูปด้วยแฟลช

– ที่อยู่ : ถนนศรีภูมิ หน้าซอยศรีภูมิ 2

– เปิด/ปิด : 10.00 – 20.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 090-891-0444

– Facebook : https://www.facebook.com/CatBrothersCafe/

DOM CAFE

คาเฟ่ชิคๆ ของคนชิคๆ อย่าง โน๊ต อุดม แต้พานิช

ตัวร้านเป็นโครงเหล็กและกระจกรอบด้าน

หน้าร้านมีเจ้าแมวตัวใหญ่ สะพายกระเป๋าแบรนด์เนม

ด้านในก็มีงานอาร์ต งานปั้นของพี่โน๊ตตกแต่งอยู่รอบๆ

ร้านนี้มี 2 ชั้น ทั้งสองชั้นคือพื้นที่เหลือเฟือมากกกก

จะมานั่งกินข้าว นั่งเม้าท์ นั่งทำงาน ประชุม ได้หมด

มีทั้งเมนูเครื่องดื่ม ของหวาน และ ของคาว

Iberry ในนิมมาน ดีงามยังไง ร้านนี้ก็อย่างงั้นเลย

– ที่อยู่ : โครงการ Think Park ตรงข้าม MAYA

– เปิด/ปิด : 8.30 – 21.00 / 22.00 น. แล้วแต่วัน

– เบอร์ติดต่อ : 05-321-5250

– FB : https://www.facebook.com/lovedomcafe/

GARINCHA

การินชา ร้านชาและขนมไทยสุดล้ำ

ที่นำความเป็นไทยสู่ความทันสมัย

เอาใจวัยรุ่น ด้วยเมนูชาสีสวย 3 รสชาติ

ทั้งแบบแก้วและแบบขวด แถม ไอศกรีม sort serve

รสนมสดและรสมันม่วง ให้เราเลือกทาน

กับ topping ขนมไทยสีหวานๆอย่าง

บัวลอย ฝอยทอง ข้าวเหนียวอัญชัน ฯลฯ

ตอนเราไปขนมหมด เหลือแต่ชา แต่ไปส่อง

หน้าตาขนมมา คือเริ่ดดดด ไว้รอบหน้าไปแก้ตัว

ป.ล. ร้านมีที่นั่งไม่มาก แนะนำให้ซื้อแบบ takeaway

– ที่อยู่ : นิมมานซอย 5

– เปิด/ปิด : 10.30 – 20.00 น. ทุกวัน

– เบอร์ติดต่อ : 086-424-4224

– FB : https://www.facebook.com/garinchacafe/

ฝาก Bliss of Chiang Mai ไว้ในใจทุกคนด้วยน้า

ปิงเขียนเอง ตีพิมพ์เอง ขายเอง แบบ.. ทำด้วยใจจริงๆ

พิมพ์ไม่เยอะด้วย ใครยังไม่มี รีบสั่งกันเข้ามาทาง

Inbox เพจ Bliss Out There เลย ตอนนี้ลดอยู่

https://www.facebook.com/BlissOutThere

ขอบคุณที่ติดตามและสนับสนุนกันนะค้า (-:

เที่ยวกับรถไฟ ไปน้ำตกเมืองกานน๊ะจ๊ะบุรี

ไทรโยค@กาญจนบุรี จ.Chang Wat Kanchanaburi

Pakka-Orh OKe

February 4, 2019, 12:00 PM February 5, 2019, 5:58 AM

มันเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมาย แค่ปรึกษากันว่าจะลองไปเที่ยวทางรถไฟสายมรณะกัน วันรุ่งขึ้นได้รางวัล 4ที่นั่งไปเที่ยววันเดย์ทริป "เที่ยวน้ำตกไทรโยค" มันช่างลงตัวมากกกกก

วันเดินทาง แต่ละคนตาห้อยมาเลย เพราะต้องปั่นงานกันจนตี2 ตี3 ต้องมาสถานีกรุงเทพ(หัวลำโพง)กัน 6โมงเช้า กลายเป็นแก้งค์นอนน้อยไปเลย แต่สู้ๆ พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ก็ขึ้นรถไปหาที่นั่ง จัดการโน่นนี่นั่น ก็ได้เวลารถออก 6.30น.วันนี้ขบวน ยาวมาก ไปกาญฯ5คัน ไปหัวหิน4คัน

แวะที่แรก นครปฐม 40นาที  ไม่รอช้า มุงหน้าไปร้านโปรด โชกุน ข้าวเหนียวหมู-เนื้อ หลังสถานี จัดไปคนละ2ห่อ3ห่อหมู-เนื้อกำลังดี กินกับ ข้าเหนียวนุ่มๆ มันช่างดีอ่ะ แล้วเดินต่อไปที่สะพานถ่ายรูปนิดหน่อย ไปไม่ถึงองค์เจดีย์ กลัวกลับไม่ทัน เดินกลับมาที่รถ ก็ได้ของติดมือมาอีกเพียบ น่ากินทั้งนั้น บนรถ ยังมีเตี๋ยวแห้งมาอีก ช้าอยู่ใย จัดอีกครับ ลำบากเลยทีนี้ไม่มีโต๊ะ ถือๆหิ้วๆ กินไปตามอัตภาพ 555

เดินทางต่อ คราวนี้ยาว ไปยันสะพานข้ามแม่น้ำแควเลย สัก ชั่วโมงก็ถึง ลงไปถ่ายรูปหน่อย

ต่อครับยาวไปๆ ประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็จะภึงจุดไฮไลท์ของเส้นทาง ช่าวสะพานมรณะ หรือ สถานีถ้ำกระแซ รถจะค่อยๆไป ให้เราได้ดูบรรบากาศ ได้ลูบหินอธิฐาน(ลูบมาแปะหน้าผาก อย่าเอาหน้าผากไปแปะหิน นายตรวจเค้าบอกไว้)และก็กลัวจะชนนักท่องเที่ยวที่เดินบนสะพาน 55 แล้วก็ไปต่อ ชมวิวกันไปเรื่อยๆ จนสถานีน้ำตก ต่อไป สถานีไทรโยค

เราไม่เล่นน้ำตก ก็เลยลงมารอรถสองแถวจะกลับไปถ้ำกระแซ โดยไปขึ้นรถไฟ ขบวน258ที่สถานีน้ำตก ถามคนแถวนั้นบอกคนละ 20 แล้วให้รอที่ป้ายรถ หลังคาเขียว(รูปจากกูเกิลเมพ) ก็รอไปคับ ไกล้ได้เวลารถก็ไม่มา พอดีป้าคนนึงเดินมาถามใครไปมั่งตามมา แกพาขึ้นรถ2แถว แล้วไปยังสถานีน้ำตก รอดตายหวุดหวิด พอไปถึงสักพัก ซื้อตั๋ว(คนไทยคนละ4บาท ต่างชาติเหมาเที่ยวละ100) แล้วขบวน 257 เข้าสถานี สลับหัวไปท้ายกลายเป็น 258 เราก็ขึ้นไปจับจองที่สบายๆ โล่งๆ นั่งชมวิวสักพัก บ่ายโมงนิดๆก็ถึงสถานีถ้ำกระแซ

ส่งเราแล้ว 258 ก็ไปต่อ รับนักท่องเที่ยวไปชมสะพานมรณะ ส่วนเราก็มาหาไรกิน เจอร้านเด็ด วิวดี รสชาดใช้ได้ ร้านอาหารถ้ำกระแซ "ใกล้ถ้ำ...ติดแม่น้ำ" เราไปสั่งเป็นกับข้าว กับ5อย่าง ข้าวโถ น้ำเปล่าขวดใหญ่ 835บาท โอเค4คนกินไม่หมดอ่ะ อิ่มเสร็จก็ไปเดินย่อย ไปไหว้พระในถ้ำ ถ่ายรูปบนสะพาน เดินซื้อของชิลๆ รอรถมารับ

บ่าย3 รถไฟของเราก็มาถึงกลับขึ้นไปประจำที่นั่งของเรา จากนั้นรถจะมาจอดที่สถานีท่ากิเลน มีชาวบ้านเอาของมาขาย มีน้ำชงแก้วละ20 เติมได้ตลอด เด็ดๆก็อัญชัน ใส่น้ำมะนาว และหลากหลายรสให้เลือก แล้วก็ไปต่อยังสถานีกาญจนบุรี ให้ไปดูสุสานทหารพันธมิตร แต่เราไม่เดิน วนไปมาในสถานนีแหละ

จากตรงนี้ ของฝากที่เราสั่งไว้ก็เริ่มทยอยมา เป็ย่างเกลือมาก่อน ต่อมา ลูกชิ้นปลานึ่ง(แน่นอร่อยจริง) รถไฟก็เคลื่อนตัวไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน อย่างไงก็ต้องไปรอต่อพ่วงกับขบวนที่มาจากหัวหิน ยิ่งเอื่อยๆก็พาให้ง่วง หลับมั่งชมวิวมั่งไปเรื่อย พอถึงชุมทางหนองปลาดุก ทำการต่อพ่วงเสร็จ ก็เดินทางมุ่งหน้าเข้า กทม โดยของฝากล๊อดที่2ก็มา เตี๋ยวเล็กแห้งราชรี ทอดมันปลากราย ห่อหมกปลาอินทรีย์(เผ็ดแต่อร่อย) น้ำตาลสด ทองหยิบ มากันอย่างไม่แกรงใจคนอื่น 555 วิ่งมาเรื่อยจนถึงบางซื่อราวๆ2ทุ่ม ก็ลงรถแยกย้าย กลับบ้าน จบทริป...

แม่กำปองไม่เหงา ถ้าเราไปด้วยกัน

แม่กำปอง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ จ.

Suparnun Wongsaphan

February 6, 2019, 9:48 PM February 8, 2019, 6:04 AM

ขาหลวงสุโขทัย ที่เค้าบอกว่าเรามาผิดช่วง ต้องมาหน้าฝน มาดูทะเลหมอก แต่เค้าไม่รู้หรอกเราไม่อยากดูหมด เราจะไปดูช้าง(เผือก) ทริปรวบรัด 2 วัน 1 คืน ครบ [โหด มัน ฮา บ้า หลุด โลก]  หลังจากถึงฤดูกาลของทางช้างเผือก เราไปหารีวิวว่าที่ไหนดูและถ่ายช้างเผือกแบบเต็มตัว ก็ไปเจอว่ามีที่เขาหลวงสุโขทัย เอ้าเฮ๊ยอยุธยาสุโขทัยแค่นี้เอง แล้วความบันเทิงก็เกิดขึ้น กับทางขึ้นเขาที่ชันระดับ10++ ไปด้วยใจล้วนๆ โคตรชัน โคตรเหนื่อย แต่ก็โคตรคุ้มกับทุกสิ่งที่ได้จากยอดเขาหลวง ปากบอกว่าเข็ดแล้วแต่ทำไมใจยังหวนคิดถึง#เขาหลวงสุโขทัย ควรไปสักครั้งในชีวิต แรงกายไม่พอต้องแรงใจเกินร้อย#มุนษย์บ้าเที่ยว#เที่ยวเข้าเส้น#theTripPacker

ทางช้างเผือกที่เขาหลวงสุโขทัย

เขาหลวงสุโขทัย อุทยานแห่งชาติรามคำแหง จ.

Punika Reanpaekongka

February 7, 2019, 3:26 AM February 8, 2019, 6:04 AM

ขาหลวงสุโขทัย ที่เค้าบอกว่าเรามาผิดช่วง ต้องมาหน้าฝน มาดูทะเลหมอก แต่เค้าไม่รู้หรอกเราไม่อยากดูหมด เราจะไปดูช้าง(เผือก) ทริปรวบรัด 2 วัน 1 คืน ครบ [โหด มัน ฮา บ้า หลุด โลก]  หลังจากถึงฤดูกาลของทางช้างเผือก เราไปหารีวิวว่าที่ไหนดูและถ่ายช้างเผือกแบบเต็มตัว ก็ไปเจอว่ามีที่เขาหลวงสุโขทัย เอ้าเฮ๊ยอยุธยาสุโขทัยแค่นี้เอง แล้วความบันเทิงก็เกิดขึ้น กับทางขึ้นเขาที่ชันระดับ10++ ไปด้วยใจล้วนๆ โคตรชัน โคตรเหนื่อย แต่ก็โคตรคุ้มกับทุกสิ่งที่ได้จากยอดเขาหลวง ปากบอกว่าเข็ดแล้วแต่ทำไมใจยังหวนคิดถึง#เขาหลวงสุโขทัย ควรไปสักครั้งในชีวิต แรงกายไม่พอต้องแรงใจเกินร้อย#มุนษย์บ้าเที่ยว#เที่ยวเข้าเส้น#theTripPacker

Backpack แอ่วเหนือกับเด็ก3ขวบ

แม่ฮ่องสอน - เชียงใหม่ จ.

kae kaii+

February 7, 2019, 7:24 PM February 8, 2019, 6:04 AM

ไปเที่ยวเหนือกันเถอะ 

ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน  

นี่เป็นคำชวนจากเพื่อนคนหนึ่ง แล้วเราก็ชวนกันหลายๆคน สรุปไปกัน 4 สาว แล้วก็มีลูกสาวที่น่ารักอีก 1 คน วัย 3 ขวบแต่ทริปนี้ตั้งใจ Backpack ไม่ได้ขับรถกันไป เอาไงละทีนี้มีเด็ก 3 ขวบไปด้วย จะรอดมั๊ย อย่างแรกคือ จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วรถทัวร์ แผนเที่ยวคร่าวๆ แม่ฮ่องสอน บ้านรักไทย ปาย ห้วยน้ำดัง เชียงใหม่  แล้วเราก็ออกเดินทางกัน 19-23 ต.ค.61 ปลายทางแม่ฮ่องสอน - เชียงใหม่

ออกเดินทางโดยรถทัวร์จ้า สมบัติทัวร์ ออกจากท่ารถที่วิภาวดี 17.20 น. พอเจอหน้าเด็กน้อย นางไม่อยู่นิ่งเลยจ้า แล้วนางยังเข้ากับคนง่ายจริงๆ ขึ้นรถปุ๊ปก็ยังไม่นอน มีเล่นมือถือบ้าง (เป็นการกล่อมนาง ไม่ให้นางร้อง กลัวคนอื่นเค้ารำคาญจริงๆแล้วควรหลีกเลี่ยงนะคะ) รถออกประมาณ 6 โมง

รูป 1

รูป 2 

จากกรุงเทพ กว่าจะถึงแม่ฮ่องสอน เล่นซะเมื่อยเลย ไม่เคยนั่งรถนานขนาดนี้มาก่อน คือ มาถึงแม่ฮ่องสอน 9 โมงเช้า ใช้เวลา 15 ชั่วโมงจ้า มาสายเหนือต้องอดทน ทั้งขึ้นเขา ทั้งทางโค้ง ไม่ธรรมดาเลย แต่คนที่ชิวสุด ก็เด็กน้อยนี่แหละ

รูป 3 

รูป 4 

แล้วเราก็ถึง สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดแม่ฮ่องสอน

รูป 5 

รูป 6

ไปที่พักกันจ้า ด้วยสามล้อนี่แหละ ก่อนไปที่พัก เราก็ไปจองตั๋วรถที่จะไปอ.ปายก่อน เพราะเดี๋ยวตั๋วเต็ม ของบริษัทเปรมประชาชนส่ง 

พักที่ "ปาล์มเฮ้าส์" อยู่ใกล้ๆวัดจองกลาง วัดจองคำ พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ไปหาอะไรกินกัน แล้วก็เดินเล่นชิวๆในตัวเมือง

ร้านกาแฟที่เค้ารีวิวกันเยอะๆพอดีไม่มีที่นั่ง เลยนั่งร้านข้างๆละกัน เมืองแม่ฮ่องสอน เมืองเล็กๆเดินไปชิวๆ แต่ร้อนหน่อย กินเสร็จเด็กน้อยไปนอนกลางวันกับแม่ ส่วนเราก็เดินไปไหว้พระที่วัดจองกลาง วัดจองคำ พอบ่ายแก่ๆก็เหมารถสามล้อไปพระธาตุดอยกองมู คันเดิมที่เรามาส่งเราที่พักนั่นแหละ 

ไหว้พระธาตุดอยกองมู

กับร้านกาแฟก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมเขา

แล้วก็มาเดินถนนคนเดิน 

ขากลับก็เดินผ่านวัดจองกลาง วัดจองคำ  

หมดไป 1 วัน เด็กน้อยสนุกมั๊ยไม่รู้แต่น้าๆสนุกมาก

แม่ฮ่องสอน 

บ้านกะเหรี่ยงคอยาว - สะพานซูตองเป้ - ปางอุ๋ง - บ้านรักไทย

ตื่นเช้ามาก็ไปใส่บาตรกันที่ตลาด พระจะมาตอนประมาณ 6.30 น. จากที่พักเดินไปไกล ใส่บาตรเสร็จ ก็รอรถมารับ เป็นรถกะบะ รถเหมาเที่ยว ออกจากที่พักประมาณ 9 โมง ไปหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว

หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว คือบ้านห้วยเสือเฒ่า เป็นหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง มีสินค้าของที่ระลึก และถ่ายรูปกับกะเหรี่ยงคอยาว แต่ไม่ได้ถามถึงวิถีชีวิตเค้าอยู่กันยังไง แต่เท่าที่เห็นแล้วชาวบ้านที่นี่เค้าทำเกษตรกัน

สะพานซูตองเป้ เป็นสถานที่ที่อยากไปมาก ห่างจากตัวเมืองไม่ถึง 10 กิโลเมตร จริงๆแล้วข้าเคยไปแม่ฮ่องสอนมาหลายครั้งแต่ยังไม่เคยได้ไป ครั้งนี้สมใจ เชื่อในแรงศรัทธาและความสามัคคีของชาวบ้าน ได้สร้างสะพานยาวกว่าครึ่งกิโล

ปางอุ๋ง หรือ โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) อยู่ในหมู่บ้านรวมไทย ไปทีไรก็ประทับใจทุกครั้ง แม้แต่ครั้งนี้ที่เจอฝนตกพรำ ๆ แต่ก็สวยไปอีกแบบ

บ้านรักไทย กับรีสอร์ทที่เราจองกันตั้งแต่กลางปี "ลีไวน์รักไทย" เราพักบ้าน 1 หลังนอนได้ 5 คน รวมเด็กน้อยด้วย พอไปถึงเราก็ไปเดินเล่นรอบๆหมู่บ้าน รอบๆอ่างเก็บน้ำ นั่งชิวๆกับร้านอาหารและร้านกาแฟ 

แวะจุดชมวิวที่เพิ่งมีไม่นาน กับ บ้านนาป่าแปก อยู่ระหว่างทางจากบ้านรักไทยกับตัวเมืองแม่ฮ่องสอน 

แวะน้ำตกผาเสื่อ ระหว่างทางฝนตกตลอดทางเลย แต่เราก็แวะจ้า

มาทันขึ้นรถตู้ไปปายพอดี

ปาย

หมู่บ้านสันติชล - ถนนคนเดิน - ห้วยน้ำดัง 

เชียงใหม่

ร้านชม - บ้านข้างวัด -  วัดต้นเกว๋น - แบรนด์นิวฟิลกู๊ด