Quantcast
Channel: theTripPacker
Viewing all 3094 articles
Browse latest View live

สวย

$
0
0
สวย

สวย

วัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย (Wat Mahathat Sukhothai Historical Park) จ.สุโขทัย

Bugmee Rordtakhu

ทดสอบ รีวิว


ทดสอบ

ทดสอบ

ทดสอบ

ทดสอบ

ทดสอบ

ac42a0b1-b251-c0d7-be24-5c5d45c8e07a.JPG

มาเต็มจอ

a913cd8c-15e1-7012-67d5-5c5d457dd91c.JPG

อ่าว ตีลังกา

d89dd8b9-3f91-017a-756a-5c5d4588d625.JPG

ได้แต่แนวนอน

a40630b1-339b-ad9c-e694-5c5d45615839.JPG

จริงๆ


000
00
1
2
3
4
5

‘ Avani+ Hua Hin Resort ’ ที่พักสุดขึ้นกล้อง ต้องไปพักที่หัวหิน | Bliss Out There

$
0
0
‘ Avani+ Hua Hin Resort ’ ที่พักสุดขึ้นกล้อง ต้องไปพักที่หัวหิน | Bliss Out There

‘ Avani+ Hua Hin Resort ’ ที่พักสุดขึ้นกล้อง ต้องไปพักที่หัวหิน | Bliss Out There

Avani+ Hua Hin Resort จ.

Ping Pitchaya

‘ Avani+ Hua Hin Resort ’ ที่พักสุดขึ้นกล้อง ต้องไปพักที่หัวหิน | Bliss Out There


 

 

นี่คือรีสอร์ท 5 ดาว ที่สระว่ายน้ำอลังการขนาดบิ๊กบึ้ม!

จะมาพักผ่อนก็ดี มาถ่าย Pre-Wedding ก็ปังงง!

ใครชอบเล่นน้ำธรรมชาติๆก็เดินลงทะเลเลยจ้า

รีสอร์ทอยู่ติดทะเลเลย ริมหาดมีบาร์ให้สั่ง

คอกเทลมานั่งจิบชิคๆด้วย แถมห้องพักคือ

สวย ครบ ได้มาตรฐาน ตอบโจทย์สายชิลล์

ที่อยากมาพัก แต่ก็อยากได้รูปกลับบ้าน

รายละเอียดทุกอย่าง รวมทั้งราคาห้องพัก

แต่ละประเภท อยู่ในรีวิวนี้แล้ว ไปอ่านกันได้เล้ย!

 

5c5e8bf22d62eb3d7164d108.jpg

 

ก่อนอื่น เรามีข่าวดีมาฝากกกกกกกก

แฟนเพจ Bliss Out There จองห้องดีลักซ์

รวมอาหารเช้า 2 ท่าน ได้ราคาพิเศษเพียง

3,200++ บ. เท่านั้นนนน จองห้องพักได้วันที่

15 – 28 ก.พ. 62 เข้าพักได้ 15 ก.พ. – 31 ก.ค. 62

โดยต้องจองที่เบอร์ 032-898-989 เท่านั้น

 

5c5e8ca42d62eb3d7164d109.jpg

5c5e8d38b246b23d481fa0ac.jpg

 

เริ่มตั้งแต่ก้าวเข้าไปในรีสอร์ทเลยแล้วกัน..

พอมาถึงพนักงานก็เอา welcome drink

เป็นน้ำอัญชัน เย็น สดชื่น มองไปรอบๆ Lobby

ก็จะเห็นว่าที่นี่ตกแต่งแบบเรียบง่าย โมเดิร์น

แต่ดูรวมๆแล้วมันอลังการบอกไม่ถูก โทนสีที่ใช้

คือน้ำตาลและฟ้า ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

เผื่อใครยังไม่รู้ เครือ Avani เป็นเครือที่ใหญ่มาก

มีโรงแรม/รีสอร์ทอยู่ในหลายประเทศเลย

เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องที่พัก และ บริการ

ได้มาตรฐานแน่นอนจ้า : D

 

5c5e8d85b246b23d481fa0af.jpg

 

ก่อนจะไปดูห้องพัก ขอส่องสระว่ายน้ำก่อนเลย

เพราะอย่างที่บอกว่ามันคือมุมห้ามพลาดของที่นี่

สระว่ายน้ำส่วนกลางของที่นี่จะมีอยู่ 2 จุด

คือสระโซนด้านนอก ที่ค่อนข้างคึกคัก คนเล่นน้ำเยอะ

กับสระโซนด้านใน ที่ต้องเดินเข้าไปหน่อย

สระจะเป็นส่วนตัวมากกว่าค่ะ

รอบๆสระมีเก้าอี้ชายหาดไว้ให้นอนและ

ซุ้มให้นั่งชิลล์ สั่งอาหาร เครื่องดื่มมาทานได้

อ้อ ส่วนพวกห่วงยาง พร็อพสระน้ำหรือตุ๊กตาเป่าลม

ไม่ต้องขนมาเลย ทางรีสอร์ทมีให้หมด

ชาร์จแบตกล้องมาก็พอ ฮ่าๆ

 

5c5e8dce2d62eb3d7164d115.jpg

5c5e8e06b246b23d481fa0b2.jpg

 

อันนี้เป็นส่วนของสระเด็ก มีน้ำพุรอบสระเลย

ถูกใจน้องๆหนูๆแน่นอนนน <3

 

5c5e8e4eb246b23d481fa0b6.jpg

 

อ่ะ! เข้าเรื่องหักพักได้ Avani! Hua Hin Resort

มีห้องพักทั้งหมด 5 ประเภท และบ้านพักแบบวิลล่า

อีก 4 ประเภท ห้องพักได้แก่ Deluxe, Deluxe Jacuzzi,

Deluxe Pool Access, Garden View Suite

และ Pool Access Suite ค่ะ ราคาอยู่ที่คืนละประมาณ

2,720 – 5,040 บ. ส่วนบ้านพักก็มี Pool Villa,

Lagoon Pool Villa, Two Bedroom Lagoon Pool Villa

และ Two Bedroom Sea View Villa ราคาตกคืนละ

ประมาณ 10,720 – 20,640 บ. นาจา

 

5c5e8e952d62eb3d7164d11a.jpg

 

เราพักห้อง Deluxe แต่มีโอกาสได้เข้าไปส่อง

ห้อง Pool Villa ด้วย ก็เลยถ่ายรูปมาให้ดูกัน

ห้องนี้มีพื้นที่ 188 ตร.ม. เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ 2 คน

กับ เด็ก 1 คน ค่ะ ตกแต่งแบบเรียบๆ ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้

ทำให้ดูอบอุ่น ชอบตรงที่โซนที่นอนเป็นพื้นยกระดับ

แบ่งสัดส่วนกับห้องนั่งเล่น และ พื้นที่ทานข้าวชัดเจน

แถมมีสวนและสระจากุชซี่ส่วนตัว ห้องนี้คืนละ 11,600 บ.

โอเคเลยสำหรับวิลล่าระดับ 5 ดาว เข้าไปดูรายละเอียด

กันได้ที่ลิงก์เน้ https://www.avanihotels.com/th/hua-hin/villas

 

5c5e8ed02d62eb3d7164d11b.jpg

5c5e8f13b246b23d481fa0b7.jpg

5c5e8f522d62eb3d7164d11f.jpg

 

มาดูห้อง Deluxe กันบ้าง ห้องนี้จะหน้าตาเหมือน

Deluxe Pool Access เลย แค่ไม่ได้ติดสระว่ายน้ำ

มีพื้นที่ 41 ตร.ม. อบอุ่น เน้นสีฟ้า น้ำเงิน เทา ครีม

และแน่นอน.. เฟอร์นิเจอร์ไม้ ข้อดีคือมีห้องที่เดิน

เชื่อมถึงกันด้วย เหมาะมากสำหรับครอบครัวใหญ่

ที่อยากจองห้องใกล้กัน ราคาคืนละ 4,720 บ. จ้า

 

5c5e8f982d62eb3d7164d127.jpg

5c5e8fe22d62eb3d7164d128.jpg

5c5e90182d62eb3d7164d129.jpg

 

เดินทัวร์สักพักเริ่มหิว ไปห้องอาหารกันดีกว่า555555

ห้องอาหารหลักของเค้าชื่อว่า STAA’S RESTAURANT

กว้างม๊ากกกกกกก บอกเลยยยยยยย มีอาหารบุฟเฟ่ต์

นานาชาติให้บริการทั้งวัน อยากกินข้าวกับกับแบบไทยๆ

หรือจะขนมปัง omelette เบคอน แบบฝรั่ง มีหมดเลย

ถ้าเป็นอาหารเช้าจะไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ แต่ถ้าทาน

หลัง 10.30 น. เป็นต้นไป จะมีค่าใช้จ่ายตามเมนูที่สั่งน้า

ห้องอาหารเปิด 6.00 – 22.30 น. ค่ะ หิวตอนดึกก็มาได้!

 

5c5e905a2d62eb3d7164d12a.jpg

5c5e908ab246b23d481fa0bc.jpg

5c5e90c12d62eb3d7164d12c.jpg

 

ส่วนนี่คือ TERRACE BAR เป็นบาร์ outdoor

อยู่ติดกับห้องอาหาร STAA’S เลย ที่นั่งให้เรา

นั่งสบายๆกลางแจ้ง มองออกไปจะเห็นสระว่ายน้ำ

สั่งน้ำปั่นมาทานกับขนมก็ได้ กรุบกริบ

บาร์เปิด 6.00 น. – 22.30 น. เช่นกานนนนนน

 

5c5e90ed2d62eb3d7164d12e.jpg

5c5e9114b246b23d481fa0be.jpg

 

มาต่อกันที่ BREZZA บาร์ริมชายหาดสุดชิค

ดีไซน์เรียบหรูแต่ดูดี เข้ากับ mood & tone

ของรีสอร์ทค่ะ ประดับด้วยโคมไฟแขวน สีอบอุ่น

จะนั่งหน้าบาร์ เม้ามอยกับบาร์เทนเดอร์ หรือจะ

นั่งสวีทกันตรงโต๊ะริมทะเลก็ด้ายยยยยย

นอกจากเครื่องดื่มแล้ว ยังสั่งอาหารอิตาเลี่ยน

มาทานด้วยก็ได้เน่อ เปิด 12.00 น. – 22.30 น. ค่ะ มาๆ

 

5c5e91552d62eb3d7164d12f.jpg

5c5e9180b246b23d481fa0bf.jpg

5c5e91c02d62eb3d7164d134.jpg

 

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับคนชอบสังสรรค์

สายปาร์ตี้ ขาโยกทั้งหลาย Avani+ Hua Hin Resort

เค้าจัดปาร์ตี้อยู่เรื่อยๆนะ อย่างวันที่เราไปก็มี

ปาร์ตี้ชื่อ Let’s Flamingle ธีมงานคือสีชมพูฟลามิงโก้

และลวดลาย tropical เก๋มากเล้ยยยย ในงานมี

บุฟเฟ่ต์ของคาว ของหวานอย่างดี แถม DJ

มาเปิดเพลงให้เราได้แด๊นซ์กันกระจาย เห็นว่า

ค่าเข้างาน + ห้องพัก 1 คืน อยู่ที่ 6,000 บ. / 2 คน

ราคานี้รวมอาหารในปาร์ตี้แบบไม่อั้น และ

อาหารเช้าด้วย! คุ้มไปปปปป๊ รอบน้าขอจอยมั่ง!

 

5c5e91f92d62eb3d7164d135.jpg

5c5e92292d62eb3d7164d136.jpg

5c5e92622d62eb3d7164d13c.jpg

5c5e92ab2d62eb3d7164d13d.jpg

 

เพื่อนๆคนไหนที่กำลังมองหาที่พักผ่อนสวยๆติดทะเล

เดินทางง่าย ไม่ไกลกรุงเทพฯ ในช่วง summer นี้

ต้องมาพักที่ Avani+ Hua Hin Resort แล้วแหละ

บรรยากาศดี ห้องพักสวยหรู ในราคาที่จับต้องได้

จะพลาดไม่ได้แล้วววววว ป.ล. อย่าลืมว่าแฟนเพจ

Bliss Out There มีโปรโมชั่นพิเศษด้วยนาาาา

ถ้าชอบทริปชิลล์ๆ ไปเที่ยวเหมือนไปพักผ่อน

อย่าลืมกด like เพจ Bliss Out There และ

follow แบบติดดาว / see first นะจ๊ะ

https://www.facebook.com/BlissOutThere/

อ่านรีวิวอื่นๆของเราได้ที่ http://www.blissoutthere.com/

แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้านะค้าาา : )

 

เยือนดอยสีชมพู-ภูลมโล พักบ้านร่องกล้า แวะภูทับเบิก

$
0
0
เยือนดอยสีชมพู-ภูลมโล พักบ้านร่องกล้า แวะภูทับเบิก

เยือนดอยสีชมพู-ภูลมโล พักบ้านร่องกล้า แวะภูทับเบิก

ภูลมโล อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า (Phulomlo @ Phuhinrongkla National Park) จ.พิษณุโลก

ThaiTripper Blog

เยือนดอยสีชมพู-ภูลมโล พักบ้านร่องกล้า แวะภูทับเบิก


IG: Thai_Tripper

Page: https://www.facebook.com/ThaiTripper/

 

จากเรื่องราวคราวที่แล้วนะครับ วันนี้เราเริ่มต้นที่อุทยานภูหินร่องกล้า เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะแวะพักที่ใหนดี

หลังจากที่ออกจากแถวผาซ่อนแก้ว ช่วงกลางวัน เราก้เริ่มเดินทาง ขับรถเล่น ไปที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า แล้วกะว่าจะหาที่พักคืนนี้แถวๆนั้น ไปถึงช่วงประมาณ4โมงเย็น เห็นพอมีเวลา เลยไปเดินเล่นที่ลานหินปุ่ม กับลานหินแตกครับ

ชมภาพกันได้เลย บล็อกผมพิมพ์น้อยหน่อย เน้นรูปครับ

5c41d9b794782f156ec0fdb7.jpg
5c41d98c94782f156ec0fdb6.jpg

 

5c41dad994782f156ec0fdb9.jpg

 

5c41da9f94782f156ec0fdb8.jpg

 

 

อันนี้ความพิเรนส่วนตัว อย่าเอาเป็นเยี่ยงหย่างนะครับ ฮ่าๆๆ

5c41da425e0f1315a2074556.jpg

 

 

ใช้เวลาเดินเล่นและถ่ายรูป ก้เป้นชั่วโมงเลยครับ

ออกมาก็ยังไม่มืด เลยมีเวลาคิด จึงมีแผนใหม่ว่าไปพัก ใกล้ทางขึ้นภูลมโลเลยดีกว่า สุดท้ายไปถึงบ้านร่องกล้าก็กำลังมืดพอดี วนหาที่พักได้แค่แป๊ปเดียวก็มืดแล้ว ยังไม่ได้ที่ ก็ขับวนๆ ดูตามป้าย สุดท้ายได้ขึ้นบนเขาเล็กๆลูกนึง ได้ที่กางเต็นท์ ที่นึง ชื่อว่าไร่ลมหนาวครับ

ไปถึงก็ไม่เห็นอะไรแล้วครับ รีบกางเต้นท์นอนเลย สอบถามติดต่อ ได้รถกะบะมารับขึ้นภูตอนเช้า ราคาน่าจะประมาณ800บาทครับ

5c41e7cc5e0f1315a2074659.jpg

 

เริ่มออกเดินทาง

5c41e5a994782f156ec0fdc3.jpg
5c41e63f5e0f1315a2074650.jpg

 

แล้วรถก็ได้พามาจอดที่แปลงหนึ่ง ซึ่งในช่วงนั้นแปลงนี้กำลังออกดอกพอดีเลย ส่วนแปลงอื่นก็มีร่วงแล้ว และยังไม่ออกดอกก็มีครับ

5c41e5f35e0f1315a207464d.jpg
5c41e6845e0f1315a2074651.jpg

 

ทีนี้ก็ตะเวนเดินถ่ายกันล่ะครับ

5c41e7cd94782f156ec0fdd2.jpg

 

5c41e82694782f156ec0fdd5.jpg
5c41e87094782f156ec0fdda.jpg

 

5c41e8655e0f1315a207465b.jpg

 

 

5c41e86d94782f156ec0fdd9.jpg
5c41e62a5e0f1315a207464f.jpg

 

5c41e84f94782f156ec0fdd7.jpg

 

5c41e51394782f156ec0fdc0.jpg
5c41e52d94782f156ec0fdc1.jpg

 

5c41e6e55e0f1315a2074655.jpg

 

5c41e85894782f156ec0fdd8.jpg

 

 

5c41e4ef94782f156ec0fdbf.jpg

 

 

ขากลับบางช่วงก็จะมีที่แวะให้ถ่ายรูป ชมวิวบ้าง

5c4205645e0f1315a2074713.jpg

 

จุดชมวิวจุดนี้มองไปไกลๆ เทือกเขาที่เห็นเป็นส่วนของภูทับเบิกครับ

5c41e66994782f156ec0fdc5.jpg

 

 

มีมุมให้กระโดดเล่นบ้าง

5c41e61994782f156ec0fdc4.jpg

 

กลับครับ

5c41e75a94782f156ec0fdcd.jpg

 

ส่วนนี้เป็นเส้นที่ขึ้นมาที่กางเต็นท์ครับ ตอนกลางคืนที่ขับขึ้นมา นี่ไม่รู้เลยว่าเป็นแบบนี้ ตอนนั้นมันมืดๆ

5c41e7ed5e0f1315a207465a.jpg

 

 

จุดกางเต้นท์สบายตาครับ

5c41e67d94782f156ec0fdc6.jpg

 

 

เก็บเต้นท์ เดินทางต่อ

5c41e76694782f156ec0fdcf.jpg

 

ดอกไม้ที่ถูกปลูกไว้ข้างทาง

5c41e60e5e0f1315a207464e.jpg

 

ออกจากบ้านร่องกล้า มาทางซ้าย ก็แวะพักที่ภูทับเบิกครับ

5c41e74d94782f156ec0fdcc.jpg

 

 

แวะถ่ายรูป ภูแผงม้า

5c41e75f94782f156ec0fdce.jpg

 

เส้นขอบฟ้า และพระอาทิตย์ตก มาพร้อมกับความหนาวยะเยือกเลยตรงนั้น

5c41e5375e0f1315a207464b.jpg

 

ตื่นมาอีกวันก็ หาถ่ายรูปหมอกสวยๆ ที่ภูทับเบิก ก่อนขับรถกลับครับ ในหมอกจะเห็นส่วนเจดีย์ ของวัดป่าภูทับเบิกโผล่มาหน่อย

5c41e71d94782f156ec0fdc9.jpg

 

5c41e7e494782f156ec0fdd3.jpg

 

 

แล้วเจอกันใหม่รีวิวหน้าครับ

ขอบคุณทุกๆท่านทีเข้ามาชม หรือติดตามกันนะครับ

IG: Thai_Tripper

 

 

Page: https://www.facebook.com/ThaiTripper/

 

แม่กำปองไม่เหงา ถ้าเราไปเจอกัน

$
0
0
แม่กำปองไม่เหงา ถ้าเราไปเจอกัน

แม่กำปองไม่เหงา ถ้าเราไปเจอกัน

แม่กำปอง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ จ.

Suparnun Wongsaphan

สวัสดีจ้า เหลี่ยมมาแล้ว วันนี้มาพร้อมกับพาหานะคู่ใจคันใหม่ เจ้า New triton 2019 หลังจากที่ได้ใช้งานเจ้าวีออสดำคันเดิม เติมแก๊สมาเป็นระยะเวลา 6 ปีกว่า วิ่งกันบ้าคลั้งไป เกือบ 240000 โล

 

จนได้เจ้า CRF250RALLY สองล้อคู่ใจ มาแบ่งเบาภาระพี่วีออส ในช่วงระยะสองปีหลัง คราวนี้พอถึงเวลาผ่อนหมดทั้งสองคันแล้ว

พร้อมเป็นหนี้คันใหม่กันต่อ หวยเลยมาออกที่เจ้า New triton คันนี้ เรื่องราวความเป็นมาจะเป็นยังไงไปชมกัน

ทริปนี้จะรีวิวทั้งรถและที่ท่องเที่ยวเช่นเคย ทริปนี้ เราเลือกไปกันที่จังหวัดลำพูน ผาแดงหลวงครับ บอกเลยว่าสวยเกินคาดกว่าที่คิดไว้ เป็นไงไปกันเลย

5c5c83e5a9594d198cef6511.jpg

 

ออเดิฟวิวที่ผาแดงหลวง โชคดีมาเจอช้างเชือกแรกของปีตั้งแต่มกราเลย

 

5c5edb5eb246b23d481fa2e4.jpg

 

5c5c8447a9594d198cef6512.jpg

 

 

โปรแกรมคร่าวๆทริปนี้ วันที่ 19-20/1/2562

วันแรกขับรถมาเช้าที่ลี้ วัดพระพุทธบาทผาหนาม แล้วเข้าอุทยานแห่วชาติแม่ปิงเท่ยวที่แรก น้ำตกก้อหลวง

ต่อด้วยแก่งก้อล่องเรือแม่น้ำปิงไปยังโรงแรียนบ้านก้อจัดสรรในหนังคิดถึงวิทยา แล้วกางเตนท์ที่ทุ่งกิ๊ก

เช้าที่สองตื่รตี3 นั้งรถเข้าไปจุดชมวิวผาแดงหลวงสวยมากมีทางช้างเผือกด้วย แล้วลงมาสายๆ ก่อนกลับแวะ วัดพระบาทห้วยต้มและพระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย และปิดท้ายด้วยอุยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย

 

ก่อนไปชมดู VDO สั้นๆก่อนได้ครับ เหมือนเดิมทริปนี้อุปกรณ์บันทึกภาพทั้งหมดมาจาก

Nikon D7200 tokina 11-20 fix35 tamron 70-300 vc และ Gopro hero 4 silver



เอาล่ะก่อนจะไปชมรีวิวขอพูดถึงความเป็นมาก่อนจะมาเป็นเจ้าMitsubishi triton 2019 คันนี้กันหน่อย ใครขี้เกียจอ่านข้ามไปเลยก็ได้ครับยาว555 รีวิวทริปนี้อยู่ข้อความถัดไป

 

หากใครเคยอ่านรีวิวเก่าๆของผมตั้งแต่รีวิวแรกเลยที่เริ่มเขียนก็ประมาณ 4 ปีกว่ามาแล้ว ช่วงนั้นพึ่งเรียนจบจึงได้เริ่มเที่ยวอย่างจริงจังเพราะทำงานเต็มตัว ตอนแรกซื้อวีออสตั้งแต่สมัยเรียน มหาลัยปี3 ช่วงนั้นขับวินมอไซด์รับจ้างตั้งแต่ ปี 1 เก็บเงินดาวน์วีออส และผ่อนไปด้วย ช่วงที่เรียนไปด้วยเลยยังไม่ค่อยได้เที่ยว พอเรียนจบก็เลยจัดเต็มมีเวลา ก็พาเจ้าออสดำ ไปทุกที่ที่อยากไป

5c5d8b49ed68e44cf9fdaeb5.jpg

 

5c5d8b46ed68e44cf9fdaeb3.jpg

 

แต่ด้วยสภาพทางกายภาพของเจ้าวีออสอย่างที่เห็น โหลดเตี้ยซะขนาดนี้ ในรีวิวเก่าๆจะเห็นว่าผมมีการตัดพ้ออยุ่หลายคราว่าไปได้ไม่สุดแค่ดอยปุย ก็กลัวจะขาสั่นรถมันเตี้ย ไปไม่ได้555

5c5d8b46ed68e44cf9fdaeb4.jpg

 

จนแล้วจนรอด เมื่อสองปีก่อน เลยได้เจ้า CRF250Rally มาพาไปลุยทุกที่ที่วีออสพาไปไม่ได้ 2ปีนี้เลยมีรีวิวเที่ยวกะน้องวีออสเลยน้อยลง

5c5d8c98ed68e44cf9fdaeb6.jpg

 

 

แล้วเมื่อถึงจุดๆ นึงความต้องการของเรามันเปลี่ยนไป จากที่ตอนแรกเมื่อตอนซื้อวีออส คิดกันไปว่าจะใช้ให้มันพังกันไปข้างนึง แต่ยังผ่อนไม่หมดแท้ๆ น้องออสดันไม่ตอบโจทย์ซะแล้ว 555 เวลาเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน

วีออสไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ความต้องการเขาเรามันเปลี่ยนเฉยๆ

แต่บอกเลยว่าน้องวีออสเป็นรถที่ โค ตะระะะ ดีมากๆๆๆๆ ใครจะซื้อรถมือสองถ้ารถเก๋งผมจะแนะนำวีออสตลอด

ตลอด 6 ปี มันเคยเสียงอแงสักครั้ง ใช้ขับทั้งวัน 12ชั่วโมง ไม่เคยมีปัญหา ความร้อนไม่เคยขึ้น ขนาดตอนนั้นทริปที่ไปเขาหลวงสุโขทัยขับรถชนหมาตอนตี 3 กันชนใต้พังแผงหมอน้ำหลุด ต้องเอาเคเบิ้ลไทรัด ตอนแรกนึกว่าไม่รอด ดันขับได้ เกือบ 3 เดือนถึงไปซ่อม ติดแก๊สด้วย ประหยัดเข้าไปอีก โลละ บาทนิดๆ บาทกว่าๆแล้วแต่การเยียบ วิ่งไปทั้งหมด เกือบ 240000 โล มีตั้ง วาวล์ไป 3 รอบเพราะแก้สแต่ยังไม่ได้ทำฝา

เปลี่ยนยางไป5ชุด เปลี่ยนแบตไป 4 ลูก ผ้าเบรค หน้าหลังอย่างละชุด ทำช่วงล่าอัดลูกหมากไปรอบนึง นอกนั้นก็ถ่ายน้ำมันเครื่องทุกหมื่นโลแค่นั้นแล้วก็ขยี้มันอย่างเดียว ขับดีเยียบมันส์ แรงปรู็ดปร๊าด แต่ทำไม่ได้แต่งอะไรเกี่ยวกับเครื่องยนต์เลยนะ ขับเดิม ใส่ท่อปลายแค่นั้น มันแรงอยู่แล้วเดิม ก็ขออวยเจ้าวีออสไว้เพียงเท่านี้ 

ถือเป็นการอำลาให้เจ้าละกันตอนนี้ก็ได้ขายเอาเงินมาวางดาวน์เจ้าไทรทันไปแล้ววว อิอิ

 

ต่อมาก่อนจะเข้าเรื่องทริปนี้มาพูดถึงไทรทันอีกหน่อยว่าทำไมมาได้คันนี้ ก็ตั้งแต่ความต้องการเริ่มเปลี่ยน ใจก็ชอบดูๆกระบะ ไว้นั้นแหละ แต่ยังผ่อนไม่หมดเลย ก็เลยไปเอาวิบากมาลุยแทนก่อน พอตอนนี้พร้อมก็เลยหาข้อมูล ก็เก้บข้อมูลมานานมากประมาณ ปีกว่า อันที่จริงคือวางแผนไวรอให้แต่งงานก่อนเอาทีละเรื่อง 555 อย่างที่เขาว่า เมียซื้อเงินสด รถซื้อเงินผ่อน

 

และด้วยประจวบเหมาะหลังๆนี่ได้ขับเจ้าวีโก้ 4*4 เครื่อว.30 ของพี่ในกลุ่มที่ไปเที่ยวด้วยกันประจำ เวลาไปหลายคนหรือที่เที่ยวต้องลุยหน่อยเช่นเขาไข่นุ้ย ภูสิงห์พวกนี้ ก็เลยจะไปรถพี่เขา เราจะมีหน้าที่ขับเกือบทั้งทริป มันยิ่งเพิ่มอารมณ์อยากได้เป็นของตัวเองสักคันจริงๆ55

 

5c5d94b82d74714cf1a19a3c.jpg

 

 

ในระหว่างที่เก็บข้อมูลไปนั้นเวลาเราไปเดินห้าง ก็มักจะเจอ รถตามค่ายตางๆมาเปิดบูทท หรือเวลามีมอเตอโชวืที่อิมแพค ใกล้บ้านเนอะมาดูทุกรอบอ่ะ คนพอมันอยากได้มันก็เหมือนโรค จิต ผมก็เข้าไปดู ไปคุยกะเซลเขาประจำแทบทุกค่ายอ่ะ ดูว่ามีส่วนลดมีโปรอะไรบ้างไหม 5555 ทำอยู่อย่างนั้น จนฟางมันว่าบ้า ก็คนมันอยากได้เนอะ

ความต้องการของคันใหม่ โจทย์คราวนี้ก็คือ กระบะ 4 ประตู ขอเป็น 4*4 ค่ายไหนก็ได้ ที่ทนมือทนตีนแบบวีออสไม่มีปัญหาจุกจิกเพราะใช้รถหนักจะมาพังซ่อมบ่อยๆไม่ได้ ขอราคาที่ไม่เกิน 1 ล้านทำไมต้องไม่เกินล้าน เพราะจากที่ไปคุยๆกะเซลบ่อยๆแล้วนั้นแหละเลยพอรู้เงินดาวน์และค่างวด และดูจากกำลังตัวเองแล้ว เกินล้านน่าจะผ่อนไม่ไหวกลัวจะตึงเกินไป (อันนี้ที่จริงเลยหวังอยากได้พวก 7 ที่นั้งขับ4 เลย แต่เกินเอื้อมจริงๆ 1.5ล้าน+แล้ว)

 

คราวนี้ก็เริ่มเปรียบเทียบสเปคตามที่บอก ก็จะได้เป็นตามนี้

4ประตูทุกรุ่นนะ เกียร์เน้น MT เพราะชอบฟิลลิงการขับและมันก็ถูกกว่าด้วย

1. mitsubishi triton 4*4 MT เครื่อง 2.4 ตัวเก่า 2018 ราคา 969000

2. Toyota revo 4*4 MT เครื่อง 2.4 ราคา 935000

3. ISUZU D-max 4*4 MT เครื่อง 3.0 ราคา 957000

4.Nissan Navara 4*4 MT เครื่อง 2.5(แต่เป็นตัว163ม้าไม่ใช่191) ราคา 875000 บาท

 

ก็เลยเหลือ แค่3รุ่นบน เพราะรุ่นอื่นทะลุล้านหมดแล้ว และตัด navara เพราะหลังๆไปถามเซลบางคนบอกเลิกผลิตแล้ว 4WD มีตัวท้อบตัวเดียวเลย ล้านหน่อยๆ

 

คราวนี้ก็มาเทียบสเปคและความชอบหน้าตารูปทรงก่อน

ในเรื่องหน้าตาภายนอกนี้ ได้ทั้ง 3 ชอบหมดเลย มันหล่อไปคนละแบบ แต่จะชอบ D-max น้อยสุดเพราะ คนรู้จักใช้เยอะเลยเห็นจนชินตา

เรียงได้เป็น triton revo D-max

ภายใน อันนี้ ชอบไทรทันมากที่สุด มันดูสปอตเหมือนรถเก๋งดีและ เบาะหลังเหมือนจะเอนเยอะสุด คนนั้งหลั

จะสบายกว่า

เรียงได้เป็น triton revo D-max

ศูนย์บริการหลังการขาย Toyota กัน ISUZU น่าจะพอกันแต่โตต้า0เยอะกว่า 

 

เรียงได้เป็น revo D-max triton

ราคาขายต่อ อันนี้ที่จริงไม่ได้สนใจ ตอนซื้อไม่เคยคิดเรื่องจะขายอยู่แล้ว แต่ก็ลองๆดูหน่อย

เรียงได้เป็น D-max revo triton

ปัญหาของตัวรถ อันนี้ก็เข้าไปสิงในเพจของกระบะทุกค่าย เท่าที่เก็บข้อมูลก็ได้ประมาณนี้ 

เรียงจากปัญหาน้อยไปมาก D-max revo triton

ความทนทานการใช้งานยาวๆ อันนี้ก็น่าจะตอบยากคงไม่ต่างกันมากแต่ขออวยโตต้าหน่อยจากประสบการณ์วีออส

เรียงได้เป็น revo D-max triton

อันนี้เรียงจากข้อมูลทีผมหามาเองนะ ก็ได้ประมาณนี้ แต่ละรุ่นก็มีข้อดีข้อด้อยพอๆกัน

 

ต่อไปเป็นข้อมูลทางเทคนิคมั้ง

อันนี้ความต้องการหลักๆคือเน้นระบบเกี่ยวกับตัว ขับ 4WD และเป็นคนที่ชอบขับรถที่มันมีกำลังที่ดีไม่อืด

เลยตั้งใจอยากได้เครื่องที่เป็นท้อบของรุ่น

 

ก็จะเป็น D-max กับ triton ได้ เครื่องท้อบของรุ่นคือ 3.0 และ2.4

 

แต่ส่วน ระบบเกี่ยวกับตัว ขับ 4WD อันนี้ต้องยกให้ revo เขามีดิฟล็อคมาให้ด้วย

ส่วนพวกอ๊อฟชั่นอื่นๆ อันนี้ผมเอาแคตตล็อคมานั้งไล่เทียบทุกจุดเลยทั้งสามรุ่นก็พบว่า revo และ D-maxเขากั๊กออฟชั้นไปเยอะพอสมควร triton จะได้เยอะกว่านิดหน่อยในอ๊อฟชั่นอื่นๆ

 

กระบวนการเปรียบเทียบทั้งหมดที่กล่าวมานี้เกิดขึ้นในช่วงปี 2018 นะครับตอนก่อนแต่งงาน แต่เท่าที่ดูคือมันยังไม่ถูกใจเต็ม100 ทั้งสามรุ่น และก็อย่างที่บอก วางแผนไว้รอแต่งงานก่อน หลังแต่งถ้าไม่ติดอะรก็ว่าจะเอาสักคัน ก็เลยยังไม่ได้เลือกซะทีจะเอาคันไหน เพราะ จะเป็นหนี้ล้านนึงรวมดอก มานั้งนับ 1 ผ่อนใหม่อีกครั้ง มันก็ใช่เรื่องอันนี้ก็คิดหนักอยู่พอควรครับ เพราะวีออสอย่างที่บอกมันรถดีมากใช้ได้อีกยาวๆอะ

แต่พอวันที่ 8 พ.ย. ไทรทัน2019 เปิดตัว ช่วงนั้นกำลังจัดเตรียมงานแต่งผมแต่งงานวันที่ 10. พ.ย.

มันเหมือนรักแรกพบ อารมณ์เหมือนตอนที่ CRF250Rally เปิดตัวที่เห้นปุ้บรักปั้บ ฉันจะเอาคันนี้ หน้าตามันโดนใจมาก แถมมาคราวนี้เขาตีโป่งมันดูบึกบึนคันใหญ่พอเกือบจะเท่าทั้ง 2 รุ่นแล้ว แต่ก้ยังเล็กกว่าอยู่ดี มิติตัวถังนะ แต่ไม่ได้ต้องการใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว แต่ก็คิดว่ารุ่นใหญ่ราคามันก็ต้องแพงขึ้น ตอนนั้นคิดในใจ ตัวใหม่เปิดตัว ตัวเก่า2018 มันต้องมีส่วนลดเยอะแน่ๆ น่าสนใจมากหรือจะเอาตัวเก่า

ที่นี้พอวันที่ 9 ราคาเปิดตัวก็มาแล้ว มันยิ่งตอกย้ำความอยากได้ไปอีก

เพราะคราวนี้ ตัวขับ 4WD มี 3 รุ่น แต่ก่อนมีแค่2 Top MT และ Top AT

มีตัว4ประตู 4*4 MT GLS ในราคาเพียง 935000 เท่านั้นแหละ จดจ่ออยู่ที่หน้าเพจรอดูข่าวสารว่าไอตัว935000 เนี้ย มันตัดอะไรมีอะไรมั้ง ทำไมมันถูกกว่าตัว 2018 ที่จะเอาอีก

 

จนพอหลังแต่งงาน เช้าวันที่ 11 พอเคลียร์อะไรต่างๆเรื่องงานแต่งเสร็จหมดแล้ว มีเวลา เลยลองแวะไป 0มิตซูแจ้งวัฒนะแถวบ้าน ตัวจริงมันมาแล้วด้วย แต่ตัว ที่เราดูยังไม่มี ก็ไม่รู้เป็นไง

ไปดูภายนอกสวยถูกใจมาก ส่วนภายในอันนี้เหมือนตัวเดิม 2018 ซึ่งก็ชอบอยู่แล้วแต่แรก เลยลองๆคุยเรื่องราคาและส่วนลดเงินดาวน์ค่างวดต่างๆ ยิ่งโดนใจ ราคาผ่อน อยู่ในงบที่ตั้งไว้คือจะเอาไม่เกิน 12000 ให้มันเท่ากับตอนที่ผ่อนวีออสและCRF พร้อมกัน จะได้ไม่หนัก

 

5c5f05a0b246b23d481fa52e.jpg

เลยเป็นวันแรกที่เราได้พบกัน

5c5f05a0b246b23d481fa52d.jpg

 

 

 

 

อีกสองสามวันก็มีแคตตาล็อคในเว็บออกมา

มาลองไล่เช็คดู ก็ได้ความว่า

ระบบเกี่ยวกับ 4WD มีเหมือนตัวท็อบหมดเลย แถมคราวนี้มี ดิฟล็อคมาให้ด้วย และ ระบบขับ 4WD ของไทรทันนี้เป็นเหมือนของปาเจโร่ คือมีให้เลือก 4 แบบ ปกติกระบะรุ่นอื่นๆจะมี แค่ 3 แบบ คือ 2h 4h 4L

ส่วนของไทรทันจะเป็น ตามรูปนี้ขอยืมภาพจากในเน็ต พูดง่ายๆคือมี3แบบหลักๆเหมือนกัน แต่มี 4H แบบฟลูทามเพิ่มขึ้นมา ข้อดีคือ 4H ฟลูทามตัวนี้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลาทุกสภาพถนนที่ความเร็งเท่าไหร่ก็ได้คล้ายๆฟอจูนเน้อตัวฟลูทามนี่แหละ

ซึ่งต่างจาก 4H ของกระบะทั่วไปที่จะใช้เฉพาะช่วงฝนตกหรือที่ความเร้วไม่ควรเกิน100 ประมาณนี้ครับ

5c5c6e4ea9594d198cef6510.jpg

 

 

แค่ สองอย่างนี้ ใจผมก็เทมา 100 เปอร์เซนละ ทีนี้ก็ตัดทุกตัวเลือกออกไปทันที ทีนี้ขั้นต่อไป พึ่งแต่งงานสดๆร้อนๆ จะทำอะไรคราวนี้มันก็ต้องเห็นพร้อมทั้งสองคน ไมไ่ด้กลัวเมียแต่ถ้าเขาไม่โอเคมันก้ไม่สบายใจถึงแม้เขาจะไมไ่ด้ช่วยผ่อนก็ตาม 555 เพราะฟางก็ไม่ค่อยอยากให้เอาเท่าไหร่ไม่อยากให้ผ่อนเหนื่อย

 

คราวนี้ก็เลยเริ่มหาข้อดีของการซื้อคันใหม่นี้ มาหักล้างว่าจะเอาคันใหม่ดีไหม วีออสตอนนี้ก็กลายเป็นรถมีปัญหาทันที555 เบรคก็เริ่มไม่ค่อยดีเครื่องก็สั่น ตั้งวาวล์ไม่ได้แล้ว ต้องซ่อมเปลี่ยนฝาอีกเป็นหมื่น (ซึ่งเอาจริงๆแล้วมันก็ต้องซ่อมแหละ แต่มันคือซ่อมตามอายุการใช้งานไมไ่ด้เสียถ้าซ่อมไปไม่เกิน2หมื่นก็จบปิ้งขับได้อีกยาวๆ แน่นอน ) อีกข้อก็วางแผนไว้ว่าปีหน้าอยากจะมีลูก ถ้าเริ่มเอาคันใหม่ตอนนี้ เดี่ยวก็จะผ่อนหมดตอนลูกเขาโรงเรียนอนุบาลพอดี มันช่างลงตัว วางแผนไว้ก่อน555

 

เมื่อตกลงกันแล้วก็เลยเอาก็เอาวะ เป็นหนี้อีกสักครั้ง ต่อมาก็หาเซลล์ที่ข้อเสนอดีสุด

คราวนี้ก็หนักเลย คุยกับเซลล์เป็น 10 คน ในเพจมั้งไปที่ 0 ใกล้ๆมั้ง สุดท้ายพอมาเปรียบเทียบดูก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ บางคนใช้เงินออกรถน้อยกว่า หมื่นนึง ก็ผ่อนมากกว่า 80 บาทไรงี้หักลบพอๆกัน ส่วนลด ตัวใหม่นี้ได้กลางๆ อยู่ที่ 50000 บาทอยู่ที่ เซลล์คนไหนจะมีลูกเล่นยังไงบางคนบอก ให้60000 แต่จ่ายจดทะเบียนเอง พรบ เอง ประมาณนี้ แต่หลังๆนี้เห้นคนในคลับได้กัน70000 กะมีเยอะมากก

จนสุดท้ายแล้วผมก็เลือกเซลล์คนนึงที่มีพี่ชายที่รู้จักพึ่งไปออกไทรทันนี่แหละตัว2018 เมื่อ 4 เดือนก่อน คิดว่าเอาคนที่มีประวัติออกรถได้กับคนรู้จักนี่แหละชัวสุด

 

ที่นี้คุยไปคุยมาที่ 0 ยังมีตัวเก่าด้วยตัว 4*4 MT เครื่อง 2.4 ตัวเก่า 2018 ราคา 969000สีดำด้วย ให้ส่วนลดตั้ง100000 นึง แต่คิดๆแล้ว ตัวใหม่ได้ลด 50000 แต่ราคารถถูกกว่า 30000 แถมได้หน้าใหม่และก็ดิฟล็อค แค่นี้ก็คุ้มกว่าแล้ว เลยเอาตัวใหม่

 

ก็เลยจบจองในงานเปิดตัว วันที่ 18 พ.ย. ซะเลย ไม่รีรอแล้ว อยากได้รถก่อนปีใหม่ เซลล์ก็บอกทันแน่นอน จะสั่งรถให้เลยคุยดีมากขอแถมอะไรก็ให้ ไม่นานนักประมาณ 3 วัน ไฟแนนซ์ก็รู้ผล ผ่านแล้วพร้อมเป็นหนี้กันได้จ้าา

ต่อมาก็รอรถ คราวนี้ก็คิดว่าไม่ปัญหาอะไรพอต้นเดือนหลังวันพ่อ 5 ธ.ค.ไปแล้วก็ยังเงียบ (ตอนแรกเซลล์บอกรถมาต้นเดือน) ตอนนี้เริ่มกลัวไม่ทันและอีกอย่างขายวีออสไปแล้วจ้าา เพราะว่ากลัวราคามันจะตกต้องรีบขายก่อนปีใหม่ ส่วนราคาก็ตกไปเยอะเลย เพราะติดแก๊สและวิ่งหนัก แถมวาวล์มีปัญหาด้วย แต่ก็พอเงินดาวน์คันใหม่เหลือเงินติดตัวอีกส่วนนึงก็โอเค

แต่ตอนนี้ไม่มีรถใช้ก็เริ่มตามบ่อยขึ้น เซลล์ พอหลังจาก จองเสร็จก็เริ่มตอบไลน์ช้าขึ้น บางครั้งทักเป็นวันพึ่งจะตอบ โทไปก็ไม่รับด้วย เราก้ว่ามันชักแปลกๆ แล้วเซลล์ก็บอกว่าไปดูฤกษ์ได้เลย รถมาก่อน18แน่นอนครับ

ก็เลยไปดูได้ฤกษ์ไดัวันที่ 22 ธ.ค. แต่แล้วพอวันที่ 15 ถามไลน์ไปไม่ตอบ โทไปไม่รับ ทั้งวัน จนต้องโทเข้า 0 ถึงจะโทกลับบอกลืมมือถือ ก็ได้ความว่ารถยังไม่มา บอกว่ารถอยู่บางนา รอรอบรถมาส่ง ให้เลขตัวถังเรามา

ก็เลยยังเชื่อว่าก้คงมาแหละตามนั้น แต่ตอนนี้ไม่ซีเรียสแล้ว มาหลัง 22ก็ได้ แต่ขอก่อนปีใหม่ได้ไหม จะได้มีรถเที่ยว 555

ที่นี้ก็เช็คตอนเช้าต่อมาทุกวันเผื่อรถจะมา พอวันที่ 21 คราวนี้ไม่ตอบ ทั้งโทรทั้งไลน์ทนไม่ไหวเลยไป 0 เลย คุยกะผู้จัดการเซลล์ ก็คือรถมาจริงๆแต่ยังมาส่งไม่ถึง มีใบเอกสารให้ดู ก็เลยทำใจ หรือจะมาหลังปีใหม่ ส่วนเซลล์ก็นะพอมาถึง0 สักพักเข้ามาบอกว่า ผมไม่สบายนอนยาว เป็นงั้นอีก เริ่มไม่โอเคและ เพราะรับปากแล้วทำไม่ได้ และยังไม่ตอบอีก ถ้าตอบอธิบายก็ไม่ได้ว่า ต้องเสียเวลามาถึง 0 สุดท้ายเช้า 22 ผู้จัดการรับเรื่องต่อเองโทรมาว่า รถยังไม่มา ก็เลยแห้วว หลังปีใหม่ก็ได้วะ

พอถึงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 23 ก็มีสายเข้ามาตอนประมาณ บ่าย3 โมง บอกว่า พี่ครับรถมาแล้วครับเมื่อคืน เอ้าาาแล้วไม่มาแต่มะวานนน555 แต่ไม่ใช่แค่นั้น คนที่โทรมาคือหัวหน้าทีมของเซลล์ที่เราจอง

 

แล้วบอกว่ามีปัญหาเรื่องของแถมส่วนลด น้องเซลล์ให้ของแถมส่วนลดไปเกิน จำนวน จะขอลด ที่นี้ผมก็ไม่ยอมและโวยวายไปหน่อย ก็เลยนัดมาคุยตอนเช้าวันจันทร์24 ตกลงที่ศูนย์

ที่นี้เขาก็คุยและเล่าให้ฟังว่าเซลล์คนนี้ให้โปรเอายอดจองไปเกินทุกเคส เปิดให้ดูไลน์ที่ทีมเซลล์คุยกันว่าเรื่องจริงไม่ได้จะแกล้งขอตัด ตอนนั้นเซงมาก อยากจะถอนจอง แต่ว่าที่ไหนก็ไม่มีรถ (จริงๆตั้งแต่หลังวันพ่อที่พอติดต่อเซลล์ยากก็เริ่มคุยกะ0อื่นหลายที่เลยว่าที่ไหนมีรถรุ่นที่เราจะเอาบ้างไหมก็ไม่มีสักที จะไปเริ่มใหม่ที่อื่นก็ติดคิวคนที่จองในงานมอเตอร์โชว์ต้นเดือนธันวาแน่ๆ)

 

ก็เลยคุยไปมาสรุปว่าใช้เงินดาวน์ออกรถเท่าเดิมปกติ ขอตัดของแถมล็อคเทค ล็อคยางอะไหล่ กับกันสาด ที่เหลือให้ครบปกติ ก็เลยตกลง ก็รับได้พวกของแถมปกติก็เท่ากะ 0 อื่นที่คุยมา ก็เลยนัดรับรถวันที่ 25 คริสมาสเช้าวันต่อมาไปเลย ดูฤกษ์ในเน็ตมาเขาก็ว่าวันดี ฤกษ์สะดวกด้วยนี้แหละดีที่สุด 

 

ในที่สุดก็รับรถมาเช้าวันที่ 25 ธ.ค.

5c5d98232d74714cf1a19a3d.jpg

 

ก็เป็นอุทาหรณ์สักเล็กน้อยในการเลือกเซลล์ ให้เช็คให้ชัวๆเลย เพราะขนาดผมเอาคนที่เคยออกมาแล้วตอนพี่ชายเขาบอกไม่มีปัญหาอะไรเลยออกได้ปกติ ดันมามีปัญหาที่ผม สงสัยตัวใหม่จะทำยอดหรือป่าว แต่หัวหน้าเขาบอกจะให้เซลล์คนนี้ออก เพราะว่าทำไว้หลายเคส เคสอื่นๆ หัวหน้าช่วยไม่ไหวเกินไปเป็นหมื่นนต้องขอลูกค้าถอนจอง ก็ไม่รู้ว่าให้ออกจริงหรือป่าว แต่ผมก็บอกเขาว่าผมไม่ติดใจอะไรแล้ว ผมแค่ต้องการรถ ไมไ่ด้จะให้เขาจัดการอะไร แต่เขาคงจัดการกันเอง

5c5d98462d74714cf1a19a3e.jpg

 

 

ก็ได้มาเรียบร้อย วันแรกก่อนเข้าบ้านก็เลี้ยวเข้าร้านแม็กก่อนเลย หาร้านหาลายเล้งไว้แล้ว อิอิ ราคาจะได้ไม่ตก

5c5d988f2d74714cf1a19a3f.jpg

 

 

สำหรับไทรทันใหม่นี้เบรคใหม่จะเป็นแบบสองพอต ทำให้เบรคใหญ่มาก ต้องใส่แม็คออฟ 0 ถึงจะใส่ได้ ออฟ20ติด

 

5c5d98a3ed68e44cf9fdafca.jpg

 

 

สเปคของแม็คชุดนี้ราคา40500พร้อมยาง เทินล้อเดิมขอบ18ไปได้24500 เพิ่มเงินไป16000บาท

แม็ก HAMMER ขอบ 16 กว้าง 8.5 ออฟ 0 ยาง BF ko2 ขนาด265/70

เดิมๆไม่ยกใส่ได้แค่70ครับ ถ้าจะใส่ 75 ต้องยกขึ้น

5c5d98cbed68e44cf9fdafcb.jpg

 

 

ขอบยางพอดีซุ้มเลย แก้มยางล้นออกมานิดๆ

5c5d98e82d74714cf1a19a40.jpg

 

 

จอดเทียบกะพี่วีโก้พี่ในกลุ่มคันเดิมที่ขับนั้นแหละเขาอยู่ใกล้พอดีเลยแวะมาหา

5c5d991fed68e44cf9fdafcc.jpg

 

หลังจากออกวันที่ 25 ก็ช่วงใกล้ปีใหม่พอดี ก็เลย ถือโอกาศรันอินสั้นๆ ไปกางเตนท์ที่อ่างเก็บน้ำหุบเขาวงสุพรรณบุรี

5c5d996f2d74714cf1a19a41.jpg

 

 

5c5d9980ed68e44cf9fdafcd.jpg

 

อากาศดีมากที่นี้แต่ไม่ทำรีวิวครับทริปนี้ไปกางเตนท์เช้าก็กลับเลยแวะเขื่อนกระเสียวที่เดียว

5c5d99922d74714cf1a19a42.jpg

แล้วก็ไปปีใหม่บ้านฟางที่แม่กลองและไปหาญาติที่พัทยาและกลับ กทม.

แวะถ่ายรูปที่สะพานใหม่ชลบุรีขากลับ ครบ 1000 โลพอดีปีใหม่ แล้วเรื่องรีวิวรถต่างๆจะพิมพ์ท้ายๆนะครับ

5c5d99c2ed68e44cf9fdafce.jpg

 

ตอนกลางคืนไฟท้ายเป็นถั่วงอกคล้ายๆปาเจโร่แล้ว

5c5d99d4ed68e44cf9fdafcf.jpg

 

 

เดี่ยวดูภายนอกไปแล้ว มาดูภายในกันมั้ง

ภายในตัวนี้จะยกตัวแอทลีทหรือตัวปาเจโร่มาเลยครับ สวยงามใช้ได้

5c5d9a42ed68e44cf9fdafd3.jpg

 

 

แอร์ออโต้อันนี้ชอบมาก เย็นตลอดทั้งวัน

5c5d9a1ded68e44cf9fdafd2.jpg

 

5c5d9a192d74714cf1a19a44.jpg

 

5c5d9a18ed68e44cf9fdafd0.jpg

 

นี่ครับระบบขับ 4WD ที่ว่า ตัวขับ4เริ่มต้นจะไม่มี 2 ปุ่มข้างล่างแบบตัวท็อบ คือปุ่มช่วยลงทางชัน กับปุ่มโหมดออฟโรดที่จะคอยปรับกำลังเครื่องยนต์ให้เหมาะสม แต่เราเกียร์ MT อยู่แล้ว ไม่มีปัญหาครับ

5c5d9a1aed68e44cf9fdafd1.jpg

 

เอาละแถมมีคลิปด้วยตอนแรกไม่มีใครออกตัว 4*4 GLS นี้เลยเขาไปตัวท็อบกันหมด ก็เลยอัดคลิปหน่อยเผื่อจะเป็นข้อมูลคนที่สนใจ



เอาละจบประวัติกว่าจะมาเป็นไทรทัน2019ของผมมันต้องผ่านกระบวนการอะไรมากขนาดนี้555 ก็เนอะเหมือนตอนเลือก CRF นั้นแหละ รถเราใช้งานทุกวันก็ต้องเลือกที่มันถูกใจที่สุดสิเนอะ เอาละต่อไปจะเริ่มรีวิวทริปลำพูนแล้วครับ แล้วก้จะรีวิวรถไปพรางๆด้วย ไว้ท้ายๆจะเขียนสรุปละกันไปกันเลย

 

เริ่มออกเดินทางกันเลยคืนวันที่18 ช่วง3ทุ่มกว่าๆ ทริปนรี้ไปจาก กทม. 3 คนเพื่อนอีก 2 คนรถล้มอดมา แต่มีพี่สาวที่ลำปางคนเดิมเจอตอนเช้า

5c5d9ba62d74714cf1a19a45.jpg

 

มาเติมน้ำมันถังแรกแถวบางปะอินวิ่งจากบ้านให้น้ำมันมันกระพริบอัดไปเต็มถังได้ 63.615 ลิตร เดี่ยวมาดูเรื่องน้ำมันกันตอนท้ายครับ

 

5c5d9bb8ed68e44cf9fdb0a2.jpg

 

จากนั้นก็ยิงยาว รถช่วงแรกค่อนข้างเกือบจะเยอะ ทำความเร็วได้ 120-140 แต่ยืนพื้นในช่วง120 ไม่รีบ อยากจะลองให้มันประหยัดๆ 555 บอกเลยว่าเรื่องการขับขี่ อัตราเร่งมันดีมากครับ กดเป็นมาไม่มีคำว่าอืด กดแปบเดียวความเร็วไหลไป 150 เดี่ยวสรุกทุกอย่างตอนท้าย

มาแวะกินข้าวที่จังหวัดตากตอนนั้น ตี 2.30ได้ครับ

 

5c5d9bdced68e44cf9fdb0a3.jpg

 

จากนั้นก็ยิ่งยาวมาถึงลี้โดยใช้เส้นทางเถิน-ลี้ ช่วงที่เข้าเถินนั้นเป็นเวลาตี4กว่า โอ้โห มันเงียบเหงามาก เจอรถสวนอยู่ 4 คัน ใครเคยไปคงจะพอทราบดี เส้นทางคดเคี้ยวบนเขาประมาณ 50 โลไปถึงลี้ คดเป็นงูเลย ตื้นเต้นหายง่วงดีครับ มาถึงที่วัดพระพุทธบาทผาหนาม​ ตี 5 หน่อยๆ ขับมาจอดบนยอดเลย อากาศเย็นกำลังดี เลยได้นอนไปตื่นนึง

5c5d9c112d74714cf1a19a46.jpg

 

 

 

5c5d9cd4ed68e44cf9fdb0a4.jpg

 

นอนกันเพลินตื่นเกือบ 7 โมง เดินขึ้นไปถ่ายรูปด้านบนกันครับ

 

5c5d9ef42d74714cf1a19a47.jpg

วิวเช้าน้้มีหมอกจางๆปกคลุมไปทั่วพื้นที่ พร้อมแสงแดดกำลังสาดส่อง

5c5d9f032d74714cf1a19a48.jpg

 

 

ไปดูรูปวิวรอบๆกันเลย

5c5d9f0d2d74714cf1a19a49.jpg

 

 

5c5d9f182d74714cf1a19a4a.jpg

 

 

5c5d9f222d74714cf1a19a4b.jpg

 

 

5c5d9f35ed68e44cf9fdb0a5.jpg

 

 

5c5d9f422d74714cf1a19a4c.jpg

 

 

 

5c5d9f542d74714cf1a19a4d.jpg

 

ไหว้พระขอพรหน่อยทริปแรกของปี และทริปแรกของเจ้าไทรทันอย่างเป็นทางการด้วย

5c5d9f5f2d74714cf1a19a4e.jpg

 

 

 

5c5d9f6c2d74714cf1a19a4f.jpg

 

5c5d9f7aed68e44cf9fdb0a6.jpg

 

ตีฆ้องไป 3 ทีปีนี้ขอให้ราบรื่นด้วยเถิดด

5c5d9f8bed68e44cf9fdb0a7.jpg

และตีระฆังให้ดังไปทั่ว

5c5d9f9eed68e44cf9fdb0a8.jpg

ออกจากวัดก็ลงมาแวะปั้มล้างหน้าแปรงฟัน และมาแวะกินข้าวเช้าที่ปากทางเข้าอุทายนแม่ปิงเลย 

จากถนนใหญ่พอเลี้ยวเข้ามาปุ้บทางจะไปอุทยานก็จะเจอร้านป้าเลยครับทางขวามือ อาหารอร่ยมีหลายอย่างราคาไม่แพง

5c5d9fad2d74714cf1a19a50.jpg

ขับเข้ามาอีกไม่นาน 20โลได้ ก็จะถึงอุทยานแห่งชาติแม่ปิงแล้วครับ จ่ายค่าธรรมเนียบเสร็จแล้วก็เข้าไปติดต่อเรื่องกางเตนท์ไว้ก่อน และรถที่จะขึ้นผาแดงในเช้าวันพรุ่งนี้

5c5d9fc92d74714cf1a19a51.jpg

ตรงที่ทำการก็ติดต่อเรื่องที่นอนและรถตอนเช้าในเสร็จ น่าเสียดายรอบนี้กะว่าจะมาลองระบบขับสี่ขึ้นจุดชมวิวผาแดงหลวงเสียหน่อย แต่ตอนนี้เข้าไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวขึ้นแล้ว ถึงจะเป็นขับ 4 ก็ตามต้องไปรถเจ้าหน้าที่เท่านั้นครับส่วนค่าระก็เป็นคันเหมา 3000-3500 นั้งได้ประมาณ 10คนครับ 

 

หลังจาก​ติดต่อเรื่องรถเรื่องที่นอนแล้ว เจ้าหน้าที่ก็แนะนำที่ท่องเที่ยว ว่ามีอะไรบ้าง หลักก็มีน้ำตกก้อหลวง และแก่งก้อ นั้งเรือแม่น้ำปิง ซึ่งจะมีให้ไปหลายจุดแล้วแต่เราจะเลือกไป ได้ความแล้วก็ไปกันต่อ เราจะไปเที่ยวกันก่อนแล้วค่อยเข้าไปกางเตนท์

5c5d9fde2d74714cf1a19a52.jpg

แอดท่าสมาชิกทริปนี้กันหน่อย​

5c5da000ed68e44cf9fdb0a9.jpg

วิ่งไปตามทางไม่ยากไม่นานนักเราก็มาถึงจุดแรก คือน้ำตกก้อหลวง ทางเดินสั้นๆชิวๆ 500 เมตร ไม่นานก็ถึง

5c5da010ed68e44cf9fdb0aa.jpg

ทางเดินง่ายๆครับไม่ได้ปีนป่ายอะไร​

5c5da01eed68e44cf9fdb0ab.jpg

 

เจอดอกไม้สวยลืมชื่อไปแล้วว่าชื่ออะไรใครทราบแจ้งหน่อย

5c5da0602d74714cf1a19a53.jpg

ถึงแล้วน้ำตกก้อหลวง​

5c5da0702d74714cf1a19a54.jpg

สวยงามน้ำสีเขียวฟ้า แต่ว่าน้ำดูน้อยไปหน่อยครับช่วงนี้ แต่ของจริงน้ำดูเยอะกว่าในรูปครับ​

5c5da07eed68e44cf9fdb0ac.jpg

 

ไปดูรูปกันเลย

5c5da0f52d74714cf1a19a55.jpg

 

5c5da1a1ed68e44cf9fdb0ad.jpg

ปลาเพียบ

5c5da1af2d74714cf1a19a56.jpg

 

 

5c5da1af2d74714cf1a19a57.jpg

สวยจริงๆนะที่นี้มาดูกันๆ

5c5da1c72d74714cf1a19a58.jpg

 

5c5da1d82d74714cf1a19a59.jpg

 

5c5da1e82d74714cf1a19a5a.jpg

เดินย้อนกลับมานิดนึงก็จะตาดตกสะดอ 

5c5da2222d74714cf1a19a5b.jpg

ตรงนี้น้ำก็เขียวสวยเหมือนกัน แต่ว่าสายน้ำน้อยไปหน่อยครับ แถวน้ำตกนี้มีจุดกางเตนท์ได้ด้วยครับ

5c5da24fed68e44cf9fdb0ae.jpg

 

5c5da26f2d74714cf1a19a5c.jpg

ห้องน้ำที่อุทยานนี้ดีทุกจุดเลยครับใหญ่สะอาดแหล่มมากๆ วันที่เราไปก็คนน้อยจริงๆไปไหนกันหมดต้นปีหน้าหนาวนะเนี้ย

5c5da2a22d74714cf1a19a5e.jpg

ขาออกจากน้ำตกเจอถนนสวยขอสักรูป  

 

ลืมบอก วันก่อนที่จะออกทริปนี้ได้ไปติดกันชนท้ายเหล็ก 50 โล กับบรรไดข้างมาด้วยครับ ดูแข็งแกร่งเหมาะแก่การลุยไปอีก อิอิ

5c5da2bc2d74714cf1a19a5f.jpg

จุดหมายต่อไปแก้งก้อ เดี่ยวเราจะล่องเรือไปที่โรงเรียนในหนังคิดถึงวิทยากันครับ

5c5da2caed68e44cf9fdb0af.jpg

เจอตรงไหนสวยก็ขอถ่ายไว้หน่อยทริปนี้รูปรถมันจะเยอะมากเพราะกำลังเห่อไม่ว่ากันนะคัรบ อิอิ จะได้มีหลายๆมุมเผื่อจะมีใครหลงรักเจ้าตั้นดำแบบผมมั้ง​

5c5da2e22d74714cf1a19a60.jpg

ก่อนล่องเรือ เที่ยงพอดีแวะกินข้าวที่แพก่อน ติดต่อเรือตรงแพร้านอาหารได้เลย มีที่พักแบบเป็นก็มีนะ ใครสนใจก็ลองติดต่อบรรยากาศใช้ได้เลยผมว่า​

5c5da33bed68e44cf9fdb0b0.jpg

 

5c5da349ed68e44cf9fdb0b1.jpg

ส่วนอาหารก็ราคาทั่วไปครับ​

5c5da35f2d74714cf1a19a61.jpg

ส่วนค่าเรืออันนี้มีหลายราคาว่าเราจะไปจุดไหนสามารถล่องไปได้ถึงท้ายเขื่อนภูมิพลจังหวัดตากเลยล่ะ แต่ค่าเรือก็แพงตามและเวลานานด้วย ผมเลยเลือกโปรแกรมไปโรงเรียนบ้านก้อจัดสรรที่เดียวพอ และก็ชมวิวไปเรื่อยๆ ไปกลับประมาณ 1.30 ชม.ในราคา 1500 บาท นั้งได้หลายคนอยู่เรามา 5 คนเลยตกคนละ 300​

5c5da3d6ed68e44cf9fdb0b3.jpg

วิวสวยมากครับอารมณ์คล้ายๆตอนนั้งเรือเข้าเชี่ยวหลานแต่ภูเขาจะเป็นคนละแบบ​

5c5da3e3ed68e44cf9fdb0b4.jpg

 

5c5da3f8ed68e44cf9fdb0b5.jpg

ซูมดูฝูงวิวไกลๆ

5c5da408ed68e44cf9fdb0b6.jpg

ชมวิวไปเรื่อยๆ

5c5da418ed68e44cf9fdb0b7.jpg
5c5da4422d74714cf1a19a63.jpg

 

 

5c5da444ed68e44cf9fdb0b8.jpg

 

 

5c5da4442d74714cf1a19a64.jpg

งามใช้ได้ลมเย็นจนง่วงนอน

5c5da467ed68e44cf9fdb0b9.jpg

 

พอกำลังจะคล้อยหลับ ก็มาถึงพอดีที่โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร สาขาเรือนแพ

5c5da4692d74714cf1a19a65.jpg

 

 

5c5da469ed68e44cf9fdb0ba.jpg

ที่อยู่ในหนังเรื่องคิดถึงวิทยาหลายคนคงเคยดูแต่จำได้ว่าตอนที่เขาถ่ายทำหนังเขาไม่ได้ถ่ายที่นี้แต่ไปสร้างจำลองที่อื่น แต่เอามาจากที่นี้นั้นแหละครับ  เรามาวันเสาร์แน่นอนไม่เจอนักเรียนครับ แต่ถ้าใครซื้อขนมมาฝากได้ และมีน้องหมาด้วยนะใครอย่าติดอาหารมาบ้างและมีสมุดบันทึกคนมาเยี่ยมเขียนฝากน้องๆได้ครับ​

5c5da4b9ed68e44cf9fdb0bb.jpg

บรรยากาศรอบๆ

5c5da4d4ed68e44cf9fdb0bc.jpg

 

5c5da4eaed68e44cf9fdb0bd.jpg

 

5c5da50aed68e44cf9fdb0be.jpg

 

มีน้องไก่ด้วย

5c5da534ed68e44cf9fdb0bf.jpg

 

5c5da54fed68e44cf9fdb0c0.jpg
5c5da5b8ed68e44cf9fdb0c1.jpg

 

 

5c5da5b92d74714cf1a19a66.jpg

 

 

5c5da5baed68e44cf9fdb0c2.jpg

 

 

5c5da5baed68e44cf9fdb0c3.jpg

 

5c5da5eced68e44cf9fdb0c4.jpg

ถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้วก็กลับกัน

5c5da6152d74714cf1a19a67.jpg

 

ก่อนกลับเจอช็อตช็อคเบาๆ ใบพัดเรือหัก พี่คนเรือบอก ชิบหายแล้วว555 ยังดีมีใบสำรอง แก้ไขอยู่ไม่นาน ก็กลับได้ สัญญาณก็ไม่มี ถ้าไม่งั้นคงต้องแจวเรือแคนูที่โรงเรียนกลับกัน 555

5c5da615ed68e44cf9fdb0c5.jpg

 

 

5c5da616ed68e44cf9fdb0c6.jpg

ขากลับถ่ายหัวเรือหน่อยให้พี่เขาขับช้าๆวิวสวยเด็ด​

5c5da67a2d74714cf1a19a68.jpg

 

 

 

5c5da67aed68e44cf9fdb0c7.jpg

 

5c5da67bed68e44cf9fdb0c8.jpg

 

5c5da6aded68e44cf9fdb0c9.jpg

กลับมาถึงประมาณบ่ายสามเวลากำลังดี ก็ไปต่อเข้าที่กางเตนท์กัน

5c5da6cb2d74714cf1a19a69.jpg

ที่จุดกางเตนท์ทุ่งกิ๊กนั้นไม่มีร้านอาหารนะครับ ต้องเตรียมกันมาเองทุกอย่าง ใครจะซื้ออะไรจะมีร้านค้าที่หมู่บ้านระหว่างทางขากลับจากแก้งก้อนะครับแวะซื้อตุนไว้เลย เพราะเข้าจากทางหลักเข้าไปอีก 10โล ​

5c5da6fc2d74714cf1a19a6a.jpg

 

ทางเข้าจุดกางเตนท์จากสามแยกถนนหลักของอุทยานเข้ามา 10 โล จะเป็นทางราดยางใหม่ๆอย่างดีเลย แต่แคบครับ ถ้ารถเยอะจะสวนลำบากหน่อย ทางสวยก็ขอจอดถ่ายรูปอีกและ

5c5da7542d74714cf1a19a6b.jpg

 

 

 

5c5da9aeed68e44cf9fdb165.jpg

ชาบู้อนๆใส่ฮอทดอก และหมูชาบู เส้นเล็ก ร้อนๆ อร่อยเหาะ ​

5c5daa51ed68e44cf9fdb166.jpg

อาการเย็นวันนั้น  เย็นๆไม่ถึงกับหนาวฟ้าครึ้มๆเหมือนจะมีฝน แต่ไม่มี​

5c5daa7d2d74714cf1a19a6d.jpg

แสงเย็นก็สวยงาม

5c5daaaced68e44cf9fdb167.jpg

 

ตกกลางคืนวันนี้พระจันทร์สว่างมาก ถ่ายดาวไม่ได้ ก็เลยเล่นกะไฟข้างล่างแทน​

5c5daae72d74714cf1a19a6e.jpg

 

ชูไฟขึ้นแล้วหมุนๆ​

5c5daae8ed68e44cf9fdb168.jpg

 

5c5daae8ed68e44cf9fdb169.jpg

 

เขียนไฟเล่นไปมากันจนถึง 3ทุ่มกว่าๆ อากาศลดลงตอนนี้เริ่มมีอาการหนาว หาเสื้อกันหนาวใส่แล้วแยกย้ายกันนอน ตอนเช้ารถจะมารับ ตี 3 ครับ​

5c5daaeaed68e44cf9fdb16a.jpg

นอนหลับสบายอากาศเย็นๆ รูปนี้ตื่นมาถ่ายตอนตี 3 ระหว่างจะขึ้นรถ ดูความสว่างของพระจันทร์สิ นี้ตอนนี้ไฟทั้งอุทยานปิดหมดสนิทแล้ว ที่เห้นขาวๆคือแสงจากพระจันทร์ แต่ก็พอเห็นดาวอยู่นะ

5c5dabc6ed68e44cf9fdb16b.jpg

สำหรับการขึ้นผาแดงหลวงจะต้องเข้าไปในทางวิบากบนเขาประมาณ 17 กิโล  ซึ้งแต่ก่อนเขาให้นำรถตัวเองขึ้นได้โดยจ้างเจ้าหน้าที่นำทางขึ้นไป แต่ตอนนี้ไม่ให้แล้วถึงจะเป็นรถขับ4ก็ตาม อดทดสอบระบขับ4เลยงานนี้ แต่ก็ไม่เป็นไรตามกฏเขาว่า  

pmo4mnjaoP92BtWZvXX-o.jpg

ค่ารถก็ไม่แพงเพราะใช้เวลานานพอควรขาละเกือบ 2 ชั่วโมงทางกระโดกกระเดกไป  ราคาคัน3500 บาท วันนั้นโชคดี ที่ว่ามีแค่10คนที่กางเตนท์เขาก็จะไปดูด้วยกันหมดเลย   เลยหารกันไปตกคนละ 350 บาทเอง  คุ้มครับเพราะ

pmo4mo6rfEbIkhm0SOr-o.jpg

ขับเข้ามาได้ยังไม่ครึ่งทางก็ต้องเจอกับต้นไม้ล้ม แหมะท่ามาเองคงจะตกใจน่าดู ล้มตรงกลางอย่างกะปิดทาง ยังดีว่ามีผู้ชายเยอะ เลยไปตัดไม่ซี่มางัดไม้ซุง สุภาษิตนี้ใช้ได้จริงครับ เพราะจะอุ้มยกยังไม่ขึ้นเลย ต้องใช้ไม้มางัดกัน

pmo4mndl8ZB0veKP1eP-o.jpg

แก้ไขกันอยู่ 10นาที ก็ไปต่อ

pmo4mmdp7UyR9MMd4u2-o.jpg

ประมาณ ตี4.40 เราก็มาถึงจุดที่ต้องเริ่มเดิน  ทางเดินไม่ยากครับ ประมาณ โลกว่าๆได้มั้ง จำได้ว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึง แต่ก็เป็นเนินอยู่สองสามเนิน ทำเอาเหนื่อยได้เหมือนกัน ​

pmo52u52d13c937cvEh-o.jpg

ช่วงนั้นเป็นช่วงก่อนฟลูมูนพอดี พระจันทร์เลยสวยใหญ่แต่ตอนตี 5 นั้นคือช่วงกำลังจะลับฟ้าพอดี

pmo52u199dY9YeIeSQwa-o.jpg

และพอมาถึงจุดชมวิวผาแดงหลวงประมาณตี 5 ก็ต้องว้าวอีกครั้ง เพราะตอนนี้ พระจันทร์กำลังจะลับไปอีกฝั่งเลยทำให้แสงอ่อนแรงแล้ว

pmo56i5eatyxFPwoQe4F-o.jpg

ดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้าก็มองเห็นชัดเจนฟ้าใสไร้เมฆบดบัง ไม่รีรอตั้งกล้องถ่ายกันสิครับงานนี้  แสงส้มๆนั้นไกลคืออาทิตย์ที่กำลังจะค่อยๆออกมา มองด้วยตาตอนนั้นมืดสนิทมองไม่เห็นแสงส้มแต่กล้องลากสปีดนานมันจับมาได้ครับ

pmo58d5tcAzA7YrxMQz-o.jpg

พอถ่ายไปๆสักพัก เฮ้ยย ขาวๆแปลกๆที่ขอบฟ้า

pmo59u7zaFrbSil6LZS-o.jpg

ใช่แล้วมันคือทางช้างเผือกใบนี้จะถ่ายดาวพอถ่ายเสร็จดูดีๆ นี่ช่างนี่หน่า  อันที่จริงปีนี้เขาจะเริ่มถ่ายดาวกันจริงๆก็ช่วงกุมภาไป เพราะมกรานี่ ช้างมันขึ้นช่วงใกล้สว่างทำให้แสงอาทิตย์มันจะมากลบทำให้มองไม่เห็นครับ ผมเลยไม่ได้ตั้งใจมาถ่าย

pmo5c426aqVKJCFP0DBa-o.jpg

เป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวระหว่างที่แสงอาทิตย์กำลังจะมาและพระจันทร์กำลังจะลับไป และช้างก็ออกมาให้เห็นเพียงไม่นาน ผมได้มาไม่กี่รูปครับ รูปนี้จะชัดสุด แล้วแสงสว่างก็มาแทนที่  ฟลุ๊คจริงๆทริปนี้ เวลาไม่คาดหวังมักจะได้เกินคาดเสมอ

pmo5eodns2aIae6vncn-o.jpg

ไปต่อครับ แล้วแสงเช้าก็มาดาวหายไป ทไวไลท์ต่อเลย

pmo5i3gjqeL4F19f0JL-o.jpg
pmo5i221wsbW9kUp251O-o.jpg

งดงามเกินจะบรรยายจริงๆครับ

pmo5j12wiJwDVjATV8v-o.jpg
pmo5j29a3dgxUzuKn3Rm-o.jpg
pmo5j21w2qF0nJTveW9V-o.jpg
pmo5j22w2ThvZtjwWrL-o.jpg

ดูรูปยาวๆไปเลย

pmo5j31m14TWXFfrZKX7-o.jpg
pmo5sl1tu4TD6gxlvYz2-o.jpg
pmo5sn9gozha9UfX57q-o.jpg
pmo5slys9CjXGZ3CpGo-o.jpg
pmo5snf41vCriKt064d-o.jpg
pmo5sljar6sTmHmzP4M-o.jpg
pmo5sn9jfemm8PwB7Pym-o.jpg
pmo5sl2mxxM1i8aj581R-o.jpg

แล้วพระอาทิตย์ก็โผล่ขึ้น ธรรมชาติมันสรรสร้างอย่างกับจับวาง ให้พระอาทิตย์ขึ้นตรงกลางแล้วมี แม่น้ำ มีสามเหลี่ยมหน้าผา  ลงตังเสียจริง

pmo5v9j749FL404N72F-o.jpg
pmo5v98q2WGcRb99NUR-o.jpg
pmo5v9dfhr0pO31OZMO-o.jpg
pmo5v97t24h1t6GIx3a-o.jpg
pmo5v99c6vVVlflLEzKy-o.jpg
pmo5v9dfsXadSnW3An4-o.jpg
pmo5va1l67mbjwF77Bk-o.jpg
pmo5wv8hsj4C6DZp8Yh3-o.jpg
pmo5wwbz7tJi423hNQW-o.jpg
pmo5ww23f3B7lzeQYQWj-o.jpg

แสงทองส่องงดงาม

pmo5wvbk44QtdeY3dsQ-o.jpg
pmo5wvxb5XdnAjrJTiW-o.jpg
pmo5y4ecu21VBvpUy6X-o.jpg
pmo5y6bzgx38hACHh9n-o.jpg
pmo5y75lvHeojMDpbC4-o.jpg
pmo5y52wzbu50exssF7-o.jpg

อยู่กันจนถึง 7โมงกว่าๆก็เริ่มเดินลง 

pmo5y8dakPglsKL5m8G-o.jpg

ขาขึ้นอย่างเกาเหลาา ขาลงอย่างเกาหลี แฮร่

pmo5y4do9wmRLFKxRny-o.jpg

 

ทางก็จะประมาณนี้แต่มันมีกระโดกเดกเยอะกว่านี้แต่ต้องจับเหล็กไม่ได้ถ่าย

pmo67s1hj8DmDr2yHAQj-o.jpg

ช่วงขาลงเย็นและง่วงก็เลยเอามือเท้าเหล็กรถแล้วเอาหน้าผากทับกะพักสายตาเบาแต่มันดันหลับแบบไม่รู้ตัว เด้งไปเด้งมา มือหลุดจากเหล็กหัวโขกเหล็กดังโป็กกก มันจี๊ดขึ้นสมอง อย่างเจ็บบ ปวดจี๊ดตาสว่าง หัวโนเลย แต่ไม่ไดบวมใหญ่ 5555

pmo67t9kt7g6rXD5LRL-o.jpg

ในส่วนของรถนำเที่ยวของเราก็คือเจ้าคันนี้ พี่ Toyota hilux mighty-x -ขับเคลื่อนสองล้อ พ่อทุกสถาบัน  นั้งไป10 กว่าคน พี่เขาขับอย่างชิว ขึ้นเนิน เสียงเครื่องดูไม่ต้องคำรามกระหึ่มมันก็ไปได้เรื่อยๆ สุดยอดจริงๆ อย่างว่าเจ้าถิ่นเขาจะรู้จังหวะ ช่วงขึ้นลงเนินเพราะใช้ทางประจำ แหมะน่าเสียดายเรามี 4WD แท้ๆ ไม่ยอมให้เราไป ฮือๆ 

pmo6d4kmbLlEkCRLghr-o.jpg
pmo6d53ovfiZAOcSxe4i-o.jpg

หลังจากลงมาแล้วก็กินมาม่ามื้อเช้ากะหมูและฮอทดอกที่เหลือให้หมด ขอบอกว่าอัดแน่นมากมื้อนี้ เพราะเวลา 10โมงแล้ว หิวๆ

pmo6j1mxl7LIdG0yLiB-o.jpg
pmo6j48herTri5lJq6qJ-o.jpg
pmo6j1cshMuLmIFHkbk-o.jpg
pmo6j2gm7XGA8OB9Wyg-o.jpg

ถ่ายรูปเล่นรอบๆอีกหน่อยก่อนออก

pmo6q2gcdBgb6OW2jX4-o.jpg
pmo6q4328oKrVcH06kMz-o.jpg
pmo6q31yjnrg9eWHoC9h-o.jpg
pmo6q37tmX4Ix9Wd1j4-o.jpg
pmo6q3dp8ubmB21O6Wo-o.jpg

บ๊ายบายทุ่งกิ๊ก และอุทยานแห่งชาติแม่ปิง เป็นที่กางเตนท์ที่ดีมากๆครับ เงียบสงบสวย ที่สำคัญลืมบอกว่าที่นี้ไร้สัญญาณมือถือทุกค่าย หากจากโลกกันโซเชี่ยวสักคืน จะได้คุยกับคนข้างๆมากขึ้นครับ 

pmo6r1pxpJtLLRnWhk4-o.jpg
pmo6r12wg3ASm5zb6fg-o.jpg

ออกมาถึงลี้ก่อนจะกลับจริงๆ ก็ขอแวะวัดกนอีกหน่อยนั้นคือที่ วัดพระบาทห้วยต้มครับ

pmo6u7dodnhuJ37ugsR-o.jpg
pmo6u7jaoklqUYParA3-o.jpg
pmo6u81kl4697LP07vP-o.jpg
pmo6r17n980WeE6LTFm-o.jpg

มีงานจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงดงามมากครับที่นี้ 

pmo6vv7tkJWefcFBUk8-o.jpg
pmo6w1p5moCN0tJCUiQ-o.jpg
pmo6vwmg1v310C7eAAO-o.jpg
pmo6w1do9Pyr7dCGv84-o.jpg
pmo6vxy1jWN50XN00mS-o.jpg
pmo6vwi865OFeRgMkiU-o.jpg
pmo6vxmxnj7KmMB7egc-o.jpg
pmo6w0damKhkEjjAp3L-o.jpg
pmo6vzkxwpwxhBwaetL-o.jpg

วันนั้นเป็นวันพระด้วยและที่วัดมีงานพอดีชาวบ้านเลยมากันเยอะเลย

pmo6xwpy09g4erKFCpT-o.jpg
pmo6xwii8qB4qtbjcnM-o.jpg

แวะที่สุดท้ายของลำพูน ที่พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย 

pmo70025b38XEww1b9Gv-o.jpg
pmo6zy11zxn6d14jabP-o.jpg

ที่นี้ก็สวยงามเช่นกันครับ

pmo6zz298cleE77Z6B9J-o.jpg
pmo6zzgm76M75GAucyk-o.jpg
pmo6zydarb06xRwkugu-o.jpg

ออกจากลี้ประมาณบ่ายโมง กลับทางเส้นเดิม ลี้ลงมาเถินคราวนี้ช่วงกลางวันเห็นทางชัดเจน ได้ทดสอบการเข้าโค้งแบบต่อเนื่องของน้องตั้น ผลออกมาดีเกินคาด มันไปได้แบบง่ายได้เกาะดีมาก ไม่คิดว่ารถสูงๆจะเข้าได้ดีแบบนี้ แต่ก็ยังสู้วีออสคันเดิมเราไม่ได้ แต่ก็แน่นอนคันนั้นมันโหลดเตี้ยและทำช่วงล่างมาแล้ว แต่เดิมๆของกระบะได้ขนาดนี้ถือว่า แจ่มมากครับอันนี้การันตีเลย ถึงเถินปุ้บน้ำมันถังแรกก็หมดกระพริบ วิ่งได้ 717 โลเอง ทำไมรู้สึกเหมือนกิน

pmo8jc7tmIw6F5JaFx6-o.jpg

เติมกลับไปได้ 63 ลิตรเท่าดิมเลย สงสัยเพราะขึ้นเขาเยอะถังนี้ เดี่ยวสรุปน้ำมันรวมตอนท้าย

pmo8iofd1wry7h3eprV-o.jpg

พอออกจากลี้ได้ขากลับนี้ขอเปิดโหมดทำเวลามั้ง ซัด 120-150 ตลอดทางช่วงรถไม่มีก็จัดได้ มีบางช่วงรถโล่งๆไม่มีใครเลยทดสอบกดไหลไปถึง 170 แบบไม่ยากเท่าไหร่ แต่จะเริ่มช้าตอนเกิน 160 แต่ยังเหลืออีก แต่เริ่มไม่ไว้ใจในยาง AT เอาแค่นี้ก็พอ

pmo8jqdl8CQ87uLNEzC-o.jpg

ถึงจังหวัดตาก มองทางซ้ายเห็นป้ายอุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัยรีบเบรคทันที พึ่งรู้ว่าป้ายอยู่ตรงนี้ เลยจอดถ่ายและเห็นป้ายว่ามีไม้กลายเป็นหินข้างในเลยขับเข้าไปดูหน่อย

pmo752i93TxfNB760E1-o.jpg

พอเข้ามาถึงก็ต้องถึงกับว้าวอีกและ ไม่รู้มาก่อนเลยว่ามีแบบนี้ด้วย

pmo7i51p823UhmHrOjR2-o.jpg

เป็นไม้จริงๆที่ใหญ่ยาวมากมีน้องมัคุเทศน้อยมาช่วยให้คำแนะนำว่าไม้นี้มีอายุกว่าแสนปี คือมีชาวบ้านขุดพบนานแล้ว เขาก็เลยแปลกใจว่ามันใหญ่เลยไปแจ้งให้นักธรณีมาดูเขาเลยบอกวาเนื้อข้างในมันมีส่วนผสมที่กลายเป็นหินประมาณนั้น ซึ่งก็สันนิฐานว่าเกิดจาดระยะเวลาที่นานแล้วเจอแร่ธาตุในบริเวณนี้ด้วยเลยกลายเป็นหิน เพราะ บริเวณรอบๆนี้ยังมีไม้กลายเป็นหินอีกเพียบ

pmo7i56r7o1UuYc9aEE-o.jpg

แต่ที่สมบูรณ์ที่สุดก็คือ จุดที่ 1 

pmo7i4xo6efz1Lxeq0N-o.jpg
pmo7i5dnxpt6fZ31nRn-o.jpg

จากนั้นน้องก็พาไปดูจุดที่สองที่สาม

pmo7o19ordSj9FKvHYL-o.jpg
pmo7nzp4ybCm9LyRIN8-o.jpg
pmo7ny1w2q9s5Vokm2IQ-o.jpg
pmo7nz1yjok6OuWwo7I7-o.jpg

ที่จริงมีน่าจะ 8 จุด เราดูแค่ 3จุดแรกนี้ เพราะจุดที่เหลือต้องขับรถออกไปอยู่คนละที่

pmo7nz6x22wglK1Kietv-o.jpg
pmo7nyf41hOscV1BAb0-o.jpg

สอบถามเพิ่มเติมได้ความอีกว่าก็ตั้งแต่เจอไม้กลายหินนั้นแหละเลยมีที่นี้ หลายปีมาแล้ว แต่ป้ายข้างหน้าใหญ่ๆที่ว่าอุทยานแห่งชาตอดอยสอยมาลัยนั้นพึ่งทำใหม่เมื่อปีสองปีนี้เองครับ ส่วนพิกัดก็คือ อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลบ้านตากเลย ขาลงไป กทม. ใครผ่านก็แวะเข้ามาดูได้ติดถนนเข้ามาแค่ 2 โล

pmo7pk2yyt7U64aAVq5g-o.jpg

อันนี้คือจุดที่ 5 แวะเลี้ยวมาดูนิดนึงเข้ามา500เมตร

pmo7tb7jqd13oHNC4fpf-o.jpg
pmo7uoy10cXOQlZ5uDW-o.jpg

กำลังโยกกลับรถ เวลาใช้สมาธิปากก็จะห้อยๆหน่อย 555

pmo7um9gpzmPANgeItb-o.jpg
pmo7ul2yysccLwcSDk5g-o.jpg
pmo7ulk63Gj642YMmjV-o.jpg
pmo7ulbr3e4NrlWU96X-o.jpg
pmo7w19g8yj9ggRojIn-o.jpg

โลเคชั่นใช้ได้เหมือนอยู่ในป่าเลยขอปิดทริป ผาแดงหลวงลำพูนด้วยภาพนี่ครับ

pmo7w1cxk98pbkBVy5i-o.jpg

ออกจาอุทยานสอยมาลัยก็เกือบ4โมง ก็ตรงดิ่งยิงเข้า กทม. ขับเหมือนเดิม ทำเวลาได้ดีพอควร มาถึงแถวบ้าน3ทุ่ม  พลังมาม่าเมื่อ10โมงได้ใช้จนหมดเกลี้ยงมากินอีกมื้อร้านแถวบ้านกันเลย   จบทริปอย่างเป็นทางการ  กับระยะทาง 1223 กิโล  น้ำมันเหลืออีกครึ้งถัง 

pmo8as45zaB5J7RqX3Z-o.jpg

กลับมาขับใน กทม. จนหมดถังที่สองได้ระยะทาง 770โล  ในรูปถ่ายตอนกำลังเติมพอดีเลยมีน้ำมัน ขับจนมันกระพริบแล้ว

pmo8f49os1dIhyN49Oy-o.jpg

รวมระยะทางทั้งหมด 1487 กิโล

pmo8dx2yya46KOKadWCM-o.jpg

สรุปได้ว่า เติมน้ำมันไปสองรอบ 3300 บาท ได้126.615 ลิตร วิ่งได้ทั้งหมด 1487 กิโล ตกกิโลละ 2.21 บาทหรือ 11.74โลต่อลิตร โดยแบ่งเป็นถังแรกขาไปถังแรก ขึ้นเขาและขับเที่ยว ขับไม่เร็วมาก 120-140 มีไหลไป160นิดหน่อย ได้717 โล จากบางปะอินเที่ยวลำพูนจนมามาหมดที่เถิน ถังที่สองขากลับจากเถินถึงบ้านและขับในเมืองอีกครึ่งถัง  ขากลับทำเวลากด120-150ตลอดทาง ถึงกทมเหลือครึ่งถัง ขับจนหมดได้ 770 โล สรุปมันต้องขับเร็วหรือช้าถึงจะประหยัด หรือขาไปมันขึ้นเขาเยอะเลยกินน้ำมัน อันนี้ยังสงสัย555 ส่วนถ้ารถใครเดิมๆมันคงจะได้เยอะกว่านี้แหละ อันนี้หนักล้อยาง เฉพาะยาง BF เส้นละ 24 กิโล ไม่รวมแม็ก และเหล็กกันชนท้ายอีก 50 โล บันไดข้างอีก ได้เท่านี้ผมคิดว่าไม่ขี่เหล่เท่าไหร่นะครับ  เดี่ยวจะทดสอบไปเรื่อยๆต่อไปว่าในเมืองหรือนอกเมืองจะประหยัด อ่ะมา สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ มีทั้งหาร 3 คนและหาร5 ค่าน้ำมันเติมไป  3300 มันเหลือครึ่งถัง น่าจะประมาณ 600 บาทถังล่างมันจะน้อยกว่าถังบนเพราะวิ่งได้ 200กว่าโล ตีไปว่าน้ำมันทริปนี้ใช้ไป  2700  ตีไปว่าน้ำมันทริปนี้ใช้ไป  2700 /3  1180  1050 ค่าร้านข้าวต้มที่ตากขามา    215 /3  ข้าวเช้าที่ทางเข้าอุทยาน    315 /5 ค่าเข้าอุยานรวมกางเตนท์   310 /3 ค่าแพเรือรวมอาหารมื้อกลางวันแก่งก้อ  1870 /5 ค่าอาหารเย็นและเครื่องดื่มที่ทุ่งกิ๊กและมาม่าตอนเช้า  1320/5 ค่ารถขึ้นผาแดงหลวง              1750 /5 ข้าวต้มเย็นวันกลับ                 315/3 รวมทั้งทริปหารแล้วเฉพาะ3คนจากกทมที่ไปไทรทันหมดคนละ  2230 บาท หนักค่าน้ำมันไปหน่อยทริปนี้ตัวหารน้อย555  แต่ก็คุ้มค่าครับทริปนี้เป็นอันจบรายงานทริปนี้ต่อไปจะพูดถึงสรุปถึงบ้าง​

สรุปสั้นๆจากกิโลรวมตอนนี้ที่เขียน 40 วัน 7000 กว่าโลแล้วใช้โหดไปหน่อย555 เทียบเอาจากกะวีออสดำของเราละกันที่ขับทุกวันมันจะได้เห็นชัด  ไว้เป็นข้อมูลสำหรับคนจะย้ายจากโหลดเตี้ย มาแนวกระบะยกสูงละกัน วิสัยทัศน์การขับขี่ดีมากสูงกว้างใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน  การขับขี่ในเมืองไม่อุ้ยอ้ายเรียกใช้ได้สบาย ขับแรกๆอาจจะไม่ชินแต่พอสักพัก คันมันจะเล็กเท่าวีออสนั้นแหละมุดไปไหนได้หมด วงเลี้ยวแคบดีด้วย เข้าซ้อยตีวงไม่ได้ลำบากสักเท่าไหร่ จากเคยขับรถเก๋งมา ช่วงยาวกว่าต้องกะดีๆแค่นั้น อัตราเร่ง มันแรงหายห่วงจริงๆ กดเป็นมาๆ ขับสนุกเหมือนวีออสเลย แต่ดีกว่าด้วยตรงช่วงเร่งไม่ต้องขยี้มากเท่าวีออส กดจาก140 ปื๊ดเดียวไหลไปถึง 170 ได้ แต่ลองแค่นี้พอไม่ค่อยไว้ใจกับยาง AT เท่าไหร่ เรื่องเสียงในห้องโดยสารเงียบกว่าวีออสมาก 150 ยังเงียบเหมือนขับช้า ต้อง 160 ไปถึงจะมีเสียงดัง และที่ประทับใจที่สุดคือช่วงล่าง เกินคาดเดิมๆแบบนี้เข้าโค้งได้มั่นใจ แต่ก็ยังใส่ได้น้อยกว่าวีออส ช่วงเถินไปลี้ใครเคยไปจะเห็นว่าโค้งพับไปมาบนเขา ทำได้ดีมากอันนี้ชอบ ส่วนอัตราเร่งขึ้นเขาบางจังหวะอาจจะอืดหน่อยแต่ก็ทำได้ดี แอร์ออโต้ข้อนี้ชอบมากมันปรับให้เราตลอเวลา แอร์เย็นต่อเนื่องแจ่มดีครับ  ระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน อันนี้ผมว่าดีมาก จะมีใหม่มือเก่ามันโอกาศเผลอได้ใช้แน่นอนครับ เวลาออกตัวทางชันพอเราปล่อยเบรค มันจะเบรคหน่วงทิ้งให้เรา 3 วิได้มั้ง ถ้าเกินนี้ก็จะไหล และช่วยให้ไม่เมื่อนด้วย พอเวลาเราจอดบนทางชันพอแตะเบรคปุ้บ มันก็ช่วยเบรคแข็งเลย เราแค่เอาปลายเท้าแตะไว้ก็พอมันเบรคให้กันไหล ต่อมาเรื่องน้ำมันอย่างที่ว่ารถผมมันไม่เดิมแล้ว เปลี่ยนล้อตั้งแต่วันแรก ยาง BF ที่หนัก และเหล็กท้าย50โลกะบันได ตัวเลขมันก็จะกินเยอะหน่อยถ้ารถเดิมๆคงจะทำได้ดีกว่านี้นะครับ เคยได้เยอะสุดก็ตอน 2 ถังแรกเลยที่รันอินไป สุพรรณแม่กลองพัทยา สองถังแรกเต็มถังขับได้ 840 โล ได้ประมาณ 12. หน่อยต่อลิตร  ความเร็วเฉลี่ยอยู่ประมาณ 100 ไม่เกินนี้หลังจากนั้นพอมันขับสนุกก็เลยหมดเยอะกว่าเดิมมั้ง 55 ถ้าขับในเมือง  อันนี้ลองหลายรอบและ ทั้งรถติดมากติดน้อยเวลาขับในเมืองจะขับทั้งวัน 10-12 ชั่วโมงวิ่งได้ 200-300 โล รถมันติดทั้งวัน ก็จะตกอยู่ที่ 11-12 โลลิตรไม่เคยเกินนี้อันนี้วัดจากน้ำมันในถังนะ  เพราะตัวเลขหน้าจอมันเชื่อไม่ได้ในเมือง ขับแบบเบรคๆจอดๆ ตัวเลขไม่ขยับเลยอยู่10.หน่อยๆ ตลอด แต่นอกเมืองอันนี้หน้าปัดพอใกล้เคียงพอเชื่อถือได้บ้างถ้าขับความเร็วเท่าเดิมแต่ แต่อย่างทริปที่ล่าสุดเนี้ยดูน่าจอไม่ได้เพราะ เพราะความเร็วต่างกันทั้งไปกลับแต่ก็ได้อย่างที่บอกไปข้างต้น อ่ะยกมาให้ดูอีกรอบก็ได้เผื่อใครมาอ่านตรงนี้ทีเดียวว่าทริปนี้น้ำมันตกกี่บาท เติมน้ำมันไปสองรอบ 3300 บาท ได้126.615 ลิตร วิ่งได้ทั้งหมด 1487 กิโล ตกกิโลละ 2.21 บาทหรือ 11.74โลต่อลิตร โดยแบ่งเป็นถังแรกขาไปถังแรก ขึ้นเขาและขับเที่ยว ขับไม่เร็วมาก 120-140 มีไหลไป160นิดหน่อย ได้717 โล จากบางปะอินเที่ยวลำพูนจนมาหมดที่เถิน ถังที่สองขากลับจากเถินถึงบ้านและขับในเมืองอีกครึ่งถัง  ขากลับทำเวลากด120-150ตลอดทาง ถึงกทมเหลือครึ่งถัง ขับจนหมดได้ 770 โล สรุปมันต้องขับเร็วหรือช้าถึงจะประหยัด หรือขาไปมันขึ้นเขาเยอะเลยกินน้ำมัน อันนี้ยังสงสัย้เี่ยวต้องลองทริปต่อๆไปอีกที หมดแล้วมั้งมีไรถามเพิ่มได้มาวาถึงปัญหามั้ง เท่าที่พบตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่ๆเลย ปกติดีทุกอย่าง จะมีก็ปํยส่วนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับการขับขี่ จะมีแค่เสียงเบาะสั่นนิดหน่อย ไม่ได้ซีเรียส รุ่นผมเป็นไม่เยอะ แต่ในกลุ่มบางคนที่เป็นเยอะจะเป็นรุ่นเบาะหนังเห็นในคลิปคือทางไม่ได้ขรุขระมากก็สั่นดังพับๆๆๆ อันนี้ทางมิตซูคงหาวิธีแก้อยู่ละมั้ง และก็ระบบ idling stop ที่มันจะดับตอนเราจอดไฟแดง  มันดับๆติดๆแปลกๆ อยู่ดีๆมันก็สตาร์ทขึ้นมาเอง แต่ผมไม่ได้ใช้อยู่แล้วกดปิดมันตลอด เพราะไม่ชอบเวลารถติดๆ พอรถดับเหมือนคอมแอร์จะไม่ทำงานมีแต่ลม เวลาแดดร้อนๆ แปบบเดียวพอรถดับ ความฉ่ำก็หาย ระบบนี้มันน่าจะไม่เหมาะกะบ้านเมืองร้อนอย่างเรา ผมเลยปิดมันตลอด 5555 แล้วก็มีพบอีกอย่างคือยังไม่ชินกะเวลาเติมน้ำมัน ปกติวีออสเติมแก้สถังละ 300 คันนี้ถังละ 1700 โอ้ยยต่างกันเยอะแท้ 5555 สรุปอีกรอบว่าเป็นรถที่ถูกใจมากเลือกไม่ผิดลูกเล่นมันก็เยอะมาก อาจจะเพราะวีออสคันเก่าเรามันไม่มีอะไรเลยตัวนี้เลยดูว้าวครับระบบที่มีในรุ่นนี้มันเพียงพอต่อชีวิตผมแล้วครับ ส่วนในกระบะยุคนี้ค่ายอื่นก็คงพอๆกันครับเลือกเอาตามที่เราชอบเลยขอให้ทุกท่านเจอรถที่ถูกใจครับ ส่วนใครสนใจไทรทันไม่ผิดหวังแน่นอน อิอิ แล้วพบกันใหม่กับคู่รักตะลอนทัวร์ เที่ยวทั่วไทยไปกับไทรทันนน

pmoaw7jutR5qmoHSRxe-o.jpg

เที่ยวลำพูน ผาแดงหลวง กับการเดินทางบทใหม่ของ New Mitsubishi Triton

$
0
0
เที่ยวลำพูน ผาแดงหลวง กับการเดินทางบทใหม่ของ New Mitsubishi Triton

เที่ยวลำพูน ผาแดงหลวง กับการเดินทางบทใหม่ของ New Mitsubishi Triton

ผาแดงหลวง อุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูน จ.

Boy Attapon

สวัสดีจ้า เหลี่ยมมาแล้ว วันนี้มาพร้อมกับพาหานะคู่ใจคันใหม่ เจ้า New triton 2019 หลังจากที่ได้ใช้งานเจ้าวีออสดำคันเดิม เติมแก๊สมาเป็นระยะเวลา 6 ปีกว่า วิ่งกันบ้าคลั้งไป เกือบ 240000 โล

 

จนได้เจ้า CRF250RALLY สองล้อคู่ใจ มาแบ่งเบาภาระพี่วีออส ในช่วงระยะสองปีหลัง คราวนี้พอถึงเวลาผ่อนหมดทั้งสองคันแล้ว

พร้อมเป็นหนี้คันใหม่กันต่อ หวยเลยมาออกที่เจ้า New triton คันนี้ เรื่องราวความเป็นมาจะเป็นยังไงไปชมกัน

ทริปนี้จะรีวิวทั้งรถและที่ท่องเที่ยวเช่นเคย ทริปนี้ เราเลือกไปกันที่จังหวัดลำพูน ผาแดงหลวงครับ บอกเลยว่าสวยเกินคาดกว่าที่คิดไว้ เป็นไงไปกันเลย

5c5c83e5a9594d198cef6511.jpg

 

ออเดิฟวิวที่ผาแดงหลวง โชคดีมาเจอช้างเชือกแรกของปีตั้งแต่มกราเลย

 

5c5edb5eb246b23d481fa2e4.jpg

 

5c5c8447a9594d198cef6512.jpg

 

 

โปรแกรมคร่าวๆทริปนี้ วันที่ 19-20/1/2562

วันแรกขับรถมาเช้าที่ลี้ วัดพระพุทธบาทผาหนาม แล้วเข้าอุทยานแห่วชาติแม่ปิงเท่ยวที่แรก น้ำตกก้อหลวง

ต่อด้วยแก่งก้อล่องเรือแม่น้ำปิงไปยังโรงแรียนบ้านก้อจัดสรรในหนังคิดถึงวิทยา แล้วกางเตนท์ที่ทุ่งกิ๊ก

เช้าที่สองตื่รตี3 นั้งรถเข้าไปจุดชมวิวผาแดงหลวงสวยมากมีทางช้างเผือกด้วย แล้วลงมาสายๆ ก่อนกลับแวะ วัดพระบาทห้วยต้มและพระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย และปิดท้ายด้วยอุยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย

 

ก่อนไปชมดู VDO สั้นๆก่อนได้ครับ เหมือนเดิมทริปนี้อุปกรณ์บันทึกภาพทั้งหมดมาจาก

Nikon D7200 tokina 11-20 fix35 tamron 70-300 vc และ Gopro hero 4 silver



เอาล่ะก่อนจะไปชมรีวิวขอพูดถึงความเป็นมาก่อนจะมาเป็นเจ้าMitsubishi triton 2019 คันนี้กันหน่อย ใครขี้เกียจอ่านข้ามไปเลยก็ได้ครับยาว555 รีวิวทริปนี้อยู่ข้อความถัดไป

 

หากใครเคยอ่านรีวิวเก่าๆของผมตั้งแต่รีวิวแรกเลยที่เริ่มเขียนก็ประมาณ 4 ปีกว่ามาแล้ว ช่วงนั้นพึ่งเรียนจบจึงได้เริ่มเที่ยวอย่างจริงจังเพราะทำงานเต็มตัว ตอนแรกซื้อวีออสตั้งแต่สมัยเรียน มหาลัยปี3 ช่วงนั้นขับวินมอไซด์รับจ้างตั้งแต่ ปี 1 เก็บเงินดาวน์วีออส และผ่อนไปด้วย ช่วงที่เรียนไปด้วยเลยยังไม่ค่อยได้เที่ยว พอเรียนจบก็เลยจัดเต็มมีเวลา ก็พาเจ้าออสดำ ไปทุกที่ที่อยากไป

5c5d8b49ed68e44cf9fdaeb5.jpg

 

5c5d8b46ed68e44cf9fdaeb3.jpg

 

แต่ด้วยสภาพทางกายภาพของเจ้าวีออสอย่างที่เห็น โหลดเตี้ยซะขนาดนี้ ในรีวิวเก่าๆจะเห็นว่าผมมีการตัดพ้ออยุ่หลายคราว่าไปได้ไม่สุดแค่ดอยปุย ก็กลัวจะขาสั่นรถมันเตี้ย ไปไม่ได้555

5c5d8b46ed68e44cf9fdaeb4.jpg

 

จนแล้วจนรอด เมื่อสองปีก่อน เลยได้เจ้า CRF250Rally มาพาไปลุยทุกที่ที่วีออสพาไปไม่ได้ 2ปีนี้เลยมีรีวิวเที่ยวกะน้องวีออสเลยน้อยลง

5c5d8c98ed68e44cf9fdaeb6.jpg

 

 

แล้วเมื่อถึงจุดๆ นึงความต้องการของเรามันเปลี่ยนไป จากที่ตอนแรกเมื่อตอนซื้อวีออส คิดกันไปว่าจะใช้ให้มันพังกันไปข้างนึง แต่ยังผ่อนไม่หมดแท้ๆ น้องออสดันไม่ตอบโจทย์ซะแล้ว 555 เวลาเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน

วีออสไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ความต้องการเขาเรามันเปลี่ยนเฉยๆ

แต่บอกเลยว่าน้องวีออสเป็นรถที่ โค ตะระะะ ดีมากๆๆๆๆ ใครจะซื้อรถมือสองถ้ารถเก๋งผมจะแนะนำวีออสตลอด

ตลอด 6 ปี มันเคยเสียงอแงสักครั้ง ใช้ขับทั้งวัน 12ชั่วโมง ไม่เคยมีปัญหา ความร้อนไม่เคยขึ้น ขนาดตอนนั้นทริปที่ไปเขาหลวงสุโขทัยขับรถชนหมาตอนตี 3 กันชนใต้พังแผงหมอน้ำหลุด ต้องเอาเคเบิ้ลไทรัด ตอนแรกนึกว่าไม่รอด ดันขับได้ เกือบ 3 เดือนถึงไปซ่อม ติดแก๊สด้วย ประหยัดเข้าไปอีก โลละ บาทนิดๆ บาทกว่าๆแล้วแต่การเยียบ วิ่งไปทั้งหมด เกือบ 240000 โล มีตั้ง วาวล์ไป 3 รอบเพราะแก้สแต่ยังไม่ได้ทำฝา

เปลี่ยนยางไป5ชุด เปลี่ยนแบตไป 4 ลูก ผ้าเบรค หน้าหลังอย่างละชุด ทำช่วงล่าอัดลูกหมากไปรอบนึง นอกนั้นก็ถ่ายน้ำมันเครื่องทุกหมื่นโลแค่นั้นแล้วก็ขยี้มันอย่างเดียว ขับดีเยียบมันส์ แรงปรู็ดปร๊าด แต่ทำไม่ได้แต่งอะไรเกี่ยวกับเครื่องยนต์เลยนะ ขับเดิม ใส่ท่อปลายแค่นั้น มันแรงอยู่แล้วเดิม ก็ขออวยเจ้าวีออสไว้เพียงเท่านี้ 

ถือเป็นการอำลาให้เจ้าละกันตอนนี้ก็ได้ขายเอาเงินมาวางดาวน์เจ้าไทรทันไปแล้ววว อิอิ

 

ต่อมาก่อนจะเข้าเรื่องทริปนี้มาพูดถึงไทรทันอีกหน่อยว่าทำไมมาได้คันนี้ ก็ตั้งแต่ความต้องการเริ่มเปลี่ยน ใจก็ชอบดูๆกระบะ ไว้นั้นแหละ แต่ยังผ่อนไม่หมดเลย ก็เลยไปเอาวิบากมาลุยแทนก่อน พอตอนนี้พร้อมก็เลยหาข้อมูล ก็เก้บข้อมูลมานานมากประมาณ ปีกว่า อันที่จริงคือวางแผนไวรอให้แต่งงานก่อนเอาทีละเรื่อง 555 อย่างที่เขาว่า เมียซื้อเงินสด รถซื้อเงินผ่อน

 

และด้วยประจวบเหมาะหลังๆนี่ได้ขับเจ้าวีโก้ 4*4 เครื่อว.30 ของพี่ในกลุ่มที่ไปเที่ยวด้วยกันประจำ เวลาไปหลายคนหรือที่เที่ยวต้องลุยหน่อยเช่นเขาไข่นุ้ย ภูสิงห์พวกนี้ ก็เลยจะไปรถพี่เขา เราจะมีหน้าที่ขับเกือบทั้งทริป มันยิ่งเพิ่มอารมณ์อยากได้เป็นของตัวเองสักคันจริงๆ55

 

5c5d94b82d74714cf1a19a3c.jpg

 

 

ในระหว่างที่เก็บข้อมูลไปนั้นเวลาเราไปเดินห้าง ก็มักจะเจอ รถตามค่ายตางๆมาเปิดบูทท หรือเวลามีมอเตอโชวืที่อิมแพค ใกล้บ้านเนอะมาดูทุกรอบอ่ะ คนพอมันอยากได้มันก็เหมือนโรค จิต ผมก็เข้าไปดู ไปคุยกะเซลเขาประจำแทบทุกค่ายอ่ะ ดูว่ามีส่วนลดมีโปรอะไรบ้างไหม 5555 ทำอยู่อย่างนั้น จนฟางมันว่าบ้า ก็คนมันอยากได้เนอะ

ความต้องการของคันใหม่ โจทย์คราวนี้ก็คือ กระบะ 4 ประตู ขอเป็น 4*4 ค่ายไหนก็ได้ ที่ทนมือทนตีนแบบวีออสไม่มีปัญหาจุกจิกเพราะใช้รถหนักจะมาพังซ่อมบ่อยๆไม่ได้ ขอราคาที่ไม่เกิน 1 ล้านทำไมต้องไม่เกินล้าน เพราะจากที่ไปคุยๆกะเซลบ่อยๆแล้วนั้นแหละเลยพอรู้เงินดาวน์และค่างวด และดูจากกำลังตัวเองแล้ว เกินล้านน่าจะผ่อนไม่ไหวกลัวจะตึงเกินไป (อันนี้ที่จริงเลยหวังอยากได้พวก 7 ที่นั้งขับ4 เลย แต่เกินเอื้อมจริงๆ 1.5ล้าน+แล้ว)

 

คราวนี้ก็เริ่มเปรียบเทียบสเปคตามที่บอก ก็จะได้เป็นตามนี้

4ประตูทุกรุ่นนะ เกียร์เน้น MT เพราะชอบฟิลลิงการขับและมันก็ถูกกว่าด้วย

1. mitsubishi triton 4*4 MT เครื่อง 2.4 ตัวเก่า 2018 ราคา 969000

2. Toyota revo 4*4 MT เครื่อง 2.4 ราคา 935000

3. ISUZU D-max 4*4 MT เครื่อง 3.0 ราคา 957000

4.Nissan Navara 4*4 MT เครื่อง 2.5(แต่เป็นตัว163ม้าไม่ใช่191) ราคา 875000 บาท

 

ก็เลยเหลือ แค่3รุ่นบน เพราะรุ่นอื่นทะลุล้านหมดแล้ว และตัด navara เพราะหลังๆไปถามเซลบางคนบอกเลิกผลิตแล้ว 4WD มีตัวท้อบตัวเดียวเลย ล้านหน่อยๆ

 

คราวนี้ก็มาเทียบสเปคและความชอบหน้าตารูปทรงก่อน

ในเรื่องหน้าตาภายนอกนี้ ได้ทั้ง 3 ชอบหมดเลย มันหล่อไปคนละแบบ แต่จะชอบ D-max น้อยสุดเพราะ คนรู้จักใช้เยอะเลยเห็นจนชินตา

เรียงได้เป็น triton revo D-max

ภายใน อันนี้ ชอบไทรทันมากที่สุด มันดูสปอตเหมือนรถเก๋งดีและ เบาะหลังเหมือนจะเอนเยอะสุด คนนั้งหลั

จะสบายกว่า

เรียงได้เป็น triton revo D-max

ศูนย์บริการหลังการขาย Toyota กัน ISUZU น่าจะพอกันแต่โตต้า0เยอะกว่า 

 

เรียงได้เป็น revo D-max triton

ราคาขายต่อ อันนี้ที่จริงไม่ได้สนใจ ตอนซื้อไม่เคยคิดเรื่องจะขายอยู่แล้ว แต่ก็ลองๆดูหน่อย

เรียงได้เป็น D-max revo triton

ปัญหาของตัวรถ อันนี้ก็เข้าไปสิงในเพจของกระบะทุกค่าย เท่าที่เก็บข้อมูลก็ได้ประมาณนี้ 

เรียงจากปัญหาน้อยไปมาก D-max revo triton

ความทนทานการใช้งานยาวๆ อันนี้ก็น่าจะตอบยากคงไม่ต่างกันมากแต่ขออวยโตต้าหน่อยจากประสบการณ์วีออส

เรียงได้เป็น revo D-max triton

อันนี้เรียงจากข้อมูลทีผมหามาเองนะ ก็ได้ประมาณนี้ แต่ละรุ่นก็มีข้อดีข้อด้อยพอๆกัน

 

ต่อไปเป็นข้อมูลทางเทคนิคมั้ง

อันนี้ความต้องการหลักๆคือเน้นระบบเกี่ยวกับตัว ขับ 4WD และเป็นคนที่ชอบขับรถที่มันมีกำลังที่ดีไม่อืด

เลยตั้งใจอยากได้เครื่องที่เป็นท้อบของรุ่น

 

ก็จะเป็น D-max กับ triton ได้ เครื่องท้อบของรุ่นคือ 3.0 และ2.4

 

แต่ส่วน ระบบเกี่ยวกับตัว ขับ 4WD อันนี้ต้องยกให้ revo เขามีดิฟล็อคมาให้ด้วย

ส่วนพวกอ๊อฟชั่นอื่นๆ อันนี้ผมเอาแคตตล็อคมานั้งไล่เทียบทุกจุดเลยทั้งสามรุ่นก็พบว่า revo และ D-maxเขากั๊กออฟชั้นไปเยอะพอสมควร triton จะได้เยอะกว่านิดหน่อยในอ๊อฟชั่นอื่นๆ

 

กระบวนการเปรียบเทียบทั้งหมดที่กล่าวมานี้เกิดขึ้นในช่วงปี 2018 นะครับตอนก่อนแต่งงาน แต่เท่าที่ดูคือมันยังไม่ถูกใจเต็ม100 ทั้งสามรุ่น และก็อย่างที่บอก วางแผนไว้รอแต่งงานก่อน หลังแต่งถ้าไม่ติดอะรก็ว่าจะเอาสักคัน ก็เลยยังไม่ได้เลือกซะทีจะเอาคันไหน เพราะ จะเป็นหนี้ล้านนึงรวมดอก มานั้งนับ 1 ผ่อนใหม่อีกครั้ง มันก็ใช่เรื่องอันนี้ก็คิดหนักอยู่พอควรครับ เพราะวีออสอย่างที่บอกมันรถดีมากใช้ได้อีกยาวๆอะ

แต่พอวันที่ 8 พ.ย. ไทรทัน2019 เปิดตัว ช่วงนั้นกำลังจัดเตรียมงานแต่งผมแต่งงานวันที่ 10. พ.ย.

มันเหมือนรักแรกพบ อารมณ์เหมือนตอนที่ CRF250Rally เปิดตัวที่เห้นปุ้บรักปั้บ ฉันจะเอาคันนี้ หน้าตามันโดนใจมาก แถมมาคราวนี้เขาตีโป่งมันดูบึกบึนคันใหญ่พอเกือบจะเท่าทั้ง 2 รุ่นแล้ว แต่ก้ยังเล็กกว่าอยู่ดี มิติตัวถังนะ แต่ไม่ได้ต้องการใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว แต่ก็คิดว่ารุ่นใหญ่ราคามันก็ต้องแพงขึ้น ตอนนั้นคิดในใจ ตัวใหม่เปิดตัว ตัวเก่า2018 มันต้องมีส่วนลดเยอะแน่ๆ น่าสนใจมากหรือจะเอาตัวเก่า

ที่นี้พอวันที่ 9 ราคาเปิดตัวก็มาแล้ว มันยิ่งตอกย้ำความอยากได้ไปอีก

เพราะคราวนี้ ตัวขับ 4WD มี 3 รุ่น แต่ก่อนมีแค่2 Top MT และ Top AT

มีตัว4ประตู 4*4 MT GLS ในราคาเพียง 935000 เท่านั้นแหละ จดจ่ออยู่ที่หน้าเพจรอดูข่าวสารว่าไอตัว935000 เนี้ย มันตัดอะไรมีอะไรมั้ง ทำไมมันถูกกว่าตัว 2018 ที่จะเอาอีก

 

จนพอหลังแต่งงาน เช้าวันที่ 11 พอเคลียร์อะไรต่างๆเรื่องงานแต่งเสร็จหมดแล้ว มีเวลา เลยลองแวะไป 0มิตซูแจ้งวัฒนะแถวบ้าน ตัวจริงมันมาแล้วด้วย แต่ตัว ที่เราดูยังไม่มี ก็ไม่รู้เป็นไง

ไปดูภายนอกสวยถูกใจมาก ส่วนภายในอันนี้เหมือนตัวเดิม 2018 ซึ่งก็ชอบอยู่แล้วแต่แรก เลยลองๆคุยเรื่องราคาและส่วนลดเงินดาวน์ค่างวดต่างๆ ยิ่งโดนใจ ราคาผ่อน อยู่ในงบที่ตั้งไว้คือจะเอาไม่เกิน 12000 ให้มันเท่ากับตอนที่ผ่อนวีออสและCRF พร้อมกัน จะได้ไม่หนัก

 

5c5f05a0b246b23d481fa52e.jpg

เลยเป็นวันแรกที่เราได้พบกัน

5c5f05a0b246b23d481fa52d.jpg

 

 

 

 

อีกสองสามวันก็มีแคตตาล็อคในเว็บออกมา

มาลองไล่เช็คดู ก็ได้ความว่า

ระบบเกี่ยวกับ 4WD มีเหมือนตัวท็อบหมดเลย แถมคราวนี้มี ดิฟล็อคมาให้ด้วย และ ระบบขับ 4WD ของไทรทันนี้เป็นเหมือนของปาเจโร่ คือมีให้เลือก 4 แบบ ปกติกระบะรุ่นอื่นๆจะมี แค่ 3 แบบ คือ 2h 4h 4L

ส่วนของไทรทันจะเป็น ตามรูปนี้ขอยืมภาพจากในเน็ต พูดง่ายๆคือมี3แบบหลักๆเหมือนกัน แต่มี 4H แบบฟลูทามเพิ่มขึ้นมา ข้อดีคือ 4H ฟลูทามตัวนี้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลาทุกสภาพถนนที่ความเร็งเท่าไหร่ก็ได้คล้ายๆฟอจูนเน้อตัวฟลูทามนี่แหละ

ซึ่งต่างจาก 4H ของกระบะทั่วไปที่จะใช้เฉพาะช่วงฝนตกหรือที่ความเร้วไม่ควรเกิน100 ประมาณนี้ครับ

5c5c6e4ea9594d198cef6510.jpg

 

 

แค่ สองอย่างนี้ ใจผมก็เทมา 100 เปอร์เซนละ ทีนี้ก็ตัดทุกตัวเลือกออกไปทันที ทีนี้ขั้นต่อไป พึ่งแต่งงานสดๆร้อนๆ จะทำอะไรคราวนี้มันก็ต้องเห็นพร้อมทั้งสองคน ไมไ่ด้กลัวเมียแต่ถ้าเขาไม่โอเคมันก้ไม่สบายใจถึงแม้เขาจะไมไ่ด้ช่วยผ่อนก็ตาม 555 เพราะฟางก็ไม่ค่อยอยากให้เอาเท่าไหร่ไม่อยากให้ผ่อนเหนื่อย

 

คราวนี้ก็เลยเริ่มหาข้อดีของการซื้อคันใหม่นี้ มาหักล้างว่าจะเอาคันใหม่ดีไหม วีออสตอนนี้ก็กลายเป็นรถมีปัญหาทันที555 เบรคก็เริ่มไม่ค่อยดีเครื่องก็สั่น ตั้งวาวล์ไม่ได้แล้ว ต้องซ่อมเปลี่ยนฝาอีกเป็นหมื่น (ซึ่งเอาจริงๆแล้วมันก็ต้องซ่อมแหละ แต่มันคือซ่อมตามอายุการใช้งานไมไ่ด้เสียถ้าซ่อมไปไม่เกิน2หมื่นก็จบปิ้งขับได้อีกยาวๆ แน่นอน ) อีกข้อก็วางแผนไว้ว่าปีหน้าอยากจะมีลูก ถ้าเริ่มเอาคันใหม่ตอนนี้ เดี่ยวก็จะผ่อนหมดตอนลูกเขาโรงเรียนอนุบาลพอดี มันช่างลงตัว วางแผนไว้ก่อน555

 

เมื่อตกลงกันแล้วก็เลยเอาก็เอาวะ เป็นหนี้อีกสักครั้ง ต่อมาก็หาเซลล์ที่ข้อเสนอดีสุด

คราวนี้ก็หนักเลย คุยกับเซลล์เป็น 10 คน ในเพจมั้งไปที่ 0 ใกล้ๆมั้ง สุดท้ายพอมาเปรียบเทียบดูก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ บางคนใช้เงินออกรถน้อยกว่า หมื่นนึง ก็ผ่อนมากกว่า 80 บาทไรงี้หักลบพอๆกัน ส่วนลด ตัวใหม่นี้ได้กลางๆ อยู่ที่ 50000 บาทอยู่ที่ เซลล์คนไหนจะมีลูกเล่นยังไงบางคนบอก ให้60000 แต่จ่ายจดทะเบียนเอง พรบ เอง ประมาณนี้ แต่หลังๆนี้เห้นคนในคลับได้กัน70000 กะมีเยอะมากก

จนสุดท้ายแล้วผมก็เลือกเซลล์คนนึงที่มีพี่ชายที่รู้จักพึ่งไปออกไทรทันนี่แหละตัว2018 เมื่อ 4 เดือนก่อน คิดว่าเอาคนที่มีประวัติออกรถได้กับคนรู้จักนี่แหละชัวสุด

 

ที่นี้คุยไปคุยมาที่ 0 ยังมีตัวเก่าด้วยตัว 4*4 MT เครื่อง 2.4 ตัวเก่า 2018 ราคา 969000สีดำด้วย ให้ส่วนลดตั้ง100000 นึง แต่คิดๆแล้ว ตัวใหม่ได้ลด 50000 แต่ราคารถถูกกว่า 30000 แถมได้หน้าใหม่และก็ดิฟล็อค แค่นี้ก็คุ้มกว่าแล้ว เลยเอาตัวใหม่

 

ก็เลยจบจองในงานเปิดตัว วันที่ 18 พ.ย. ซะเลย ไม่รีรอแล้ว อยากได้รถก่อนปีใหม่ เซลล์ก็บอกทันแน่นอน จะสั่งรถให้เลยคุยดีมากขอแถมอะไรก็ให้ ไม่นานนักประมาณ 3 วัน ไฟแนนซ์ก็รู้ผล ผ่านแล้วพร้อมเป็นหนี้กันได้จ้าา

ต่อมาก็รอรถ คราวนี้ก็คิดว่าไม่ปัญหาอะไรพอต้นเดือนหลังวันพ่อ 5 ธ.ค.ไปแล้วก็ยังเงียบ (ตอนแรกเซลล์บอกรถมาต้นเดือน) ตอนนี้เริ่มกลัวไม่ทันและอีกอย่างขายวีออสไปแล้วจ้าา เพราะว่ากลัวราคามันจะตกต้องรีบขายก่อนปีใหม่ ส่วนราคาก็ตกไปเยอะเลย เพราะติดแก๊สและวิ่งหนัก แถมวาวล์มีปัญหาด้วย แต่ก็พอเงินดาวน์คันใหม่เหลือเงินติดตัวอีกส่วนนึงก็โอเค

แต่ตอนนี้ไม่มีรถใช้ก็เริ่มตามบ่อยขึ้น เซลล์ พอหลังจาก จองเสร็จก็เริ่มตอบไลน์ช้าขึ้น บางครั้งทักเป็นวันพึ่งจะตอบ โทไปก็ไม่รับด้วย เราก้ว่ามันชักแปลกๆ แล้วเซลล์ก็บอกว่าไปดูฤกษ์ได้เลย รถมาก่อน18แน่นอนครับ

ก็เลยไปดูได้ฤกษ์ไดัวันที่ 22 ธ.ค. แต่แล้วพอวันที่ 15 ถามไลน์ไปไม่ตอบ โทไปไม่รับ ทั้งวัน จนต้องโทเข้า 0 ถึงจะโทกลับบอกลืมมือถือ ก็ได้ความว่ารถยังไม่มา บอกว่ารถอยู่บางนา รอรอบรถมาส่ง ให้เลขตัวถังเรามา

ก็เลยยังเชื่อว่าก้คงมาแหละตามนั้น แต่ตอนนี้ไม่ซีเรียสแล้ว มาหลัง 22ก็ได้ แต่ขอก่อนปีใหม่ได้ไหม จะได้มีรถเที่ยว 555

ที่นี้ก็เช็คตอนเช้าต่อมาทุกวันเผื่อรถจะมา พอวันที่ 21 คราวนี้ไม่ตอบ ทั้งโทรทั้งไลน์ทนไม่ไหวเลยไป 0 เลย คุยกะผู้จัดการเซลล์ ก็คือรถมาจริงๆแต่ยังมาส่งไม่ถึง มีใบเอกสารให้ดู ก็เลยทำใจ หรือจะมาหลังปีใหม่ ส่วนเซลล์ก็นะพอมาถึง0 สักพักเข้ามาบอกว่า ผมไม่สบายนอนยาว เป็นงั้นอีก เริ่มไม่โอเคและ เพราะรับปากแล้วทำไม่ได้ และยังไม่ตอบอีก ถ้าตอบอธิบายก็ไม่ได้ว่า ต้องเสียเวลามาถึง 0 สุดท้ายเช้า 22 ผู้จัดการรับเรื่องต่อเองโทรมาว่า รถยังไม่มา ก็เลยแห้วว หลังปีใหม่ก็ได้วะ

พอถึงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 23 ก็มีสายเข้ามาตอนประมาณ บ่าย3 โมง บอกว่า พี่ครับรถมาแล้วครับเมื่อคืน เอ้าาาแล้วไม่มาแต่มะวานนน555 แต่ไม่ใช่แค่นั้น คนที่โทรมาคือหัวหน้าทีมของเซลล์ที่เราจอง

 

แล้วบอกว่ามีปัญหาเรื่องของแถมส่วนลด น้องเซลล์ให้ของแถมส่วนลดไปเกิน จำนวน จะขอลด ที่นี้ผมก็ไม่ยอมและโวยวายไปหน่อย ก็เลยนัดมาคุยตอนเช้าวันจันทร์24 ตกลงที่ศูนย์

ที่นี้เขาก็คุยและเล่าให้ฟังว่าเซลล์คนนี้ให้โปรเอายอดจองไปเกินทุกเคส เปิดให้ดูไลน์ที่ทีมเซลล์คุยกันว่าเรื่องจริงไม่ได้จะแกล้งขอตัด ตอนนั้นเซงมาก อยากจะถอนจอง แต่ว่าที่ไหนก็ไม่มีรถ (จริงๆตั้งแต่หลังวันพ่อที่พอติดต่อเซลล์ยากก็เริ่มคุยกะ0อื่นหลายที่เลยว่าที่ไหนมีรถรุ่นที่เราจะเอาบ้างไหมก็ไม่มีสักที จะไปเริ่มใหม่ที่อื่นก็ติดคิวคนที่จองในงานมอเตอร์โชว์ต้นเดือนธันวาแน่ๆ)

 

ก็เลยคุยไปมาสรุปว่าใช้เงินดาวน์ออกรถเท่าเดิมปกติ ขอตัดของแถมล็อคเทค ล็อคยางอะไหล่ กับกันสาด ที่เหลือให้ครบปกติ ก็เลยตกลง ก็รับได้พวกของแถมปกติก็เท่ากะ 0 อื่นที่คุยมา ก็เลยนัดรับรถวันที่ 25 คริสมาสเช้าวันต่อมาไปเลย ดูฤกษ์ในเน็ตมาเขาก็ว่าวันดี ฤกษ์สะดวกด้วยนี้แหละดีที่สุด 

 

ในที่สุดก็รับรถมาเช้าวันที่ 25 ธ.ค.

5c5d98232d74714cf1a19a3d.jpg

 

ก็เป็นอุทาหรณ์สักเล็กน้อยในการเลือกเซลล์ ให้เช็คให้ชัวๆเลย เพราะขนาดผมเอาคนที่เคยออกมาแล้วตอนพี่ชายเขาบอกไม่มีปัญหาอะไรเลยออกได้ปกติ ดันมามีปัญหาที่ผม สงสัยตัวใหม่จะทำยอดหรือป่าว แต่หัวหน้าเขาบอกจะให้เซลล์คนนี้ออก เพราะว่าทำไว้หลายเคส เคสอื่นๆ หัวหน้าช่วยไม่ไหวเกินไปเป็นหมื่นนต้องขอลูกค้าถอนจอง ก็ไม่รู้ว่าให้ออกจริงหรือป่าว แต่ผมก็บอกเขาว่าผมไม่ติดใจอะไรแล้ว ผมแค่ต้องการรถ ไมไ่ด้จะให้เขาจัดการอะไร แต่เขาคงจัดการกันเอง

5c5d98462d74714cf1a19a3e.jpg

 

 

ก็ได้มาเรียบร้อย วันแรกก่อนเข้าบ้านก็เลี้ยวเข้าร้านแม็กก่อนเลย หาร้านหาลายเล้งไว้แล้ว อิอิ ราคาจะได้ไม่ตก

5c5d988f2d74714cf1a19a3f.jpg

 

 

สำหรับไทรทันใหม่นี้เบรคใหม่จะเป็นแบบสองพอต ทำให้เบรคใหญ่มาก ต้องใส่แม็คออฟ 0 ถึงจะใส่ได้ ออฟ20ติด

 

5c5d98a3ed68e44cf9fdafca.jpg

 

 

สเปคของแม็คชุดนี้ราคา40500พร้อมยาง เทินล้อเดิมขอบ18ไปได้24500 เพิ่มเงินไป16000บาท

แม็ก HAMMER ขอบ 16 กว้าง 8.5 ออฟ 0 ยาง BF ko2 ขนาด265/70

เดิมๆไม่ยกใส่ได้แค่70ครับ ถ้าจะใส่ 75 ต้องยกขึ้น

5c5d98cbed68e44cf9fdafcb.jpg

 

 

ขอบยางพอดีซุ้มเลย แก้มยางล้นออกมานิดๆ

5c5d98e82d74714cf1a19a40.jpg

 

 

จอดเทียบกะพี่วีโก้พี่ในกลุ่มคันเดิมที่ขับนั้นแหละเขาอยู่ใกล้พอดีเลยแวะมาหา

5c5d991fed68e44cf9fdafcc.jpg

 

หลังจากออกวันที่ 25 ก็ช่วงใกล้ปีใหม่พอดี ก็เลย ถือโอกาศรันอินสั้นๆ ไปกางเตนท์ที่อ่างเก็บน้ำหุบเขาวงสุพรรณบุรี

5c5d996f2d74714cf1a19a41.jpg

 

 

5c5d9980ed68e44cf9fdafcd.jpg

 

อากาศดีมากที่นี้แต่ไม่ทำรีวิวครับทริปนี้ไปกางเตนท์เช้าก็กลับเลยแวะเขื่อนกระเสียวที่เดียว

5c5d99922d74714cf1a19a42.jpg

แล้วก็ไปปีใหม่บ้านฟางที่แม่กลองและไปหาญาติที่พัทยาและกลับ กทม.

แวะถ่ายรูปที่สะพานใหม่ชลบุรีขากลับ ครบ 1000 โลพอดีปีใหม่ แล้วเรื่องรีวิวรถต่างๆจะพิมพ์ท้ายๆนะครับ

5c5d99c2ed68e44cf9fdafce.jpg

 

ตอนกลางคืนไฟท้ายเป็นถั่วงอกคล้ายๆปาเจโร่แล้ว

5c5d99d4ed68e44cf9fdafcf.jpg

 

 

เดี่ยวดูภายนอกไปแล้ว มาดูภายในกันมั้ง

ภายในตัวนี้จะยกตัวแอทลีทหรือตัวปาเจโร่มาเลยครับ สวยงามใช้ได้

5c5d9a42ed68e44cf9fdafd3.jpg

 

 

แอร์ออโต้อันนี้ชอบมาก เย็นตลอดทั้งวัน

5c5d9a1ded68e44cf9fdafd2.jpg

 

5c5d9a192d74714cf1a19a44.jpg

 

5c5d9a18ed68e44cf9fdafd0.jpg

 

นี่ครับระบบขับ 4WD ที่ว่า ตัวขับ4เริ่มต้นจะไม่มี 2 ปุ่มข้างล่างแบบตัวท็อบ คือปุ่มช่วยลงทางชัน กับปุ่มโหมดออฟโรดที่จะคอยปรับกำลังเครื่องยนต์ให้เหมาะสม แต่เราเกียร์ MT อยู่แล้ว ไม่มีปัญหาครับ

5c5d9a1aed68e44cf9fdafd1.jpg

 

เอาละแถมมีคลิปด้วยตอนแรกไม่มีใครออกตัว 4*4 GLS นี้เลยเขาไปตัวท็อบกันหมด ก็เลยอัดคลิปหน่อยเผื่อจะเป็นข้อมูลคนที่สนใจ



เอาละจบประวัติกว่าจะมาเป็นไทรทัน2019ของผมมันต้องผ่านกระบวนการอะไรมากขนาดนี้555 ก็เนอะเหมือนตอนเลือก CRF นั้นแหละ รถเราใช้งานทุกวันก็ต้องเลือกที่มันถูกใจที่สุดสิเนอะ เอาละต่อไปจะเริ่มรีวิวทริปลำพูนแล้วครับ แล้วก้จะรีวิวรถไปพรางๆด้วย ไว้ท้ายๆจะเขียนสรุปละกันไปกันเลย

 

เริ่มออกเดินทางกันเลยคืนวันที่18 ช่วง3ทุ่มกว่าๆ ทริปนรี้ไปจาก กทม. 3 คนเพื่อนอีก 2 คนรถล้มอดมา แต่มีพี่สาวที่ลำปางคนเดิมเจอตอนเช้า

5c5d9ba62d74714cf1a19a45.jpg

 

มาเติมน้ำมันถังแรกแถวบางปะอินวิ่งจากบ้านให้น้ำมันมันกระพริบอัดไปเต็มถังได้ 63.615 ลิตร เดี่ยวมาดูเรื่องน้ำมันกันตอนท้ายครับ

 

5c5d9bb8ed68e44cf9fdb0a2.jpg

 

จากนั้นก็ยิงยาว รถช่วงแรกค่อนข้างเกือบจะเยอะ ทำความเร็วได้ 120-140 แต่ยืนพื้นในช่วง120 ไม่รีบ อยากจะลองให้มันประหยัดๆ 555 บอกเลยว่าเรื่องการขับขี่ อัตราเร่งมันดีมากครับ กดเป็นมาไม่มีคำว่าอืด กดแปบเดียวความเร็วไหลไป 150 เดี่ยวสรุกทุกอย่างตอนท้าย

มาแวะกินข้าวที่จังหวัดตากตอนนั้น ตี 2.30ได้ครับ

 

5c5d9bdced68e44cf9fdb0a3.jpg

 

จากนั้นก็ยิ่งยาวมาถึงลี้โดยใช้เส้นทางเถิน-ลี้ ช่วงที่เข้าเถินนั้นเป็นเวลาตี4กว่า โอ้โห มันเงียบเหงามาก เจอรถสวนอยู่ 4 คัน ใครเคยไปคงจะพอทราบดี เส้นทางคดเคี้ยวบนเขาประมาณ 50 โลไปถึงลี้ คดเป็นงูเลย ตื้นเต้นหายง่วงดีครับ มาถึงที่วัดพระพุทธบาทผาหนาม​ ตี 5 หน่อยๆ ขับมาจอดบนยอดเลย อากาศเย็นกำลังดี เลยได้นอนไปตื่นนึง

5c5d9c112d74714cf1a19a46.jpg

 

 

 

5c5d9cd4ed68e44cf9fdb0a4.jpg

 

นอนกันเพลินตื่นเกือบ 7 โมง เดินขึ้นไปถ่ายรูปด้านบนกันครับ

 

5c5d9ef42d74714cf1a19a47.jpg

วิวเช้าน้้มีหมอกจางๆปกคลุมไปทั่วพื้นที่ พร้อมแสงแดดกำลังสาดส่อง

5c5d9f032d74714cf1a19a48.jpg

 

 

ไปดูรูปวิวรอบๆกันเลย

5c5d9f0d2d74714cf1a19a49.jpg

 

 

5c5d9f182d74714cf1a19a4a.jpg

 

 

5c5d9f222d74714cf1a19a4b.jpg

 

 

5c5d9f35ed68e44cf9fdb0a5.jpg

 

 

5c5d9f422d74714cf1a19a4c.jpg

 

 

 

5c5d9f542d74714cf1a19a4d.jpg

 

ไหว้พระขอพรหน่อยทริปแรกของปี และทริปแรกของเจ้าไทรทันอย่างเป็นทางการด้วย

5c5d9f5f2d74714cf1a19a4e.jpg

 

 

 

5c5d9f6c2d74714cf1a19a4f.jpg

 

5c5d9f7aed68e44cf9fdb0a6.jpg

 

ตีฆ้องไป 3 ทีปีนี้ขอให้ราบรื่นด้วยเถิดด

5c5d9f8bed68e44cf9fdb0a7.jpg

และตีระฆังให้ดังไปทั่ว

5c5d9f9eed68e44cf9fdb0a8.jpg

ออกจากวัดก็ลงมาแวะปั้มล้างหน้าแปรงฟัน และมาแวะกินข้าวเช้าที่ปากทางเข้าอุทายนแม่ปิงเลย 

จากถนนใหญ่พอเลี้ยวเข้ามาปุ้บทางจะไปอุทยานก็จะเจอร้านป้าเลยครับทางขวามือ อาหารอร่ยมีหลายอย่างราคาไม่แพง

5c5d9fad2d74714cf1a19a50.jpg

ขับเข้ามาอีกไม่นาน 20โลได้ ก็จะถึงอุทยานแห่งชาติแม่ปิงแล้วครับ จ่ายค่าธรรมเนียบเสร็จแล้วก็เข้าไปติดต่อเรื่องกางเตนท์ไว้ก่อน และรถที่จะขึ้นผาแดงในเช้าวันพรุ่งนี้

5c5d9fc92d74714cf1a19a51.jpg

ตรงที่ทำการก็ติดต่อเรื่องที่นอนและรถตอนเช้าในเสร็จ น่าเสียดายรอบนี้กะว่าจะมาลองระบบขับสี่ขึ้นจุดชมวิวผาแดงหลวงเสียหน่อย แต่ตอนนี้เข้าไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวขึ้นแล้ว ถึงจะเป็นขับ 4 ก็ตามต้องไปรถเจ้าหน้าที่เท่านั้นครับส่วนค่าระก็เป็นคันเหมา 3000-3500 นั้งได้ประมาณ 10คนครับ 

 

หลังจาก​ติดต่อเรื่องรถเรื่องที่นอนแล้ว เจ้าหน้าที่ก็แนะนำที่ท่องเที่ยว ว่ามีอะไรบ้าง หลักก็มีน้ำตกก้อหลวง และแก่งก้อ นั้งเรือแม่น้ำปิง ซึ่งจะมีให้ไปหลายจุดแล้วแต่เราจะเลือกไป ได้ความแล้วก็ไปกันต่อ เราจะไปเที่ยวกันก่อนแล้วค่อยเข้าไปกางเตนท์

5c5d9fde2d74714cf1a19a52.jpg

แอดท่าสมาชิกทริปนี้กันหน่อย​

5c5da000ed68e44cf9fdb0a9.jpg

วิ่งไปตามทางไม่ยากไม่นานนักเราก็มาถึงจุดแรก คือน้ำตกก้อหลวง ทางเดินสั้นๆชิวๆ 500 เมตร ไม่นานก็ถึง

5c5da010ed68e44cf9fdb0aa.jpg

ทางเดินง่ายๆครับไม่ได้ปีนป่ายอะไร​

5c5da01eed68e44cf9fdb0ab.jpg

 

เจอดอกไม้สวยลืมชื่อไปแล้วว่าชื่ออะไรใครทราบแจ้งหน่อย

5c5da0602d74714cf1a19a53.jpg

ถึงแล้วน้ำตกก้อหลวง​

5c5da0702d74714cf1a19a54.jpg

สวยงามน้ำสีเขียวฟ้า แต่ว่าน้ำดูน้อยไปหน่อยครับช่วงนี้ แต่ของจริงน้ำดูเยอะกว่าในรูปครับ​

5c5da07eed68e44cf9fdb0ac.jpg

 

ไปดูรูปกันเลย

5c5da0f52d74714cf1a19a55.jpg

 

5c5da1a1ed68e44cf9fdb0ad.jpg

ปลาเพียบ

5c5da1af2d74714cf1a19a56.jpg

 

 

5c5da1af2d74714cf1a19a57.jpg

สวยจริงๆนะที่นี้มาดูกันๆ

5c5da1c72d74714cf1a19a58.jpg

 

5c5da1d82d74714cf1a19a59.jpg

 

5c5da1e82d74714cf1a19a5a.jpg

เดินย้อนกลับมานิดนึงก็จะตาดตกสะดอ 

5c5da2222d74714cf1a19a5b.jpg

ตรงนี้น้ำก็เขียวสวยเหมือนกัน แต่ว่าสายน้ำน้อยไปหน่อยครับ แถวน้ำตกนี้มีจุดกางเตนท์ได้ด้วยครับ

5c5da24fed68e44cf9fdb0ae.jpg

 

5c5da26f2d74714cf1a19a5c.jpg

ห้องน้ำที่อุทยานนี้ดีทุกจุดเลยครับใหญ่สะอาดแหล่มมากๆ วันที่เราไปก็คนน้อยจริงๆไปไหนกันหมดต้นปีหน้าหนาวนะเนี้ย

5c5da2a22d74714cf1a19a5e.jpg

ขาออกจากน้ำตกเจอถนนสวยขอสักรูป  

 

ลืมบอก วันก่อนที่จะออกทริปนี้ได้ไปติดกันชนท้ายเหล็ก 50 โล กับบรรไดข้างมาด้วยครับ ดูแข็งแกร่งเหมาะแก่การลุยไปอีก อิอิ

5c5da2bc2d74714cf1a19a5f.jpg

จุดหมายต่อไปแก้งก้อ เดี่ยวเราจะล่องเรือไปที่โรงเรียนในหนังคิดถึงวิทยากันครับ

5c5da2caed68e44cf9fdb0af.jpg

เจอตรงไหนสวยก็ขอถ่ายไว้หน่อยทริปนี้รูปรถมันจะเยอะมากเพราะกำลังเห่อไม่ว่ากันนะคัรบ อิอิ จะได้มีหลายๆมุมเผื่อจะมีใครหลงรักเจ้าตั้นดำแบบผมมั้ง​

5c5da2e22d74714cf1a19a60.jpg

ก่อนล่องเรือ เที่ยงพอดีแวะกินข้าวที่แพก่อน ติดต่อเรือตรงแพร้านอาหารได้เลย มีที่พักแบบเป็นก็มีนะ ใครสนใจก็ลองติดต่อบรรยากาศใช้ได้เลยผมว่า​

5c5da33bed68e44cf9fdb0b0.jpg

 

5c5da349ed68e44cf9fdb0b1.jpg

ส่วนอาหารก็ราคาทั่วไปครับ​

5c5da35f2d74714cf1a19a61.jpg

ส่วนค่าเรืออันนี้มีหลายราคาว่าเราจะไปจุดไหนสามารถล่องไปได้ถึงท้ายเขื่อนภูมิพลจังหวัดตากเลยล่ะ แต่ค่าเรือก็แพงตามและเวลานานด้วย ผมเลยเลือกโปรแกรมไปโรงเรียนบ้านก้อจัดสรรที่เดียวพอ และก็ชมวิวไปเรื่อยๆ ไปกลับประมาณ 1.30 ชม.ในราคา 1500 บาท นั้งได้หลายคนอยู่เรามา 5 คนเลยตกคนละ 300​

5c5da3d6ed68e44cf9fdb0b3.jpg

วิวสวยมากครับอารมณ์คล้ายๆตอนนั้งเรือเข้าเชี่ยวหลานแต่ภูเขาจะเป็นคนละแบบ​

5c5da3e3ed68e44cf9fdb0b4.jpg

 

5c5da3f8ed68e44cf9fdb0b5.jpg

ซูมดูฝูงวิวไกลๆ

5c5da408ed68e44cf9fdb0b6.jpg

ชมวิวไปเรื่อยๆ

5c5da418ed68e44cf9fdb0b7.jpg
5c5da4422d74714cf1a19a63.jpg

 

 

5c5da444ed68e44cf9fdb0b8.jpg

 

 

5c5da4442d74714cf1a19a64.jpg

งามใช้ได้ลมเย็นจนง่วงนอน

5c5da467ed68e44cf9fdb0b9.jpg

 

พอกำลังจะคล้อยหลับ ก็มาถึงพอดีที่โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร สาขาเรือนแพ

5c5da4692d74714cf1a19a65.jpg

 

 

5c5da469ed68e44cf9fdb0ba.jpg

ที่อยู่ในหนังเรื่องคิดถึงวิทยาหลายคนคงเคยดูแต่จำได้ว่าตอนที่เขาถ่ายทำหนังเขาไม่ได้ถ่ายที่นี้แต่ไปสร้างจำลองที่อื่น แต่เอามาจากที่นี้นั้นแหละครับ  เรามาวันเสาร์แน่นอนไม่เจอนักเรียนครับ แต่ถ้าใครซื้อขนมมาฝากได้ และมีน้องหมาด้วยนะใครอย่าติดอาหารมาบ้างและมีสมุดบันทึกคนมาเยี่ยมเขียนฝากน้องๆได้ครับ​

5c5da4b9ed68e44cf9fdb0bb.jpg

บรรยากาศรอบๆ

5c5da4d4ed68e44cf9fdb0bc.jpg

 

5c5da4eaed68e44cf9fdb0bd.jpg

 

5c5da50aed68e44cf9fdb0be.jpg

 

มีน้องไก่ด้วย

5c5da534ed68e44cf9fdb0bf.jpg

 

5c5da54fed68e44cf9fdb0c0.jpg
5c5da5b8ed68e44cf9fdb0c1.jpg

 

 

5c5da5b92d74714cf1a19a66.jpg

 

 

5c5da5baed68e44cf9fdb0c2.jpg

 

 

5c5da5baed68e44cf9fdb0c3.jpg

 

5c5da5eced68e44cf9fdb0c4.jpg

ถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้วก็กลับกัน

5c5da6152d74714cf1a19a67.jpg

 

ก่อนกลับเจอช็อตช็อคเบาๆ ใบพัดเรือหัก พี่คนเรือบอก ชิบหายแล้วว555 ยังดีมีใบสำรอง แก้ไขอยู่ไม่นาน ก็กลับได้ สัญญาณก็ไม่มี ถ้าไม่งั้นคงต้องแจวเรือแคนูที่โรงเรียนกลับกัน 555

5c5da615ed68e44cf9fdb0c5.jpg

 

 

5c5da616ed68e44cf9fdb0c6.jpg

ขากลับถ่ายหัวเรือหน่อยให้พี่เขาขับช้าๆวิวสวยเด็ด​

5c5da67a2d74714cf1a19a68.jpg

 

 

 

5c5da67aed68e44cf9fdb0c7.jpg

 

5c5da67bed68e44cf9fdb0c8.jpg

 

5c5da6aded68e44cf9fdb0c9.jpg

กลับมาถึงประมาณบ่ายสามเวลากำลังดี ก็ไปต่อเข้าที่กางเตนท์กัน

5c5da6cb2d74714cf1a19a69.jpg

ที่จุดกางเตนท์ทุ่งกิ๊กนั้นไม่มีร้านอาหารนะครับ ต้องเตรียมกันมาเองทุกอย่าง ใครจะซื้ออะไรจะมีร้านค้าที่หมู่บ้านระหว่างทางขากลับจากแก้งก้อนะครับแวะซื้อตุนไว้เลย เพราะเข้าจากทางหลักเข้าไปอีก 10โล ​

5c5da6fc2d74714cf1a19a6a.jpg

 

ทางเข้าจุดกางเตนท์จากสามแยกถนนหลักของอุทยานเข้ามา 10 โล จะเป็นทางราดยางใหม่ๆอย่างดีเลย แต่แคบครับ ถ้ารถเยอะจะสวนลำบากหน่อย ทางสวยก็ขอจอดถ่ายรูปอีกและ

5c5da7542d74714cf1a19a6b.jpg

 

 

 

5c5da9aeed68e44cf9fdb165.jpg

ชาบู้อนๆใส่ฮอทดอก และหมูชาบู เส้นเล็ก ร้อนๆ อร่อยเหาะ ​

5c5daa51ed68e44cf9fdb166.jpg

อาการเย็นวันนั้น  เย็นๆไม่ถึงกับหนาวฟ้าครึ้มๆเหมือนจะมีฝน แต่ไม่มี​

5c5daa7d2d74714cf1a19a6d.jpg

แสงเย็นก็สวยงาม

5c5daaaced68e44cf9fdb167.jpg

 

ตกกลางคืนวันนี้พระจันทร์สว่างมาก ถ่ายดาวไม่ได้ ก็เลยเล่นกะไฟข้างล่างแทน​

5c5daae72d74714cf1a19a6e.jpg

 

ชูไฟขึ้นแล้วหมุนๆ​

5c5daae8ed68e44cf9fdb168.jpg

 

5c5daae8ed68e44cf9fdb169.jpg

 

เขียนไฟเล่นไปมากันจนถึง 3ทุ่มกว่าๆ อากาศลดลงตอนนี้เริ่มมีอาการหนาว หาเสื้อกันหนาวใส่แล้วแยกย้ายกันนอน ตอนเช้ารถจะมารับ ตี 3 ครับ​

5c5daaeaed68e44cf9fdb16a.jpg

นอนหลับสบายอากาศเย็นๆ รูปนี้ตื่นมาถ่ายตอนตี 3 ระหว่างจะขึ้นรถ ดูความสว่างของพระจันทร์สิ นี้ตอนนี้ไฟทั้งอุทยานปิดหมดสนิทแล้ว ที่เห้นขาวๆคือแสงจากพระจันทร์ แต่ก็พอเห็นดาวอยู่นะ

5c5dabc6ed68e44cf9fdb16b.jpg

สำหรับการขึ้นผาแดงหลวงจะต้องเข้าไปในทางวิบากบนเขาประมาณ 17 กิโล  ซึ้งแต่ก่อนเขาให้นำรถตัวเองขึ้นได้โดยจ้างเจ้าหน้าที่นำทางขึ้นไป แต่ตอนนี้ไม่ให้แล้วถึงจะเป็นรถขับ4ก็ตาม อดทดสอบระบขับ4เลยงานนี้ แต่ก็ไม่เป็นไรตามกฏเขาว่า  

pmo4mnjaoP92BtWZvXX-o.jpg

ค่ารถก็ไม่แพงเพราะใช้เวลานานพอควรขาละเกือบ 2 ชั่วโมงทางกระโดกกระเดกไป  ราคาคัน3500 บาท วันนั้นโชคดี ที่ว่ามีแค่10คนที่กางเตนท์เขาก็จะไปดูด้วยกันหมดเลย   เลยหารกันไปตกคนละ 350 บาทเอง  คุ้มครับเพราะ

pmo4mo6rfEbIkhm0SOr-o.jpg

ขับเข้ามาได้ยังไม่ครึ่งทางก็ต้องเจอกับต้นไม้ล้ม แหมะท่ามาเองคงจะตกใจน่าดู ล้มตรงกลางอย่างกะปิดทาง ยังดีว่ามีผู้ชายเยอะ เลยไปตัดไม่ซี่มางัดไม้ซุง สุภาษิตนี้ใช้ได้จริงครับ เพราะจะอุ้มยกยังไม่ขึ้นเลย ต้องใช้ไม้มางัดกัน

pmo4mndl8ZB0veKP1eP-o.jpg

แก้ไขกันอยู่ 10นาที ก็ไปต่อ

pmo4mmdp7UyR9MMd4u2-o.jpg

ประมาณ ตี4.40 เราก็มาถึงจุดที่ต้องเริ่มเดิน  ทางเดินไม่ยากครับ ประมาณ โลกว่าๆได้มั้ง จำได้ว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึง แต่ก็เป็นเนินอยู่สองสามเนิน ทำเอาเหนื่อยได้เหมือนกัน ​

pmo52u52d13c937cvEh-o.jpg

ช่วงนั้นเป็นช่วงก่อนฟลูมูนพอดี พระจันทร์เลยสวยใหญ่แต่ตอนตี 5 นั้นคือช่วงกำลังจะลับฟ้าพอดี

pmo52u199dY9YeIeSQwa-o.jpg

และพอมาถึงจุดชมวิวผาแดงหลวงประมาณตี 5 ก็ต้องว้าวอีกครั้ง เพราะตอนนี้ พระจันทร์กำลังจะลับไปอีกฝั่งเลยทำให้แสงอ่อนแรงแล้ว

pmo56i5eatyxFPwoQe4F-o.jpg

ดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้าก็มองเห็นชัดเจนฟ้าใสไร้เมฆบดบัง ไม่รีรอตั้งกล้องถ่ายกันสิครับงานนี้  แสงส้มๆนั้นไกลคืออาทิตย์ที่กำลังจะค่อยๆออกมา มองด้วยตาตอนนั้นมืดสนิทมองไม่เห็นแสงส้มแต่กล้องลากสปีดนานมันจับมาได้ครับ

pmo58d5tcAzA7YrxMQz-o.jpg

พอถ่ายไปๆสักพัก เฮ้ยย ขาวๆแปลกๆที่ขอบฟ้า

pmo59u7zaFrbSil6LZS-o.jpg

ใช่แล้วมันคือทางช้างเผือกใบนี้จะถ่ายดาวพอถ่ายเสร็จดูดีๆ นี่ช่างนี่หน่า  อันที่จริงปีนี้เขาจะเริ่มถ่ายดาวกันจริงๆก็ช่วงกุมภาไป เพราะมกรานี่ ช้างมันขึ้นช่วงใกล้สว่างทำให้แสงอาทิตย์มันจะมากลบทำให้มองไม่เห็นครับ ผมเลยไม่ได้ตั้งใจมาถ่าย

pmo5c426aqVKJCFP0DBa-o.jpg

เป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวระหว่างที่แสงอาทิตย์กำลังจะมาและพระจันทร์กำลังจะลับไป และช้างก็ออกมาให้เห็นเพียงไม่นาน ผมได้มาไม่กี่รูปครับ รูปนี้จะชัดสุด แล้วแสงสว่างก็มาแทนที่  ฟลุ๊คจริงๆทริปนี้ เวลาไม่คาดหวังมักจะได้เกินคาดเสมอ

pmo5eodns2aIae6vncn-o.jpg

ไปต่อครับ แล้วแสงเช้าก็มาดาวหายไป ทไวไลท์ต่อเลย

pmo5i3gjqeL4F19f0JL-o.jpg
pmo5i221wsbW9kUp251O-o.jpg

งดงามเกินจะบรรยายจริงๆครับ

pmo5j12wiJwDVjATV8v-o.jpg
pmo5j29a3dgxUzuKn3Rm-o.jpg
pmo5j21w2qF0nJTveW9V-o.jpg
pmo5j22w2ThvZtjwWrL-o.jpg

ดูรูปยาวๆไปเลย

pmo5j31m14TWXFfrZKX7-o.jpg
pmo5sl1tu4TD6gxlvYz2-o.jpg
pmo5sn9gozha9UfX57q-o.jpg
pmo5slys9CjXGZ3CpGo-o.jpg
pmo5snf41vCriKt064d-o.jpg
pmo5sljar6sTmHmzP4M-o.jpg
pmo5sn9jfemm8PwB7Pym-o.jpg
pmo5sl2mxxM1i8aj581R-o.jpg

แล้วพระอาทิตย์ก็โผล่ขึ้น ธรรมชาติมันสรรสร้างอย่างกับจับวาง ให้พระอาทิตย์ขึ้นตรงกลางแล้วมี แม่น้ำ มีสามเหลี่ยมหน้าผา  ลงตังเสียจริง

pmo5v9j749FL404N72F-o.jpg
pmo5v98q2WGcRb99NUR-o.jpg
pmo5v9dfhr0pO31OZMO-o.jpg
pmo5v97t24h1t6GIx3a-o.jpg
pmo5v99c6vVVlflLEzKy-o.jpg
pmo5v9dfsXadSnW3An4-o.jpg
pmo5va1l67mbjwF77Bk-o.jpg
pmo5wv8hsj4C6DZp8Yh3-o.jpg
pmo5wwbz7tJi423hNQW-o.jpg
pmo5ww23f3B7lzeQYQWj-o.jpg

แสงทองส่องงดงาม

pmo5wvbk44QtdeY3dsQ-o.jpg
pmo5wvxb5XdnAjrJTiW-o.jpg
pmo5y4ecu21VBvpUy6X-o.jpg
pmo5y6bzgx38hACHh9n-o.jpg
pmo5y75lvHeojMDpbC4-o.jpg
pmo5y52wzbu50exssF7-o.jpg

อยู่กันจนถึง 7โมงกว่าๆก็เริ่มเดินลง 

pmo5y8dakPglsKL5m8G-o.jpg

ขาขึ้นอย่างเกาเหลาา ขาลงอย่างเกาหลี แฮร่

pmo5y4do9wmRLFKxRny-o.jpg

 

ทางก็จะประมาณนี้แต่มันมีกระโดกเดกเยอะกว่านี้แต่ต้องจับเหล็กไม่ได้ถ่าย

pmo67s1hj8DmDr2yHAQj-o.jpg

ช่วงขาลงเย็นและง่วงก็เลยเอามือเท้าเหล็กรถแล้วเอาหน้าผากทับกะพักสายตาเบาแต่มันดันหลับแบบไม่รู้ตัว เด้งไปเด้งมา มือหลุดจากเหล็กหัวโขกเหล็กดังโป็กกก มันจี๊ดขึ้นสมอง อย่างเจ็บบ ปวดจี๊ดตาสว่าง หัวโนเลย แต่ไม่ไดบวมใหญ่ 5555

pmo67t9kt7g6rXD5LRL-o.jpg

ในส่วนของรถนำเที่ยวของเราก็คือเจ้าคันนี้ พี่ Toyota hilux mighty-x -ขับเคลื่อนสองล้อ พ่อทุกสถาบัน  นั้งไป10 กว่าคน พี่เขาขับอย่างชิว ขึ้นเนิน เสียงเครื่องดูไม่ต้องคำรามกระหึ่มมันก็ไปได้เรื่อยๆ สุดยอดจริงๆ อย่างว่าเจ้าถิ่นเขาจะรู้จังหวะ ช่วงขึ้นลงเนินเพราะใช้ทางประจำ แหมะน่าเสียดายเรามี 4WD แท้ๆ ไม่ยอมให้เราไป ฮือๆ 

pmo6d4kmbLlEkCRLghr-o.jpg
pmo6d53ovfiZAOcSxe4i-o.jpg

หลังจากลงมาแล้วก็กินมาม่ามื้อเช้ากะหมูและฮอทดอกที่เหลือให้หมด ขอบอกว่าอัดแน่นมากมื้อนี้ เพราะเวลา 10โมงแล้ว หิวๆ

pmo6j1mxl7LIdG0yLiB-o.jpg
pmo6j48herTri5lJq6qJ-o.jpg
pmo6j1cshMuLmIFHkbk-o.jpg
pmo6j2gm7XGA8OB9Wyg-o.jpg

ถ่ายรูปเล่นรอบๆอีกหน่อยก่อนออก

pmo6q2gcdBgb6OW2jX4-o.jpg
pmo6q4328oKrVcH06kMz-o.jpg
pmo6q31yjnrg9eWHoC9h-o.jpg
pmo6q37tmX4Ix9Wd1j4-o.jpg
pmo6q3dp8ubmB21O6Wo-o.jpg

บ๊ายบายทุ่งกิ๊ก และอุทยานแห่งชาติแม่ปิง เป็นที่กางเตนท์ที่ดีมากๆครับ เงียบสงบสวย ที่สำคัญลืมบอกว่าที่นี้ไร้สัญญาณมือถือทุกค่าย หากจากโลกกันโซเชี่ยวสักคืน จะได้คุยกับคนข้างๆมากขึ้นครับ 

pmo6r1pxpJtLLRnWhk4-o.jpg
pmo6r12wg3ASm5zb6fg-o.jpg

ออกมาถึงลี้ก่อนจะกลับจริงๆ ก็ขอแวะวัดกนอีกหน่อยนั้นคือที่ วัดพระบาทห้วยต้มครับ

pmo6u7dodnhuJ37ugsR-o.jpg
pmo6u7jaoklqUYParA3-o.jpg
pmo6u81kl4697LP07vP-o.jpg
pmo6r17n980WeE6LTFm-o.jpg

มีงานจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงดงามมากครับที่นี้ 

pmo6vv7tkJWefcFBUk8-o.jpg
pmo6w1p5moCN0tJCUiQ-o.jpg
pmo6vwmg1v310C7eAAO-o.jpg
pmo6w1do9Pyr7dCGv84-o.jpg
pmo6vxy1jWN50XN00mS-o.jpg
pmo6vwi865OFeRgMkiU-o.jpg
pmo6vxmxnj7KmMB7egc-o.jpg
pmo6w0damKhkEjjAp3L-o.jpg
pmo6vzkxwpwxhBwaetL-o.jpg

วันนั้นเป็นวันพระด้วยและที่วัดมีงานพอดีชาวบ้านเลยมากันเยอะเลย

pmo6xwpy09g4erKFCpT-o.jpg
pmo6xwii8qB4qtbjcnM-o.jpg

แวะที่สุดท้ายของลำพูน ที่พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย 

pmo70025b38XEww1b9Gv-o.jpg
pmo6zy11zxn6d14jabP-o.jpg

ที่นี้ก็สวยงามเช่นกันครับ

pmo6zz298cleE77Z6B9J-o.jpg
pmo6zzgm76M75GAucyk-o.jpg
pmo6zydarb06xRwkugu-o.jpg

ออกจากลี้ประมาณบ่ายโมง กลับทางเส้นเดิม ลี้ลงมาเถินคราวนี้ช่วงกลางวันเห็นทางชัดเจน ได้ทดสอบการเข้าโค้งแบบต่อเนื่องของน้องตั้น ผลออกมาดีเกินคาด มันไปได้แบบง่ายได้เกาะดีมาก ไม่คิดว่ารถสูงๆจะเข้าได้ดีแบบนี้ แต่ก็ยังสู้วีออสคันเดิมเราไม่ได้ แต่ก็แน่นอนคันนั้นมันโหลดเตี้ยและทำช่วงล่างมาแล้ว แต่เดิมๆของกระบะได้ขนาดนี้ถือว่า แจ่มมากครับอันนี้การันตีเลย ถึงเถินปุ้บน้ำมันถังแรกก็หมดกระพริบ วิ่งได้ 717 โลเอง ทำไมรู้สึกเหมือนกิน

pmo8jc7tmIw6F5JaFx6-o.jpg

เติมกลับไปได้ 63 ลิตรเท่าดิมเลย สงสัยเพราะขึ้นเขาเยอะถังนี้ เดี่ยวสรุปน้ำมันรวมตอนท้าย

pmo8iofd1wry7h3eprV-o.jpg

พอออกจากลี้ได้ขากลับนี้ขอเปิดโหมดทำเวลามั้ง ซัด 120-150 ตลอดทางช่วงรถไม่มีก็จัดได้ มีบางช่วงรถโล่งๆไม่มีใครเลยทดสอบกดไหลไปถึง 170 แบบไม่ยากเท่าไหร่ แต่จะเริ่มช้าตอนเกิน 160 แต่ยังเหลืออีก แต่เริ่มไม่ไว้ใจในยาง AT เอาแค่นี้ก็พอ

pmo8jqdl8CQ87uLNEzC-o.jpg

ถึงจังหวัดตาก มองทางซ้ายเห็นป้ายอุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัยรีบเบรคทันที พึ่งรู้ว่าป้ายอยู่ตรงนี้ เลยจอดถ่ายและเห็นป้ายว่ามีไม้กลายเป็นหินข้างในเลยขับเข้าไปดูหน่อย

pmo752i93TxfNB760E1-o.jpg

พอเข้ามาถึงก็ต้องถึงกับว้าวอีกและ ไม่รู้มาก่อนเลยว่ามีแบบนี้ด้วย

pmo7i51p823UhmHrOjR2-o.jpg

เป็นไม้จริงๆที่ใหญ่ยาวมากมีน้องมัคุเทศน้อยมาช่วยให้คำแนะนำว่าไม้นี้มีอายุกว่าแสนปี คือมีชาวบ้านขุดพบนานแล้ว เขาก็เลยแปลกใจว่ามันใหญ่เลยไปแจ้งให้นักธรณีมาดูเขาเลยบอกวาเนื้อข้างในมันมีส่วนผสมที่กลายเป็นหินประมาณนั้น ซึ่งก็สันนิฐานว่าเกิดจาดระยะเวลาที่นานแล้วเจอแร่ธาตุในบริเวณนี้ด้วยเลยกลายเป็นหิน เพราะ บริเวณรอบๆนี้ยังมีไม้กลายเป็นหินอีกเพียบ

pmo7i56r7o1UuYc9aEE-o.jpg

แต่ที่สมบูรณ์ที่สุดก็คือ จุดที่ 1 

pmo7i4xo6efz1Lxeq0N-o.jpg
pmo7i5dnxpt6fZ31nRn-o.jpg

จากนั้นน้องก็พาไปดูจุดที่สองที่สาม

pmo7o19ordSj9FKvHYL-o.jpg
pmo7nzp4ybCm9LyRIN8-o.jpg
pmo7ny1w2q9s5Vokm2IQ-o.jpg
pmo7nz1yjok6OuWwo7I7-o.jpg

ที่จริงมีน่าจะ 8 จุด เราดูแค่ 3จุดแรกนี้ เพราะจุดที่เหลือต้องขับรถออกไปอยู่คนละที่

pmo7nz6x22wglK1Kietv-o.jpg
pmo7nyf41hOscV1BAb0-o.jpg

สอบถามเพิ่มเติมได้ความอีกว่าก็ตั้งแต่เจอไม้กลายหินนั้นแหละเลยมีที่นี้ หลายปีมาแล้ว แต่ป้ายข้างหน้าใหญ่ๆที่ว่าอุทยานแห่งชาตอดอยสอยมาลัยนั้นพึ่งทำใหม่เมื่อปีสองปีนี้เองครับ ส่วนพิกัดก็คือ อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลบ้านตากเลย ขาลงไป กทม. ใครผ่านก็แวะเข้ามาดูได้ติดถนนเข้ามาแค่ 2 โล

pmo7pk2yyt7U64aAVq5g-o.jpg

อันนี้คือจุดที่ 5 แวะเลี้ยวมาดูนิดนึงเข้ามา500เมตร

pmo7tb7jqd13oHNC4fpf-o.jpg
pmo7uoy10cXOQlZ5uDW-o.jpg

กำลังโยกกลับรถ เวลาใช้สมาธิปากก็จะห้อยๆหน่อย 555

pmo7um9gpzmPANgeItb-o.jpg
pmo7ul2yysccLwcSDk5g-o.jpg
pmo7ulk63Gj642YMmjV-o.jpg
pmo7ulbr3e4NrlWU96X-o.jpg
pmo7w19g8yj9ggRojIn-o.jpg

โลเคชั่นใช้ได้เหมือนอยู่ในป่าเลยขอปิดทริป ผาแดงหลวงลำพูนด้วยภาพนี่ครับ

pmo7w1cxk98pbkBVy5i-o.jpg

ออกจาอุทยานสอยมาลัยก็เกือบ4โมง ก็ตรงดิ่งยิงเข้า กทม. ขับเหมือนเดิม ทำเวลาได้ดีพอควร มาถึงแถวบ้าน3ทุ่ม  พลังมาม่าเมื่อ10โมงได้ใช้จนหมดเกลี้ยงมากินอีกมื้อร้านแถวบ้านกันเลย   จบทริปอย่างเป็นทางการ  กับระยะทาง 1223 กิโล  น้ำมันเหลืออีกครึ้งถัง 

pmo8as45zaB5J7RqX3Z-o.jpg

กลับมาขับใน กทม. จนหมดถังที่สองได้ระยะทาง 770โล  ในรูปถ่ายตอนกำลังเติมพอดีเลยมีน้ำมัน ขับจนมันกระพริบแล้ว

pmo8f49os1dIhyN49Oy-o.jpg

รวมระยะทางทั้งหมด 1487 กิโล

pmo8dx2yya46KOKadWCM-o.jpg

สรุปได้ว่า เติมน้ำมันไปสองรอบ 3300 บาท ได้126.615 ลิตร วิ่งได้ทั้งหมด 1487 กิโล ตกกิโลละ 2.21 บาทหรือ 11.74โลต่อลิตร โดยแบ่งเป็นถังแรกขาไปถังแรก ขึ้นเขาและขับเที่ยว ขับไม่เร็วมาก 120-140 มีไหลไป160นิดหน่อย ได้717 โล จากบางปะอินเที่ยวลำพูนจนมามาหมดที่เถิน ถังที่สองขากลับจากเถินถึงบ้านและขับในเมืองอีกครึ่งถัง  ขากลับทำเวลากด120-150ตลอดทาง ถึงกทมเหลือครึ่งถัง ขับจนหมดได้ 770 โล สรุปมันต้องขับเร็วหรือช้าถึงจะประหยัด หรือขาไปมันขึ้นเขาเยอะเลยกินน้ำมัน อันนี้ยังสงสัย555 ส่วนถ้ารถใครเดิมๆมันคงจะได้เยอะกว่านี้แหละ อันนี้หนักล้อยาง เฉพาะยาง BF เส้นละ 24 กิโล ไม่รวมแม็ก และเหล็กกันชนท้ายอีก 50 โล บันไดข้างอีก ได้เท่านี้ผมคิดว่าไม่ขี่เหล่เท่าไหร่นะครับ  เดี่ยวจะทดสอบไปเรื่อยๆต่อไปว่าในเมืองหรือนอกเมืองจะประหยัด อ่ะมา สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ มีทั้งหาร 3 คนและหาร5 ค่าน้ำมันเติมไป  3300 มันเหลือครึ่งถัง น่าจะประมาณ 600 บาทถังล่างมันจะน้อยกว่าถังบนเพราะวิ่งได้ 200กว่าโล ตีไปว่าน้ำมันทริปนี้ใช้ไป  2700  ตีไปว่าน้ำมันทริปนี้ใช้ไป  2700 /3  1180  1050 ค่าร้านข้าวต้มที่ตากขามา    215 /3  ข้าวเช้าที่ทางเข้าอุทยาน    315 /5 ค่าเข้าอุยานรวมกางเตนท์   310 /3 ค่าแพเรือรวมอาหารมื้อกลางวันแก่งก้อ  1870 /5 ค่าอาหารเย็นและเครื่องดื่มที่ทุ่งกิ๊กและมาม่าตอนเช้า  1320/5 ค่ารถขึ้นผาแดงหลวง              1750 /5 ข้าวต้มเย็นวันกลับ                 315/3 รวมทั้งทริปหารแล้วเฉพาะ3คนจากกทมที่ไปไทรทันหมดคนละ  2230 บาท หนักค่าน้ำมันไปหน่อยทริปนี้ตัวหารน้อย555  แต่ก็คุ้มค่าครับทริปนี้เป็นอันจบรายงานทริปนี้ต่อไปจะพูดถึงสรุปถึงบ้าง​

สรุปสั้นๆจากกิโลรวมตอนนี้ที่เขียน 40 วัน 7000 กว่าโลแล้วใช้โหดไปหน่อย555 เทียบเอาจากกะวีออสดำของเราละกันที่ขับทุกวันมันจะได้เห็นชัด  ไว้เป็นข้อมูลสำหรับคนจะย้ายจากโหลดเตี้ย มาแนวกระบะยกสูงละกัน วิสัยทัศน์การขับขี่ดีมากสูงกว้างใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน  การขับขี่ในเมืองไม่อุ้ยอ้ายเรียกใช้ได้สบาย ขับแรกๆอาจจะไม่ชินแต่พอสักพัก คันมันจะเล็กเท่าวีออสนั้นแหละมุดไปไหนได้หมด วงเลี้ยวแคบดีด้วย เข้าซ้อยตีวงไม่ได้ลำบากสักเท่าไหร่ จากเคยขับรถเก๋งมา ช่วงยาวกว่าต้องกะดีๆแค่นั้น อัตราเร่ง มันแรงหายห่วงจริงๆ กดเป็นมาๆ ขับสนุกเหมือนวีออสเลย แต่ดีกว่าด้วยตรงช่วงเร่งไม่ต้องขยี้มากเท่าวีออส กดจาก140 ปื๊ดเดียวไหลไปถึง 170 ได้ แต่ลองแค่นี้พอไม่ค่อยไว้ใจกับยาง AT เท่าไหร่ เรื่องเสียงในห้องโดยสารเงียบกว่าวีออสมาก 150 ยังเงียบเหมือนขับช้า ต้อง 160 ไปถึงจะมีเสียงดัง และที่ประทับใจที่สุดคือช่วงล่าง เกินคาดเดิมๆแบบนี้เข้าโค้งได้มั่นใจ แต่ก็ยังใส่ได้น้อยกว่าวีออส ช่วงเถินไปลี้ใครเคยไปจะเห็นว่าโค้งพับไปมาบนเขา ทำได้ดีมากอันนี้ชอบ ส่วนอัตราเร่งขึ้นเขาบางจังหวะอาจจะอืดหน่อยแต่ก็ทำได้ดี แอร์ออโต้ข้อนี้ชอบมากมันปรับให้เราตลอเวลา แอร์เย็นต่อเนื่องแจ่มดีครับ  ระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน อันนี้ผมว่าดีมาก จะมีใหม่มือเก่ามันโอกาศเผลอได้ใช้แน่นอนครับ เวลาออกตัวทางชันพอเราปล่อยเบรค มันจะเบรคหน่วงทิ้งให้เรา 3 วิได้มั้ง ถ้าเกินนี้ก็จะไหล และช่วยให้ไม่เมื่อนด้วย พอเวลาเราจอดบนทางชันพอแตะเบรคปุ้บ มันก็ช่วยเบรคแข็งเลย เราแค่เอาปลายเท้าแตะไว้ก็พอมันเบรคให้กันไหล ต่อมาเรื่องน้ำมันอย่างที่ว่ารถผมมันไม่เดิมแล้ว เปลี่ยนล้อตั้งแต่วันแรก ยาง BF ที่หนัก และเหล็กท้าย50โลกะบันได ตัวเลขมันก็จะกินเยอะหน่อยถ้ารถเดิมๆคงจะทำได้ดีกว่านี้นะครับ เคยได้เยอะสุดก็ตอน 2 ถังแรกเลยที่รันอินไป สุพรรณแม่กลองพัทยา สองถังแรกเต็มถังขับได้ 840 โล ได้ประมาณ 12. หน่อยต่อลิตร  ความเร็วเฉลี่ยอยู่ประมาณ 100 ไม่เกินนี้หลังจากนั้นพอมันขับสนุกก็เลยหมดเยอะกว่าเดิมมั้ง 55 ถ้าขับในเมือง  อันนี้ลองหลายรอบและ ทั้งรถติดมากติดน้อยเวลาขับในเมืองจะขับทั้งวัน 10-12 ชั่วโมงวิ่งได้ 200-300 โล รถมันติดทั้งวัน ก็จะตกอยู่ที่ 11-12 โลลิตรไม่เคยเกินนี้อันนี้วัดจากน้ำมันในถังนะ  เพราะตัวเลขหน้าจอมันเชื่อไม่ได้ในเมือง ขับแบบเบรคๆจอดๆ ตัวเลขไม่ขยับเลยอยู่10.หน่อยๆ ตลอด แต่นอกเมืองอันนี้หน้าปัดพอใกล้เคียงพอเชื่อถือได้บ้างถ้าขับความเร็วเท่าเดิมแต่ แต่อย่างทริปที่ล่าสุดเนี้ยดูน่าจอไม่ได้เพราะ เพราะความเร็วต่างกันทั้งไปกลับแต่ก็ได้อย่างที่บอกไปข้างต้น อ่ะยกมาให้ดูอีกรอบก็ได้เผื่อใครมาอ่านตรงนี้ทีเดียวว่าทริปนี้น้ำมันตกกี่บาท เติมน้ำมันไปสองรอบ 3300 บาท ได้126.615 ลิตร วิ่งได้ทั้งหมด 1487 กิโล ตกกิโลละ 2.21 บาทหรือ 11.74โลต่อลิตร โดยแบ่งเป็นถังแรกขาไปถังแรก ขึ้นเขาและขับเที่ยว ขับไม่เร็วมาก 120-140 มีไหลไป160นิดหน่อย ได้717 โล จากบางปะอินเที่ยวลำพูนจนมาหมดที่เถิน ถังที่สองขากลับจากเถินถึงบ้านและขับในเมืองอีกครึ่งถัง  ขากลับทำเวลากด120-150ตลอดทาง ถึงกทมเหลือครึ่งถัง ขับจนหมดได้ 770 โล สรุปมันต้องขับเร็วหรือช้าถึงจะประหยัด หรือขาไปมันขึ้นเขาเยอะเลยกินน้ำมัน อันนี้ยังสงสัย้เี่ยวต้องลองทริปต่อๆไปอีกที หมดแล้วมั้งมีไรถามเพิ่มได้มาวาถึงปัญหามั้ง เท่าที่พบตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่ๆเลย ปกติดีทุกอย่าง จะมีก็ปํยส่วนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับการขับขี่ จะมีแค่เสียงเบาะสั่นนิดหน่อย ไม่ได้ซีเรียส รุ่นผมเป็นไม่เยอะ แต่ในกลุ่มบางคนที่เป็นเยอะจะเป็นรุ่นเบาะหนังเห็นในคลิปคือทางไม่ได้ขรุขระมากก็สั่นดังพับๆๆๆ อันนี้ทางมิตซูคงหาวิธีแก้อยู่ละมั้ง และก็ระบบ idling stop ที่มันจะดับตอนเราจอดไฟแดง  มันดับๆติดๆแปลกๆ อยู่ดีๆมันก็สตาร์ทขึ้นมาเอง แต่ผมไม่ได้ใช้อยู่แล้วกดปิดมันตลอด เพราะไม่ชอบเวลารถติดๆ พอรถดับเหมือนคอมแอร์จะไม่ทำงานมีแต่ลม เวลาแดดร้อนๆ แปบบเดียวพอรถดับ ความฉ่ำก็หาย ระบบนี้มันน่าจะไม่เหมาะกะบ้านเมืองร้อนอย่างเรา ผมเลยปิดมันตลอด 5555 แล้วก็มีพบอีกอย่างคือยังไม่ชินกะเวลาเติมน้ำมัน ปกติวีออสเติมแก้สถังละ 300 คันนี้ถังละ 1700 โอ้ยยต่างกันเยอะแท้ 5555 สรุปอีกรอบว่าเป็นรถที่ถูกใจมากเลือกไม่ผิดลูกเล่นมันก็เยอะมาก อาจจะเพราะวีออสคันเก่าเรามันไม่มีอะไรเลยตัวนี้เลยดูว้าวครับระบบที่มีในรุ่นนี้มันเพียงพอต่อชีวิตผมแล้วครับ ส่วนในกระบะยุคนี้ค่ายอื่นก็คงพอๆกันครับเลือกเอาตามที่เราชอบเลยขอให้ทุกท่านเจอรถที่ถูกใจครับ ส่วนใครสนใจไทรทันไม่ผิดหวังแน่นอน อิอิ แล้วพบกันใหม่กับคู่รักตะลอนทัวร์ เที่ยวทั่วไทยไปกับไทรทันนน

pmoaw7jutR5qmoHSRxe-o.jpg

เที่ยวป่าเที่ยวเขาที่พะเยา

$
0
0
เที่ยวป่าเที่ยวเขาที่พะเยา

เที่ยวป่าเที่ยวเขาที่พะเยา

จังหวัดพะเยา จ.

Tenshi Koko
1549888789.jpg

    27th January 2019    

 

  ด้วยเนื้องานทำให้การเดินทางเยือนลำพูนคราวนี้ต้องสืบเสาะหาที่เที่ยวคั่นเวลา.. ลำพูนมีสิ่งดีงามและโบราณสถานเรียงรายให้เที่ยวได้ไม่หยุดไม่หย่อน เรียกได้ว่าจะให้ใช้เวลาเป็นวัน ๆ เที่ยวอยู่อย่างนั้นก็คงเก็บไม่หมดในวันเดียวค่ะ..   ด้วยการเยือนลำพูนคราวนี้เราตั้งอกตั้งใจที่จะไปเยือนสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของลำพูนอย่างอุโมงค์ขุนตานกันค่ะ อะไรที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และรถไฟด้วยแล้ว ยิ่งต้องตามค่ะ    

 

  "พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำไยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวีศรีหริภุญไช"  

 

 

1549890731.jpg

และแน่นอนว่า

สถานที่แรกของเช้าวันนั้นราว ๆ หกโมงกว่า ๆ เราเลือกจะไปที่นี่กันก่อนค่ะ อุโมงค์รถไฟขุนตาน ซึ่งตอนเช้าแสงระหว่างทางก็จะ "สวย"  

1549890854.jpg

       

1549890907.jpg

    ทางที่จะไปอุโมงค์ขุนตานก็หาไม่ยากค่ะ

ตาม GPS ไปก็ถึง หรือตามป้ายไปก็จะมีบอกเป็นระยะ ๆ ค่ะไม่หลงแน่นอน  

1549891208.jpg

       

1549890897.jpg

  ทางที่ไปอุโมงค์ขุนตานราดยางตลอดสายค่ะ

จะมีช่วงหนึ่งที่เหลือให้วิ่งแค่เลนเดียวแต่ก็ถือว่าขับง่ายอยู่ค่ะ คอนเฟิร์มจากคนขับไม่เก่งอย่างจขบ.  

1549890884.jpg

 

    ในที่สุด !!  

เราก็ถึงอุโมงค์ขุนตานที่ตั้งใจออกบ้านตามหาก่อนตะวันจะขึ้นซะอีก อยู่ตรงหน้านี้แล้ว  

 

1549891504.jpg

"

ว่ากันว่าอุโมงคดอยขุนดานนี้ใช้เวลาขุดเจาะทั้งหมด 8 ปี มีเรื่องเศร้าเกิดขึ้นมากมายขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่

ตัวอุโมงค์มีความยาวถึง 1,352 เมตร เริ่มขุดเจาะตั้งแต่ปีพศ. 2458 และใช้เวลาขุดเจาะและวางรางจนแล้วเสร็จ 11 ปี

"

1549888839.jpg

อุโมงค์ขุนตาน

อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ก็คือ “อุโมงค์ขุนตาล” อยู่ระหว่างจังหวัดลำปางกับลำพูน เจาะลอดใต้ดอยงาช้างของเทือกเขาขุนตาลเข้าไป ยาวถึง ๑,๓๖๒.๐๕ เมตรกว่าจะทะลุอีกด้าน นับเป็นความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ สร้างความตื่นเต้นให้คนทั้งประเทศ ซึ่งต้องใช้วิทยาการและความอุสาหะอย่างมาก เพราะเครื่องมือเครื่องใช้ก็ไม่มีเหมือนในยุคนี้ ต้องใช้แรงคนตอกหินทีละก้อน ทั้งการเดินทางเข้าไปทำงานก็ยากลำบาก ต้องบุกป่าฝ่าดงแบกอุปกรณ์เข้าไป ซ้ำวิศวกรชาวเยอรมันที่ควบคุมงานทั้งหมดยังถูกจับในฐานะเป็น “ชนชาติสัตรู” ต้องใช้เวลาถึง ๓ รัชกาลจึงเปิดเดินรถได้ หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงทำพิธีเริ่มสร้างทางรถไฟในวันที่ ๔ มีนาคม ๒๔๓๔ จนปลายปี ๒๔๔๘ รถไฟสายเหนือก็เพิ่งเดินรถไปได้แค่สถานีนครสวรรค์ และการสำรวจเส้นทางที่จะไปถึงเชียงใหม่มีอุปสรรคใหญ่ คือเทือกเขาขุนตาลที่ขวางกั้นจนยากที่หลบเลี่ยงได้ การเจาะอุโมงค์ขุนตาลเริ่มต้นในปี ๒๔๕๐ ซึ่งยังอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยมีวิศวกรเยอรมันชื่อ อีมิล ไอเซนโฮเฟอร์ เป็นผู้ควบคุมคนแรก และขุดทั้ง ๒ ด้านให้มาบรรจบกันพอดี ซึ่งต้องใช้การคำนวณที่แม่นยำมาก จุดเริ่มต้นขุดอุโมงค์ทั้ง ๒ ด้าน อยู่ในบริเวณทุรกันดารที่การเดินทางต้องใช้เดินเท้าหรือขี่ม้าเข้าไป ส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ในการก่อสร้างและสัมภาระทั้งหลาย ต้องใช้ช้างและเกวียนบรรทุก บางตอนที่เป็นภูเขาชันก็ต้องใช้รอกกว้านขึ้นไป โดยฐานหัวงานอยู่ที่ลำปาง วิธีขุด เริ่มด้วยการเจาะเป็นรูเล็กๆเข้าไปโดยใช้แรงงานคนตอกหรือใช้สว่าน จากนั้นจึงเอาดินระเบิดไดนาไมต์ฝัง สอดใส่แก๊ปหรือเชื้อประทุ แล้วต่อสายชนวนยาวเพื่อความปลอดภัยของคนจุดชนวนระเบิด บางจุดก็ใช้วิธีสุมไฟให้หินร้อนจัด ซึ่งจะทำให้สกัดออกได้โดยง่าย หรือบางก้อนราดน้ำลงไปหินร้อนก็จะแตกเองเป็นเสี่ยงๆ ยิ่งขุดลึกเข้าไปงานก็ยิ่งยากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะต้องขนเศษหินออกมาทิ้งนอกอุโมงค์ ซึ่งหินที่เจาะออกมาจากอุโมงค์ขุนตาลมีปริมาณถึง ๖๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร การใช้แรงงานคนขนออกจากถ้ำ จึงเป็นงานที่หนักหนาสาหัสยิ่ง คนงานที่สมัครมารับภาระในการขุดเจาะอุโมงค์ขุนตาลนี้ ส่วนใหญ่เป็นพวกที่หาทางไปทำงานอย่างอื่นได้ยาก ได้แก่พวกนักร่อนเร่เผชิญโชค พวกขี้เหล้าและขี้ยา ซึ่งขี้ยาในยุคนั้นก็คือพวกสูบฝิ่นที่ยังไม่มีกฎหมายห้าม ปรากฏว่าพวกที่ทำงานได้ดีที่สุดก็คือพวกขี้ยา ซึ่งมีความขยันมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ทั้งๆที่ทุกคนต่างมีร่างกายผอมแห้ง ที่ขยันทำงานก็หวังจะได้เงินมาสูบฝิ่น ทั้งยังไม่มีความกลัวควันพิษต่างๆในอุโมงค์ที่เกิดจากฝุ่นหิน เพราะเชื่อในอิทธิฤทธิ์ของฝิ่นว่าจะกำจัดได้หมด เมื่อขุดเข้าไปลึกๆอากาศหายใจก็น้อยลงทุกที ต้องปั๊มอากาศเข้าไปช่วย แต่พวกสูบฝิ่นที่ผอมแห้งก็ใช้อากาศหายใจน้อยกว่าพวกอื่น เนื่องจากอุโมงค์ขุนตาลอยู่ในแดนทุรกันดารที่ชุกชุมด้วยไข้ป่า กรรมกรเหล่านี้นอกจากจะเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ยังมีไม่น้อยที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเพราะความประมาท อย่างเช่นการต่อสายชนวนเข้ากับแก๊ปเชื้อประทุ แทนที่จะใช้คีบบีบ กรรมกรหลายคนมักง่ายใช้ฟันกัดแทนคีม ถ้าเกิดพลาดไม่ถึงตายก็ฟันร่วงหมดปาก หลังจากขุดอุโมงค์ขุนตาลมาได้ ๕ ปีก็มีเรื่องเศร้าสลดเกิดขึ้นแก่พสกนิกรชาวไทย เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานกำเนิดรถไฟไทย ได้เสด็จสวรรคตในวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ แต่การขุดเจาะอุโมงค์ขุนตาลก็ยังดำเนินต่อไป หลังจากใช้เวลาเจาะอยู่ถึง ๘ ปี อุโมงค์ทั้ง ๒ ด้านก็ทะลุถึงกันตรงตามที่คำนวณไว้ จากนั้นยังต้องใช้เวลาทำผนังและเพดานคอนกรีตตลอดอุโมงค์อีกถึง ๓ ปี เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำจากภูเขา ระหว่างที่การขุดอุโมงค์ขุนตาลยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ไทยก็เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ ๑ ประกาศสงครามกับเยอรมัน ในการตัดสินพระทัยเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงคำนึงถึงการเจาะอุโมงค์ขุนตาลและการสร้างทางรถไฟสายเหนือ ซึ่งอยู่ในความควบคุมของวิศวกรเยอรมันทั้งสิ้น และต่างก็มีความดีความชอบได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ โดย มิสเตอร์ เอฟ ชะแนร์ ได้เป็น พระอำนวยรถกิจ มิสเตอร์ แอร์วิล มูลเลอร์ ได้เป็น พระปฏิบัติราชประสงค์ มิสเตอร์ ยี เอฟ เวเลอร์ ได้รับพระราชทานนามสกุล “เวลานนท์” เมื่อประกาศสงครามกับเยอรมันแล้ว คนเหล่านี้ต้องถูกจับเป็นเชลยทันทีเพราะเป็นชาติคู่สงคราม แม้จะเป็นมิตรที่ดีของคนไทยมาตลอดก็ตาม และเมื่อเห็นว่าไทยไปเข้าข้างสัตรู ก็อาจขุ่นเคืองหาทางแก้แค้นได้ จนมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับอุโมงค์ขุนตาลได้ ดังนั้นในวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๔๖๐ ก่อนจะประกาศสงครามเพียง ๒๕ วัน จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธิน ซึ่งทรงศึกษาวิชาวิศวกรรมและทหารช่างจากอังกฤษ กำลังดำรงตำแหน่งจเรทหารบก เข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟ ควบคุมการก่อสร้างทางรถไฟทั้งหมด นอกจากนี้ยังทรงมีพระราชหัตถเลขาถึง พระยาสฤษดิ์การบรรจง (สมาน ปันยารชุน) นายช่างแขวงบำรุงทางรถไฟจังหวัดนครราชสีมา กำหนดให้เปิดซองอ่านในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ทรงกำหนดไว้อย่างเงียบๆว่าจะเป็นวันประกาศสงคราม พระยาสฤษดิ์การบรรจงได้รับลายพระหัตถ์แล้วก็มิได้เฉลียวใจ เผอิญถึงกำหนดลาพักผ่อนไว้ จึงขึ้นไปเยี่ยมเยียนพระราชดรุณรักษ์ ซึ่งเป็นญาติ ซึ่งไปรับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงที่จังหวัดเชียงใหม่ พอวันที่ ๒๒ กรกฎาคมจึงไปเปิดซองพระราชหัตถเลขาออกอ่านที่นั่น พอทราบเรื่องก็ตกใจ รีบเดินทางไปที่อุโมงค์ขุนตาลทันที และได้พบกับกรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธิน ซึ่งทรงไปบัญชาการอยู่ที่นั่นแล้ว นอกจากจะมีชาวเยอรมันที่ควบคุมการขุดอุโมงค์ขุนตาลถูกจับ ถูกถอดบรรดาศักดิ์ และถูกคุมตัวส่งลงมากรุงเทพฯ ตามกติกาของสงครามแล้ว ยังมีชาวเยอรมันที่อยู่ในกรมรถไฟและกรมไปรษณีย์รวมกันถึง ๑๗๘ คนถูกจับทั้งหมด แต่ก็เป็นการทำตามกติกาสงครามเท่านั้น คนเยอรมันยังได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ใช้โรงพยาบาลทหารบกที่ถนนอุณากรรณ ซึ่งทันสมัยเหมือนโรงแรมชั้น ๑ เป็นที่ควบคุม และยังมีหมอและพยาบาลดูแลสุขภาพด้วย ส่วนครอบครัวที่มีเด็กก็ใช้สโมสรของชาวเยอรมันเองที่ถนนสุรวงศ์เป็นที่กักกัน เมื่ออุโมงค์ขุนตาลเสร็จเรียบร้อยในปี ๒๔๖๑ จากนั้นก็ถึงขั้นวางราง แต่รางรถไฟสายเหนือจากจังหวัดลำปางก็ยังมาไม่ถึงอุโมงค์ขุนตาล เนื่องจากภูมิประเทศเต็มไปด้วยหุบเหวและป่าทึบ ยากแก่การวางราง โดยเฉพาะในช่วง ๘ กิโลเมตรก่อนถึงขุนตาล มีเหวลึกถึง ๓ แห่งที่ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ต้องสร้างสะพานข้ามไปเท่านั้น คือหุบเหวที่ ปางยางเหนือ ปางยางใต้ และปางหละ ซึ่งเหวที่ปางหละเป็นเหวที่กว้างและลึกที่สุด ต้องใช้ซุงหลายสิบต้นตั้งเป็นหอขึ้นมาจากก้นเหวรองรับรางรถไฟ ตอนข้ามก็ต้องวิ่งอย่างบรรจงช้าๆ เป็นที่หวาดเสียวของผู้โดยสารอย่างยิ่ง และใช้มาจนหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ จึงเปลี่ยนเป็นหอคอนกรีตเสริมเหล็ก อุโมงค์ขุนตาลแล้วเสร็จสมบูรณ์ เปิดให้ขบวนรถไฟผ่านเป็นครั้งแรกในวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๖๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๗ เป็นความตื่นเต้นและปรารถนาของคนไทยอย่างยิ่งที่อยากจะนั่งรถไฟลอดอุโมงค์ขุนตาลสักครั้งในชีวิต แม้ในเวลากลางวันภายในอุโมงค์ขุนตาลก็จะมืด รถไฟต้องเปิดไฟทั้งขบวนจนผ่านพ้นอุโมงค์ การเจาะภูเขาที่เป็นหินแกร่งให้เป็นอุโมงค์กว้างจนรถไฟเข้าไปได้ และเป็นระยะทางไกลถึงกิโลเมตรเศษเช่นนี้ ในยุคนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง จนเกือบเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้วด้วยความอุสาหะพยายามของมนุษย์ อย่างที่มีคำกล่าวไว้ว่า “แม้แต่แม่น้ำยังหลีกทาง ภูเขาต้องโค้งคำนับ” ยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกลอย่างในปัจจุบัน ถ้ามนุษย์จะนำมาใช้อย่างสร้างสรรค์ ไม่เอามาใช้ทำลายล้าง ข่มเหง เบียดเบียนกัน โลกใบนี้ก็จะสวยงามน่าอยู่ขึ้นอีกมาก  

เครดิต : thailandtourismdirectory    

1549891606.jpg

       

1549891931.jpg

  เจ้าถิ่นก็จะเยอะหน่อย    

1549892019.jpg

       

1549891591.jpg

       

1549892044.jpg

  เช้ามากค่ะ ไม่มีใคร ร้านค้าแถวนั้นก็ไม่เปิดมีแต่เราแค่นั้น เคยรู้มาว่าจากตรงนี้เดินเท้าไปหาอุทยานแห่งชาติขุนตาลได้ด้วยวันนั้นเลยได้ทีสำรวจทางขึ้นนิดหน่อย พอเรียกน้ำย่อยไม่มากมาย ใช่ค่ะทางขึ้นเขาไปอุทยานแห่งชาติขุนตาลก็ตรงป้ายรูปล่างนี้เลย ไว้คราวหน้าจะมาแน่นอน  

1549892069.jpg

       

1549892403.jpg

 

    รางรถไฟก็น่าเดินชะมัด

  ลองมะ?  

1549892322.jpg

       

1549892337.jpg

   

1549892351.jpg

   

1549892366.jpg

       

1549892313.jpg

     

1549892482.jpg

  สายกำลังดี.. ได้ทีละที่นี่ค่ะ . . .            

 

 

 

สะพานขาวทาชมภู  

ตั้งอยู่บริเวณบ้านทาชมภู หมู่ 4 ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน อยู่ระหว่างสถานีขุนตานกับสถานีทาชมภู เป็นสะพานประวัติศาสตร์ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2461 และสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2463 เพื่อใช้เป็นเส้นทางเดินรถไฟจากลำปางมายังเชียงใหม่ สะพานขาวบ้านทาชมภูก่อสร้างต่อจากอุโมงค์รถไฟขุนตาน ซึ่งเป็นเส้นทางสายกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ เพื่อให้รถไฟข้ามผ่านลำน้ำแม่ทา มีลักษณะรูปทรงโค้งทาสีขาว เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ทำให้ชาวบ้านในท้องถิ่นตื่นเต้นเข้ามาดูชมการสร้างสะพานนี้อยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นสิ่งใหม่ รวมไปถึงนำอาหารและสิ่งของมาจำหน่ายให้กับกรรมกรแรงงานและนายช่างอยู่ตลอดเวลา สะพานทางรถไฟแห่งนี้ทาสีขาวโดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางทุ่ง ถัดจากอุโมงค์ขุนตาน แตกต่างจากสะพานรถไฟอื่น คือเป็นโครงคอนกรีตเสริมเหล็ก ยาว 87.3 เมตร ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกและท้าทาย เนื่องจากปกติสะพานรถไฟจะสร้างด้วยเหล็ก เพราะสามารถทนต่อแรงสะเทือนและอ่อนตัวได้ดีกว่า แต่เนื่องจากช่วงเวลาที่สร้างสะพานเป็นภาวะสงครามไม่สามารถหาเหล็กมาสร้างสะพานได้ แต่ด้วยการคำนวณและควบคุมงานที่ยอดเยี่ยม ทำให้สะพานทาชมพูยังคงใช้งานได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันนอกจาก สะพานทาชมภู จะเป็นทางรถไฟที่ทอดข้ามแม่น้ำแล้ว ยังใช้เป็นจุดแบ่งเขตแดนระหว่างอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาน กับเขตป่าสงวนแห่งชาติอีกด้วย อีกทั้งสะพานแห่งนี้ยังถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญจุดหนึ่งของการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงทำให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ จึงไม่ควรพลาดที่จะหาโอกาสมาแวะชมความงดงามของสะพานทาชมภู

เครดิต : thailandtourismdirectory.go.th    

1549892532.jpg

       

1549892658.jpg

       

เนื่องจากเคยรีวิวที่นี่ไปแล้ว ลำพูน ไม่ลำพัง : สะพานขาวทาชมภู

ให้ภาพเล่าเรื่องรอบนี้แทนละกันนะคะ

1549892671.jpg

     

1549892684.jpg

       

1549892699.jpg

     

1549892712.jpg

       

1549892723.jpg

       

1549892739.jpg

  แดดเริ่มร้อน เราลาสะพานขาวไปหาอะไรจิบกันเนาะ . . .    

 

 

 

 

 

            เก็บรูปมาเล็กน้อยที่ไร่ริชชา

ไร่มัลเบอรี่ชื่อดังของลำพูน รับรองเรื่องความชิล และความสดของผลิตภัณฑ์ค่ะ

1549935857.jpg

       

1549936156.jpg

         

1549936096.jpg

         

1549936088.jpg

         

1549936115.jpg

  มัลเบอรี่ที่นี่ รับรองความสดค่ะ             

 

 

 

 

 

  สะพานดำ ลำพูน  

ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดนักให้สืบหา เรารู้เพียงแต่ว่าคนทุกรุ่นในพื้นที่จังหวัดลำพูนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า.. "เกิดมาก็เห็นสะพานดำนี้เลย" นี่คือคำพูดของเด็กเล็ก ๆ ไปจนถึงคนรุ่นหัวหงอกผมขาว แต่สันนิษฐานกันว่าน่าจะอายุพอ ๆ กับสะพานทาชมภู และอุโมงค์ขุนตาน ระยะไล่ ๆ กันกับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนสาเหตุที่ตัวสะพานเป็นสีดำนั้นเพราะ.. สีของเหล็กที่พอจะหาได้ในสมัยนั้นนั่นเอง จึงเป็นเหตุให้ชาวบ้านเรียกสะพานแห่งนี้ว่า "สะพานดำ"  เราไม่อาจจะมองข้ามความธรรมดาของสะพานนี้ได้ แม้จะไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ก็ถือเป็นสถานที่เก่าแก่และเป็นของคู่บ้านคู่เมืองลำพูนหลายยุคหลายสมัยมาค่ะ  

1549936582.jpg

       

1549936593.jpg

       

1549939355.jpg

  ขออนุญาตเจ้าของคลิปด้วยนะคะ

  เครดิตภาพมุมสูงสวย ๆ สองภาพนี้ :  ขบวน 408 พ รถแอ่วเหนือ ผ่านสะพานดำ ลำพูน  

1549939366.jpg

       

1549954551.jpg

 

1549936610.jpg

  เส้นทางกลับเชียงใหม่ ถนนเรียบทางรถไฟ.. เราก็จะเห็นรถไฟวิ่ง ส่งเสียงหวูดเป็นระยะ ๆ เส้นทางสายนี้เป็นที่ตื่นเต้นของเด็ก ๆ เสมอค่ะ                

 

 

ขอบคุณที่แวะมา

หันหน้า หาอดีต : อุโมงค์ขุนตาน - สะพานขาวทาชมภู - สะพานดำ เส้นทางฉึกฉักลำปู๊น

$
0
0
หันหน้า หาอดีต : อุโมงค์ขุนตาน - สะพานขาวทาชมภู - สะพานดำ เส้นทางฉึกฉักลำปู๊น

หันหน้า หาอดีต : อุโมงค์ขุนตาน - สะพานขาวทาชมภู - สะพานดำ เส้นทางฉึกฉักลำปู๊น

อ.แม่ทา จ.ลำพูน จ.

maria bamboo
1549888789.jpg

    27th January 2019    

 

  ด้วยเนื้องานทำให้การเดินทางเยือนลำพูนคราวนี้ต้องสืบเสาะหาที่เที่ยวคั่นเวลา.. ลำพูนมีสิ่งดีงามและโบราณสถานเรียงรายให้เที่ยวได้ไม่หยุดไม่หย่อน เรียกได้ว่าจะให้ใช้เวลาเป็นวัน ๆ เที่ยวอยู่อย่างนั้นก็คงเก็บไม่หมดในวันเดียวค่ะ..   ด้วยการเยือนลำพูนคราวนี้เราตั้งอกตั้งใจที่จะไปเยือนสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของลำพูนอย่างอุโมงค์ขุนตานกันค่ะ อะไรที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และรถไฟด้วยแล้ว ยิ่งต้องตามค่ะ    

 

  "พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำไยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวีศรีหริภุญไช"  

 

 

1549890731.jpg

และแน่นอนว่า

สถานที่แรกของเช้าวันนั้นราว ๆ หกโมงกว่า ๆ เราเลือกจะไปที่นี่กันก่อนค่ะ อุโมงค์รถไฟขุนตาน ซึ่งตอนเช้าแสงระหว่างทางก็จะ "สวย"  

1549890854.jpg

       

1549890907.jpg

    ทางที่จะไปอุโมงค์ขุนตานก็หาไม่ยากค่ะ

ตาม GPS ไปก็ถึง หรือตามป้ายไปก็จะมีบอกเป็นระยะ ๆ ค่ะไม่หลงแน่นอน  

1549891208.jpg

       

1549890897.jpg

  ทางที่ไปอุโมงค์ขุนตานราดยางตลอดสายค่ะ

จะมีช่วงหนึ่งที่เหลือให้วิ่งแค่เลนเดียวแต่ก็ถือว่าขับง่ายอยู่ค่ะ คอนเฟิร์มจากคนขับไม่เก่งอย่างจขบ.  

1549890884.jpg

 

    ในที่สุด !!  

เราก็ถึงอุโมงค์ขุนตานที่ตั้งใจออกบ้านตามหาก่อนตะวันจะขึ้นซะอีก อยู่ตรงหน้านี้แล้ว  

 

1549891504.jpg

"

ว่ากันว่าอุโมงคดอยขุนดานนี้ใช้เวลาขุดเจาะทั้งหมด 8 ปี มีเรื่องเศร้าเกิดขึ้นมากมายขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่

ตัวอุโมงค์มีความยาวถึง 1,352 เมตร เริ่มขุดเจาะตั้งแต่ปีพศ. 2458 และใช้เวลาขุดเจาะและวางรางจนแล้วเสร็จ 11 ปี

"

1549888839.jpg

อุโมงค์ขุนตาน

อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ก็คือ “อุโมงค์ขุนตาล” อยู่ระหว่างจังหวัดลำปางกับลำพูน เจาะลอดใต้ดอยงาช้างของเทือกเขาขุนตาลเข้าไป ยาวถึง ๑,๓๖๒.๐๕ เมตรกว่าจะทะลุอีกด้าน นับเป็นความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ สร้างความตื่นเต้นให้คนทั้งประเทศ ซึ่งต้องใช้วิทยาการและความอุสาหะอย่างมาก เพราะเครื่องมือเครื่องใช้ก็ไม่มีเหมือนในยุคนี้ ต้องใช้แรงคนตอกหินทีละก้อน ทั้งการเดินทางเข้าไปทำงานก็ยากลำบาก ต้องบุกป่าฝ่าดงแบกอุปกรณ์เข้าไป ซ้ำวิศวกรชาวเยอรมันที่ควบคุมงานทั้งหมดยังถูกจับในฐานะเป็น “ชนชาติสัตรู” ต้องใช้เวลาถึง ๓ รัชกาลจึงเปิดเดินรถได้ หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงทำพิธีเริ่มสร้างทางรถไฟในวันที่ ๔ มีนาคม ๒๔๓๔ จนปลายปี ๒๔๔๘ รถไฟสายเหนือก็เพิ่งเดินรถไปได้แค่สถานีนครสวรรค์ และการสำรวจเส้นทางที่จะไปถึงเชียงใหม่มีอุปสรรคใหญ่ คือเทือกเขาขุนตาลที่ขวางกั้นจนยากที่หลบเลี่ยงได้ การเจาะอุโมงค์ขุนตาลเริ่มต้นในปี ๒๔๕๐ ซึ่งยังอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยมีวิศวกรเยอรมันชื่อ อีมิล ไอเซนโฮเฟอร์ เป็นผู้ควบคุมคนแรก และขุดทั้ง ๒ ด้านให้มาบรรจบกันพอดี ซึ่งต้องใช้การคำนวณที่แม่นยำมาก จุดเริ่มต้นขุดอุโมงค์ทั้ง ๒ ด้าน อยู่ในบริเวณทุรกันดารที่การเดินทางต้องใช้เดินเท้าหรือขี่ม้าเข้าไป ส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ในการก่อสร้างและสัมภาระทั้งหลาย ต้องใช้ช้างและเกวียนบรรทุก บางตอนที่เป็นภูเขาชันก็ต้องใช้รอกกว้านขึ้นไป โดยฐานหัวงานอยู่ที่ลำปาง วิธีขุด เริ่มด้วยการเจาะเป็นรูเล็กๆเข้าไปโดยใช้แรงงานคนตอกหรือใช้สว่าน จากนั้นจึงเอาดินระเบิดไดนาไมต์ฝัง สอดใส่แก๊ปหรือเชื้อประทุ แล้วต่อสายชนวนยาวเพื่อความปลอดภัยของคนจุดชนวนระเบิด บางจุดก็ใช้วิธีสุมไฟให้หินร้อนจัด ซึ่งจะทำให้สกัดออกได้โดยง่าย หรือบางก้อนราดน้ำลงไปหินร้อนก็จะแตกเองเป็นเสี่ยงๆ ยิ่งขุดลึกเข้าไปงานก็ยิ่งยากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะต้องขนเศษหินออกมาทิ้งนอกอุโมงค์ ซึ่งหินที่เจาะออกมาจากอุโมงค์ขุนตาลมีปริมาณถึง ๖๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร การใช้แรงงานคนขนออกจากถ้ำ จึงเป็นงานที่หนักหนาสาหัสยิ่ง คนงานที่สมัครมารับภาระในการขุดเจาะอุโมงค์ขุนตาลนี้ ส่วนใหญ่เป็นพวกที่หาทางไปทำงานอย่างอื่นได้ยาก ได้แก่พวกนักร่อนเร่เผชิญโชค พวกขี้เหล้าและขี้ยา ซึ่งขี้ยาในยุคนั้นก็คือพวกสูบฝิ่นที่ยังไม่มีกฎหมายห้าม ปรากฏว่าพวกที่ทำงานได้ดีที่สุดก็คือพวกขี้ยา ซึ่งมีความขยันมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ทั้งๆที่ทุกคนต่างมีร่างกายผอมแห้ง ที่ขยันทำงานก็หวังจะได้เงินมาสูบฝิ่น ทั้งยังไม่มีความกลัวควันพิษต่างๆในอุโมงค์ที่เกิดจากฝุ่นหิน เพราะเชื่อในอิทธิฤทธิ์ของฝิ่นว่าจะกำจัดได้หมด เมื่อขุดเข้าไปลึกๆอากาศหายใจก็น้อยลงทุกที ต้องปั๊มอากาศเข้าไปช่วย แต่พวกสูบฝิ่นที่ผอมแห้งก็ใช้อากาศหายใจน้อยกว่าพวกอื่น เนื่องจากอุโมงค์ขุนตาลอยู่ในแดนทุรกันดารที่ชุกชุมด้วยไข้ป่า กรรมกรเหล่านี้นอกจากจะเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ยังมีไม่น้อยที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเพราะความประมาท อย่างเช่นการต่อสายชนวนเข้ากับแก๊ปเชื้อประทุ แทนที่จะใช้คีบบีบ กรรมกรหลายคนมักง่ายใช้ฟันกัดแทนคีม ถ้าเกิดพลาดไม่ถึงตายก็ฟันร่วงหมดปาก หลังจากขุดอุโมงค์ขุนตาลมาได้ ๕ ปีก็มีเรื่องเศร้าสลดเกิดขึ้นแก่พสกนิกรชาวไทย เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานกำเนิดรถไฟไทย ได้เสด็จสวรรคตในวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ แต่การขุดเจาะอุโมงค์ขุนตาลก็ยังดำเนินต่อไป หลังจากใช้เวลาเจาะอยู่ถึง ๘ ปี อุโมงค์ทั้ง ๒ ด้านก็ทะลุถึงกันตรงตามที่คำนวณไว้ จากนั้นยังต้องใช้เวลาทำผนังและเพดานคอนกรีตตลอดอุโมงค์อีกถึง ๓ ปี เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำจากภูเขา ระหว่างที่การขุดอุโมงค์ขุนตาลยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ไทยก็เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ ๑ ประกาศสงครามกับเยอรมัน ในการตัดสินพระทัยเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงคำนึงถึงการเจาะอุโมงค์ขุนตาลและการสร้างทางรถไฟสายเหนือ ซึ่งอยู่ในความควบคุมของวิศวกรเยอรมันทั้งสิ้น และต่างก็มีความดีความชอบได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ โดย มิสเตอร์ เอฟ ชะแนร์ ได้เป็น พระอำนวยรถกิจ มิสเตอร์ แอร์วิล มูลเลอร์ ได้เป็น พระปฏิบัติราชประสงค์ มิสเตอร์ ยี เอฟ เวเลอร์ ได้รับพระราชทานนามสกุล “เวลานนท์” เมื่อประกาศสงครามกับเยอรมันแล้ว คนเหล่านี้ต้องถูกจับเป็นเชลยทันทีเพราะเป็นชาติคู่สงคราม แม้จะเป็นมิตรที่ดีของคนไทยมาตลอดก็ตาม และเมื่อเห็นว่าไทยไปเข้าข้างสัตรู ก็อาจขุ่นเคืองหาทางแก้แค้นได้ จนมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับอุโมงค์ขุนตาลได้ ดังนั้นในวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๔๖๐ ก่อนจะประกาศสงครามเพียง ๒๕ วัน จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธิน ซึ่งทรงศึกษาวิชาวิศวกรรมและทหารช่างจากอังกฤษ กำลังดำรงตำแหน่งจเรทหารบก เข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟ ควบคุมการก่อสร้างทางรถไฟทั้งหมด นอกจากนี้ยังทรงมีพระราชหัตถเลขาถึง พระยาสฤษดิ์การบรรจง (สมาน ปันยารชุน) นายช่างแขวงบำรุงทางรถไฟจังหวัดนครราชสีมา กำหนดให้เปิดซองอ่านในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ทรงกำหนดไว้อย่างเงียบๆว่าจะเป็นวันประกาศสงคราม พระยาสฤษดิ์การบรรจงได้รับลายพระหัตถ์แล้วก็มิได้เฉลียวใจ เผอิญถึงกำหนดลาพักผ่อนไว้ จึงขึ้นไปเยี่ยมเยียนพระราชดรุณรักษ์ ซึ่งเป็นญาติ ซึ่งไปรับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงที่จังหวัดเชียงใหม่ พอวันที่ ๒๒ กรกฎาคมจึงไปเปิดซองพระราชหัตถเลขาออกอ่านที่นั่น พอทราบเรื่องก็ตกใจ รีบเดินทางไปที่อุโมงค์ขุนตาลทันที และได้พบกับกรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธิน ซึ่งทรงไปบัญชาการอยู่ที่นั่นแล้ว นอกจากจะมีชาวเยอรมันที่ควบคุมการขุดอุโมงค์ขุนตาลถูกจับ ถูกถอดบรรดาศักดิ์ และถูกคุมตัวส่งลงมากรุงเทพฯ ตามกติกาของสงครามแล้ว ยังมีชาวเยอรมันที่อยู่ในกรมรถไฟและกรมไปรษณีย์รวมกันถึง ๑๗๘ คนถูกจับทั้งหมด แต่ก็เป็นการทำตามกติกาสงครามเท่านั้น คนเยอรมันยังได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ใช้โรงพยาบาลทหารบกที่ถนนอุณากรรณ ซึ่งทันสมัยเหมือนโรงแรมชั้น ๑ เป็นที่ควบคุม และยังมีหมอและพยาบาลดูแลสุขภาพด้วย ส่วนครอบครัวที่มีเด็กก็ใช้สโมสรของชาวเยอรมันเองที่ถนนสุรวงศ์เป็นที่กักกัน เมื่ออุโมงค์ขุนตาลเสร็จเรียบร้อยในปี ๒๔๖๑ จากนั้นก็ถึงขั้นวางราง แต่รางรถไฟสายเหนือจากจังหวัดลำปางก็ยังมาไม่ถึงอุโมงค์ขุนตาล เนื่องจากภูมิประเทศเต็มไปด้วยหุบเหวและป่าทึบ ยากแก่การวางราง โดยเฉพาะในช่วง ๘ กิโลเมตรก่อนถึงขุนตาล มีเหวลึกถึง ๓ แห่งที่ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ต้องสร้างสะพานข้ามไปเท่านั้น คือหุบเหวที่ ปางยางเหนือ ปางยางใต้ และปางหละ ซึ่งเหวที่ปางหละเป็นเหวที่กว้างและลึกที่สุด ต้องใช้ซุงหลายสิบต้นตั้งเป็นหอขึ้นมาจากก้นเหวรองรับรางรถไฟ ตอนข้ามก็ต้องวิ่งอย่างบรรจงช้าๆ เป็นที่หวาดเสียวของผู้โดยสารอย่างยิ่ง และใช้มาจนหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ จึงเปลี่ยนเป็นหอคอนกรีตเสริมเหล็ก อุโมงค์ขุนตาลแล้วเสร็จสมบูรณ์ เปิดให้ขบวนรถไฟผ่านเป็นครั้งแรกในวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๖๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๗ เป็นความตื่นเต้นและปรารถนาของคนไทยอย่างยิ่งที่อยากจะนั่งรถไฟลอดอุโมงค์ขุนตาลสักครั้งในชีวิต แม้ในเวลากลางวันภายในอุโมงค์ขุนตาลก็จะมืด รถไฟต้องเปิดไฟทั้งขบวนจนผ่านพ้นอุโมงค์ การเจาะภูเขาที่เป็นหินแกร่งให้เป็นอุโมงค์กว้างจนรถไฟเข้าไปได้ และเป็นระยะทางไกลถึงกิโลเมตรเศษเช่นนี้ ในยุคนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง จนเกือบเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้วด้วยความอุสาหะพยายามของมนุษย์ อย่างที่มีคำกล่าวไว้ว่า “แม้แต่แม่น้ำยังหลีกทาง ภูเขาต้องโค้งคำนับ” ยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกลอย่างในปัจจุบัน ถ้ามนุษย์จะนำมาใช้อย่างสร้างสรรค์ ไม่เอามาใช้ทำลายล้าง ข่มเหง เบียดเบียนกัน โลกใบนี้ก็จะสวยงามน่าอยู่ขึ้นอีกมาก  

เครดิต : thailandtourismdirectory    

1549891606.jpg

       

1549891931.jpg

  เจ้าถิ่นก็จะเยอะหน่อย    

1549892019.jpg

       

1549891591.jpg

       

1549892044.jpg

  เช้ามากค่ะ ไม่มีใคร ร้านค้าแถวนั้นก็ไม่เปิดมีแต่เราแค่นั้น เคยรู้มาว่าจากตรงนี้เดินเท้าไปหาอุทยานแห่งชาติขุนตาลได้ด้วยวันนั้นเลยได้ทีสำรวจทางขึ้นนิดหน่อย พอเรียกน้ำย่อยไม่มากมาย ใช่ค่ะทางขึ้นเขาไปอุทยานแห่งชาติขุนตาลก็ตรงป้ายรูปล่างนี้เลย ไว้คราวหน้าจะมาแน่นอน  

1549892069.jpg

       

1549892403.jpg

 

    รางรถไฟก็น่าเดินชะมัด

  ลองมะ?  

1549892322.jpg

       

1549892337.jpg

   

1549892351.jpg

   

1549892366.jpg

       

1549892313.jpg

     

1549892482.jpg

  สายกำลังดี.. ได้ทีละที่นี่ค่ะ . . .            

 

 

 

สะพานขาวทาชมภู  

ตั้งอยู่บริเวณบ้านทาชมภู หมู่ 4 ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน อยู่ระหว่างสถานีขุนตานกับสถานีทาชมภู เป็นสะพานประวัติศาสตร์ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2461 และสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2463 เพื่อใช้เป็นเส้นทางเดินรถไฟจากลำปางมายังเชียงใหม่ สะพานขาวบ้านทาชมภูก่อสร้างต่อจากอุโมงค์รถไฟขุนตาน ซึ่งเป็นเส้นทางสายกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ เพื่อให้รถไฟข้ามผ่านลำน้ำแม่ทา มีลักษณะรูปทรงโค้งทาสีขาว เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ทำให้ชาวบ้านในท้องถิ่นตื่นเต้นเข้ามาดูชมการสร้างสะพานนี้อยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นสิ่งใหม่ รวมไปถึงนำอาหารและสิ่งของมาจำหน่ายให้กับกรรมกรแรงงานและนายช่างอยู่ตลอดเวลา สะพานทางรถไฟแห่งนี้ทาสีขาวโดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางทุ่ง ถัดจากอุโมงค์ขุนตาน แตกต่างจากสะพานรถไฟอื่น คือเป็นโครงคอนกรีตเสริมเหล็ก ยาว 87.3 เมตร ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกและท้าทาย เนื่องจากปกติสะพานรถไฟจะสร้างด้วยเหล็ก เพราะสามารถทนต่อแรงสะเทือนและอ่อนตัวได้ดีกว่า แต่เนื่องจากช่วงเวลาที่สร้างสะพานเป็นภาวะสงครามไม่สามารถหาเหล็กมาสร้างสะพานได้ แต่ด้วยการคำนวณและควบคุมงานที่ยอดเยี่ยม ทำให้สะพานทาชมพูยังคงใช้งานได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันนอกจาก สะพานทาชมภู จะเป็นทางรถไฟที่ทอดข้ามแม่น้ำแล้ว ยังใช้เป็นจุดแบ่งเขตแดนระหว่างอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาน กับเขตป่าสงวนแห่งชาติอีกด้วย อีกทั้งสะพานแห่งนี้ยังถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญจุดหนึ่งของการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงทำให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ จึงไม่ควรพลาดที่จะหาโอกาสมาแวะชมความงดงามของสะพานทาชมภู

เครดิต : thailandtourismdirectory.go.th    

1549892532.jpg

       

1549892658.jpg

       

เนื่องจากเคยรีวิวที่นี่ไปแล้ว ลำพูน ไม่ลำพัง : สะพานขาวทาชมภู

ให้ภาพเล่าเรื่องรอบนี้แทนละกันนะคะ

1549892671.jpg

     

1549892684.jpg

       

1549892699.jpg

     

1549892712.jpg

       

1549892723.jpg

       

1549892739.jpg

  แดดเริ่มร้อน เราลาสะพานขาวไปหาอะไรจิบกันเนาะ . . .    

 

 

 

 

 

            เก็บรูปมาเล็กน้อยที่ไร่ริชชา

ไร่มัลเบอรี่ชื่อดังของลำพูน รับรองเรื่องความชิล และความสดของผลิตภัณฑ์ค่ะ

1549935857.jpg

       

1549936156.jpg

         

1549936096.jpg

         

1549936088.jpg

         

1549936115.jpg

  มัลเบอรี่ที่นี่ รับรองความสดค่ะ             

 

 

 

 

 

  สะพานดำ ลำพูน  

ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดนักให้สืบหา เรารู้เพียงแต่ว่าคนทุกรุ่นในพื้นที่จังหวัดลำพูนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า.. "เกิดมาก็เห็นสะพานดำนี้เลย" นี่คือคำพูดของเด็กเล็ก ๆ ไปจนถึงคนรุ่นหัวหงอกผมขาว แต่สันนิษฐานกันว่าน่าจะอายุพอ ๆ กับสะพานทาชมภู และอุโมงค์ขุนตาน ระยะไล่ ๆ กันกับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนสาเหตุที่ตัวสะพานเป็นสีดำนั้นเพราะ.. สีของเหล็กที่พอจะหาได้ในสมัยนั้นนั่นเอง จึงเป็นเหตุให้ชาวบ้านเรียกสะพานแห่งนี้ว่า "สะพานดำ"  เราไม่อาจจะมองข้ามความธรรมดาของสะพานนี้ได้ แม้จะไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ก็ถือเป็นสถานที่เก่าแก่และเป็นของคู่บ้านคู่เมืองลำพูนหลายยุคหลายสมัยมาค่ะ  

1549936582.jpg

       

1549936593.jpg

       

1549939355.jpg

  ขออนุญาตเจ้าของคลิปด้วยนะคะ

  เครดิตภาพมุมสูงสวย ๆ สองภาพนี้ :  ขบวน 408 พ รถแอ่วเหนือ ผ่านสะพานดำ ลำพูน  

1549939366.jpg

       

1549954551.jpg

 

1549936610.jpg

  เส้นทางกลับเชียงใหม่ ถนนเรียบทางรถไฟ.. เราก็จะเห็นรถไฟวิ่ง ส่งเสียงหวูดเป็นระยะ ๆ เส้นทางสายนี้เป็นที่ตื่นเต้นของเด็ก ๆ เสมอค่ะ                

 

 

ขอบคุณที่แวะมา

ท่าจีนริเวอร์โฮม & The Bunny River สุพรรณบุรี ที่พักริมแม่น้ำ Style Cottage Farmhouse

$
0
0
ท่าจีนริเวอร์โฮม & The Bunny River สุพรรณบุรี ที่พักริมแม่น้ำ Style Cottage Farmhouse

ท่าจีนริเวอร์โฮม & The Bunny River สุพรรณบุรี ที่พักริมแม่น้ำ Style Cottage Farmhouse

ท่าจีนริเวอร์โฮม จ.

แป้งเจอนี่เจอนั่น Review

ท่าจีนริเวอร์โฮม & The Bunny River สุพรรณบุรี ที่พักริมแม่น้ำ Style Cottage Farmhouse


สวัสดีค่ะ...ทริปนี้เราใช้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไปพักผ่อนที่อำเภอ "เดิมบางนางบวช" จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นชื่ออำเภอที่ไม่ค่อยคุ้นหูสำหรับเรา แต่พอได้มาแล้วกลับตกหลุมรักได้แบบง่ายดาย และสิ่งที่ทำให้เรา Happy มากกับการพักผ่อนในทริปนี้คือบ้านพักที่ชื่อว่า "ท่าจีนริเวอร์โฮม บ้านหุ่นไล่กา" และ "The Bunny River"

ที่พักทั้ง 2 แห่งนี้เจ้าของเป็นคนเดียวกัน เป็นบ้านพักเล็กๆ กึ่งรีสอร์ทกึ่งโฮมสเตย์ อยู่ริมแม่น้ำท่าจีน Style Farmhouse Cottage ให้ความรู้สึกแบบบ้านไร่นิดๆ วินเทจหน่อยๆ สีสันสดใส บรรยากาศน่ารัก อบอุ่นและเป็นกันเอง

5c59b009aca056360adb15ac.jpg

5c59b041aca056360adb15ad.jpg

5c59b07daca056360adb15ae.jpg

"ท่าจีนริเวอร์โฮม โซน 1"

บ้านพักมีจำนวน 9 หลัง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ โซนริมสระว่ายน้ำ, โซนกลางสวน และ โซนริมแม่น้ำ ซึ่งแต่ละหลังจะแตกต่างกันไปตาม Concept ของบ้านที่เป็นสัตว์นานาชนิด ได้แก่บ้านนก ไก่ หมา แมว กบ ลูกหมู หมี วัว และเป็ด บ้านพักส่วนใหญ่อยู่ริมสระน้ำ บางหลังอยู่ใกล้มากแบบที่ก้าวออกจากบ้าน 5 ก้าว กระโดดลงน้ำได้เลย บ้านพักที่นี่น่ารักมาก จนต้องขออนุญาตคุณป้าแม่บ้านเข้าไปเก็บรูปแต่ละหลังมาฝากค่ะ

5c56a55b4b97b07ff3bb1232.jpg

5c56a6714b97b07ff3bb1233.jpg

 


ในวันที่โลกใบนี้เต็มไปด้วย...สีชมพู ที่ #ภูลมโล

$
0
0
ในวันที่โลกใบนี้เต็มไปด้วย...สีชมพู ที่ #ภูลมโล

ในวันที่โลกใบนี้เต็มไปด้วย...สีชมพู ที่ #ภูลมโล

ภูลมโล อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า (Phulomlo @ Phuhinrongkla National Park) จ.พิษณุโลก

theTripPacker

ในวันที่โลกใบนี้เต็มไปด้วย...สีชมพู ที่ #ภูลมโล


ว่ากันว่า...ในช่วงฤดูหนาว ปลายเดือนธันวาคมถึงมกราคมของทุกปี บนหุบเขาสูงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง เนินเขาสีเขียวที่ดูธรรมดานั้น จะค่อย ๆ เปลี่ยนสี และถูกแทนที่ด้วยสีชมพูสดใสดูมีชีวิตชีวา ด้วยความงดงามของดอกไม้ที่ชื่อว่า "ดอกนางพญาเสือโคร่ง" ทริปนี้เราจะไปชม "ซากุระเมืองไทย" กันที่ ภูลมโล จังหวัดเลย

c516659e-36c5-64bd-b155-5c64cc2fddb2.png

ดอกนางพญาเสือโคร่ง เป็นดอกไม้ฤดูหนาวที่พบได้ทั่วไปบนภูเขาสูง และถือเป็นดอกไม้ตระกูลเดียวกันกับดอกซากุระในญี่ปุ่น ซึ่งจะบานสะพรั่งอวดโฉมให้เราได้ชมความงดงามกันแค่ไม่กี่เดือนในช่วงปลายเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ ของทุกปี และไม่ได้มีเพียงแค่ดอกสีชมพูเท่านั้น แต่นางพญาเสือโคร่งยังมีสายพันธุ์ดอกสีขาวด้วย ในประเทศไทยจุดที่สามารถชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่งดงาม และขึ้นชื่อ ก็คือที่ เชียงใหม่, เชียงราย, น่าน, เพชรบูรณ์, พิษณุโลก และเลย และด้วยความที่เป็นดอกไม้สายบอบบาง หากปีไหนอากาศแปรปรวน หนาวน้อย หรือฝนเยอะเกินไป ก็ต้องบอกว่าอาจจะมีให้ชมน้อยกว่าทุกปี หรือบางจุดอาจไม่บานเลยก็ได้


ภูลมโล เป็นยอดภู ที่ตั้งอยู่ในตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เป็นเขตพื้นที่รอยต่อสองจังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินทางขึ้นภูลมโลทางฝั่งไหนก็ได้ แต่ในครั้งนี้เราอยากลองเดินทางจากฝั่งบ้านกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลยดูบ้าง เพราะเราตั้งใจจะนอนพักเอาแรงก่อนขึ้นภูหนึ่งคืน ในที่พักสไตล์แคมป์ปิ้ง ท่ามกลางหุบเขา และทิวทัศน์ที่สวยงาม และเต็มไปด้วยความเงียบสงบ และที่นี่ยังเป็นจุดที่เราสามารถเหมารถนำเที่ยวภูลมโลได้อีกด้วย หากใครอยากมาสัมผัสความชิลท่ามกลางธรรมชาติแบบเดียวกับเรานี้ ก็มาพักที่ The Camping Phulomlo บ้านกกสะทอนกันได้เลยนะครับ หลังพระอาทิตย์ตก เมื่อแสงหมดความหนาวก็เข้ามาแทนที่ อากาศหนาว ๆ แบบนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการนั่งปิ้งหมูกระทะท่ามกลางลมหนาว และแสงดาวอีกแล้ว อิ่มเต็มที่หนังท้องตึง หนังตาหย่อน ก็ได้เวลาอาบน้ำ นอนพักผ่อนตุนแรงแต่หัวค่ำ เพราะพรุ่งนี้เรามีนัดให้รถนำเที่ยวมารับเราตั้งแต่ ตี 5 เพื่อขึ้นไปดูแสงเช้าบนภูลมโล 

cd70e966-583e-aa91-b827-5c64d79aeb5f.png
500a40fc-4040-a109-7b88-5c64d9a6008d.png
73c003e6-5531-17af-5f05-5c64d7e83331.png
a9205445-e315-d950-d855-5c64d7466a01.png
670f30e1-b837-6110-59b4-5c64d8c6907d.png

เช้ามืด ตี 5 รถที่เรานัดไว้ก็มาตรงเวลาเป๊ะ ๆ บอกก่อนนะครับว่าที่ภูลมโลเราจะนำรถส่วนตัวของเราขึ้นเองไม่ได้นะ ต้องเป็นรถกระบะ 4X4 ที่ผ่านการตรวจสภาพความพร้อมทั้งรถ และคนขับ จากทางอุทยานฯ แล้วเท่านั้น เพราะหนทางที่จะขึ้นไปยังภูลมโลยิ่งเป็นจากฝั่งกกสะทอนด้วยแล้วต้องบอกเลยว่าชัน และขรุขระกว่าฝั่งภูหินร่องกล้าอยู่มากพอสมควร เรานั่งลุ้นหัวสั่นหัวครอนกันจนมาถึงจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นบนภูลมโล ใช้ระยะเวลาทั้งหมดรวม ๆ แล้วก็ประมาณชั่วโมงนิด ๆ ก็ได้เวลาที่พระอาทิตย์โผล่มาทักทายผู้มาเยือนพอดี อากาศบนนี้หนาวกว่าด้านล่างมาก แนะนำให้เตรียมเสื้อผ้าเพิ่มความอบอุ่นกันมาให้พอ เพราะวันนี้ที่เรามา อุณหภูมิก็เบา ๆ 12 องศาเท่านั้น ....

7dd70358-f8e4-c55f-9b8e-5c64de2e5a96.png
4dcb0d8e-a191-9adc-1422-5c64de6b3c5d.png
c89e4e4e-075c-d3f7-a391-5c64de4ce407.png
2062a9fd-8f00-1445-be16-5c64de3bf1b4.png

รถนำเที่ยวจะพาเราไปยังจุดชมวิว และพาชมความงดงามของดอกนางพญาเสือโคร่งตามแปลงต่าง ๆ ซึ่งแต่ละแปลงจะมีความสวยงาม ที่แตกต่างกันออกไป ดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโลจะเป็นสายพันธุ์ที่มีดอกสีชมพู บางต้นก็สีเข้ม บางต้นก็สีอ่อน บานสะพรั่งสวยงามสลับกันกับสีของต้นไม้ ใบไม้ และผืนหญ้า ยิ่งในยามเช้าแบบนี้แสงสีทองของพระอาทิตย์ที่ฉาบลงมาทำให้ทุกอย่างดูละมุนไปหมด

315a1d8e-6aca-9a32-01a9-5c64e10610fb.png
9ec4b694-ef19-de17-267c-5c64e1873184.png
4554ae79-a497-c13c-d079-5c64e1544d65.png
6ad5e0f5-d36f-f038-d6a7-5c64e1c4486c.png
8c528ce1-91b8-93f3-5d7c-5c64e1c34884.png
ab71a5c0-3367-98d7-619e-5c64e19dc4c7.png
c850c15a-a882-9885-36bf-5c64e1158900.png
454dd791-dd2e-b26b-81b1-5c64e1dc5b80.png
7fb8f4e5-2c57-41a4-03e4-5c64e1c063f7.png
15fd1f0c-6df8-7816-c8e8-5c64e17e9272.png
55bd1df4-6cc1-03fa-d2cd-5c64e18c1b6c.png

พี่คนขับรถบอกกับเราว่าปีนี้ดอกไม้บานน้อยไปหน่อย และบางแปลงก็ไม่บานเนื่องจากสภาพอากาศของปีนี้ที่ค่อนข้างแปรปรวน ซึ่งหากเรามาในช่วงปีที่อากาศดี ๆ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็แทบจะไม่เห็นสีอื่นเลยนอกจากสีชมพู แทบจะทุกพื้นที่ทุกตารางเมตรจะมีแต่สีชมพูเต็มไปหมด เรียกว่าโลกทั้งใบกลายเป็นสีชมพูเลยก็ว่าได้ เราฟังแล้วนึกภาพตาม...นี่ขนาดปีนี้บานน้อยแล้วยังสวยขนาดนี้ สงสัยปีหน้าต้องติดตามข่าวไว้ หากบานเมื่อไหร่คงต้องหาโอกาสมาชมให้เห็นภาพนั้นกับตาให้ได้ซักครั้งแน่นอน

788cb5b2-6e9c-85f0-22cf-5c64e3cc02dd.png
a4f96b23-112b-a3cc-b6f4-5c64e30092ac.png
96f3aa61-7cf2-c60e-1483-5c64e3adb8b6.png

เราใช้เวลาช่วงเช้าอยู่บนภูลมโล ที่จริงหากใครมีเวลาก็สามารถเหมารถนำเที่ยวให้อยู่ทั้งวันเลยก็ได้ เพราะเห็นว่าช่วงเย็นตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกก็จะสวยไปอีกแบบ แต่วันนี้เราต้องเดินทางกลับกันแล้ว ครั้งหน้าคงต้องหาเวลาอย่างน้อยซัก 2 คืน เพื่อจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ และความอยู่ชมความสวยงามของทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งบนภูลมโลให้นานกว่านี้น่าจะดีกว่า ว่าแล้วก็โบกมืออำลา โอกาสต้องหาเวลามาเยือนหุบเขาสีชมพูแห่งนี้อีกครั้งให้ได้


จุดเด่น

ที่ภูลมโล ดอกนางพญาเสือโคร่งจะบานสะพรั่งพร้อม ๆ กันเป็นพื้นที่หลายไร่จนหุบเขาทั้งลูกกลายเป็นสีชมพู นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถนำเที่ยวไปชมความงดงามตามแปลงต่าง ๆ และยังมีจุดชมวิวที่สวยงามหลายจุด ซึ่งถือเป็นจุดซากุระเมืองไทยที่งดงามมากแห่งหนึ่งในเมืองไทย

จุดด้อย

การเดินทางขึ้นมายังภูลมโลค่อนข้างลำบาก ไม่สามารถขับรถขึ้นมาเองได้ ต้องอาศัยคนขับที่ชำนาญเส้นทาง และรถที่มีสภาพพร้อมเท่านั้น บนภูมีห้องน้ำให้บริการเพียงจุดเดียว ซึ่งหากเป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวอาจจะทำให้ไม่พอต่อความต้องการ อีกทั้งด้านบนยังไม่มีร้านค้าสวัสดิการ นักท่องเที่ยวต้องเตรียมอาหาร และเครื่องดื่มมาเอง

ข้อสรุป

หากใครที่อยากมาสัมผัสความงดงามของทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งผืนใหญ่ที่ภูลมโลแห่งนี้ก็สามารถมาได้ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากภาพของหุบเขาสีชมพูที่งดงามแล้ว ยังได้สัมผัสอากาศหนาว และสดชื่นของธรรมชาติบนภูลมโลแห่งนี้อีกด้วย

คะแนน 5/5


ข้อมูลทั่วไป


ภูลมโล

ที่ตั้ง :  ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย

GPS : 16.986018, 101.075800

ค่าเข้าชม : มีค่ารถนำเที่ยวภูลมโล 1,500 บาท / คัน (ไม่เกิน 10 คน) สามารถติดต่อจองรถได้ที่ อบต. กกสะทอน หรือจองรถกับที่พักได้เลย

ที่จอดรถ : มีที่จอดรถให้บริการบริเวณที่ทำการ อบต. กกสะทอน

ช่วงเวลาแนะนำ : ช่วงปลายเดือนธันวาคม - กลางเดือนกุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบาน

ไฮไลต์ : เที่ยวภูลมโล ชมความงดงามของหุบเขาสีชมพู ทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่ถูกขนานนามว่า ดอกซากุระเมืองไทย

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

The Camp Phulomlo

ที่ตั้ง :  134 ม.1 ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย

GPS : 17.092369, 101.125498

ห้องพัก : 

เต้นท์กระโจม สำหรับ 4 ท่าน 1,500 บาท เต้นท์กระโจม สำหรับ 2 ท่าน 1,000 บาท เต้นท์เล็ก สำหรับ 2 ท่าน 500 บาท * ราคานี้รวมอาหารเช้า กรณีพักเกินจำนวน คิดท่านละ 300 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 8 ขวบพักฟรี

ที่จอดรถ : มีที่จอดรถให้บริการ

ช่วงเวลาแนะนำ : ทีพักจะเปิดให้บริการแค่ช่วงดอกนางพญาเสือโคร่งบานเท่านั้น คือ ช่วงปลายเดือนธันวาคม - กลางเดือนกุมภาพันธ์

ช่องทางการติดต่อ :

Facebook Page The Camp Phulomlo เบอร์โทร์ 083-3362052 , 061-0468429 คุณฟ้า

ดำน้ำแสมสาร ดูนีโม่ น้ำใสๆ ใกล้แค่สัตหีบ

$
0
0
ดำน้ำแสมสาร ดูนีโม่ น้ำใสๆ ใกล้แค่สัตหีบ

ดำน้ำแสมสาร ดูนีโม่ น้ำใสๆ ใกล้แค่สัตหีบ

อ่าวแสมสาร จ.

นายสองสามก้าว ...

ดำน้ำแสมสาร ดูนีโม่ น้ำใสๆ ใกล้แค่สัตหีบ


อะโลฮ่าซัมเมอร์ คิดถึงทะเลน้ำใสใกล้กรุงต้องคิดถึงแสมสาร สารภาพตามตรงว่าผมเที่ยวสัตหีบเกือบทุกปี แต่ยังไม่รู้สึกว่าสุดๆ แบบไม่เหลืออะไรกังขาเลย เพราะขาดหนึ่งจุดหมายหลักคือการออกทริปดำน้ำอ่าวแสมสาร (ที่ไม่ใช่เกาะแสมสาร) จนต้นกุมภาพันธ์รับหน้าร้อนของปีนี้ ความฝันก็เป็นจริงสักที และขอบอกเลยว่าเป็นฝันที่ดีมาก

ชิลๆ ง่ายๆ ใกล้และไม่ต้องรีบเดินทางครึ่งวันเช้า ดำน้ำครึ่งวันบ่าย พักสบายๆ ที่แสมสารใช้บริการดำน้ำ Sea Sand Sun Samaesarn พักบ้านแม่บังอร หรือตรงจุดท่าเรือดำน้ำนั่นเลยแหละ

(ดูวิดีโอ ยูทูป >>> https://youtu.be/cjbBA5d6bjI)

ทริปนี้พวกเราขับรถตามๆ กันไปจาก กทม. จนถึงบ้านแสมสาร สัตหีบ ชลบุรี ทางเดียวกับสนามบินอู่ตะเภาแต่เลยเข้าไปสิบกว่ากิโล หากใครกลัวไปไม่ถูก เปิดจีพีเอสตั้งไปที่ “บ้านแม่บังอร ที่จอดรถทริปดำน้ำ” ได้เลย

61248a41-468d-7c00-3028-5c6538ea7bfa.jpg

สำหรับใครไม่ได้เอารถไปก็เดินทางไม่ยาก จากตัวอำเภอสัตหีบมีสองแถวสีน้ำเงิน สัตหีบ-แสมสาร ให้บริการ รถสามารถพาเราเข้ามาส่งที่ท่าเรือบ้านแม่บังอร

ประมาณเที่ยงครึ่งหลังจากแวะกินข้าวในตัวอำเภอสัตหีบ เราก็มาถึงท่าเรือบ้านแม่บังอรที่แสมสาร ลานจอดรถกว้างและสะดวกสบายมาก ค่าจอดรถคันละ 100 บาท มอเตอร์ไซค์ 50 บาท มีที่นั่งพัก ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำอย่างดีให้บริการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

7769d3d6-4f47-a293-c1e8-5c6538f2d179.jpg
71ec616b-660f-a1d3-3397-5c65381fee17.jpg

พอพวกเราจัดการเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ลุยโลด บอกเลยว่าร่างการต้องการทะเลเต็มแก่แล้ว

609ae12e-d36a-217f-7828-5c653880fdfa.jpg

ออกจากท่าเรือมุ่งหน้าสู่อ่าวแสมสาร อยู่ใกล้แค่นี้แต่น้ำใสแจ๋วราวกับทะเลทางใต้ เป็นทะเลใกล้กรุงที่สวยที่สุดแล้ว ทริปดำน้ำจะพาเราแวะ 3-4 จุดครับ เป็นจุดใดบ้างขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ระดับน้ำ และความเหมาะสมอื่นๆ ที่แน่นอนคือเขาจะพาเราไปจุดสวยที่สุดในตอนนั้นแบบไม่ต้องกังวล

976ed4e2-d54b-61a4-1925-5c653885ea4a.jpg

นั่งเรือมาประมาณสิบนาทีนิดๆ ถึงจุดแรก แวะมาถ่ายรูปกับน้ำใสๆ โดยเฉพาะ ขอใช้คำว่าว้าวสุดๆ มีกล้องอะไรก็หยิบขึ้นมาแชะภาพให้สะใจ ทีมงานจะช่วยถ่ายภาพให้เราด้วยเหมือนกัน ทริปนี้ไม่ต้องกลัวไม่มีภาพ กลัวแต่เม็มจะไม่พอเซฟภาพมากกว่า (ฮา...)

b4042a2c-2df5-03f2-d46f-5c653845c030.jpg
bfd1c018-1044-107f-e5c0-5c65387e35e9.jpg

ถ่ายภาพจนหนำใจกับทะเลสวยๆ แล้วไปต่อกันจุดสอง เป็นจุดน้ำใสไม่แพ้กัน แหวกว่ายกันได้เลย หากใครดำน้ำไม่เป็น ดำน้ำไม่เก่ง ทีมงานจะมาสอนกันตรงนี้ด้วยครับ ถ้าดำไม่ได้เขาไม่ให้ไปต่อเพราะมาถึงนี่ยังไงต้องมีรูปสวยๆ กลับไป

b41b671c-07ff-8cca-d654-5c65386fe873.jpg
c1207a52-8259-9dc6-9ef1-5c65385770d7.jpg

พอดำน้ำเป็นแล้วก็นี่เลย ถ่ายภาพว่ายน้ำเล่นกับเจ้านีโม่ ปลาการ์ตูนสวยๆ ทีมงานมีกล้องถ่ายภาพใต้น้ำอย่างดีถ่ายให้ไม่มีพลาด

12f97acf-86b8-f70f-53fa-5c6538573a6b.jpg
d7ee03d2-fd13-82ed-8229-5c6538182107.jpg

ลอยทะเล เล่นทะเล ดำน้ำกันแบบสะใจ มีความสุขจริงๆ (โว้ยยยย) พวกเราเพลินอยู่ตรงจุดนี้นานมากครับ เกือบชั่วโมงเลย

ก่อนจะเริ่มเหนื่อยไปต่อกับจุดที่สาม จุดนี้เป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้เพราะเราจะดำน้ำถ่ายรูปคู่กับกัลปังหาสีชมพูขาว สวยมากๆ ดำผุดดำว่ายแบบสนุกสุดใจ

572a2549-a6ea-c54e-6364-5c65380cff6b.jpg
6222d71b-9ee2-0037-72ab-5c6538993d9d.jpg
5da92ea0-1e67-c646-38ae-5c653977b516.jpg

แล้วสุดท้ายเราจึงมาสน็อคเกิ้ลชมแนวปะการังตรงเกาะลักษณะโขดหิน พอโดดตูมลงไปแล้วรู้สึกดีใจมาก ไม่คิดมาก่อนว่าทะเลใกล้ฝั่งและใกล้กรุงเทพจะมีแนวปะการังค่อนข้างสมบูรณ์ขนาดนี้ เยอะทั้งปลา และปะการังหลากหลาย หอยมือเสือตัวใหญ่ๆ เพียบไปหมด

ดำผุดดำว่ายจัดไปแบบสุดเหวี่ยงเลยผม

e6b03c7e-ae2d-8810-684f-5c6539b07283.jpg
e08c5828-d075-643e-6064-5c65399cc419.jpg

กว่าจะกลับขึ้นเรือก็เรียกว่าใช้เวลาจนหยดสุดท้ายหมดพลังเชียวแหละ ทะเลสวยใส ปะการังสวยแจ่มมาก ไม่ต้องเดินทางไกล ไม่ต้องนั่งเรือนาน ต้องใช้คำว่าฟินในฟิน

12350fa1-2d16-d0af-f3ac-5c6539ae6e02.jpg

ที่พักคืนนี้ของเราไม่ใช่ที่ไหนเลย ก็ที่บ้านแม่บังอรนั่นยังไง นอกจากเป็นจุดจอดรถและท่าเรือ ยังมีบริการบ้านพักด้วยครับ ทั้งบ้านหลังเดี่ยวตรงท่าเรือ และบ้านหลังใหญ่ริมถนน แบ่งย่อยเป็นสี่ห้อง สามารถพักเป็นห้อง หรือเหมาหลังพักสูงสุด 16 คน ห้องพักทั้งสองโซน ใหม่ สะอาด พักสบาย สำหรับเราคืนนี้เหมาหลังใหญ่นอนกันสิบกว่าคน

2252094b-51a2-8e5e-bf83-5c65399a61ac.jpg
230d9e6b-8932-9728-4b5e-5c653973a40c.jpg

บรรยากาศโพล้เพล้ที่ท่าเรือบ้านแม่บังอร ลมพัดเย็นสบาย

922b9387-1aa6-fe84-1eba-5c6539e4b77d.jpg

มื้อค่ำพวกเราชวนกันไปกินหมูกระทะเติมพลังที่หายไปสักหน่อยที่สถานีหมูกระทะ เดินจากบ้านแม่บังอรแค่ร้อยสองร้อยเมตร หรือใครจะสั่งมากินตรงที่พักก็ได้ มีชุดจิ้มจุ่ม ชุดหมูกระทะ ชุดหมูย่างเนย ชุดละ 200 กับ 300 บาท ปริมาณสมราคา ของสด รสชาติอร่อย ถือว่าผ่านฉลุย

4756abc0-f2b9-1ec5-53a6-5c6539b2b989.jpg

พักผ่อนตื่นกันสายๆ ก่อนจะแยกย้ายสลายตัวก็มีอาหารเช้าเป็นข้าวต้มทะเล กาแฟ ขนมปัง อิ่มอร่อย

a35aad39-8d26-8679-3b87-5c653951cf05.jpg
6f2b806f-0058-330e-e47a-5c6539006ac8.jpg

สรุปแล้วมาดำน้ำอ่าวแสมสารกับ Sea Sand Sun Samaesarn พักบ้านแม่อังอร เป็นทริปสั้นๆ ที่ประทับใจมากครับ ทะเลสวย บริการดีเยี่ยม ราคาไม่แพง ประหยัดกว่าเที่ยวใต้เยอะ ที่สำคัญคือไม่ต้องเดินทางไกล อย่างที่บอกครับว่าเป็นทะเลใกล้กรุงที่สวยเหลือเชื่อจนต้องว้าว ว้าว ว้าว

8e67b544-d2b9-c47a-59a1-5c65397a3caf.jpg

ผมคุยเล่นๆ กับทีมงานไว้แล้วว่าบางทีก่อนหมดซัมเมอร์นี้อาจกลับมาอีกรอบ เรื่องนี้ คิดจริง พูดจริง และอยากทำจริงครับ ทะเลแสมสาร (รวมถึงสัตหีบโซนอื่นๆ ด้วยแหละ) ทำให้หลงรักแล้วรักอีก รักไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ

--------------------------------------------------------

ทริปดำน้ำกับ Sea Sand Sun Samaesarn

ค่าทริปไม่เกิน 6 คน 3,500 บาท เกินจากนี้เพิ่มคนละ 600 เรือสปีดโบ๊ทใหม่เอี่ยม พร้อมทีมงานดูแลลำละสองคน เลือกได้วันละ 4 รอบ 6.00 น. 9.00 น. 13.00 น. 16.00 น. ใช้เวลาเที่ยวรอบละประมาณ 3 ชั่วโมง ฟรี ถ่ายรูปใต้น้ำไม่จำกัดจำนวนภาพ ส่งให้ทางไลน์ ฟรี อุปกรณ์สน็อคเกิ้ลและเสื้อชูชีพ ฟรี น้ำดื่มบนเรือ ใครต้องการฟินสามารถเช่าเพิ่มเติมที่ท่าเรือ มีทุกไซส์ทุกขนาด ดำน้ำไม่เป็นสามารถเที่ยวได้ ทีมงานจะสอนเบื้องต้นให้ มีแบบแพ็คเกจ ทริปดำน้ำ พร้อมที่พัก ราคาไม่แพง 2 คน ดำน้ำพร้อม 1 ห้องพัก คนละ 2,150 บาท 4 คน ดำน้ำพร้อม 1 ห้องพัก คนละ 1,400 บาท 6-8 คน ดำน้ำพร้อม 2 ห้องพัก คนละ 1,100 บาท หากพักบ้านแม่บังอร มีลานสามารถปาร์ตี้ปิ้งย่างสบายสุดๆ เที่ยวต่อไหนก็ใกล้ ห่างจากท่าเรือเกาะขามเกาะแสมสาร แค่ 500 เมตร ติดต่อ 0817627884, 0925324622 เฟซบุ๊ก : Sea Sand Sun ดำน้ำ อ่าวแสมสาร หรือ www.facebook.com/SeaSandSunSamaesarn เฟซบุ๊ก : บ้านแม่บังอร หรือ www.facebook.com/Banmaebangorn ทั้งบ้านแม่บังอร และ Sea Sand Sun Samaesarn เจ้าของเดียวกันครับ ติดต่อที่ไหนก็ได้

--------------------------------------------------------

ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทางhttp://www.facebook.com/alifeatraveller

ที่พักแม่แมะ เที่ยวเชียงดาว 2019

$
0
0
ที่พักแม่แมะ เที่ยวเชียงดาว 2019

ที่พักแม่แมะ เที่ยวเชียงดาว 2019

ปรางทรายคำริมธาร จ.

suthipong jaidee

มาครั้งที่สามแต่ปักหมุดที่เปลี่ยนแปลง


มาอุทัยครั้งแรกปี 59 ครั้งนั้นเน้นวัด ครั้งที่สองปี 60 เน้นนอกเมือง ห้วยขาแข้ง และมาครั้งนี้เน้น วัด เดินสำรวจเมือง กินทุกร้านที่เขาว่าดี และปั่นจักรยานไปทุกที่บนเกาะเทโพ เป็นครั้งที่ครบถ้วนมากกว่าครั้งอื่นๆ แต่ถ้าหากจะมีครั้งต่อไปก็คงมีเรื่องราวใหม่ไม่ซ้ำเดิม เพราะมีอีกหลายร้านที่อยากกิน อีกหลายที่ที่อยากไป เป็นเมืองเล็กๆ ที่คนน้อย รถน้อย แต่วงเวียนเยอะ เลยต้องเที่ยววนไปในเมืองพระชนกจักรี อุทัยธานีที่คิดถึง

664c9446-46e2-0566-9836-5c67e17029bb.jpg

การเดินทางเริ่มจากขึ้นรถ กรุงเทพฯ คลองลาน ที่ขนส่งรังสิต ในราคา 261 บาท เลือกที่นั่ง A1 หน้าสุดริมหน้าต่าง แต่มีนางหนึ่งนั่ง A1 มาจากหมอชิต พอรถมาถึงขนส่งรังสิต จริงๆ นางต้องเขยิบมานั่ง A2 ถึงจะถูกต้องแต่ปรากฎว่านางไม่ยอม เพราะนางอยากนั่งริมหน้าต่าง ชมวิวทิวทัศน์ ในเมื่อบอกกันตรงๆ ก็นั่งไป เราเห็นถึงความมุ่งมั่นของนางในการอยากนั่งริมหน้าต่างมากขนาดนั้นก็ไม่ว่ากัน เราไม่ซีเรียส ขอให้รถคันนี้พาเราไปอุทัยก็พอใจแล้วอะนะ

e4c0d154-4ee2-2b05-a8bd-5c67e34cbaee.jpg

มาถึง บขส อุทัย ตอนเที่ยงพอดีเป๊ะ ก่อนลงจากรถก็ร่ำลาส่งยิ้มให้กับนางผู้ชอบนั่งริมหน้าต่าง ขอบคุณที่ปลุกให้ตื่น ไม่งั้นอาจเลยป้าย ขอบคุณที่ทำให้รู้จักการเสียสละและแบ่งปัน หลังจากลงจากรถ ยังไม่ทันได้ งง ก็มีสามล้ออาสามาบริการ เราก็ไม่คิดไรมาก ว่าจ้างให้ไปส่งที่ "บ้านจงรัก" หมุดแรกของทริปนี้เลย ในราคา 30 บาท

a4ef7e89-1695-300d-f683-5c67e7c75d79.jpg

บ้านจงรัก เป็นหมุดแรกของทริปอุทัยธานี เป็นร้านที่น่าคบหา นอกจากได้กินไอติมและเครื่องดื่มเย็นๆ แล้ว ยังได้ชมพิพิธภัณฑ์ที่อยู่บนชั้นสองของบ้านด้วย ไม่ได้แค่ชมๆ แชะๆ เท่านั้นนะ ยังได้ความรู้เกี่ยวกับคำพังเพยของไทย และการสร้างบ้านแบบภูมิปัญญาจากเจ้าของบ้านอีกด้วย จากการซักถามและคุยกับ คุณศิลป์ชัย เทศนา ผู้พาชม พิพิธภัณฑ์บ้านคุณตา หลวงเพชรสงคราม เพลิดเพลินเกินไปหน่อย เลยทำให้ลืมจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มกับไอศกรีมไปซะสนิทเลย ส่วนน้องฟิล์ม - ญานิศา เทศนา ลูกสาวคุณศิลป์ชัย ก็ลืมเก็บตังค์ด้วยเหมือนกัน สรุปคือต้องโอนตังค์ให้ฟิล์มทางโมบายแบ๊งกิ้งในราคา 60 บาท

bcb627e2-7b09-cd5f-d037-5c67eaa54849.jpg

บ้านจงรัก เป็นร้านกาแฟกึ่งพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ร้านอยู่ริมถนนศรีอุทัย ตรงข้ามโรงเรียนอุทัยวิทยาลัย เป็นบ้านไม้ที่ต่อเติมเป็นร้านกาแฟ โดยนำของสะสมตั้งแต่บรรพบุรุษ รุ่นปู่ย่าตายาย  รวมทั้งของเล่นเก่าๆ ของคุณจงรัก ภรรยาของคุณศิลป์ชัย มาตกแต่งร้านในสไตล์บ้านของเล่น ที่ดูเหมือนจะน่าสนใจกว่าเมนูขนมภายในร้านเสียอีก แต่การสั่งเครื่องดื่มซักหนึ่งแก้วถือเป็นการตั้งหลักที่ดีอย่างหนึ่ง ก่อนที่จะเดินสำรวจเรื่องราวอันดีงามของบ้านหลังนี้..

3cff9752-31f3-ef6f-f3f3-5c67e894cc76.jpg
9837b88b-7ede-d8d8-ccd0-5c67e80eb8fd.jpg
abb2041a-5628-0b6d-5b88-5c67e8cddd1b.jpg

ที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่ม ชา กาแฟ น้ำสมุนโพรโฮมเมดสูตรโบราณ และยังมีโปสการ์ด ของที่ระลึกจากจังหวัดอุทัยจำหน่ายด้วย 

7a8a8e06-6d77-c3ac-e296-5c67e94c0757.jpg
e6758b14-739c-6d9d-5f82-5c67e978542c.jpg

ชั้น 2 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ชมฟรี

47b8f1f6-757d-e903-1966-5c67ea7cdd9f.jpg

พิพิธภัณฑ์บ้านคุณตาหลวงเพชรสงคราม อยู่บนชั้น 2 ของบ้านจงรัก เป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนบุคคล ตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึงบรรพบุรุษทุกท่าน ใช้ชื่อคุณตาหลวงเพชรสงครามเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่หลวงเพชรสงคราม (เผือก รัตนวราหะ) ยกกระบัตร (อัยการ) แห่งเมืองอุทัยธานี ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นตาทวดของคนในบ้านจงรัก พิพิธภัณฑ์เป็นสถานที่เล็กๆ ที่รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ เครื่องไม้เครื่องมือประกอบอาชีพของบรรพบุรุษ คงบรรยากาศแบบดั้งเดิมเอาไว้เพื่อย้อนความทรงจำกลับไปยังวันวานอีกครั้ง โดยแบ่งเป็นห้องนั่งเล่น โต๊ะทำงาน ห้องนอน

d5711493-5481-d2e9-1764-5c67ec4b11ce.jpg
4d0a8abe-dbf3-25f0-5b5b-5c67ec3919a5.jpg

และยังมีเรือนไทยทางด้านหลังให้ชมอีก ซึ่งเป็นเรือนที่พ่อแม่และคุณศิลป์ชัยเคยอาศัยอยู่ คุณศิลป์ชัยบอกว่าพ่อแม่ของเขาได้ฝังรกของเขาไว้ที่ใต้บันไดบ้าน เพื่อให้เขาได้ตั้งรกรากอยู่ที่บ้านหลังนี้ และไม่จากไปไหน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ คำโบราณที่เราๆ เคยได้ยินกันว่า "ตั้งรกราก" นั้นก็มาจากความหมายดังที่กล่าวมานี้แหละ รก ก็คือรกเด็กนั่นเอง คือมีการตัดรกของเด็กแรกคลอด แล้วนำไปฝังไว้ภายในบริเวณบ้าน อาจเป็นใต้ถุนบ้าน หรือใต้บันไดบ้าน ซึ่งเป็นความเชื่อของคนไทยโบราณว่าเด็กคนนั้นจะมีความผูกพันธ์กับบ้านเกิด รักบ้าน ห่วงบ้าน จนไม่อยากจากไปไหน เหมือนกับคุณศิลป์ชัย ที่อยู่ดูแลบ้านหลังนี้มาเนิ่นนาน

98203cbb-cb74-0abd-9f9c-5c67edb657ec.jpg
ea306fb4-a436-21a9-8659-5c67ede2be6e.jpg
b7be6236-75c3-08b3-5fd8-5c67ed96acbc.jpg
a49f10bb-ef30-74a4-d78f-5c67ed60c01f.jpg
c1df59f2-d462-6dae-9003-5c67ed0440b5.jpg
ee14ef88-10fe-ec43-a473-5c67edcd3109.jpg
563406fd-6e35-281b-dca0-5c67edd111d4.jpg
1dd4cb46-ad47-bdd4-f9d4-5c67edca60dd.jpg

บ้านจงรัก เปิดเฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์ - จันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 7.30 - 17.00 น.

พิพิธภัณฑ์ก็เช่นกัน แต่เปิดเวลา 9.00 น. ชมฟรีจ้ะ

16ed04a2-befd-3116-c7dd-5c67ef1c907c.jpg

จากบ้านจงรัก เดินไปตามถนนศรีอุทัย แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนณรงค์วิถี ด้วยระยะทางเพียง 200 เมตร ก็มาถึงร้านหนังสือกาลครั้งหนึ่ง เนื่องจากไม่ใช่คนอ่านหนังสือจึงแวะมาถ่ายรูปเท่านั้น

b28d7857-9766-861c-2c83-5c67f084e557.jpg
6734e09c-e689-ef35-9e05-5c67f0878625.jpg

เรามาอุทัยนี่ไม่ได้มาคนเดียวนะ นัดเพื่อนที่มาจากลำปางด้วยอีกสองคน ระหว่างที่เพื่อนยังมาไม่ถึงอุทัย เราก็เลยมีความคิดว่าจะไปนั่งรอเพื่อนที่ร้าน "มุมสะแก" ซึ่งอยู่ตรงตีนสะพานวัดโบสถ์ จากร้านกาลครั้งหนึ่ง เราเดินกลับไปที่ถนนศรีอุทัย เดินตรงไปยังห้าแยกวิทยุ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนท่าช้าง เดินตรงไปอีกหน่อยก็ถึงร้านมุมสะแก ด้วยระยะทางเพียง 350 เมตรเท่านั้น

b65dbdb8-973f-2ffa-3426-5c67f10ab5b0.jpg

มุมสะแก ร้านกาแฟริมแม่น้ำสะแกกรัง เป็นอาคารทรงแปดเหลี่ยม สองชั้น ตั้งอยู่ตรงตีนสะพานวัดโบสถ์ อยู่บริเวณตลาด อ.เมืองอุทัยธานี

41dc2e33-7ec9-bf91-30b3-5c67f33f385c.JPG
9bd35226-4bcd-d8e6-5d9a-5c67f3c84082.jpg
ea5f3b01-bbb5-ccb0-8bf9-5c67f45bb522.jpg

เมนูที่ร้านเป็นอาหารแนวฮาลาล มีทั้งอาหารจานเดียว อาหารทานเล่น และที่ต้องสั่ง แบบว่าห้ามพลาดคือ โรตีแป้งมาเลย์ เป็นแป้งกรอบราดนม โรยน้ำตาล รสชาติไม่หวานมาก 

db67a98c-f78e-5dd5-3f92-5c67f40e2acf.JPG
c0091272-45bf-7726-3a3b-5c67f40ee2ec.jpg

แต่ถ้าอยากกินข้าว แนะนำ กะเพราปลาแรดราดข้าว อร่อยมาก ข้าวร้านนี้เม็ดร่วนๆ เลย ที่สำคัญ ทุกเมนูใช้น้ำมันรำข้าว ไม่มีคลอเรสเตอรอล และปลอดผงชูรส

2946fbed-6d2c-247f-9aba-5c67f429ad1b.JPG
aae531df-a593-11e6-8e20-5c67f42d6c1c.JPG

ทั้งหมดนี้สั่งมากินคนเดียว แต่กินหมดนะ ค่าเสียเสียหายอยู่ที่ 175 บาท อิ่มมากเลย ร้านนี้เปิดทุกวัน 7.00-18.00 น.

211b54a5-633b-82ac-a16b-5c67f562f412.jpg

หลังจากนั้นเราก็ไปเดินย่อยที่วัดโบสถ์ซึ่งอยู่ทางฝั่งตรงข้าม โดยเดินข้ามสะพานนี้ไป

ca11c7a7-5135-9ac0-b1cc-5c67f680d91f.jpg
7fda43c5-676e-9b98-c125-5c67f6180872.jpg

ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เรือนแพหลังเดิม และแม่น้ำสะแกกรังสายเดิม

642ee212-898b-6582-940c-5c67f6b7a48c.jpg

ไม่นานนักเพื่อนทั้งสองก็มาถึง เราเดินสำรวจวัดโบสถ์กันก่อนที่จะไปยังที่พัก

675f01dc-2c1c-1f67-9d84-5c67f70abbb2.jpg
4508ac86-04f2-01bb-cb5a-5c67f791fac1.jpg
e26a9ad3-6406-c947-3e8d-5c67f7c9e3d0.jpg

จากวัดโบสถ์ เราเดินไปยัง "บ้านอิงน้ำรีสอร์ท" ด้วยระยะทางหนึ่งกิโลเมตร

a97bff87-3114-9461-cb9d-5c67f7f0c59d.jpg

ครั้งนี้เราเลือกพักที่บ้านอิงน้ำ ในคืนแรกของทริป เลือกนอนบนเรือนแพ ที่นี่มีเรือนแพสองหลัง เราจองสองหลังเลย นอนสองคนหลังนึง นอนคนเดียวอีกหลังนึง ราคาอยู่ที่หลังจะพันเดียวในวันอาทิตย์ถึงพฤหัส แต่ถ้าใครนอนศุกร์เสาร์ ราคาจะอยู่ที่ 1200 ซึ่งก็ยังถูกอยู่ดี

4610b063-caaa-d391-7af9-5c67f9bdb409.jpg

ภายในห้องติดแอร์ มีทีวี ตู้เย็น พัดลม ไดเป่าผม และห้องน้ำในตัว หลังนึงนอนได้สองคน มีเรือคายัคให้พายเล่นด้วย พร้อมเสื้อชูชีพ

1a848c32-02f1-3b5f-efb3-5c67fa394398.jpg
9d88c59c-5f38-3800-0fa5-5c67fa99c8ec.jpg
70acad39-43a0-5ab7-0e2d-5c67fa4b02c6.jpg
f411612d-ad5d-2c1a-a5ea-5c67fad3eaba.jpg
401e049a-8d0b-2e9d-d0f0-5c67fa7987e6.jpg

ส่วนด้านบนของรีสอร์ทก็มีห้องพักอีกหลายแบบ สำหรับสองท่านอยู่ที่ 800-1200 แต่ถ้ามาเป็นครอบครัวก็ 3000-3500 มีสระว่ายน้ำ มีที่จอดรถ และมีจักรยานปั่นฟรี

2af30fc1-370c-076b-dd10-5c67fb09b8ec.jpg
161f6f94-7ce3-9b5e-ae57-5c67fbabbb5b.jpg

หลังจากเช็คอินแล้วเรียบร้อย เราก็พายเรือเล่น ว่ายน้ำเล่น เย็นๆ ก็ออกไปปั่นจักรยานระยะสั้น กิจกรรมค่อนข้างเยอะ ยังไม่จบ ตบท้ายด้วยการไปตระเวณกินในตัวเมือง และเดินเล่นยามค่ำคืนก่อนที่วันแรกจะจบลงอย่างรวดเร็ว

7a2a7364-35d1-ba6e-ccac-5c67fd0f3291.jpg
cf0aa07e-26ab-91bd-2ffe-5c67fd71659d.jpg
ada9abc9-072c-496d-d787-5c67fdac23ad.jpg
9c6cd4cc-2c81-7014-c775-5c67fdc23e03.jpg
3ca73da8-527b-ae49-f643-5c67fde7657d.jpg

เมื่อหนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบลำดวน


เข้าสู่วันที่สองของทริปอุทัย ออกปั่นจักรยานแต่เช้า เป้าหมายคือ the sun house ร้านกาแฟไร่สุดท้าย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านอิงน้ำ 4 โลกว่า บรรยากาศเช้าวันนั้นดูขุ่นมัว เมื่อคืนนอนๆ อยู่ก็ได้ยินเสียงฟ้าร้อง จึงคาดว่าเช้านี้ไม่น่าจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ เป็นแน่แท้ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด แต่วิวข้างทางก็ยังสวยอยู่ดี

1ddc8e21-b248-0729-4ee8-5c694a3c3649.jpg
69e76a72-4cb1-2fec-f6c1-5c694a3b0ba8.jpg

พวกเรามาถึงร้านไร้สุดท้ายในเวลาเจ็ดโมงเช้า ซึ่งต้องปั่นมาถึงถนนใหญ่ ผ่านสวนน้ำเฉลิมพระเกียรติ และปั่นยาวไปอีกโลนึง

1388ceee-4ada-f050-ba65-5c694b6435c4.jpg

เจ็ดโมงนี่ร้านยังไม่เปิดเลย ลองโทรเข้าร้านถามว่าร้านเปิดกี่โมง เขาบอกแปดโมง เลยอ้อนวอนขอเข้าไปนั่งรอในร้านก่อน และคุณพี่ใจดีสุดๆ ออกมาเปิดประตูต้อนรับด้วยตัวเอง พวกเราจึงรีบเข็นจักรยานเข้าไปจอดภายในร้าน บริเวณด้านในน่ารักดีนะ ลักษณะร้านเป็นบ้านดินสีขาวอยู่ริมทุ่่งนา เสียดายที่นาเกี่ยวไปแล้ว แต่ยังมีสวนมัลเบอรี่ที่สามารถเด็ดกินสดๆ ได้จากในสวน ระหว่างรอเวลาแปดโมง พวกเราก็เดินเล่นถ่ายรูปไปพลางก่อน ซึ่งมันก็ไม่นานเกินรอ เพราะที่นี่มีมุมถ่ายรูปเยอะ เดินสำรวจสวนมัลเบอรี่ซึ่งมีอยู่หลายแถว สำรวจที่พักซึ่งที่นี่ก็มีที่พักอยู่หลายห้อง หลายหลัง เผลอแป๊บเดียว กาแฟที่สั่งไว้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว

51a9270a-e0aa-c73f-da60-5c694d39cfa6.jpg
6302050b-36bd-0229-9da9-5c694dc67471.jpg

ไร่สุดท้าย เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บนเกาะเทโพ อ.เมืองอุทัยฯ บรรยากาศดีตรงที่ติดริมท้องนา จุดขายของที่นี่อยู่ตรงที่มีสวนมัลเบอรี่เป็นซุ้มอุโมงค์ เมื่อคุณเดินไปในดงมัลเบอรี่คุณจะได้เห็นผลมัลเบอรี่อยู่มากมาย สามารถเด็ดกินได้สดๆ เลย

541f3ff5-b6bd-bb68-f45e-5c694e7d55a5.jpg
4643e931-3b65-8009-863d-5c694e8dadb3.jpg
99439c4f-4383-589a-18ef-5c694e9b2bf8.jpg

สำหรับที่พัก ที่นี่มีห้องพักสำหรับสองท่าน ราคาอยู่ที่ 1200 และถ้ามากันหลายคนก็มีบ้านเป็นหลัง หลังละ 4000 นอนได้ 7 คน ราคานี้ถือว่าไม่แพงเลยนะ

dc880a11-bfce-dee8-7c72-5c694efc5c5d.jpg
b2126a25-1983-2ee2-61f7-5c694e261490.jpg
cb75489f-5363-1d5e-8413-5c694e447889.jpg
bd052612-1495-1b89-5051-5c694f16669b.jpg

ไร่สุดท้าย เปิดบริการทุกวัน 8:00 - 16:00 อาจเลทไปถึง 17:00 แล้วแต่สถานการณ์

หลังจากนั้นเราก็ปั่นกลับรีสอร์ท แต่ปั่นกลับอีกทางซึ่งทางนั้นเราจะได้ผ่านสะพานแขวนด้วย ซึ่งเป็นสะพานที่นักเดินทางไม่ควรพลาด อันซีนนะ สะพานแขวนที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า ที่จะพาเราข้ามไปยังจุดหมาย

68c4d675-0e5d-5706-2f92-5c6951143c10.jpg
98fa4de1-123d-9cd0-7135-5c69514035f1.jpg
794a88f8-888c-92fd-d279-5c6951de4058.jpg

ระหว่างทางจากสะพานแขวนกว่าจะไปถึงบ้านอิงน้ำ พวกเราต้องเจอกับพายุฝนอย่างหนัก ทำให้เปียกกันถ้วนหน้า เป็นสี่กิโลกว่าที่สาหัสเอามากๆ นอกจากฝ่าฝนแล้ว พวกเรายังต้องฝ่าด่านหมาหมู่อีกด้วย แต่สุดท้ายพวกเราก็ปั่นกลับมาถึงบ้านอิงน้ำอย่างปลอดภัย นับว่าเป็นการปั่นจักรยานที่ยาวไกล ไปกลับก็ราวๆ เก้าโลเห็นจะได้ สนุกดีค่ะ

 

พอกลับมาที่พักฝนยังคงตกต่อเนื่อง จากที่วางแผนว่าจะไปห้วยขาแข้ง วัดถ้ำเขาวง และหุบป่าตาด ต้องฝันสลายเพราะเวลาไม่เพียงพอ กว่าฝนจะหยุดตกก็เกือบเที่ยงละ เลยต้องปรับแผนใหม่ คือต้องเที่ยวแบบใกล้ๆ ตัวเมือง แว้บเดียวที่คิดได้ก็คือไปวัดท่าซุง กับวัดสังกัส ได้แค่นั้นแหละ หลังจากเช็คเอาท์ออกจากบ้านอิงน้ำแล้วก็เข้ามาในตัวเมือง หามื้อเที่ยงกินก่อน ร้านที่หมั้นหมายไว้ว่าอยากกินคือ ก๋วยเตี๋ยวเจ๊เน้ย เห็นเขาว่าเส้นบะหมี่ร้านนี้น่ะเจ๋งมาก

54d14aa9-78e6-b98f-19d0-5c695714b292.jpg
a6781ec4-f2d9-1638-725a-5c6957b70d6a.jpg

"ก๋วยเตี๋ยวเจ๊เน้ย" เป็นร้านที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง หลังจากกินไปชามนึงมันโคตรโดนใจและติดลิ้นเป็นอย่างมาก เป็นร้านที่ทำเส้นบะหมี่เอง เป็นเส้นที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในชีวิตนี้ มันเป็นเส้นตรงๆ สีเหลืองเข้ม ยาว นุ่มมาก เส้นไม่ติดกัน มันนุ่มลื่น รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ภายในชามบะหมี่เขาปรุงมาให้เสร็จ คือไม่ต้องปรุงอะไรอีกแล้ว ตะเกียบคีบแล้วซูดเข้าปาก อร่อยได้เลย ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนดั่งขึ้นสวรรค์ทั้งเป็นเลยค่ะท่านผู้อ่าน 

162c2681-0fc4-5063-8f83-5c696630d7e9.jpg

ก๋วยเตี๋ยวเจ๊เน้ย เป็นร้านบะหมี่สูตรโบราณ ต้นตำรับกว่า 80 ปีจากรุ่นอากง เจ๊เน้ยได้ทำการสืบทอดมาจนเป็นรุ่นที่สามแล้ว นับเป็นของดีของเด่นย่านตลาดเทศบาลเมืองอุทัยธานี

59f63ceb-bbfd-b679-a41a-5c697c5f2922.jpg

เส้นบะหมี่ของเจ๊ทำสดใหม่ทุกวัน จุดเด่นของบะหมี่อยู่ที่การลวก ที่ต้องลวกให้สุกถึงสองรอบถึงจะเหนียวนุ่มอร่อยพอดี และการปรุงรสเส้นบะหมี่ เจ๊เน้ยจะนำหม้อมาปรุงรสก่อน โดยใส่น้ำปลา น้ำส้มสายชู น้ำมันเจียว พริกป่น น้ำตาล และใส่บะหมี่ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ก็จะได้รสชาติบะหมี่ที่จัดจ้านครบรส อร่อย รสชาติกำลังพอดีตามแบบฉบับของคนอุทัยแท้ๆ ................................................................. เมนูแนะนำ : บะหมี่แห้งหมูแดง / กระเพาะปลา

1c35aac7-79d1-6d36-2bcd-5c697c1e4926.jpg

ก๋วยเตี๋ยวเจ๊เน้ย ตั้งอยู่บน ถ.ท่าช้าง ต.อุทัยใหม่ อ.เมืองอุทัยธานี เยื้องศาลเจ้าพ่อหลักเมือง (ปุงเถ่ากง) และใกล้กับร้านมุมสะแกที่อยู่ตรงเชิงสะพานวัดโบสถ์

ร้านเปิด 11.00 - 15.30 น. เบอร์ติดต่อ 093-2327282

900f0ad8-9f74-09b5-c5b9-5c697da92e8f.jpg

หลังจากโซ้ยบะหมี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็มองหารถเหมาเที่ยวเอาดาบหน้า ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่เราก็ค้นพบรถสกายแล็บจอดอยู่อีกฟากฝั่งของถนนโดยบังเอิญ เราตกลงกับรถเหมาว่าเราจะไปแค่วัดท่าซุง วัดสังกัส และมื้อค่ำที่ร้านอาหารบ้านนอกริมนา ส่วนราคาเหมานั้นลุงชายเจ้าของรถเหมาบอกว่าแล้วแต่เราจะให้ พวกเราจึงตัดสินใจกันว่าราคา 600 น่าจะเป็นราคาที่เหมาะสม แต่ก่อนอื่นให้ลุงแกไปส่งพวกเราที่ "เรือนอยู่ อู่ไท" บ้านพักสำหรับพวกเราในคืนที่สอง

9d6aaea6-d796-2452-229b-5c6980ff7eb5.jpg

เรือนอยู่ อู่ไท เป็นบ้านพักแห่งใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก เป็นเรือนไม้สองชั้น สามารถจอดรถหน้าบ้านได้หนึ่งคัน บ้านตั้งอยู่ที่ถนนศรีน้ำซึม ซอย 1 ใกล้ๆ กับสวน ๒๐๐ ปี 

6f111b7f-ab72-1090-c25a-5c69812018f2.jpg

บริเวณชั้นล่างของตัวบ้านมีเพียงเก้าอี้หวายสองตัว และห้องน้ำห้องเล็ก

b490986d-e4a9-b931-9552-5c6981aa0161.jpg

ส่วนชั้นสองมีห้องน้ำห้องใหญ่ ตามด้วยห้องโถง และห้องนอนอยู่ด้านใน

a98b7ff9-0e23-85c5-869f-5c69814a6941.jpg

ภายในห้องนอนได้ถูกจัดวางให้นอนได้สามคน เพิ่มที่นอนเสริมอีกหนึ่งที่ ภายในห้องมีแอร์ ทีวี ระเบียงด้านนอก มีตู้เย็นอยู่ตรงโถงด้านนอก รวมๆ แล้วถือเป็นบ้านพักที่กว้างขวาง สะอาด เดินสบาย ราคาไม่แพง สำหรับสามคนราคาอยู่ที่ 1,250 บาทเท่านั้นเอง

162ff6d8-8df4-1a52-693a-5c698231b081.jpg

หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้วเราก็เริ่มออกเที่ยว งานนี้เที่ยววัดอย่างเดียวเลย เริ่มจากวัดธรรมโฆษก หรือ วัดโรงโค ตั้งอยู่บน ถ.ศรีอุทัย ใกล้ตลาดเทศบาล เป็นวัดที่สร้างในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการเมืองอุทัยธานี และเคยเป็นลานประหารนักโทษมาก่อน

7255453e-2be9-3f42-f622-5c69857d283f.jpg
702e7f07-d729-ab08-2602-5c698560c47c.jpg

ประตูวิหารเป็นไม้จำหลักลายดอกไม้ทาสีแดงงดงามมาก

c4ae0517-f45f-8b37-f26d-5c69859cfd2f.jpg

และนี่คือศพหลวงพ่ออั้น อภิปาโล พระเกจิดังแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง ท่านมรณภาพด้วยโรคหลอดเลือดสมองใหญ่ตีบตัน ยังความเศร้าโศกให้กับชาวอุทัยธานีเป็นอย่างมาก

ครั้งที่สามกับเมืองพระชนกจักรี อุทัยธานี ที่ฉันคิดถึง

$
0
0
ครั้งที่สามกับเมืองพระชนกจักรี อุทัยธานี ที่ฉันคิดถึง

ครั้งที่สามกับเมืองพระชนกจักรี อุทัยธานี ที่ฉันคิดถึง

แม่น้ำสะแกกัง อุทัยธานี จ.

Ajung Painting

มาครั้งที่สามแต่ปักหมุดที่เปลี่ยนแปลง


มาอุทัยครั้งแรกปี 59 ครั้งนั้นเน้นวัด ครั้งที่สองปี 60 เน้นนอกเมือง ห้วยขาแข้ง และมาครั้งนี้เน้น วัด เดินสำรวจเมือง กินทุกร้านที่เขาว่าดี และปั่นจักรยานไปทุกที่บนเกาะเทโพ เป็นครั้งที่ครบถ้วนมากกว่าครั้งอื่นๆ แต่ถ้าหากจะมีครั้งต่อไปก็คงมีเรื่องราวใหม่ไม่ซ้ำเดิม เพราะมีอีกหลายร้านที่อยากกิน อีกหลายที่ที่อยากไป เป็นเมืองเล็กๆ ที่คนน้อย รถน้อย แต่วงเวียนเยอะ เลยต้องเที่ยววนไปในเมืองพระชนกจักรี อุทัยธานีที่คิดถึง

664c9446-46e2-0566-9836-5c67e17029bb.jpg

การเดินทางเริ่มจากขึ้นรถ กรุงเทพฯ คลองลาน ที่ขนส่งรังสิต ในราคา 261 บาท เลือกที่นั่ง A1 หน้าสุดริมหน้าต่าง แต่มีนางหนึ่งนั่ง A1 มาจากหมอชิต พอรถมาถึงขนส่งรังสิต จริงๆ นางต้องเขยิบมานั่ง A2 ถึงจะถูกต้องแต่ปรากฎว่านางไม่ยอม เพราะนางอยากนั่งริมหน้าต่าง ชมวิวทิวทัศน์ ในเมื่อบอกกันตรงๆ ก็นั่งไป เราเห็นถึงความมุ่งมั่นของนางในการอยากนั่งริมหน้าต่างมากขนาดนั้นก็ไม่ว่ากัน เราไม่ซีเรียส ขอให้รถคันนี้พาเราไปอุทัยก็พอใจแล้วอะนะ

e4c0d154-4ee2-2b05-a8bd-5c67e34cbaee.jpg

มาถึง บขส อุทัย ตอนเที่ยงพอดีเป๊ะ ก่อนลงจากรถก็ร่ำลาส่งยิ้มให้กับนางผู้ชอบนั่งริมหน้าต่าง ขอบคุณที่ปลุกให้ตื่น ไม่งั้นอาจเลยป้าย ขอบคุณที่ทำให้รู้จักการเสียสละและแบ่งปัน หลังจากลงจากรถ ยังไม่ทันได้ งง ก็มีสามล้ออาสามาบริการ เราก็ไม่คิดไรมาก ว่าจ้างให้ไปส่งที่ "บ้านจงรัก" หมุดแรกของทริปนี้เลย ในราคา 30 บาท

a4ef7e89-1695-300d-f683-5c67e7c75d79.jpg

บ้านจงรัก เป็นหมุดแรกของทริปอุทัยธานี เป็นร้านที่น่าคบหา นอกจากได้กินไอติมและเครื่องดื่มเย็นๆ แล้ว ยังได้ชมพิพิธภัณฑ์ที่อยู่บนชั้นสองของบ้านด้วย ไม่ได้แค่ชมๆ แชะๆ เท่านั้นนะ ยังได้ความรู้เกี่ยวกับคำพังเพยของไทย และการสร้างบ้านแบบภูมิปัญญาจากเจ้าของบ้านอีกด้วย จากการซักถามและคุยกับ คุณศิลป์ชัย เทศนา ผู้พาชม พิพิธภัณฑ์บ้านคุณตา หลวงเพชรสงคราม เพลิดเพลินเกินไปหน่อย เลยทำให้ลืมจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มกับไอศกรีมไปซะสนิทเลย ส่วนน้องฟิล์ม - ญานิศา เทศนา ลูกสาวคุณศิลป์ชัย ก็ลืมเก็บตังค์ด้วยเหมือนกัน สรุปคือต้องโอนตังค์ให้ฟิล์มทางโมบายแบ๊งกิ้งในราคา 60 บาท

bcb627e2-7b09-cd5f-d037-5c67eaa54849.jpg

บ้านจงรัก เป็นร้านกาแฟกึ่งพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ร้านอยู่ริมถนนศรีอุทัย ตรงข้ามโรงเรียนอุทัยวิทยาลัย เป็นบ้านไม้ที่ต่อเติมเป็นร้านกาแฟ โดยนำของสะสมตั้งแต่บรรพบุรุษ รุ่นปู่ย่าตายาย  รวมทั้งของเล่นเก่าๆ ของคุณจงรัก ภรรยาของคุณศิลป์ชัย มาตกแต่งร้านในสไตล์บ้านของเล่น ที่ดูเหมือนจะน่าสนใจกว่าเมนูขนมภายในร้านเสียอีก แต่การสั่งเครื่องดื่มซักหนึ่งแก้วถือเป็นการตั้งหลักที่ดีอย่างหนึ่ง ก่อนที่จะเดินสำรวจเรื่องราวอันดีงามของบ้านหลังนี้..

3cff9752-31f3-ef6f-f3f3-5c67e894cc76.jpg
9837b88b-7ede-d8d8-ccd0-5c67e80eb8fd.jpg
abb2041a-5628-0b6d-5b88-5c67e8cddd1b.jpg

ที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่ม ชา กาแฟ น้ำสมุนโพรโฮมเมดสูตรโบราณ และยังมีโปสการ์ด ของที่ระลึกจากจังหวัดอุทัยจำหน่ายด้วย 

7a8a8e06-6d77-c3ac-e296-5c67e94c0757.jpg
e6758b14-739c-6d9d-5f82-5c67e978542c.jpg

ชั้น 2 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ชมฟรี

47b8f1f6-757d-e903-1966-5c67ea7cdd9f.jpg

พิพิธภัณฑ์บ้านคุณตาหลวงเพชรสงคราม อยู่บนชั้น 2 ของบ้านจงรัก เป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนบุคคล ตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึงบรรพบุรุษทุกท่าน ใช้ชื่อคุณตาหลวงเพชรสงครามเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่หลวงเพชรสงคราม (เผือก รัตนวราหะ) ยกกระบัตร (อัยการ) แห่งเมืองอุทัยธานี ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นตาทวดของคนในบ้านจงรัก พิพิธภัณฑ์เป็นสถานที่เล็กๆ ที่รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ เครื่องไม้เครื่องมือประกอบอาชีพของบรรพบุรุษ คงบรรยากาศแบบดั้งเดิมเอาไว้เพื่อย้อนความทรงจำกลับไปยังวันวานอีกครั้ง โดยแบ่งเป็นห้องนั่งเล่น โต๊ะทำงาน ห้องนอน

d5711493-5481-d2e9-1764-5c67ec4b11ce.jpg
4d0a8abe-dbf3-25f0-5b5b-5c67ec3919a5.jpg

และยังมีเรือนไทยทางด้านหลังให้ชมอีก ซึ่งเป็นเรือนที่พ่อแม่และคุณศิลป์ชัยเคยอาศัยอยู่ คุณศิลป์ชัยบอกว่าพ่อแม่ของเขาได้ฝังรกของเขาไว้ที่ใต้บันไดบ้าน เพื่อให้เขาได้ตั้งรกรากอยู่ที่บ้านหลังนี้ และไม่จากไปไหน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ คำโบราณที่เราๆ เคยได้ยินกันว่า "ตั้งรกราก" นั้นก็มาจากความหมายดังที่กล่าวมานี้แหละ รก ก็คือรกเด็กนั่นเอง คือมีการตัดรกของเด็กแรกคลอด แล้วนำไปฝังไว้ภายในบริเวณบ้าน อาจเป็นใต้ถุนบ้าน หรือใต้บันไดบ้าน ซึ่งเป็นความเชื่อของคนไทยโบราณว่าเด็กคนนั้นจะมีความผูกพันธ์กับบ้านเกิด รักบ้าน ห่วงบ้าน จนไม่อยากจากไปไหน เหมือนกับคุณศิลป์ชัย ที่อยู่ดูแลบ้านหลังนี้มาเนิ่นนาน

98203cbb-cb74-0abd-9f9c-5c67edb657ec.jpg
ea306fb4-a436-21a9-8659-5c67ede2be6e.jpg
b7be6236-75c3-08b3-5fd8-5c67ed96acbc.jpg
a49f10bb-ef30-74a4-d78f-5c67ed60c01f.jpg
c1df59f2-d462-6dae-9003-5c67ed0440b5.jpg
ee14ef88-10fe-ec43-a473-5c67edcd3109.jpg
563406fd-6e35-281b-dca0-5c67edd111d4.jpg
1dd4cb46-ad47-bdd4-f9d4-5c67edca60dd.jpg

บ้านจงรัก เปิดเฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์ - จันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 7.30 - 17.00 น.

พิพิธภัณฑ์ก็เช่นกัน แต่เปิดเวลา 9.00 น. ชมฟรีจ้ะ

16ed04a2-befd-3116-c7dd-5c67ef1c907c.jpg

จากบ้านจงรัก เดินไปตามถนนศรีอุทัย แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนณรงค์วิถี ด้วยระยะทางเพียง 200 เมตร ก็มาถึงร้านหนังสือกาลครั้งหนึ่ง เนื่องจากไม่ใช่คนอ่านหนังสือจึงแวะมาถ่ายรูปเท่านั้น

b28d7857-9766-861c-2c83-5c67f084e557.jpg
6734e09c-e689-ef35-9e05-5c67f0878625.jpg

เรามาอุทัยนี่ไม่ได้มาคนเดียวนะ นัดเพื่อนที่มาจากลำปางด้วยอีกสองคน ระหว่างที่เพื่อนยังมาไม่ถึงอุทัย เราก็เลยมีความคิดว่าจะไปนั่งรอเพื่อนที่ร้าน "มุมสะแก" ซึ่งอยู่ตรงตีนสะพานวัดโบสถ์ จากร้านกาลครั้งหนึ่ง เราเดินกลับไปที่ถนนศรีอุทัย เดินตรงไปยังห้าแยกวิทยุ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนท่าช้าง เดินตรงไปอีกหน่อยก็ถึงร้านมุมสะแก ด้วยระยะทางเพียง 350 เมตรเท่านั้น

b65dbdb8-973f-2ffa-3426-5c67f10ab5b0.jpg

มุมสะแก ร้านกาแฟริมแม่น้ำสะแกกรัง เป็นอาคารทรงแปดเหลี่ยม สองชั้น ตั้งอยู่ตรงตีนสะพานวัดโบสถ์ อยู่บริเวณตลาด อ.เมืองอุทัยธานี

41dc2e33-7ec9-bf91-30b3-5c67f33f385c.JPG
9bd35226-4bcd-d8e6-5d9a-5c67f3c84082.jpg
ea5f3b01-bbb5-ccb0-8bf9-5c67f45bb522.jpg

เมนูที่ร้านเป็นอาหารแนวฮาลาล มีทั้งอาหารจานเดียว อาหารทานเล่น และที่ต้องสั่ง แบบว่าห้ามพลาดคือ โรตีแป้งมาเลย์ เป็นแป้งกรอบราดนม โรยน้ำตาล รสชาติไม่หวานมาก 

db67a98c-f78e-5dd5-3f92-5c67f40e2acf.JPG
c0091272-45bf-7726-3a3b-5c67f40ee2ec.jpg

แต่ถ้าอยากกินข้าว แนะนำ กะเพราปลาแรดราดข้าว อร่อยมาก ข้าวร้านนี้เม็ดร่วนๆ เลย ที่สำคัญ ทุกเมนูใช้น้ำมันรำข้าว ไม่มีคลอเรสเตอรอล และปลอดผงชูรส

2946fbed-6d2c-247f-9aba-5c67f429ad1b.JPG
aae531df-a593-11e6-8e20-5c67f42d6c1c.JPG

ทั้งหมดนี้สั่งมากินคนเดียว แต่กินหมดนะ ค่าเสียเสียหายอยู่ที่ 175 บาท อิ่มมากเลย ร้านนี้เปิดทุกวัน 7.00-18.00 น.

211b54a5-633b-82ac-a16b-5c67f562f412.jpg

หลังจากนั้นเราก็ไปเดินย่อยที่วัดโบสถ์ซึ่งอยู่ทางฝั่งตรงข้าม โดยเดินข้ามสะพานนี้ไป

ca11c7a7-5135-9ac0-b1cc-5c67f680d91f.jpg
7fda43c5-676e-9b98-c125-5c67f6180872.jpg

ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เรือนแพหลังเดิม และแม่น้ำสะแกกรังสายเดิม

642ee212-898b-6582-940c-5c67f6b7a48c.jpg

ไม่นานนักเพื่อนทั้งสองก็มาถึง เราเดินสำรวจวัดโบสถ์กันก่อนที่จะไปยังที่พัก

675f01dc-2c1c-1f67-9d84-5c67f70abbb2.jpg
4508ac86-04f2-01bb-cb5a-5c67f791fac1.jpg
e26a9ad3-6406-c947-3e8d-5c67f7c9e3d0.jpg

จากวัดโบสถ์ เราเดินไปยัง "บ้านอิงน้ำรีสอร์ท" ด้วยระยะทางหนึ่งกิโลเมตร

a97bff87-3114-9461-cb9d-5c67f7f0c59d.jpg

ครั้งนี้เราเลือกพักที่บ้านอิงน้ำ ในคืนแรกของทริป เลือกนอนบนเรือนแพ ที่นี่มีเรือนแพสองหลัง เราจองสองหลังเลย นอนสองคนหลังนึง นอนคนเดียวอีกหลังนึง ราคาอยู่ที่หลังจะพันเดียวในวันอาทิตย์ถึงพฤหัส แต่ถ้าใครนอนศุกร์เสาร์ ราคาจะอยู่ที่ 1200 ซึ่งก็ยังถูกอยู่ดี

4610b063-caaa-d391-7af9-5c67f9bdb409.jpg

ภายในห้องติดแอร์ มีทีวี ตู้เย็น พัดลม ไดเป่าผม และห้องน้ำในตัว หลังนึงนอนได้สองคน มีเรือคายัคให้พายเล่นด้วย พร้อมเสื้อชูชีพ

1a848c32-02f1-3b5f-efb3-5c67fa394398.jpg
9d88c59c-5f38-3800-0fa5-5c67fa99c8ec.jpg
70acad39-43a0-5ab7-0e2d-5c67fa4b02c6.jpg
f411612d-ad5d-2c1a-a5ea-5c67fad3eaba.jpg
401e049a-8d0b-2e9d-d0f0-5c67fa7987e6.jpg

ส่วนด้านบนของรีสอร์ทก็มีห้องพักอีกหลายแบบ สำหรับสองท่านอยู่ที่ 800-1200 แต่ถ้ามาเป็นครอบครัวก็ 3000-3500 มีสระว่ายน้ำ มีที่จอดรถ และมีจักรยานปั่นฟรี

2af30fc1-370c-076b-dd10-5c67fb09b8ec.jpg
161f6f94-7ce3-9b5e-ae57-5c67fbabbb5b.jpg

หลังจากเช็คอินแล้วเรียบร้อย เราก็พายเรือเล่น ว่ายน้ำเล่น เย็นๆ ก็ออกไปปั่นจักรยานระยะสั้น กิจกรรมค่อนข้างเยอะ ยังไม่จบ ตบท้ายด้วยการไปตระเวณกินในตัวเมือง และเดินเล่นยามค่ำคืนก่อนที่วันแรกจะจบลงอย่างรวดเร็ว

7a2a7364-35d1-ba6e-ccac-5c67fd0f3291.jpg
cf0aa07e-26ab-91bd-2ffe-5c67fd71659d.jpg
ada9abc9-072c-496d-d787-5c67fdac23ad.jpg
9c6cd4cc-2c81-7014-c775-5c67fdc23e03.jpg
3ca73da8-527b-ae49-f643-5c67fde7657d.jpg

เมื่อหนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบลำดวน


เข้าสู่วันที่สองของทริปอุทัย ออกปั่นจักรยานแต่เช้า เป้าหมายคือ the sun house ร้านกาแฟไร่สุดท้าย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านอิงน้ำ 4 โลกว่า บรรยากาศเช้าวันนั้นดูขุ่นมัว เมื่อคืนนอนๆ อยู่ก็ได้ยินเสียงฟ้าร้อง จึงคาดว่าเช้านี้ไม่น่าจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ เป็นแน่แท้ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด แต่วิวข้างทางก็ยังสวยอยู่ดี

1ddc8e21-b248-0729-4ee8-5c694a3c3649.jpg
69e76a72-4cb1-2fec-f6c1-5c694a3b0ba8.jpg

พวกเรามาถึงร้านไร้สุดท้ายในเวลาเจ็ดโมงเช้า ซึ่งต้องปั่นมาถึงถนนใหญ่ ผ่านสวนน้ำเฉลิมพระเกียรติ และปั่นยาวไปอีกโลนึง

1388ceee-4ada-f050-ba65-5c694b6435c4.jpg

เจ็ดโมงนี่ร้านยังไม่เปิดเลย ลองโทรเข้าร้านถามว่าร้านเปิดกี่โมง เขาบอกแปดโมง เลยอ้อนวอนขอเข้าไปนั่งรอในร้านก่อน และคุณพี่ใจดีสุดๆ ออกมาเปิดประตูต้อนรับด้วยตัวเอง พวกเราจึงรีบเข็นจักรยานเข้าไปจอดภายในร้าน บริเวณด้านในน่ารักดีนะ ลักษณะร้านเป็นบ้านดินสีขาวอยู่ริมทุ่่งนา เสียดายที่นาเกี่ยวไปแล้ว แต่ยังมีสวนมัลเบอรี่ที่สามารถเด็ดกินสดๆ ได้จากในสวน ระหว่างรอเวลาแปดโมง พวกเราก็เดินเล่นถ่ายรูปไปพลางก่อน ซึ่งมันก็ไม่นานเกินรอ เพราะที่นี่มีมุมถ่ายรูปเยอะ เดินสำรวจสวนมัลเบอรี่ซึ่งมีอยู่หลายแถว สำรวจที่พักซึ่งที่นี่ก็มีที่พักอยู่หลายห้อง หลายหลัง เผลอแป๊บเดียว กาแฟที่สั่งไว้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว

51a9270a-e0aa-c73f-da60-5c694d39cfa6.jpg
6302050b-36bd-0229-9da9-5c694dc67471.jpg

ไร่สุดท้าย เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บนเกาะเทโพ อ.เมืองอุทัยฯ บรรยากาศดีตรงที่ติดริมท้องนา จุดขายของที่นี่อยู่ตรงที่มีสวนมัลเบอรี่เป็นซุ้มอุโมงค์ เมื่อคุณเดินไปในดงมัลเบอรี่คุณจะได้เห็นผลมัลเบอรี่อยู่มากมาย สามารถเด็ดกินได้สดๆ เลย

541f3ff5-b6bd-bb68-f45e-5c694e7d55a5.jpg
4643e931-3b65-8009-863d-5c694e8dadb3.jpg
99439c4f-4383-589a-18ef-5c694e9b2bf8.jpg

สำหรับที่พัก ที่นี่มีห้องพักสำหรับสองท่าน ราคาอยู่ที่ 1200 และถ้ามากันหลายคนก็มีบ้านเป็นหลัง หลังละ 4000 นอนได้ 7 คน ราคานี้ถือว่าไม่แพงเลยนะ

dc880a11-bfce-dee8-7c72-5c694efc5c5d.jpg
b2126a25-1983-2ee2-61f7-5c694e261490.jpg
cb75489f-5363-1d5e-8413-5c694e447889.jpg
bd052612-1495-1b89-5051-5c694f16669b.jpg

ไร่สุดท้าย เปิดบริการทุกวัน 8:00 - 16:00 อาจเลทไปถึง 17:00 แล้วแต่สถานการณ์

หลังจากนั้นเราก็ปั่นกลับรีสอร์ท แต่ปั่นกลับอีกทางซึ่งทางนั้นเราจะได้ผ่านสะพานแขวนด้วย ซึ่งเป็นสะพานที่นักเดินทางไม่ควรพลาด อันซีนนะ สะพานแขวนที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า ที่จะพาเราข้ามไปยังจุดหมาย

68c4d675-0e5d-5706-2f92-5c6951143c10.jpg
98fa4de1-123d-9cd0-7135-5c69514035f1.jpg
794a88f8-888c-92fd-d279-5c6951de4058.jpg

ระหว่างทางจากสะพานแขวนกว่าจะไปถึงบ้านอิงน้ำ พวกเราต้องเจอกับพายุฝนอย่างหนัก ทำให้เปียกกันถ้วนหน้า เป็นสี่กิโลกว่าที่สาหัสเอามากๆ นอกจากฝ่าฝนแล้ว พวกเรายังต้องฝ่าด่านหมาหมู่อีกด้วย แต่สุดท้ายพวกเราก็ปั่นกลับมาถึงบ้านอิงน้ำอย่างปลอดภัย นับว่าเป็นการปั่นจักรยานที่ยาวไกล ไปกลับก็ราวๆ เก้าโลเห็นจะได้ สนุกดีค่ะ

 

พอกลับมาที่พักฝนยังคงตกต่อเนื่อง จากที่วางแผนว่าจะไปห้วยขาแข้ง วัดถ้ำเขาวง และหุบป่าตาด ต้องฝันสลายเพราะเวลาไม่เพียงพอ กว่าฝนจะหยุดตกก็เกือบเที่ยงละ เลยต้องปรับแผนใหม่ คือต้องเที่ยวแบบใกล้ๆ ตัวเมือง แว้บเดียวที่คิดได้ก็คือไปวัดท่าซุง กับวัดสังกัส ได้แค่นั้นแหละ หลังจากเช็คเอาท์ออกจากบ้านอิงน้ำแล้วก็เข้ามาในตัวเมือง หามื้อเที่ยงกินก่อน ร้านที่หมั้นหมายไว้ว่าอยากกินคือ ก๋วยเตี๋ยวเจ๊เน้ย เห็นเขาว่าเส้นบะหมี่ร้านนี้น่ะเจ๋งมาก

54d14aa9-78e6-b98f-19d0-5c695714b292.jpg
a6781ec4-f2d9-1638-725a-5c6957b70d6a.jpg

"ก๋วยเตี๋ยวเจ๊เน้ย" เป็นร้านที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง หลังจากกินไปชามนึงมันโคตรโดนใจและติดลิ้นเป็นอย่างมาก เป็นร้านที่ทำเส้นบะหมี่เอง เป็นเส้นที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในชีวิตนี้ มันเป็นเส้นตรงๆ สีเหลืองเข้ม ยาว นุ่มมาก เส้นไม่ติดกัน มันนุ่มลื่น รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ภายในชามบะหมี่เขาปรุงมาให้เสร็จ คือไม่ต้องปรุงอะไรอีกแล้ว ตะเกียบคีบแล้วซูดเข้าปาก อร่อยได้เลย ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนดั่งขึ้นสวรรค์ทั้งเป็นเลยค่ะท่านผู้อ่าน 

162c2681-0fc4-5063-8f83-5c696630d7e9.jpg

ก๋วยเตี๋ยวเจ๊เน้ย เป็นร้านบะหมี่สูตรโบราณ ต้นตำรับกว่า 80 ปีจากรุ่นอากง เจ๊เน้ยได้ทำการสืบทอดมาจนเป็นรุ่นที่สามแล้ว นับเป็นของดีของเด่นย่านตลาดเทศบาลเมืองอุทัยธานี

59f63ceb-bbfd-b679-a41a-5c697c5f2922.jpg

เส้นบะหมี่ของเจ๊ทำสดใหม่ทุกวัน จุดเด่นของบะหมี่อยู่ที่การลวก ที่ต้องลวกให้สุกถึงสองรอบถึงจะเหนียวนุ่มอร่อยพอดี และการปรุงรสเส้นบะหมี่ เจ๊เน้ยจะนำหม้อมาปรุงรสก่อน โดยใส่น้ำปลา น้ำส้มสายชู น้ำมันเจียว พริกป่น น้ำตาล และใส่บะหมี่ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ก็จะได้รสชาติบะหมี่ที่จัดจ้านครบรส อร่อย รสชาติกำลังพอดีตามแบบฉบับของคนอุทัยแท้ๆ ................................................................. เมนูแนะนำ : บะหมี่แห้งหมูแดง / กระเพาะปลา

1c35aac7-79d1-6d36-2bcd-5c697c1e4926.jpg

ก๋วยเตี๋ยวเจ๊เน้ย ตั้งอยู่บน ถ.ท่าช้าง ต.อุทัยใหม่ อ.เมืองอุทัยธานี เยื้องศาลเจ้าพ่อหลักเมือง (ปุงเถ่ากง) และใกล้กับร้านมุมสะแกที่อยู่ตรงเชิงสะพานวัดโบสถ์

ร้านเปิด 11.00 - 15.30 น. เบอร์ติดต่อ 093-2327282

900f0ad8-9f74-09b5-c5b9-5c697da92e8f.jpg

หลังจากโซ้ยบะหมี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็มองหารถเหมาเที่ยวเอาดาบหน้า ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่เราก็ค้นพบรถสกายแล็บจอดอยู่อีกฟากฝั่งของถนนโดยบังเอิญ เราตกลงกับรถเหมาว่าเราจะไปแค่วัดท่าซุง วัดสังกัส และมื้อค่ำที่ร้านอาหารบ้านนอกริมนา ส่วนราคาเหมานั้นลุงชายเจ้าของรถเหมาบอกว่าแล้วแต่เราจะให้ พวกเราจึงตัดสินใจกันว่าราคา 600 น่าจะเป็นราคาที่เหมาะสม แต่ก่อนอื่นให้ลุงแกไปส่งพวกเราที่ "เรือนอยู่ อู่ไท" บ้านพักสำหรับพวกเราในคืนที่สอง

9d6aaea6-d796-2452-229b-5c6980ff7eb5.jpg

เรือนอยู่ อู่ไท เป็นบ้านพักแห่งใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก เป็นเรือนไม้สองชั้น สามารถจอดรถหน้าบ้านได้หนึ่งคัน บ้านตั้งอยู่ที่ถนนศรีน้ำซึม ซอย 1 ใกล้ๆ กับสวน ๒๐๐ ปี 

6f111b7f-ab72-1090-c25a-5c69812018f2.jpg

บริเวณชั้นล่างของตัวบ้านมีเพียงเก้าอี้หวายสองตัว และห้องน้ำห้องเล็ก

b490986d-e4a9-b931-9552-5c6981aa0161.jpg

ส่วนชั้นสองมีห้องน้ำห้องใหญ่ ตามด้วยห้องโถง และห้องนอนอยู่ด้านใน

a98b7ff9-0e23-85c5-869f-5c69814a6941.jpg

ภายในห้องนอนได้ถูกจัดวางให้นอนได้สามคน เพิ่มที่นอนเสริมอีกหนึ่งที่ ภายในห้องมีแอร์ ทีวี ระเบียงด้านนอก มีตู้เย็นอยู่ตรงโถงด้านนอก รวมๆ แล้วถือเป็นบ้านพักที่กว้างขวาง สะอาด เดินสบาย ราคาไม่แพง สำหรับสามคนราคาอยู่ที่ 1,250 บาทเท่านั้นเอง

162ff6d8-8df4-1a52-693a-5c698231b081.jpg

หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้วเราก็เริ่มออกเที่ยว งานนี้เที่ยววัดอย่างเดียวเลย เริ่มจากวัดธรรมโฆษก หรือ วัดโรงโค ตั้งอยู่บน ถ.ศรีอุทัย ใกล้ตลาดเทศบาล เป็นวัดที่สร้างในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการเมืองอุทัยธานี และเคยเป็นลานประหารนักโทษมาก่อน

7255453e-2be9-3f42-f622-5c69857d283f.jpg
702e7f07-d729-ab08-2602-5c698560c47c.jpg

ประตูวิหารเป็นไม้จำหลักลายดอกไม้ทาสีแดงงดงามมาก

c4ae0517-f45f-8b37-f26d-5c69859cfd2f.jpg

และนี่คือศพหลวงพ่ออั้น อภิปาโล พระเกจิดังแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง ท่านมรณภาพด้วยโรคหลอดเลือดสมองใหญ่ตีบตัน ยังความเศร้าโศกให้กับชาวอุทัยธานีเป็นอย่างมาก

รถไฟ ป่า เขา ดาว และ เรา (อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล)

$
0
0
รถไฟ ป่า เขา ดาว และ เรา (อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล)

รถไฟ ป่า เขา ดาว และ เรา (อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล)

อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาน, ลำพูน จ.

maria bamboo

   

1550317915.jpg

 

9th - 10th February 2019      

 

  เพราะการเยือนอุโมงค์รถไฟขุนตานคราวก่อนทำให้เกิดไอเดียอยากพาเด็กน้อยที่บ้านมาฝึกเดินป่าระยะสั้น แม้ว่าบ้านเราจะ hiking เบา ๆ กันอยู่บ่อยครั้งแต่หนนี้คงเป็นครั้งแรกสำหรับโมเสสที่จะได้นอนเต้นท์ นอนดอย และทำ nature trail แบบเต็มคราบสินะครับ   จขบ.เลือกอช.ขุนตาลเป็นคาร์แคมป์ที่แรกให้โมเสสค่ะ คือคาร์ของเราส่วนแคมป์ของอช.มาเช่าเอาซึ่งถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สะดวกสบาย แทนการเกาะรถไฟมาลงที่อุโมงค์ขุนตานแล้วเดินเท้าต่อไปที่อช.เหมือนหลายคนทำกัน เราเลือกการขับรถขึ้นที่อช. ทีแรกก็หวั่น ๆ ทางขึ้นแต่ทางขับง่าย ขับได้อยู่ค่ะแม้จะชันอยู่บ้างก็ตาม ^^      

ราคาเต็นท์ หรือบ้านพัก หรือแม้แต่ทางที่จะมาที่ อช.สามารถติดต่อสอบถามจากเจ้าหน้าที่ได้โดยตรงที่ facebook.com/DoiKhunTanNationalPark หรือโทร 081 032 6341

อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ต.ทาปลาดุก อ.แม่ทา จ.ลำพูน (44.21 km) เทศบาลเมืองลำพูน 51140  

1550319408.jpg

  อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ทาจังหวัดลำพูนและอำเภอห้างฉัตรอำเภอเมืองลำปางจังหวัดลำปาง สภาพพื้นที่เป็นป่าอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำ สามารถเดินทางโดยรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟขุนตาน ซึ่งเป็นที่ตั้งอุโมงค์ขุนตาน อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย สร้างโดยชาวเยอรมัน   ป่าดอยขุนตาลเป็นป่า 1 ใน 14 แห่ง ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติในการประชุม เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ให้จัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งกรมป่าไม้ได้ประกาศให้ป่าในท้องที่บางส่วนของตำบลท่าปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยขุนตาล ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 116 (พ.ศ. 2506) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 80 ตอนที่ 82 วันที่ 13 สิงหาคม 2506 เนื้อที่ 39,206.25 ไร่ และในท้องที่บางส่วนของตำบลเวียงตาล ตำบลวอแก้ว อำเภอห้างฉัตร และตำบลบ้านเอื้อม อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยขุนตาลตาม กฎกระทรวงฉบับที่ 359 (พ.ศ. 2511) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 85 ตอนที่ 109 วันที่ 22 พฤศจิกายน 2511 เนื้อที่ 120,625 ไร่

เครดิต : wikipedia  

1550319819.jpg

. . .        

                    ออกจากเชียงใหม่ แวะซื้ออะไรติดรถไว้กินตอนดึก ๆ และรุ่งเช้าแล้วไปที่ อช.กันต่อเลยค่ะ ถึงที่นั่นประมาณบ่ายสองกว่า ๆ  ที่ทางเข้าเราจ่ายค่าธรรมเนียมราคาตามภาพข้างล่างค่ะ  

1550393322.jpg

       

1550393335.jpg

    จอดรถแล้วติดต่อเช่าเต้นท์ค่ะ

ราคาเต้นท์หลังละ 150 บาท นอนได้สามพ่อแม่ลูก แผ่นรองแผ่นละ 20 บาท หมอนใบละ 10 บาทค่ะ ถุงนอน 30 บาทค่ะ เบ็ดเสร็จ 210 บาทค่ะ  

1550393352.jpg

       

1550393363.jpg

       

1550393388.jpg

   

1550393376.jpg

  เพราะยังบ่ายสามกว่า ๆ จนท.บอกมันยังร้อนที่จะเตรียมเต้นท์ให้ พื้นที่ตรงลานชมดาวนี่สนามกลางแดดดี ๆ นี่เอง เราเลยเลือกจะพาโมเสสเดินเท้าเข้าป่า ลงเขาไปอุโมงค์ขุนตานดูรถไฟกันค่ะ ระยะทาง 1.300 เมตร เริ่มจากเดินออกจาก อช.กันค่ะซึ่งมันก็จะย้อน ๆ นักเดินทางคนอื่นเขาอยู่หน่อย ๆ เพราะเขาเดินขึ้น เราเดินลง ตามนั้นค่ะ 555

 

1550394418.jpg

       

1550394632.jpg

   

จากอช.ดอยขุนตาล เดินมาสัก 100 เมตรจะเจอต้นไม้ใหญ่กลางถนนตรงโค้งนี่แหล่ะค่ะ เตรียมเจอทางเข้าที่ทางซ้ายมือค่ะ  

1550394691.jpg

       

1550408216.jpg

  มีป้ายบอกชัดเจนด้านซ้ายมือ    

 

1550394768.jpg

       

1550408269.jpg

  กุมภากับป่าเต็งรังเปลี่ยนสีอย่างนี้ มันก็ดูดีเหมือนกันนะคะ

มาช่วงนี้ฝุ่นเยอะค่ะ หาความเขียวไม่ค่อยจะมี เราคิดถึงอากาศเย็น ๆ ช่วงหน้าฝนแล้ว คิดว่าหน้านั้นคงเดินป่าฟินกว่าเนาะ  

1550408362.jpg

   

1550408299.jpg

   

1550408314.jpg

     

1550408485.jpg

     

1550408669.jpg

  ระยะโลนิด ๆ กับทางลงเขาที่ดินปนทรายบางช่วงเด็กน้อยอย่างโมเสส "ลื่น" ล้มไปสองรอบ อ๋อย

..เอ็นดู..  

และแล้วก็ถึงสักที  

1550408700.jpg

       

1550408814.jpg

  ทางลง ที่บรรจบกับทางลงของวัดขุนตาน  

1550449192.jpg

       

1550409012.jpg

     

1550409038.jpg

     

1550409189.jpg

       

1550409086.jpg

       

1550409108.jpg
1550409117.jpg

       

1550409229.jpg

     

1550409249.jpg

  หิวน้ำไปหาน้ำดื่มกันคับ

กับจังหวะที่หัวจักรก็วิ่งมา  

 

1550409275.jpg

     

1550409310.jpg

   

1550409321.jpg

 

ภาระกิจวันนี้ถือว่ายังไม่เสร็จถ้ายังไม่ได้เห็นรถไฟลอดอุโมค์   มันเป็นสิ่งที่เด็กน้อยต้องพิชิตให้ได้ในทริปนี้ เวลาเหลือ ๆ ก่อนที่รถไฟจากเชียงใหม่จะมาถึงขุนตาน ในรอบ 4.50 อีกครึ่งชั่วโมงเลยหาเรื่องเหนื่อยขึ้นวัดขุนตานกันค่ะ เพราะบันไดล่อใจดีเหลือเกิน ไปกันค่ะ  

1550449467.jpg

    ข้างบนเป็นวัดตามแบบไทยเหนือ วัดกลางธรรมชาติก็จะสวยประมาณนี้  

1550449600.jpg

       

1550449657.jpg

  จังหวะที่ชาวบ้านเผาใบไม้

(ต้นเหตุของการป่วยของอิชั้นอยู่นี่เอง)  

1550449669.jpg

          ใกล้เวลารถไฟมาละค่ะ

พาเด็กน้อยลงมารอข้างล่าง  แสงเย็นก็จะประมาณนี้..

 

1550449797.jpg

     

1550449729.jpg

       

1550449837.jpg

       

1550449852.jpg

       

1550449865.jpg

      จบภาระกิจของเด็กน้อยแล้ว

เดินเท้ากลับเต้นท์กันค่ะ ขาลงไม่เหนื่อยเท่าขาขึ้นเนาะ  

1550450277.jpg

       

1550450350.jpg

       

1550460315.jpg

       

1550450372.jpg

      .....    

 

 

  ห้าโมงกว่าแล้ว

ถึงแล้วได้เวลาเก็บของเข้าเต้นท์กัน สภาพพ่อ ลูกก็เหนื่อยตามระเบียบเนาะ  

1550450411.jpg

 

  ข้าวเย็นเสร็จที่ร้านค้าของ อช.ค่ะ มีอาหารตามสั่งให้เลือกอยู่ มีร้านเล็ก ๆ ขายพวกของใช้จำเป็นด้วยค่ะ ใครลืมพกไรมาก็จบที่นี่ได้  

 

1550455192.jpg

      หลังข้าวเย็นเป็นเวลาเก็บของเข้าเต้นท์กันค่ะ

"ลานชมดาว"

คืนนี้เราจะดูดาวด้วยกันที่นี่  

1550455299.jpg

       

1550455083.jpg

    หมุ่บ้านข้างล่าง "ลำพูน" แม่ทา    

1550455120.jpg

         

1550455147.jpg

       

1550455454.jpg

     

1550455482.jpg
1550455553.jpg

  มืดค่ำ แสงเริ่มลา

เกือบทุ่มก็มืดสนิท และดาวก็เต็มฟ้าให้ดูจนสาแก่ใจกันเลยแหล่ะ แต่ว่า.. ที่ตั้งเต้นท์นั้น จขบ.ผิดหวังนิดหน่อยที่ ไฟสว่างมากจนเก็บรูปดาวไม่ได้ค่ะ ก็รอจนดึกก็ไม่มีวี่แววว่าจะปิดไฟสักดวง ไม่เป็นไรมองดาวตาเปล่าก็สวยดี  

1550455515.jpg

  เป็นเวลาของเด็กน้อยได้เรียนรู้นอกตำรา

อาบน้ำกลางป่าก็หนาวดี ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นเสียบ้าง เหนื่อยซะบ้าง ลำบากซะบ้าง

จะได้เข้าใจว่าชีวิตแม้ไม่สะดวกก็อยู่ได้ เสียงดังตามประสา แม่เอ็ดไปก็หลายรอบ  

1550455534.jpg

   

1550456175.jpg

    อุดอู้อยุ่เต้นท์ก็เบื่อไปส่องเขียดแก้เบื่อเนาะ 555 ไม่น่าเชื่อว่าเสียงระงม !! ที่สระนอกเต้นท์นั่นน่ะ  

1550456199.jpg

  ดึกดื่นนอนหนาว.. อากาศก็ราว ๆ 18 องศา

. . .  

 

 

    เช้านั้น.. 

ม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินเสียงไก่ขัน เราก็ตื่นกันตามระเบียบเจ้าบ้านปลุก.. หลังนอนชั่งใจอยู่ทั้งคืนว่าจะเดินไป ย.1 ย.2 กันไหวไหม ดูสภาพตัวเองและลูกชายแล้ว ไม่นาไหวเลยได้ค้างไว้ตรงนั้นว่า.. ไว้โอกาสหน้ากันเนาะลูก ใจจริงอยากเดินมาก !!  

1550459656.jpg

  จิบกาแฟ และอาหารเช้าที่ค่อนข้างเช้ามากก็จะฟิน ๆ กับอากาศเย็น ๆ นอกเต้นท์นั้นค่ะ  

 

1550459839.jpg

   

1550459922.jpg

   

1550460039.jpg

   

1550460002.jpg

   

1550459632.jpg

    อิ่มแล้วเดินสำรวจรอบ ๆ

และเลยไปสำรวจทางไป ย.ต่าง ๆ ไว้รอบหน้า  

1550459949.jpg

     

1550460088.jpg

       

1550460116.jpg

  เลยลานชมดาวไปนิดเดียว เราเจอทางขึ้นไป ย.1 ค่ะ  

 

1550460178.jpg

     

1550460190.jpg

     

1550460203.jpg

   

1550460237.jpg

  เจ็ดโมงกว่า ๆ รถไฟมา เสียงหวูดที่เราได้ยินกันทั้งคืนจากอุโมงค์ขุนตาน มาถึงที่พัก กับรูปนี้.. หลายคนที่พักที่เต้นท์ก็วิ่งมาดูอย่างตื่นเต้น ^^   สิ้นเสียงหวูดรถไฟ เราเก็บของ ลาเต้นท์ ลา อช.เพราะร่างกายเหมือนจะไม่สบาย แพ้ควัน กลับมาป่วยที่บ้านร่วมอาทิตย์ค่ะ  เอาเป็นว่านอนเต้นท์รอบหน้าคงได้ปลายฝนกว่านี้ เลี่ยงควันไฟน่ะ  

 

1550460474.jpg

     

1550467699.jpg

  จบทริป รถไฟ ป่า เขา ดาว และเรา หวังว่าโอกาสหน้าคงได้ไปเยือน ย.ต่าง ๆ บ้างแหล่ะเนาะ              

  ขอบคุณที่แวะมา

"ม ะ ลิ g a l l e r y "

$
0
0
" ม ะ ลิ g a l l e r y "

" ม ะ ลิ g a l l e r y "

ถนนคนเดินเชียงคาน (Chiang Khan Walking Street) จ.เลย

[P] tarangkul

เมื่อการเสียงในหัวสมองบอกว่า...พักการใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ แล้วไปพักผ่อนบ้าง " เ ชี ย ง ค า น " จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ทำให้เวลาเดินช้าลงได้ แต่เวลาจะยิ่งเดินช้าลงอีกเมื่อคุณได้มา " ม ะ ลิ  g a l l e r y "  

938d88fb-75b4-c6d5-0196-5c7108b1934e.jpg

" มะลิ gallery " เป็นโรงแรมที่พักที่มีเพียง 1 ห้องเท่านั้น     

 

6997dd51-61e0-a948-31ce-5c7108d6f5bd.jpg

ทางเข้าด้านล่างจะเป็น gallery+cafe ชิลๆ (อย่าลืมถอดรองเท้าก่อนเข้าที่พักนะครับ หิ้วไปด้วย^^*)      

 

33933baf-2b2d-1674-ef85-5c71087bb4e9.jpg

พอเดินทะลุประตูไม้บานน้อยเข้ามาถึงกับร้อง อือหือออออออออออกันเลยทีเดยวเชียวล่ะ ( ไม่เชื่อดูสิ >.,< )    

 

40ae141b-e025-733a-c88e-5c7108f98408.jpg

ยัง...ยัง...เรายังไม่ขึ้นไปบนห้อง เอารองเท้ามาวางก่อน เดินข้ามสะพานไม้ไปเลย เอ๊ะ!!! เงาใครตะคุ่มๆ ( แฟนผมเอง ^0^ )    

 

74e93814-8f79-9ac1-c263-5c7108d571fd.jpg

นี้แหละครับเจ้าของที่พัก!!! เขาชื่อ สีทอง (ผู้ชาย) คิดถึงจังเลยยยย... ตรงมุมนี้จะเป็นอีกมุมพักผ่อน ใชช่วงเช้าเจ้าของจะมาจัดโต๊ะเก้าอีก ให้เราได้มองวิวแม่น้ำโขงกันครับ    

 

8db8c025-89d5-1e8c-fcdd-5c7108b73d02.jpg

หันหลังกลับไปจะขึ้นห้องก็ร้อง อืออหืออออออ!!! อีกรอบ (ไม่เชื่อดูเอา) ภาพที่เห็นเป็นครัวของเจ้าของครับ ทำเองทุกอย่างคนเดียว กับแมวอีก1ตัว    

 

b9a618c3-c5a4-9edb-2de9-5c7109334a4e.jpg

 

6e640e18-ed31-2af6-f243-5c710953b963.jpg

ชิวสุดๆ เจ้าของ "ห้องน้ำกับห้องอาบน้ำแยกกันนะครับ อยู่ใต้บันไดที่พักนั้นแหละ"

เรา "ครับ/ค่ะ"

เจ้าของ "อ่อ แล้วตอนเช้าถ้าประตูหน้ายังไม่เปิด จะออกไปเดินเล่นก็ออกประตูหลังนะครับ ปลดกรประตูลง แล้วก็ปิดไว้เฉยๆ เผื่อผมตื่นสาย"

เรา "ครับ/ค่ะ" แล้วก็มองหน้ากัน แบบนี้ก็ได้หราาาาาาาาาาาาาาา 

  

adad4758-1d93-2630-5f17-5c710ad15dc9.jpg
4cf0c07a-3c5a-863a-5039-5c710963db79.jpg

ได้เวลาขึ้นที่พักสักที รอจนเมื่อย เดินระวังด้วยนะครับ แต่บันไดก็แข็งแรงอยู่ ชัวร์!!!  

   

cac267a2-e959-865d-8981-5c71092b0596.jpg

อ่าวววววขึ้นมาตอนไหน ตอนรับอย่างอบอุ่นดีจริงๆ กว่าจะลุกหนีก็เป็นชั่วโมง T^T ไม่เป็ไร เราเองก็ทาสแมว ยอมด้ายยยยยยยย...    

 

8090f8ad-b6c0-f262-d562-5c7109b2929d.jpg

ภายในห้องมีพัดลมติดกำแพง เรื่องความเย็นสบายไม่ต้องห่วงเย็นสบายสุดๆ ลมพัดเข้าห้องตลอด เปิดหน้าต่างออกไปเป็นวิวแม่น้ำโขง แต่วันที่ผมไปมีฝนตกหนักอยู่ 1-2ชั่วโมงได้ หนาวเลยยครับหมอกลง ฟินสุดๆ (ดูเจ้าสีทองมันทำหน้า!!!)    

 

51eb0712-c522-5509-be22-5c7109bd9041.jpg

 

ทั้งหมดที่คุณเห็น เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากการที่ผมได้นำมาบอกต่อ ความสวยงาม ความอบอุ่น และความสบายใจทั้งหมดนั้น คุณต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง หากคุณเป็นอีกคนนึ่งที่คิดว่า ชีวิตในเมืองกรุงมันเร่งรีบจนวุ่นวาย ที่นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งที่จะช่วยชะลอเวลานั้น   "มะลิ gallery : 800 บาท/คืน" ณ วันที่ 17-18/02/2019   ถ้าไปอย่าลืมฝาก

 

ความคิดถึงให้สีทองด้วยครับ (เหมียว!!!)

การเดินทางแบบไม่ตั้งใจ

$
0
0
การเดินทางแบบไม่ตั้งใจ

การเดินทางแบบไม่ตั้งใจ

เชียงคาน จังหวัดเลย จ.

Adisak Riwkratok

การเดินทางแบบไม่ตั้งใจ


      เชียงคาน เป็นเมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำโขงสุดชายแดนไทย เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดเลย ที่ใช้วิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ภาพบ้านเก่าๆที่เรียงรายติดกันอยู่ริมถนนชายโขง เป็นสถานที่แ่งหนึ่งที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย

      ทริปนี้เป็นทริปที่มาแบบไม่ตั้งใจ หลังจากลากลับบ้านที่ อุดร แต่ไม่มีอะไรทำจึงที่พักผ่อนจากการทำงานไม่ค่อยได้หยุดหลายเดือน คิดออกอยู่ที่เดียวที่อยู่ไกล้บ้านคือ เชียงคาน จ.เลย นี่แหละ จากนั้นก็หาที่พักได้ที่พักที่หนึ่งเป็น   เกสท์เฮาส์ เล็กๆที่อยู่ในเมืองเชียงคาน ราคาก็ไม่แพง "แม่น้ำมีแก่ง เกสท์เฮาส์"

17.01.19

ออกเดินทางจาก อุดรสู่เชียงคาน จ.เลย ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ก็ถึง

10e46106-347d-2316-7a6a-5c72565ab1ca.jpg

พอมาถึงแล้วหาที่พักกันก่อน แม่น้ำมีแก่ง เกสท์เฮาส์ เดินมาสักพักก็ถึงแล้ว

8cdb39bd-130b-9916-73b9-5c72569a08f1.jpg
f06de8bd-8fbe-72b9-bac4-5c72572234ab.jpg
ee46ce31-86ba-ec86-6c08-5c725812f915.jpg

เกสท์เฮาส์เล็กๆที่น่าอยู่อีกที่ ถึงห้องพักแล้วเก็บของก็มืดพอดี

207b4772-b46d-be66-254a-5c725a8779cf.jpg
173a9d5d-8f2f-703c-b496-5c725a804f83.jpg
324cb518-b103-e8fd-7ac6-5c725bdbd88e.jpg
533009c2-202f-aaee-f3e9-5c725b20f74d.jpg
b4d8debe-2aeb-ec85-79fc-5c725bff4f02.jpg
8841e24d-dab3-2525-6b70-5c725b288111.jpg
9449af26-d6f4-d034-252f-5c725dba7dd7.jpg

วันนี้พอแค่นี้เหนื่อยกับการนั่งรถมาก็เลยเดินไม่ได้เยอะขอนั่งจิบ Cocktail ฟังเพลงเบาๆก่อนขึ้นห้องนอน

8f903064-961d-3409-2290-5c725d9bf5fe.jpg

 18.01.19

วันนี้ตื่นเช้าหน่อย 05.00 น. ได้เวลาไปดูทะเลหมอกกันกับมอเตอร์ไซค์ที่เช่าไว้เมื่อวาน จุดหมายคือ ภูทอก

be040e61-dcbc-10ef-377e-5c725e732c5c.jpg
4faeb11c-3345-64b7-270f-5c725f3c34cf.jpg

ขับมาได้สักพักก็มาถึงแต่ยังไม่มีใครมาเลยสงสัยเรามาตื่นเช้าไปหน่อย

a77dc9d6-5f87-126b-8616-5c725f43cb3b.jpg

ข้าวต้มรองท้องก่อนขึ้นได้เยอะมากกับราคา 40 บาท เพราะข้างบนไม่มีของขาย 

d8fd08b7-b118-5feb-33b2-5c7260302c00.jpg
509a04ac-7fd7-9363-3edd-5c726159f0e8.jpg
adcbccc2-6946-db1b-ae23-5c727083ae10.jpg
2f9fac25-067a-3787-eaf2-5c72619b1592.jpg

พอขึ้นมาถึงคิดว่าจะได้ดูทะเลหมอกแต่วันนี้โชคไม่เข้าข้างไม่ค่อยมีหมอกแอบเสียใจนิดๆ

69ec0011-2b63-0307-e227-5c7261288723.jpg
21fe247c-df36-7ad4-0875-5c7261a7326c.jpg
6dca94bd-87c0-3c0e-0e18-5c7262211e8e.jpg

ระหว่างความเสียใจจากไม่ได้เห็นทะเลหมอกแต่ก็ได้เห็นแสงสีทองของพระอาทิตย์ขึ้นก็ดูสวยไปอีกแบบ

6fe5d4d6-16f3-e0d8-2874-5c7262b64b1d.jpg
28fde588-91eb-4c9a-c68c-5c7262c895f3.jpg
9d72b454-f445-2e53-0a46-5c72637ba63a.jpg
3f4d465c-0a5e-b168-a2e3-5c7263931369.jpg
8e1c856e-ec01-ad71-c276-5c72632520b5.jpg
cf85d073-c612-553d-65e2-5c72632ccc51.jpg
159ace82-0da2-5e58-31d6-5c72630498c4.jpg
186a3c1b-37c0-6e70-cf84-5c7263f2315e.jpg
84241662-1d5c-194d-811e-5c72638fa98d.jpg
1f65182f-d086-34bb-1150-5c7263c009b3.jpg

จะถึงเวลาลงขอพรก่อนกลับ

b82b66a3-96f9-2190-b32e-5c72648c93c3.jpg

บรรยากาศตอนสายที่ภูทอก ก่อนที่จะไปจุดหมายต่อไปคือ แก่งคุดคู้

1700ac57-283a-a7f1-e311-5c7265b3467f.jpg

ถึงแล้วแก่งคุดคู้ มาเช้าร้านค้ายังไม่เปิดเลยสักร้านไม่เป็นไรเรามาแค่ถ่ายรูป

97bd09c8-9848-8cba-d7b9-5c726571086e.jpg
c421468d-df78-5a07-5476-5c7265233caf.jpg
8997472b-9867-d4f4-0c22-5c7265ef4264.jpg
87c98a5c-29fe-71ce-0c14-5c72651f394d.jpg
e3c0d876-aaec-5b0b-c921-5c72665fc33b.jpg
44737617-e8b1-699c-1e07-5c72660d9d24.jpg
972044d7-c985-bef4-ff9c-5c7266a42d1a.jpg

สายแล้วจะเริ่มหิวกลับห้องอาบน้ำหาอะไรกินก่อน พอเสร็จธุระทุกอย่างแล้วก็ไปลุ่ยกันต่อครับ เป้าหมายต่อไปคือ วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน

7bc5a13f-d82e-fa7c-dbf9-5c72684b5c4c.jpg

วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน

7ce70aca-61d3-19f9-635c-5c7268faa4dd.jpg
2f04443f-3c67-38aa-c880-5c7268325adc.jpg
9f621011-8795-6780-5d37-5c72681a108e.jpg
b8c80ce4-2a33-50af-d9b8-5c72689830e9.jpg
13c8e461-2ff5-3bed-efd6-5c72682179bf.jpg
77fbdbbb-749b-1e90-3dc7-5c72684ab0ad.jpg

สภาพทางขึ้นลงพระพุธทบาทภูความเงิน หลังจากไปสักการะพระพุธทบาทภูความเงินแล้ว ไปดูวิถีชีวิตชนเผ่าไทดำ

1f5f01c7-126c-5845-9e70-5c726ad1bc14.jpg

เกือบจะมาไม่ถึงอีกทั้งเกือบหลงทางนี่แหละเสน่ห์ของการเดินทางได้ลุ้นตลอดเวลาแต่ก็มาถึง

14a509fd-e45e-ef4a-6c1c-5c726b25e492.jpg
489af541-792c-21d6-4f89-5c726b1a8fcb.jpg
ae60062c-2818-5edd-9a56-5c726bdf317a.jpg
e7fb4a04-0dc8-83b9-369e-5c726bf1756e.jpg
8acb37b0-75da-4f06-befa-5c726bfda670.jpg
db136106-0170-205f-2846-5c726b7f9377.jpg
b264f44c-28b3-abd6-d149-5c726b1eaa4e.jpg
ee4387e3-d5f1-a638-bf8e-5c726b5e69c0.jpg
27c3483b-61f0-8d8d-c039-5c726b01778f.jpg
56260c1c-68af-0a89-2eae-5c726bf0073c.jpg
a009c40f-0550-1a92-7f75-5c726b4cca4e.jpg

น่าเสียดายอากาศร้อนไปหน่อยถ้ามาน่าฝนหรือปลายฝนต้นหนาวบรรยากาศน่าจะดี ไกล้จะบ่ายแล้วแดดก็ร้อนกลับที่พักเดินเล่นรอดูพระอาทิตย์ตกที่ริมโขง

916003de-7716-38b0-8ac6-5c726d9c81b3.jpg
706a4d46-cf02-8c8f-c6d0-5c726ed65758.jpg
a3a803c2-efd7-ee2e-317e-5c726e19c77e.jpg
9dbced0b-5a0c-4d01-4367-5c726eec583c.jpg
614c7d3a-cc7d-b73e-d382-5c726e5cbeae.jpg
6725f5e7-1166-5a4b-ceab-5c726e370200.jpg
17b875ba-d5bd-ae03-42c4-5c726efee813.jpg

บรรยากาศตอนบายก่อนที่จะกลายเป็นถนนคนเดินตอนกลางคืน

e7743c69-3b7d-405c-ad81-5c726f75cc5b.jpg
36ee082d-c5e1-1660-7da7-5c726f2ed58f.jpg
d628b187-ae66-f705-e1e0-5c727848b10f.jpg

 

 

19a0b007-52cc-8e9f-863c-5c726fb7001b.jpg
18a52d4f-689b-d9b4-a9e1-5c726f4e9287.jpg
bae8206b-f245-9d07-3ade-5c726f962dfe.jpg
9c286084-79de-05f5-3c07-5c726fcfe08f.jpg
a96c8f57-726c-c3fa-fa74-5c727028e5aa.jpg
3fd3a400-f8a7-3986-f9df-5c7270561e2b.jpg
9369cb24-26a2-b243-2ee3-5c7270fd5e00.jpg

ได้เวลาดูพระอาทิตย์ตกที่ริมโขง การมาเทียวคนเดียวมันก็เหงานิดนึงไม่มีคนคุยด้วยแต่ก็ได้อยู่กับตัวเองมากที่สุดได้เรียนรู้การอยู่คนเดียว ได้กล้าตัดสินใจในสิ่งที่ไม่กล้าทำ

70d00cf8-2d72-2047-32ed-5c727264dce4.jpg

ดูพระอาทิตย์ตกแล้วเดินเล่นถนนคนเดินต่อวันสุดท้ายก่อนที่จะกลับ

c989516a-c14a-7dcf-4d62-5c7273f383be.jpg
44f33417-7f62-9ab9-c5e2-5c7274c089e4.jpg
307ed0ed-80fb-ddc3-ca54-5c7274646219.jpg
4d280ecb-1ee5-fd6e-3af2-5c72746eecdf.jpg

พอกลับห้องพักป้าแม่บ้านถามว่าจะตักบาตรไหม ก็ดีเหมือนกันจะไดทำบุญก่อนกลับ

19.01.19

05.30 น. เตรียมตัวตักบาตรทำบุญก่อนกลับ

848f0600-30c1-016d-6e8e-5c7276ece083.jpg
72b2ab5f-a19e-c3e2-a65a-5c72769dd742.jpg
d2b965c1-e0b4-e88d-0ac7-5c7277d85d56.jpg
a1f0b878-d468-adf3-4ac7-5c7278d3451d.jpg

รวมค่าใช่จายทั้งหมด   

ค่าที่พัก 2 คืน 1,400.- ค่ารถไปกลับอุดร-เลย 300.-  ค่าเช่ารถ 300.- อื่นๆ 650.- รวม 2650.-


รีวิวร้านอาหาร

$
0
0
รีวิวร้านอาหาร

รีวิวร้านอาหาร

ร้านป๊อป-เป้ จ.

Chaleomporn Khwan

รีวิวที่พักเชียงดาว บ้านแม่แมะ

$
0
0
รีวิวที่พักเชียงดาว บ้านแม่แมะ

รีวิวที่พักเชียงดาว บ้านแม่แมะ

ปางทรายคำริมธาร จ.

suthipong jaidee

เหมืองสมศักดิ์ : บ้านเล็กในป่าใหญ่


70b897c5-8941-503b-cc26-5c7543c706ce.jpg

เหมืองสมศักดิ์ : บ้านเล็กในป่าใหญ่

“อยู่ที่นี่มีความสุขดี สนุกกับการต้อนรับแขกที่มาพัก อากาศดีไม่มีมลพิษ ที่สำคัญมีความทรงจำที่ดี”

 

คำพูดของหญิงชราร่างเล็ก นัยน์ตาสีฟ้า ‘ป้าเกล็น’ หรือ ‘เกล็นนิส เจอร์เมน เสตะพันธุ’ ภรรยาของ ‘สมศักดิ์ เสตะพันธุ’ เจ้าของเหมืองสมศักดิ์ ย้อนกลับไปเมื่อ 40 กว่าปีที่ผ่านมา คุณสมศักดิ์ได้เดินทางไปเรียนด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ที่ประเทศออสเตรเลีย และที่นั่นก็ทำให้ได้พบรักกับหญิงสาว ‘เกล็นนิส เจอร์เมน ไวท์’ เมื่อเรียนจบแล้วทั้งคู่จึงเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมาแต่งงาน และเริ่มต้นชีวิตคู่ในประเทศไทย โดยที่คุณสมศักดิ์ได้มาสานต่อกิจกรรมเหมืองแร่ที่ทองผาภูมิในชื่อ ‘เหมืองสมศักดิ์’ และป้าเกล็นก็เป็นอาจารย์สอนภาษาอยู่ในกรุงเทพฯ ในยุครุ่งเรือง เหมืองสมศักดิ์มีคนงานกว่า 600 คน กระทั่งเกิดวิกฤตราคาแร่ตกต่ำทั่วโลก ทำให้เหมืองแร่ทยอยปิดตัวลง รวมไปถึงที่นี่ด้วย คุณสมศักดิ์ก็มาป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ก่อนที่คุณสมศักดิ์จะเสียชีวิต เธอได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ดูแลที่นี่ซึ่งเป็นสถานที่อันเป็นที่รักของสามี ต่อมาก็ได้ปรับเปลี่ยนเป็นโฮมสเตย์ในรูปแบบ ‘บ้านเล็กในป่าใหญ่’ ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

 

จุดนัดพบที่สภ.ปิล๊อก เราสามารถจอดรถไว้ที่นี่ได้เลย แล้วทางเหมืองจะมีรถขับเคลื่อน 4 ล้อมารับ เส้นทางโหดมากจนนึกภาพไม่ออกเลย ว่ารถจะแล่นลงไปได้ยังไง บางช่วงเป็นเส้นทางลงที่มีความชันมากกว่า 45 องศา บางช่วงเป็นหลุมจนรถตะแคงไปครึ่งคัน สั่นสะเทือนไปทั้งคนทั้งรถ ทางด้านซ้ายเป็นแนวเขาด้านขวาเป็นเหวลึก เมื่อถึงที่ทำการเหมือง ความรู้สึกเหมือนเราหลุดเข้ามายังอีกโลกนึง ทุกอย่างดูเขียวไปหมด มีความจดจื่นสูงมาก อากาศดีมากดีลืมกรุงไปเลย บ้านพักเดิมเป็นเรือนรับรองตั้งแต่สมัยเหมืองแร่ ถูกปรับปรุงสำหรับรับนักท่องเที่ยว บ้านพักจะกระจายตัวอยู่รอบๆ ที่ทำการเหมืองแร่ โดยที่มีธรรมชาติโอบล้อมไว้ทั้งหมด มื้อเย็นแบบดีมาก บรรยากาศเหมือนการที่เราได้กลับมาบ้าน มาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ เหมือนกลับบ้านแล้วแม่ทำกับข้าวให้กิน มันรู้สึกอบอุ่นมากจริงๆ นอนฟังเสียงน้ำไหลเสียงลมเสียงป่า อากาศจะเย็นกำลังดี ตื่นเช้ามาทีเด็ดที่ต้องห้ามพลอดคือ เค้กป้าเกล็น เป็นเค้กต้นตำหรับจากออสเตเรีย รสชาติมันดีมาก ดีมากกว่าที่เคยลิ้มลองจากที่อื่นๆ ปากทางเข้าเหมืองมีสำนักสงฆ์เล็กๆ อยู่ โดยมีน้องหมาขนปุยอาสาเดินนำทางไป สำนักสงฆ์ตั้งอยู่บริเวณเนินเขา จากเจดีย์บนเนินเขาเราสามารถมองออกไปเห็นแนวภูเขาเขียวชะอุ่ม คงจะเป็นเหมืองแร่ในอดีต ณ จุดนี้ยืนสูดอากาศได้แบบไม่อั้น ถ้าแกรักธรรมชาติและความเขียวแบบนี้ คงไม่ต้องคิดอะไรมากเลย เรียกรวมทีมแล้วมาเลย

c969ce24-305f-b67b-f588-5c7544866b18.JPG

จุดนัดพบของเราคือ สภ.ปิล๊อก เวลาบ่ายโมงตรง หากเดินทางรวดเดียวจากกทม ควรออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อให้เดินทางมาถึงทันเวลา เมื่อเราเดินทางมาถึงสภ.ปิล๊อก เราสามารถจอดรถไว้บริเวณด้านหน้าสภ.ได้เลย โดยพี่เจ้าหน้าที่เขาจะให้เรากรอกเอกสารนิดหน่อย รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ของทางเหมืองก็มารอรับอยู่แล้ว จัดเอาสัมภาระขึ้นรถแล้วเราก็จะออกเดินทางไปเที่ยวตามจุดต่างๆ โดยรอบ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและเวลาด้วย ว่าเราจะได้เที่ยวรอบๆ ได้มากน้อยแค่ไหน 

6524b1bd-23f4-2ab5-85e4-5c7544868c70.JPG

พิกัดแรกคือ เนินช้างศึก จุดชมวิวพรมแดนไทย-เมียนมาร์ ตั้งอยู่บนยอดเขาเป็นฐานปฏิบัติการของตชด 135 จุดนี้สามารถมองเห็นวิวรอบตัว ปกติเขาจะมากันช่วงฤดูหนาว จะมีหมอกปกคลุมตามยอดเขา นี่เรามาปลายฝนต้นหนาว มันก็จะหมอกๆ หน่อย หมอกเกิ๊นไปหน่อย 5555 

a145c1f6-0c2c-87e6-7ca7-5c75449d7a85.JPG

โชคยังดีที่หมอกเขาเปิดช่องให้เราสามารถมองลงไปเห็น หมู่บ้านอีต่อง ข้างล่างบ้าง ลมด้านบนที่อย่างหนาวอ่ะ

3969e041-483e-e7a3-4555-5c7544eb9454.JPG

บนจุดชมวิวว่าหมอกหนาแล้ว หมู่บ้านอีต่องก็จะหนาประมาณนี้เเล แต่แบบหมอกมันไม่ได้ค้างอยู่แบบนี้ตลอดนะ มันก้จะลอยผ่านไปผ่านมาเรื่อย ลมเย็นเอื่อยๆ จดจื่น 

cd6d3fda-49f0-e713-151f-5c7545da0545.JPG

เมื่อหมอกผ่านไป เดินชมเหมืองได้เดี๋ยวเดียวฝนก็ตกจ้าาา คณะเราจึงต้องถอนตัว แล้วเดินทางลงเหมืองแร่สมศักดิ์ 

e6ca1090-c360-d7a3-8943-5c7545948484.JPG

เส้นทางลงไปยังเหมืองแร่สมศักดิ์ จำเป็นต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น เพราะเส้นทางบางช่วงเป็นหลุมเป็นบ่อเล่นเอารถตะแคงไปครึ่งคัน บางช่วงเป็นทางลงความชันเกือบ 45 องศา แล้วคนขับก็ต้องมีความชำนาญเส้นทางพอตัว แนะนำว่าใช้บริการทางเหมืองแร่สมศักดิ์ไปเลยจะดีกว่านะ อาจจะดูแห้งๆ เลาถ่ายตัวขาขึ้น แฮะๆ

ea75ddc1-7f68-e42c-fd07-5c754546d122.JPG

ช่วงเวลาผจญภัยค่อนชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว บริบทแวดล้อมโดยรอบเปลี่ยนจาก หน้าผาและเหวลึกมาอยู่ภายใต้ต้นไม้น้อยใหญ่ เหมือนกับว่าเรานั่งรถทะลุลอดเข้ามาในพุ่งไม้ขนาดใหญ่ และนี่คือหน้าตายานพาหนะที่นำพาเราลงมายังจุดหมาย 

5b1af6f7-da50-6a1a-e545-5c75457e6ceb.JPG

รถเข้ามาส่งเราที่อาคารไม้ขนาดใหญ่หลังนี้ มันเคยถูกใช้เป็นอาคารสำนักงานเหมืองแร่ ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมาเป็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ของเหมืองแร่สมศักดิ์ 

de298b20-6403-7716-d508-5c75454ad823.JPG

เมื่อเราทยอยก้าวเท้าลงจากรถ "สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ ทานชากาแฟก่อนค่ะ" เสียงกล่าวต้อนรับของหญิงชราร่างเล็กนัยน์ตาสีฟ้า เธอคือ ป้าเกล็น หรือ เกล็นนิส เจอร์เมน เสตะพันธุ 

10d35046-fcc9-a13e-18be-5c7545bc4c1b.JPG

หลังจากได้พูดคุยกับป้าเกล็น เราก็เเยกย้ายกันเก็บสัมภาระเข้าที่พัก ก็ได้เวลาเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบแล้วสิ 

c4c25990-4189-93dd-aaa0-5c7545ed103e.JPG

ห้องพักจะถูกแบ่งออกเป็นหลังๆ แทรกตัวอยู่กับธรรมชาติโดยแท้ โดยใช้ไม้เดิมจากสมัยเหมืองแร่มาสร้าง

96ba80cb-5407-c65e-5aea-5c754559ce18.JPG

หลังนี้อยู่ติดน้ำชิวมาก สามารถเข้าพักได้หลายคนเลย ป้าเกล็นเล่าว่าในอดีต อาคารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นบ้านพักรับรองแขกของเหมืองแร่ 

5169ee29-2d65-95f6-46ae-5c754543e4b1.JPG

ทางเดินระหว่างบ้านแต่ละหลัง ก็จะร่มรื่นและเย็นสบาย แต่นอนว่ามุมถ่ายภาพหนาแน่นมากเช่นกัน

40090529-9c1b-7472-cbdb-5c7545bc5c65.JPG

ภายในอาคารสำนักงานเหมืองแร่ จะถูกประดับประดาไปด้วย ภาพถ่ายเก่าในยุคสมัยเหมืองแร่ ภาพถ่ายจากนักท่องเที่ยวที่เคยมาเยี่ยมเยือน รวมไปถึงของตกแต่งบ้านน่ารักๆ บรรยากาศจุดนี้ทำให้เราอมยิ้มโดยไม่รู้ตัวเลยละ 

e9c43069-8537-5084-65d0-5c7545e12511.JPG

กุญแจคลังแร่ของเหมืองก็ยังถูกเก็บไว้ที่เดิม

88a6fd5e-f54d-c106-65a2-5c754562c92d.JPG

ภาพป้าเกล็นกับคุณสมศักดิ์ เสตะพันธุในวันแต่งงาน ย้อนกลับไปเมื่อ 40 กว่าปีที่ผ่านมา คุณสมศักดิ์ได้เดินทางไปเรียนด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ที่ประเทศออสเตรเลีย และที่นั่นก็ทำให้ได้พบรักกับหญิงสาว ‘เกล็นนิส เจอร์เมน ไวท์’ แล้วทั้งคู่ก็ตัดสินใจแต่งงาน แล้วบินลัดฟ้ามาเริ่มต้นชีวิตคู่ในประเทศไทย โดยที่คุณสมศักดิ์ได้มาสานต่อกิจกรรมเหมืองแร่ที่ทองผาภูมิในชื่อ ‘เหมืองสมศักดิ์’ และป้าเกล็นก็เป็นอาจารย์สอนภาษาอยู่ในกรุงเทพฯ ในยุครุ่งเรือง เหมืองสมศักดิ์มีคนงานกว่า 600 คน กระทั่งเกิดวิกฤตราคาแร่ตกต่ำทั่วโลก ทำให้เหมืองแร่ทยอยปิดตัวลง รวมไปถึงที่นี่ด้วย คุณสมศักดิ์ก็มาป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ก่อนที่คุณสมศักดิ์จะเสียชีวิต เธอได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ดูแลที่นี่ซึ่งเป็นสถานที่อันเป็นที่รักของสามี ต่อมาก็ได้ปรับเปลี่ยนเป็นโฮมสเตย์ในรูปแบบ ‘บ้านเล็กในป่าใหญ่’ ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

cd291a46-7b99-7132-b13c-5c7545db99dd.JPG

แล้วสิ่งที่เรารอคอยก็พร้อมเสิร์ฟ บาร์บีคิวซี่โครงหมูต้นตำหรับจากออสเตเรีย ไม้เบอเร่อเห็นแล้วชื่นใจ บอกเลยเป็นสัมผัสที่นุ่มมาก ไม่หลงเหลือความเหนียวของเนื้อไว้เลย 

dd60bfec-d9b6-0cd5-cf8d-5c7545dc1e32.JPG

เสิร์ฟพร้อมอาหารที่เราคุ้นเคย ในรสชาติที่โอเคมาก แล้วเห็นจานบาร์บีคิวไหมเล่า

46a04d53-5472-1003-19b0-5c75462bd9fe.JPG

ของขึ้นชื่อแห่งเหมืองแร่สมศักดิ์ ต้องยกให้กับ ขนมเค้กป้าเกล็น เค้กโบราณแบบออสซี่ฝีมือป้าเกล็น ความหอมความนุ่มตามด้วยรสชาติที่ละมุน เป็นความฟินในรูปแบบเค้ก ที่ไม่เคยพบเจอจากที่ไหนมาก่อน ถึงว่าใครๆ ต่างก็เชียร์ให้เราได้มาลิ้มลองสักครั้ง เอ้อลืมบอก คือสามารถชิมเค้กได้แบบไม่อั้นด้วยนะ

69f3413d-5b49-f896-97a8-5c7546977a62.JPG

ในขณะที่มื้อเย็นเริ่มต้นขึ้น ป้าเกล็นก็จะคอยยืนมองเพื่อที่จะดูว่า ยังมีไรขาดเหลือไหม เราต้องการอะไรอีกไหม บรรยากาศเหมือนการที่เราได้กลับมาบ้าน มาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ เหมือนกลับบ้านแล้วป้าทำกับข้าวให้กิน บรรยากาศมันอบอุ่นมากจริงๆ

825547fa-517c-8d28-fa09-5c7546b2fec8.JPG

เสร็จจากมื้อเย็นก็ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับป้าเกล็น ป้าเล่าให้ฟังถึงเรื่องในอดีต ป้าเกล็นบอกว่า “อยู่ที่นี่มีความสุขดี สนุกกับการต้อนรับแขกที่มาพัก อากาศดีไม่มีมลพิษ ที่สำคัญมีความทรงจำที่ดี” ตลอดช่วงเวลาที่ได้พูดคุย แววตาป้าเกล็นเปล่งประกาย ดูมีความสุขมากจริงๆ อากาคืนนี้เย็นๆ กำลังสบาย บ้านพักของเราตั้งอยู่ริมลำธารนอนพักเสียงน้ำไหล เสียงแมลงเสียงป่า รู้สึกตัวอีกทีฟ้าก็สว่างแล้ว​

96059425-e7cd-2721-00e1-5c7546088354.JPG

เช้านี้เป็นเช้าแรกที่เราลุกออกจากที่นอนได้ยากมาก มันสบายจนอยากนอนต่ออีกนาน เสร็จกิจวัตรยามเช้าแล้ว เราก็รีบเดินออกมาสูดอากาศด้านนอก สูดเข้าไปได้เต็มปอดแบบไม่ยั้ง ป้าเกล็นบอกปากทางเข้าเหมืองมีสำนักสงฆ์เล็กๆ อยู่ เช้านี้เราจึงเดินออกไปจุดนั้นกัน โดยมีน้องหมาขนปุยอาสาเดินนำทางไป สำนักสงฆ์ตั้งอยู่บริเวณเนินเขา มีเจดีย์แบบพม่าตั้งอยู่บนเขา

45c1eed7-236b-4d6c-bb6b-5c75466db715.JPG

เราสามารถเดินขึ้นไปสักการะองค์เจดีย์ได้ จากเจดีย์บนเนินเขาเราสามารถมองออกไปเห็นแนวภูเขาเขียวชะอุ่ม คงจะเป็นเหมืองแร่ในอดีต ณ จุดนี้ยืนสูดอากาศได้แบบไม่อั้น โดยที่เราไม่ต้องสวมใส่หน้ากากกันฝุ่นเลย

2fd23ec4-041c-f752-dbe8-5c75469f854f.JPG

นี่ไกด์เหมืองแร่ ที่นำทางเราไปยังสำนักสงฆ์ ช่วงที่เดินไปเราก็สังเกตุจากมันนี่แหละ ถ้าจุดไหนสามารถเดินเข้าไปได้ มันก็จะวิ่งนำเข้าไปเลยนะ แล้วจุดไหนเหมือนเป็นเช็คพอย มันจะวิ่งไปหยุดแล้วนั่งหมอบลง จุดนั้นก็จะเป็นจะที่สวยงาม เป็นจุดที่เราต้องหยุดไหว้พระ เมื่อครบทุกจุดแล้ว มันก็ตั้งท่าจะวิ่งนำเรากลับไปสำนักงานเหมืองแร่ แต่เรากลับเดินเข้าไปยังภูเขาที่เคยเป็นเหมือง มันก็หันกลับมามองเรา แล้วเดินกลับมานั่งหมอบอยู่ใกล้ๆ เรา เราก็ยังจะเดินเข้าไปให้ได้ แต่คราวนี้มันก็ได้เเต่นั่งอยู่อย่างนั้น เห็นท่าทางมันเป็นอย่างนั้น เป็นอันเข้าใจกันว่า ไม่ควรเดินเข้าไปอีกแล้ว เราจึงเดินกลับมาสำนักงานเหมืองแร่ มันจึงลุกเดินนำเรากลับ

6d6f7f8b-e17f-08cf-b4a5-5c75462dcdde.JPG

เดินกลับเข้ามาถึงสำนักงานเหมืองแร่ ทางเหมืองก็ได้เตรียมของเอาไว้ให้เราได้ตักบาตรด้วย ไม่นานนักก็มีพระสงฆ์พม่าเดินมาบิณฑบาตร เมื่อถึงสำนักงานเหมืองแร่ พระท่านจะหยิบระฆังขนาดขนาดเล็กออกมาแกว่งส่งเสียง เหมือนให้สัญญาณว่าพระท่านมาถึงแล้ว เราจึงนำข้าวของที่ถูกเตรียมไว้ออกมาใส่บาตร พระท่านจะพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่บทสวดให้พรก็เป็นบทเดียวกันในสำเนียงที่แปร่งออกไป

9a448a1f-6487-ca6c-e583-5c75468be35d.JPG

เมื่อมื้อเช้าพร้อมแล้ว ป้าเกล็นก็เดินออกมากล่าวตอนรับเราอีกครั้ง “เชิญค่ะ เชิญค่ะ หลับสบายกันดีไหมคะ” พร้อมกับผายมือให้เราเข้าไปทานมื้อเช้า มีทั้งข้าวต้ม ไส้กรอก ไข่ดาว ขนมปังปิ้ง ชากาแฟ และเป็นเช่นเดียวกันกับมื้อเย็น ป้าเกล็นก็จะคอยยืนมองอยู่อย่างเดิม ดูแกมีความสุขกับการที่เรามาพักที่นี่เอาเสียมากๆ

7d370bb4-2697-2219-8307-5c754639a7a7.JPG

กัปตันกับม้าเหล็กคู่ใจ พร้อมที่จะนำเรากลับขึ้นไปตัวเมืองปิล๊อค

dbc1ffdc-b6e2-a0d4-59ed-5c7546135209.JPG

หลังมื้อเช้านักท่องเที่ยวต่างเดินเล่นถ่ายภาพโดยรอบสำนักงานเหมืองแร่ถึงช่วงสายๆ เราก็ทยอยมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับป้าเกล็น และถึงเวลาที่เราต้องเดินทางออกจากเหมืองสมศักดิ์ “ไปดีดีนะ ไปดีดีนะ” แล้วป้าเกล็นก็จะยืนอยู่หน้าสำนักงานเหมืองแร่ คอยมองรถเคลื่อนออกไปจนลับสายตา

71a11a14-f094-d9c1-4801-5c7547eadfc0.JPG

และนี่คือเส้นทางที่ม้าเหล็กต้องนำเราไป ช่วงนี้สูงชันเส้นทางเป็นหลุม จนต้องลงเดินบ้างเป็นช่วงๆ ไป ขามาเป็นทางลงว่าชันแล้ว ขากลับรู้สึกว่าชันมากกว่า ณ จุดนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมต้องเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น

db02ea34-f20e-e555-dec9-5c7547f8093a.JPG

แต่เราก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้เสียเปล่า ขามาแทบไม่ได้จับกล้อง ขากลับได้เดินช่วงนึง ภาพหมู่ต้องมา

63443000-4f79-96cb-4109-5c7547195352.JPG

กลับขึ้นมาถึงสภ.ปิล๊อกจัดการสัมภาระขึ้นรถ แล้วเราจึงกลับมาหมู่บ้านอีต่องอีกครั้ง วันนี้ฝนไม่ตก อากาศเย็นสบาย สบายแค่ไหนถามน้องๆ ในภาพดู

98d8ae8d-b83b-d757-3a63-5c75473c44d6.JPG

อาคารหน้าเหมืองปิล๊อก กับฉากหลังเป็นภูเขากับสายหมอก นาทีนี้ยืนสูดลมเข้าปอดยาวๆ สามที

20fb2942-4079-2446-67b4-5c7547acbe56.JPG

เดินทะลุผ่านอาคารในเหมืองเข้ามา จุดนี้จะเจอเป็นเหมือนแอ่งน้ำสีเขียวใส ถัดเข้าไปก็จะเป็นน้ำตกปิล๊อก มันดีมาก

7817dc49-d190-197c-c342-5c754760a16b.JPG

ภายในเหมืองปิล๊อก มีการจัดแสดงเครื่องไม้เครื่องมือ ที่ใช้ในยุคเหมืองแร่ มีตัวอาคารกระจายตัวอยู่ในจุดต่างๆ คือรวมๆ แล้วมีเสน่ห์มากเลย ด้วยอากาศ ด้วยความเย็น ด้วยความเขียว ดี

a114869f-aa10-c840-5cd1-5c7547121291.JPG

อีกพิกัดที่ต้องห้ามพลาด น้ำตกจ๊อกกระดิ่น จุดนี้เราต้องขับรถลงไป เส้นทางค่อนข้างชัน รถเก่งโหลดต่ำสามารถไปถึงได้ แต่คนขับต้องช่ำชองหน่อยนึง

42257ef3-abed-2f64-1d46-5c7547535e43.JPG

น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นภาษาพม่า แปลว่า น้ำตกที่ไหลผ่านซอกหินผา ปกติสามารถลงเล่นน้ำได้ เช็คได้กับป้ายสถานะการณ์น้ำบริเวณน้ำตก ช่วงที่เราไปเป็นหน้าฝน เจ้าหน้าที่แจ้งเตือนไม่ให้ลงเล่น คนก็เลยดูน้อยๆ สวยงามไปอีกแบบ

9fbb452f-00fe-014a-aa6e-5c75470d053e.JPG

ข้างบนอันตราย แต่ข้างล่างเล่นได้นะเออ

59094031-7517-181a-ad4a-5c75477949ef.JPG

ก่อนที่เราเลือกจะเดินทางมาที่นี่ ก็ได้ยินได้ฟังเรื่องราวของ ป้าเกล็น และ เหมืองสมศักดิ์ มาประมาณนึง ตอนนั้นก็นึกสงสัยว่า เพราะอะไรจึงทำให้หญิงชราคนนึง ถึงเข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ไม่ง่ายอย่างนี้ เมื่อได้มาพบป้าเกล็น ได้ฟังเรื่องราวที่ป้าเล่า ได้เห็นแววตาที่แสนจะมีความสุข เราจึงรู้ได้ว่า สิ่งที่ทำให้ป้าเกล็นกลับเข้ามาอยู่ในเหมืองแร่แห่งนี้ เป็นเพราะคำมั่นสันญาที่มีต่อสามีอันเป็นที่รัก “เราบอกพี่ศักดิ์ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตว่า ที่นี่จะเป็นเหมืองสมศักดิ์จนวันสุดท้าย...” ที่นี่บรรยากาศดีมาก อากาศดีมาก อาหารดีมาก ทุกอย่างดีต่อใจมากๆ แต่สิ่งที่ดีที่สุดสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยว ใฝ่ฝันที่จะเข้ามาพักในเหมืองแร่สมศักดิ์สักครั้งนึง สิ่งนั้นคือ ป้าเกล็น และเรื่องราวในความทรงจำของป้า มันสวยงามมากจริงๆ  

 

...ด้วยอายุของป้าเกล็นที่เพิ่มมากขึ้น และปัญหาสุขภาพของป้าเกล็น เหมืองแร่สมศักดิ์จะเปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้าพัก ถึงสิ้นปี 2562 เป็นปีสุดท้าย...  

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจไปเหมืองแร่สมศักดิ์

- รับนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่ม อย่างน้อย 4 คน ขึ้นไป - บริเวณที่พักไม่มีสัญาณโทรศัพท์ทุกเครือข่าย - ที่พักไม่มีสัญญาณ Wifi - บ้านพักเป็นเรือนรับรองเก่าตั้งแต่สมัยทำเมืองแร่ - เส้นทางเข้าเหมืองแร่สมศักดิ์ ขรุขระและสูงชันมาก - เหมาะกับผู้ที่ชอบธรรมชาติมากๆๆๆๆ - ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบความทุรกันดาร  

ค่าใช้จ่าย - ผู้ใหญ่ คนละ 1,600 บาท - เด็กอายุ 6-12ปี คนละ 800 บาท - เด็กอายุ 5ปีลงมาบริการฟรี   ค่าใช้จ่ายนี้รวม - บ้านพัก 1 คืน (จัดห้องพักตามจำนวนคน) - บริการรถขับเคลื่อน 4 ล้อรับส่งจากสภ.ปิล๊อก มายังเหมืองแร่สมศักดิ์ - บริการนำเที่ยวบริเวณใกล้เคียงปิล๊อก เช่น ตลาดปิล๊อก เนินเสาธง ช่องมิตรภาพ - อาหารมื้อเย็น + บาร์บีคิว และ อาหารมื้อเช้า - ขนมเค้ก ชา กาแฟ โอวัลติน   ติดต่อจองบ้านพัก Line : @somsakmining  

ติดตามเรื่องราวการเดินทางของเราได้ที่นี่เลยจ้า

แค่อยากออกไป

#แค่อยากออกไป #เหมืองแร่สมศักดิ์ #เหมืองสมศักดิ์ #ปิล๊อก #กาญจนบุรี #ป้าเกล็น #somsakmining

 

เหมืองสมศักดิ์ : บ้านเล็กในป่าใหญ่

$
0
0
เหมืองสมศักดิ์ : บ้านเล็กในป่าใหญ่

เหมืองสมศักดิ์ : บ้านเล็กในป่าใหญ่

เหมืองแร่สมศักดิ์ จ.

แค่... อยากออกไป

เหมืองสมศักดิ์ : บ้านเล็กในป่าใหญ่


70b897c5-8941-503b-cc26-5c7543c706ce.jpg

เหมืองสมศักดิ์ : บ้านเล็กในป่าใหญ่

“อยู่ที่นี่มีความสุขดี สนุกกับการต้อนรับแขกที่มาพัก อากาศดีไม่มีมลพิษ ที่สำคัญมีความทรงจำที่ดี”

 

คำพูดของหญิงชราร่างเล็ก นัยน์ตาสีฟ้า ‘ป้าเกล็น’ หรือ ‘เกล็นนิส เจอร์เมน เสตะพันธุ’ ภรรยาของ ‘สมศักดิ์ เสตะพันธุ’ เจ้าของเหมืองสมศักดิ์ ย้อนกลับไปเมื่อ 40 กว่าปีที่ผ่านมา คุณสมศักดิ์ได้เดินทางไปเรียนด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ที่ประเทศออสเตรเลีย และที่นั่นก็ทำให้ได้พบรักกับหญิงสาว ‘เกล็นนิส เจอร์เมน ไวท์’ เมื่อเรียนจบแล้วทั้งคู่จึงเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมาแต่งงาน และเริ่มต้นชีวิตคู่ในประเทศไทย โดยที่คุณสมศักดิ์ได้มาสานต่อกิจกรรมเหมืองแร่ที่ทองผาภูมิในชื่อ ‘เหมืองสมศักดิ์’ และป้าเกล็นก็เป็นอาจารย์สอนภาษาอยู่ในกรุงเทพฯ ในยุครุ่งเรือง เหมืองสมศักดิ์มีคนงานกว่า 600 คน กระทั่งเกิดวิกฤตราคาแร่ตกต่ำทั่วโลก ทำให้เหมืองแร่ทยอยปิดตัวลง รวมไปถึงที่นี่ด้วย คุณสมศักดิ์ก็มาป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ก่อนที่คุณสมศักดิ์จะเสียชีวิต เธอได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ดูแลที่นี่ซึ่งเป็นสถานที่อันเป็นที่รักของสามี ต่อมาก็ได้ปรับเปลี่ยนเป็นโฮมสเตย์ในรูปแบบ ‘บ้านเล็กในป่าใหญ่’ ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

 

จุดนัดพบที่สภ.ปิล๊อก เราสามารถจอดรถไว้ที่นี่ได้เลย แล้วทางเหมืองจะมีรถขับเคลื่อน 4 ล้อมารับ เส้นทางโหดมากจนนึกภาพไม่ออกเลย ว่ารถจะแล่นลงไปได้ยังไง บางช่วงเป็นเส้นทางลงที่มีความชันมากกว่า 45 องศา บางช่วงเป็นหลุมจนรถตะแคงไปครึ่งคัน สั่นสะเทือนไปทั้งคนทั้งรถ ทางด้านซ้ายเป็นแนวเขาด้านขวาเป็นเหวลึก เมื่อถึงที่ทำการเหมือง ความรู้สึกเหมือนเราหลุดเข้ามายังอีกโลกนึง ทุกอย่างดูเขียวไปหมด มีความจดจื่นสูงมาก อากาศดีมากดีลืมกรุงไปเลย บ้านพักเดิมเป็นเรือนรับรองตั้งแต่สมัยเหมืองแร่ ถูกปรับปรุงสำหรับรับนักท่องเที่ยว บ้านพักจะกระจายตัวอยู่รอบๆ ที่ทำการเหมืองแร่ โดยที่มีธรรมชาติโอบล้อมไว้ทั้งหมด มื้อเย็นแบบดีมาก บรรยากาศเหมือนการที่เราได้กลับมาบ้าน มาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ เหมือนกลับบ้านแล้วแม่ทำกับข้าวให้กิน มันรู้สึกอบอุ่นมากจริงๆ นอนฟังเสียงน้ำไหลเสียงลมเสียงป่า อากาศจะเย็นกำลังดี ตื่นเช้ามาทีเด็ดที่ต้องห้ามพลอดคือ เค้กป้าเกล็น เป็นเค้กต้นตำหรับจากออสเตเรีย รสชาติมันดีมาก ดีมากกว่าที่เคยลิ้มลองจากที่อื่นๆ ปากทางเข้าเหมืองมีสำนักสงฆ์เล็กๆ อยู่ โดยมีน้องหมาขนปุยอาสาเดินนำทางไป สำนักสงฆ์ตั้งอยู่บริเวณเนินเขา จากเจดีย์บนเนินเขาเราสามารถมองออกไปเห็นแนวภูเขาเขียวชะอุ่ม คงจะเป็นเหมืองแร่ในอดีต ณ จุดนี้ยืนสูดอากาศได้แบบไม่อั้น ถ้าแกรักธรรมชาติและความเขียวแบบนี้ คงไม่ต้องคิดอะไรมากเลย เรียกรวมทีมแล้วมาเลย

c969ce24-305f-b67b-f588-5c7544866b18.JPG

จุดนัดพบของเราคือ สภ.ปิล๊อก เวลาบ่ายโมงตรง หากเดินทางรวดเดียวจากกทม ควรออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อให้เดินทางมาถึงทันเวลา เมื่อเราเดินทางมาถึงสภ.ปิล๊อก เราสามารถจอดรถไว้บริเวณด้านหน้าสภ.ได้เลย โดยพี่เจ้าหน้าที่เขาจะให้เรากรอกเอกสารนิดหน่อย รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ของทางเหมืองก็มารอรับอยู่แล้ว จัดเอาสัมภาระขึ้นรถแล้วเราก็จะออกเดินทางไปเที่ยวตามจุดต่างๆ โดยรอบ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและเวลาด้วย ว่าเราจะได้เที่ยวรอบๆ ได้มากน้อยแค่ไหน 

6524b1bd-23f4-2ab5-85e4-5c7544868c70.JPG

พิกัดแรกคือ เนินช้างศึก จุดชมวิวพรมแดนไทย-เมียนมาร์ ตั้งอยู่บนยอดเขาเป็นฐานปฏิบัติการของตชด 135 จุดนี้สามารถมองเห็นวิวรอบตัว ปกติเขาจะมากันช่วงฤดูหนาว จะมีหมอกปกคลุมตามยอดเขา นี่เรามาปลายฝนต้นหนาว มันก็จะหมอกๆ หน่อย หมอกเกิ๊นไปหน่อย 5555 

a145c1f6-0c2c-87e6-7ca7-5c75449d7a85.JPG

โชคยังดีที่หมอกเขาเปิดช่องให้เราสามารถมองลงไปเห็น หมู่บ้านอีต่อง ข้างล่างบ้าง ลมด้านบนที่อย่างหนาวอ่ะ

3969e041-483e-e7a3-4555-5c7544eb9454.JPG

บนจุดชมวิวว่าหมอกหนาแล้ว หมู่บ้านอีต่องก็จะหนาประมาณนี้เเล แต่แบบหมอกมันไม่ได้ค้างอยู่แบบนี้ตลอดนะ มันก้จะลอยผ่านไปผ่านมาเรื่อย ลมเย็นเอื่อยๆ จดจื่น 

cd6d3fda-49f0-e713-151f-5c7545da0545.JPG

เมื่อหมอกผ่านไป เดินชมเหมืองได้เดี๋ยวเดียวฝนก็ตกจ้าาา คณะเราจึงต้องถอนตัว แล้วเดินทางลงเหมืองแร่สมศักดิ์ 

e6ca1090-c360-d7a3-8943-5c7545948484.JPG

เส้นทางลงไปยังเหมืองแร่สมศักดิ์ จำเป็นต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น เพราะเส้นทางบางช่วงเป็นหลุมเป็นบ่อเล่นเอารถตะแคงไปครึ่งคัน บางช่วงเป็นทางลงความชันเกือบ 45 องศา แล้วคนขับก็ต้องมีความชำนาญเส้นทางพอตัว แนะนำว่าใช้บริการทางเหมืองแร่สมศักดิ์ไปเลยจะดีกว่านะ อาจจะดูแห้งๆ เลาถ่ายตัวขาขึ้น แฮะๆ

ea75ddc1-7f68-e42c-fd07-5c754546d122.JPG

ช่วงเวลาผจญภัยค่อนชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว บริบทแวดล้อมโดยรอบเปลี่ยนจาก หน้าผาและเหวลึกมาอยู่ภายใต้ต้นไม้น้อยใหญ่ เหมือนกับว่าเรานั่งรถทะลุลอดเข้ามาในพุ่งไม้ขนาดใหญ่ และนี่คือหน้าตายานพาหนะที่นำพาเราลงมายังจุดหมาย 

5b1af6f7-da50-6a1a-e545-5c75457e6ceb.JPG

รถเข้ามาส่งเราที่อาคารไม้ขนาดใหญ่หลังนี้ มันเคยถูกใช้เป็นอาคารสำนักงานเหมืองแร่ ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมาเป็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ของเหมืองแร่สมศักดิ์ 

de298b20-6403-7716-d508-5c75454ad823.JPG

เมื่อเราทยอยก้าวเท้าลงจากรถ "สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ ทานชากาแฟก่อนค่ะ" เสียงกล่าวต้อนรับของหญิงชราร่างเล็กนัยน์ตาสีฟ้า เธอคือ ป้าเกล็น หรือ เกล็นนิส เจอร์เมน เสตะพันธุ 

10d35046-fcc9-a13e-18be-5c7545bc4c1b.JPG

หลังจากได้พูดคุยกับป้าเกล็น เราก็เเยกย้ายกันเก็บสัมภาระเข้าที่พัก ก็ได้เวลาเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบแล้วสิ 

c4c25990-4189-93dd-aaa0-5c7545ed103e.JPG

ห้องพักจะถูกแบ่งออกเป็นหลังๆ แทรกตัวอยู่กับธรรมชาติโดยแท้ โดยใช้ไม้เดิมจากสมัยเหมืองแร่มาสร้าง

96ba80cb-5407-c65e-5aea-5c754559ce18.JPG

หลังนี้อยู่ติดน้ำชิวมาก สามารถเข้าพักได้หลายคนเลย ป้าเกล็นเล่าว่าในอดีต อาคารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นบ้านพักรับรองแขกของเหมืองแร่ 

5169ee29-2d65-95f6-46ae-5c754543e4b1.JPG

ทางเดินระหว่างบ้านแต่ละหลัง ก็จะร่มรื่นและเย็นสบาย แต่นอนว่ามุมถ่ายภาพหนาแน่นมากเช่นกัน

40090529-9c1b-7472-cbdb-5c7545bc5c65.JPG

ภายในอาคารสำนักงานเหมืองแร่ จะถูกประดับประดาไปด้วย ภาพถ่ายเก่าในยุคสมัยเหมืองแร่ ภาพถ่ายจากนักท่องเที่ยวที่เคยมาเยี่ยมเยือน รวมไปถึงของตกแต่งบ้านน่ารักๆ บรรยากาศจุดนี้ทำให้เราอมยิ้มโดยไม่รู้ตัวเลยละ 

e9c43069-8537-5084-65d0-5c7545e12511.JPG

กุญแจคลังแร่ของเหมืองก็ยังถูกเก็บไว้ที่เดิม

88a6fd5e-f54d-c106-65a2-5c754562c92d.JPG

ภาพป้าเกล็นกับคุณสมศักดิ์ เสตะพันธุในวันแต่งงาน ย้อนกลับไปเมื่อ 40 กว่าปีที่ผ่านมา คุณสมศักดิ์ได้เดินทางไปเรียนด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ที่ประเทศออสเตรเลีย และที่นั่นก็ทำให้ได้พบรักกับหญิงสาว ‘เกล็นนิส เจอร์เมน ไวท์’ แล้วทั้งคู่ก็ตัดสินใจแต่งงาน แล้วบินลัดฟ้ามาเริ่มต้นชีวิตคู่ในประเทศไทย โดยที่คุณสมศักดิ์ได้มาสานต่อกิจกรรมเหมืองแร่ที่ทองผาภูมิในชื่อ ‘เหมืองสมศักดิ์’ และป้าเกล็นก็เป็นอาจารย์สอนภาษาอยู่ในกรุงเทพฯ ในยุครุ่งเรือง เหมืองสมศักดิ์มีคนงานกว่า 600 คน กระทั่งเกิดวิกฤตราคาแร่ตกต่ำทั่วโลก ทำให้เหมืองแร่ทยอยปิดตัวลง รวมไปถึงที่นี่ด้วย คุณสมศักดิ์ก็มาป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ก่อนที่คุณสมศักดิ์จะเสียชีวิต เธอได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ดูแลที่นี่ซึ่งเป็นสถานที่อันเป็นที่รักของสามี ต่อมาก็ได้ปรับเปลี่ยนเป็นโฮมสเตย์ในรูปแบบ ‘บ้านเล็กในป่าใหญ่’ ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

cd291a46-7b99-7132-b13c-5c7545db99dd.JPG

แล้วสิ่งที่เรารอคอยก็พร้อมเสิร์ฟ บาร์บีคิวซี่โครงหมูต้นตำหรับจากออสเตเรีย ไม้เบอเร่อเห็นแล้วชื่นใจ บอกเลยเป็นสัมผัสที่นุ่มมาก ไม่หลงเหลือความเหนียวของเนื้อไว้เลย 

dd60bfec-d9b6-0cd5-cf8d-5c7545dc1e32.JPG

เสิร์ฟพร้อมอาหารที่เราคุ้นเคย ในรสชาติที่โอเคมาก แล้วเห็นจานบาร์บีคิวไหมเล่า

46a04d53-5472-1003-19b0-5c75462bd9fe.JPG

ของขึ้นชื่อแห่งเหมืองแร่สมศักดิ์ ต้องยกให้กับ ขนมเค้กป้าเกล็น เค้กโบราณแบบออสซี่ฝีมือป้าเกล็น ความหอมความนุ่มตามด้วยรสชาติที่ละมุน เป็นความฟินในรูปแบบเค้ก ที่ไม่เคยพบเจอจากที่ไหนมาก่อน ถึงว่าใครๆ ต่างก็เชียร์ให้เราได้มาลิ้มลองสักครั้ง เอ้อลืมบอก คือสามารถชิมเค้กได้แบบไม่อั้นด้วยนะ

69f3413d-5b49-f896-97a8-5c7546977a62.JPG

ในขณะที่มื้อเย็นเริ่มต้นขึ้น ป้าเกล็นก็จะคอยยืนมองเพื่อที่จะดูว่า ยังมีไรขาดเหลือไหม เราต้องการอะไรอีกไหม บรรยากาศเหมือนการที่เราได้กลับมาบ้าน มาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ เหมือนกลับบ้านแล้วป้าทำกับข้าวให้กิน บรรยากาศมันอบอุ่นมากจริงๆ

825547fa-517c-8d28-fa09-5c7546b2fec8.JPG

เสร็จจากมื้อเย็นก็ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับป้าเกล็น ป้าเล่าให้ฟังถึงเรื่องในอดีต ป้าเกล็นบอกว่า “อยู่ที่นี่มีความสุขดี สนุกกับการต้อนรับแขกที่มาพัก อากาศดีไม่มีมลพิษ ที่สำคัญมีความทรงจำที่ดี” ตลอดช่วงเวลาที่ได้พูดคุย แววตาป้าเกล็นเปล่งประกาย ดูมีความสุขมากจริงๆ อากาคืนนี้เย็นๆ กำลังสบาย บ้านพักของเราตั้งอยู่ริมลำธารนอนพักเสียงน้ำไหล เสียงแมลงเสียงป่า รู้สึกตัวอีกทีฟ้าก็สว่างแล้ว​

96059425-e7cd-2721-00e1-5c7546088354.JPG

เช้านี้เป็นเช้าแรกที่เราลุกออกจากที่นอนได้ยากมาก มันสบายจนอยากนอนต่ออีกนาน เสร็จกิจวัตรยามเช้าแล้ว เราก็รีบเดินออกมาสูดอากาศด้านนอก สูดเข้าไปได้เต็มปอดแบบไม่ยั้ง ป้าเกล็นบอกปากทางเข้าเหมืองมีสำนักสงฆ์เล็กๆ อยู่ เช้านี้เราจึงเดินออกไปจุดนั้นกัน โดยมีน้องหมาขนปุยอาสาเดินนำทางไป สำนักสงฆ์ตั้งอยู่บริเวณเนินเขา มีเจดีย์แบบพม่าตั้งอยู่บนเขา

45c1eed7-236b-4d6c-bb6b-5c75466db715.JPG

เราสามารถเดินขึ้นไปสักการะองค์เจดีย์ได้ จากเจดีย์บนเนินเขาเราสามารถมองออกไปเห็นแนวภูเขาเขียวชะอุ่ม คงจะเป็นเหมืองแร่ในอดีต ณ จุดนี้ยืนสูดอากาศได้แบบไม่อั้น โดยที่เราไม่ต้องสวมใส่หน้ากากกันฝุ่นเลย

2fd23ec4-041c-f752-dbe8-5c75469f854f.JPG

นี่ไกด์เหมืองแร่ ที่นำทางเราไปยังสำนักสงฆ์ ช่วงที่เดินไปเราก็สังเกตุจากมันนี่แหละ ถ้าจุดไหนสามารถเดินเข้าไปได้ มันก็จะวิ่งนำเข้าไปเลยนะ แล้วจุดไหนเหมือนเป็นเช็คพอย มันจะวิ่งไปหยุดแล้วนั่งหมอบลง จุดนั้นก็จะเป็นจะที่สวยงาม เป็นจุดที่เราต้องหยุดไหว้พระ เมื่อครบทุกจุดแล้ว มันก็ตั้งท่าจะวิ่งนำเรากลับไปสำนักงานเหมืองแร่ แต่เรากลับเดินเข้าไปยังภูเขาที่เคยเป็นเหมือง มันก็หันกลับมามองเรา แล้วเดินกลับมานั่งหมอบอยู่ใกล้ๆ เรา เราก็ยังจะเดินเข้าไปให้ได้ แต่คราวนี้มันก็ได้เเต่นั่งอยู่อย่างนั้น เห็นท่าทางมันเป็นอย่างนั้น เป็นอันเข้าใจกันว่า ไม่ควรเดินเข้าไปอีกแล้ว เราจึงเดินกลับมาสำนักงานเหมืองแร่ มันจึงลุกเดินนำเรากลับ

6d6f7f8b-e17f-08cf-b4a5-5c75462dcdde.JPG

เดินกลับเข้ามาถึงสำนักงานเหมืองแร่ ทางเหมืองก็ได้เตรียมของเอาไว้ให้เราได้ตักบาตรด้วย ไม่นานนักก็มีพระสงฆ์พม่าเดินมาบิณฑบาตร เมื่อถึงสำนักงานเหมืองแร่ พระท่านจะหยิบระฆังขนาดขนาดเล็กออกมาแกว่งส่งเสียง เหมือนให้สัญญาณว่าพระท่านมาถึงแล้ว เราจึงนำข้าวของที่ถูกเตรียมไว้ออกมาใส่บาตร พระท่านจะพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่บทสวดให้พรก็เป็นบทเดียวกันในสำเนียงที่แปร่งออกไป

9a448a1f-6487-ca6c-e583-5c75468be35d.JPG

เมื่อมื้อเช้าพร้อมแล้ว ป้าเกล็นก็เดินออกมากล่าวตอนรับเราอีกครั้ง “เชิญค่ะ เชิญค่ะ หลับสบายกันดีไหมคะ” พร้อมกับผายมือให้เราเข้าไปทานมื้อเช้า มีทั้งข้าวต้ม ไส้กรอก ไข่ดาว ขนมปังปิ้ง ชากาแฟ และเป็นเช่นเดียวกันกับมื้อเย็น ป้าเกล็นก็จะคอยยืนมองอยู่อย่างเดิม ดูแกมีความสุขกับการที่เรามาพักที่นี่เอาเสียมากๆ

7d370bb4-2697-2219-8307-5c754639a7a7.JPG

กัปตันกับม้าเหล็กคู่ใจ พร้อมที่จะนำเรากลับขึ้นไปตัวเมืองปิล๊อค

dbc1ffdc-b6e2-a0d4-59ed-5c7546135209.JPG

หลังมื้อเช้านักท่องเที่ยวต่างเดินเล่นถ่ายภาพโดยรอบสำนักงานเหมืองแร่ถึงช่วงสายๆ เราก็ทยอยมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับป้าเกล็น และถึงเวลาที่เราต้องเดินทางออกจากเหมืองสมศักดิ์ “ไปดีดีนะ ไปดีดีนะ” แล้วป้าเกล็นก็จะยืนอยู่หน้าสำนักงานเหมืองแร่ คอยมองรถเคลื่อนออกไปจนลับสายตา

71a11a14-f094-d9c1-4801-5c7547eadfc0.JPG

และนี่คือเส้นทางที่ม้าเหล็กต้องนำเราไป ช่วงนี้สูงชันเส้นทางเป็นหลุม จนต้องลงเดินบ้างเป็นช่วงๆ ไป ขามาเป็นทางลงว่าชันแล้ว ขากลับรู้สึกว่าชันมากกว่า ณ จุดนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมต้องเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น

db02ea34-f20e-e555-dec9-5c7547f8093a.JPG

แต่เราก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้เสียเปล่า ขามาแทบไม่ได้จับกล้อง ขากลับได้เดินช่วงนึง ภาพหมู่ต้องมา

63443000-4f79-96cb-4109-5c7547195352.JPG

กลับขึ้นมาถึงสภ.ปิล๊อกจัดการสัมภาระขึ้นรถ แล้วเราจึงกลับมาหมู่บ้านอีต่องอีกครั้ง วันนี้ฝนไม่ตก อากาศเย็นสบาย สบายแค่ไหนถามน้องๆ ในภาพดู

98d8ae8d-b83b-d757-3a63-5c75473c44d6.JPG

อาคารหน้าเหมืองปิล๊อก กับฉากหลังเป็นภูเขากับสายหมอก นาทีนี้ยืนสูดลมเข้าปอดยาวๆ สามที

20fb2942-4079-2446-67b4-5c7547acbe56.JPG

เดินทะลุผ่านอาคารในเหมืองเข้ามา จุดนี้จะเจอเป็นเหมือนแอ่งน้ำสีเขียวใส ถัดเข้าไปก็จะเป็นน้ำตกปิล๊อก มันดีมาก

7817dc49-d190-197c-c342-5c754760a16b.JPG

ภายในเหมืองปิล๊อก มีการจัดแสดงเครื่องไม้เครื่องมือ ที่ใช้ในยุคเหมืองแร่ มีตัวอาคารกระจายตัวอยู่ในจุดต่างๆ คือรวมๆ แล้วมีเสน่ห์มากเลย ด้วยอากาศ ด้วยความเย็น ด้วยความเขียว ดี

a114869f-aa10-c840-5cd1-5c7547121291.JPG

อีกพิกัดที่ต้องห้ามพลาด น้ำตกจ๊อกกระดิ่น จุดนี้เราต้องขับรถลงไป เส้นทางค่อนข้างชัน รถเก่งโหลดต่ำสามารถไปถึงได้ แต่คนขับต้องช่ำชองหน่อยนึง

42257ef3-abed-2f64-1d46-5c7547535e43.JPG

น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นภาษาพม่า แปลว่า น้ำตกที่ไหลผ่านซอกหินผา ปกติสามารถลงเล่นน้ำได้ เช็คได้กับป้ายสถานะการณ์น้ำบริเวณน้ำตก ช่วงที่เราไปเป็นหน้าฝน เจ้าหน้าที่แจ้งเตือนไม่ให้ลงเล่น คนก็เลยดูน้อยๆ สวยงามไปอีกแบบ

9fbb452f-00fe-014a-aa6e-5c75470d053e.JPG

ข้างบนอันตราย แต่ข้างล่างเล่นได้นะเออ

59094031-7517-181a-ad4a-5c75477949ef.JPG

ก่อนที่เราเลือกจะเดินทางมาที่นี่ ก็ได้ยินได้ฟังเรื่องราวของ ป้าเกล็น และ เหมืองสมศักดิ์ มาประมาณนึง ตอนนั้นก็นึกสงสัยว่า เพราะอะไรจึงทำให้หญิงชราคนนึง ถึงเข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ไม่ง่ายอย่างนี้ เมื่อได้มาพบป้าเกล็น ได้ฟังเรื่องราวที่ป้าเล่า ได้เห็นแววตาที่แสนจะมีความสุข เราจึงรู้ได้ว่า สิ่งที่ทำให้ป้าเกล็นกลับเข้ามาอยู่ในเหมืองแร่แห่งนี้ เป็นเพราะคำมั่นสันญาที่มีต่อสามีอันเป็นที่รัก “เราบอกพี่ศักดิ์ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตว่า ที่นี่จะเป็นเหมืองสมศักดิ์จนวันสุดท้าย...” ที่นี่บรรยากาศดีมาก อากาศดีมาก อาหารดีมาก ทุกอย่างดีต่อใจมากๆ แต่สิ่งที่ดีที่สุดสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยว ใฝ่ฝันที่จะเข้ามาพักในเหมืองแร่สมศักดิ์สักครั้งนึง สิ่งนั้นคือ ป้าเกล็น และเรื่องราวในความทรงจำของป้า มันสวยงามมากจริงๆ  

 

...ด้วยอายุของป้าเกล็นที่เพิ่มมากขึ้น และปัญหาสุขภาพของป้าเกล็น เหมืองแร่สมศักดิ์จะเปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้าพัก ถึงสิ้นปี 2562 เป็นปีสุดท้าย...  

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจไปเหมืองแร่สมศักดิ์

- รับนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่ม อย่างน้อย 4 คน ขึ้นไป - บริเวณที่พักไม่มีสัญาณโทรศัพท์ทุกเครือข่าย - ที่พักไม่มีสัญญาณ Wifi - บ้านพักเป็นเรือนรับรองเก่าตั้งแต่สมัยทำเมืองแร่ - เส้นทางเข้าเหมืองแร่สมศักดิ์ ขรุขระและสูงชันมาก - เหมาะกับผู้ที่ชอบธรรมชาติมากๆๆๆๆ - ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบความทุรกันดาร  

ค่าใช้จ่าย - ผู้ใหญ่ คนละ 1,600 บาท - เด็กอายุ 6-12ปี คนละ 800 บาท - เด็กอายุ 5ปีลงมาบริการฟรี   ค่าใช้จ่ายนี้รวม - บ้านพัก 1 คืน (จัดห้องพักตามจำนวนคน) - บริการรถขับเคลื่อน 4 ล้อรับส่งจากสภ.ปิล๊อก มายังเหมืองแร่สมศักดิ์ - บริการนำเที่ยวบริเวณใกล้เคียงปิล๊อก เช่น ตลาดปิล๊อก เนินเสาธง ช่องมิตรภาพ - อาหารมื้อเย็น + บาร์บีคิว และ อาหารมื้อเช้า - ขนมเค้ก ชา กาแฟ โอวัลติน   ติดต่อจองบ้านพัก Line : @somsakmining  

ติดตามเรื่องราวการเดินทางของเราได้ที่นี่เลยจ้า

แค่อยากออกไป

#แค่อยากออกไป #เหมืองแร่สมศักดิ์ #เหมืองสมศักดิ์ #ปิล๊อก #กาญจนบุรี #ป้าเกล็น #somsakmining

 

เขาค้อ (Khao Kho) หมอก / หนาว / ฟิน กับ 6 จุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาด

$
0
0
เขาค้อ (Khao Kho) หมอก / หนาว / ฟิน กับ 6 จุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาด

เขาค้อ (Khao Kho) หมอก / หนาว / ฟิน กับ 6 จุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาด

อำเภอเขาค้อ (Khao Kho District) จ.เพชรบูรณ์

theTripPacker

เขาค้อ (Khao Kho) หมอก / หนาว / ฟิน กับ 6 จุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาด


"นอนเขาค้อหนึ่งคืน อายุยืนอีกหนึ่งปี" น่าจะเป็นคำโปรยที่เราได้ยิน และได้เห็นบ่อยครั้งเมื่อต้องหาข้อมูลท่องเที่ยวเกี่ยวกับ เขาค้อ ... มันดีขนาดนั้นเลยหรอ? ทำไมถ่ายรูปออกมาสวยจัง? ตื่นมาตอนเช้าก็มีหมอกลอยหน้าห้องแบบนี้เลย? ความสงสัย ปนความตื่นเต้น และเมื่อเอาทั้งหมดมาบวกลบคูณหารกับระยะทาง และการเดินทางแล้ว ก็เป็นอันว่า...เราจะเดินทางไปหาคำตอบทั้งหมดนี้กันด้วยตัวเอง ที่ เขาค้อ (Khao Kho) จังหวัดเพชรบูรณ์

e81d2f14-61f4-a4da-9bc1-5c75f3377262.png

โดยปกติแล้วเขาค้อสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งในแต่ละช่วง แต่ละเดือนก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันออกไปทั้งทิวทัศน์ สภาพอากาศ และพรรณไม้ต่าง ๆ ทริปนี้เรามีโอกาสมาเยือนเขาค้อช่วงปลายฤดูหนาวในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูหนาวย่างเข้าสู่ฤดูร้อน อุณหภูมิตอนเช้าอยู่ราว ๆ 12 องศา ร้อนสุดในช่วงกลางวันคือประมาณ 24 องศา ภูมิทัศน์รอบตัวเราเต็มไปด้วยทิวเขาสวยงาม ช่วงนี้ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มผลัดใบ ภูเขาลูกเล็กใหญ่ที่ทอดตัวสลับซับซ้อนก็เหมือนถูกย้อมไปด้วยสีส้มทอง มองแล้วให้อารมณ์อบอุ่น และผ่อนคลายสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ

เกริ่นกันมายืดยาวแล้ว เราไปดูกันดีกว่าว่า ทริปวันเดียวเที่ยวเขาค้อ หมอก / หนาว / ฟิน กับ 6 จุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาด จะมีที่ไหนที่น่าไปตามรอยบ้าง ตามไปดูกันเลย!


อรุณสวัสดิ์...ต้อนรับแสงแรก ที่ "จุดชมวิววัดกองเนียม"

5fcff76f-abc3-5feb-656b-5c76457acaf8.png

เราช่างใจอยู่นานมากว่าเราจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นสวย ๆ ตรงไหนของเขาค้อดี สุดท้ายก็ลงเอยที่จุดชมวิววัดกองเนียม และการตัดสินใจนั้นก็ไม่ทำให้เราผิดหวังจริง ๆ เมื่อใกล้ถึงเวลาพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นมาอวดโฉม ท้องฟ้าจากที่มืดมิดก็เริ่มเปลี่ยนสีไล่เฉดกันอย่างสวยงามราวกับภาพวาด วันนี้เราโชคดีไปอีกที่มีหมอกขาวลอยคลอเคลียอยู่กับทิวเขาที่นอนทอดตัวสลับกันไปมาเหมือนกับว่าเป็นภูเขาที่ลอยอยู่บนปุยเมฆเลยก็ว่าได้ 

ee677006-1506-f230-0411-5c764386c585.png

และเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นมาอวดโฉมก็ยิ่งเผยให้เห็นความงดงามที่ก่อนหน้านี้ถูกความมืดปกคลุมไว้ บรรยากาศเงียบสงบ ความหนาวคลายลงเมื่อได้รับแสงอุ่น ๆ จากพระอาทิตย์ นกน้อยเริ่มทยอยบินออกจากรัง เป็นภาพที่สวยสะกด และน่าประทับใจเป็นอย่างมาก หากใครอยากหาจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นสวย ๆ ที่เขาค้อ ทางเราก็แนะนำที่นี่เลยครับ 

5a2e9840-e87e-41c2-35ee-5c7644f3243c.png
cac50bbf-030a-29fb-f507-5c7644d42763.png

การเดินทางมายังจุดชมวิววัดกองเนียม จากสี่แยกรื่นฤดี เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 2196 ประมาณ 2 กิโลเมตร วัดกองเนียมจะอยู่ทางขวามือ ขึ้นไปจะมีลานจอดรถด้านใน เนื่องจากเป็นช่วงเช้ามืด และเป็นเขตพื้นที่ของวัด แนะนำว่าให้ปิดไฟ และดับเครื่องรอเพื่อไม่ให้รบกวนพระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ครับ 


ล่องลอยไปกับสายหมอกไหล ที่ "เขาตะเคียนโง๊ะ"

59b65872-6cb3-5e39-5a7a-5c7646df53af.png

เราย้อนกลับไปทางอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ใช้ทางหลวงหมายเลข 2258 ห่างจากจุดชมวิวกองเนียมราว ๆ 10 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที เราก็มาถึงเขาตะเคียนโง๊ะ ซึ่งสามารถขับรถขึ้นไปจอดด้านบนได้เลย แต่หากที่จอดเต็มก็สามารถหาที่จอดด้านล่าง แล้วเดินขึ้นไปอีกหน่อยพอหอบนิด ๆ ด้านบนนอกจากจะเป็นจุดชมวิวแล้ว ยังเป็นจุดกางเต้นท์ชมวิวทะเลหมอกที่สวยงามมากแห่งหนึ่งในเขาค้อ ที่นี่เราจะสามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา และเหมาะแก่การนอนดูดาวในตอนกลางคืนอีกด้วย

8f5c07b5-4306-741f-b5f9-5c7648191439.png

ที่ว่ากันว่า หมอกไหล ไม่ได้โม้! มันมีอยู่จริง! ยามเช้าหลังจากพระอาทิตย์ขึ้น แสงสีทองส่องกระทบทะเลหมอกหนาราวปุยนุ่น ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเป็นกลุ่มก้อนผ่านภูเขา ผืนป่า ต้นหญ้า และถนนหนทาง จากมุมสูงแบบนี้ยิ่งทำให้เราเห็นการเคลื่อนไหวของหมอกได้อย่างชัด ใครกางเต้นท์แล้วตื่นนอนมาเจอหมอกรออยู่หน้าเต้นท์แบบนี้ บอกคำเดียวว่าฟิน

f378021c-c528-ec95-b8a3-5c7649d5a472.png
19a46afa-116f-91f8-772e-5c7649362876.png

พาชมพัดลมยักษ์บนเนินเขาสูง ณ "ทุ่งกังหันลมเขาค้อ"

eb5dda6b-2232-2eba-9f00-5c76544694a6.png

อีกจุดหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาดถ้ามาเขาค้อ ก็คือ ทุ่งกังหันลม การเดินทางมาก็ไม่ยากเลย จะมีป้ายบอกทางบอกเป็นระยะ ๆ และแม้จะเป็นทางขึ้นเขาแต่ก็ไม่ได้สูงชันมากเป็นถนนลาดยางตลอดทาง ขับชมวิวสวย ๆ สองข้างทางมาเรื่อย ๆ ก็จะเจอกังหันลมขนาดใหญ่เรียงรายเด่นเห็นแต่ไกลเลยรับรองว่าไม่มีหลงแน่นอน ด้านในจะมีลานจอดรถไว้ให้บริการ มีแปลงสตรอเบอรี่ขนาดใหญ่หลายแปลง มีร้านค้า ร้านอาหาร และจุดชมวิวสวย ๆ อยู่หลายจุด มองกังหันจากมุมไกล ๆ ว่าสวยแล้ว พอได้เห็นใกล้ ๆ ยิ่งรู้สึกว่ามันอลังการมาก ว่าแล้วก็ได้เวลาเดินหามุมถ่ายรูปกันรัว ๆ

d5fbd7df-75e1-fece-acd0-5c7656c75e70.png
40ac7c48-2569-64f2-230d-5c76568cfa4a.png
1a563c4f-a4af-5221-e8ef-5c76563496d1.png

ใครมาช่วงฤดูหนาวแบบนี้ก็จะโชคดีได้เห็นสตรอเบอรี่ที่กำลังสุกแดงฉ่ำอยู่เต็มแปลง แต่หากมาช่วงอื่นก็จะเปลี่ยนเป็นทุ่งดอกไม้นานาชนิดสลับกันไปทุกฤดู สตรอเบอรี่ที่นี่มีหลายสายพันธุ์ สามารถเลือกซื้อหาติดไม้ติดมือกันกลับไปได้ในราคาไม่แพง และที่นี่ยังมีรถรางชมวิวไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวในราคาย่อมเยาอีกด้วย  


มื้อสายสไตล์คันทรี่ฟาร์ม ที่ "Jolly Cafe"

9e0a3225-e2df-e759-bf74-5c7659fe3d30.png

ใครเคยเล่นเกมส์ปลูกผัก Harvest Moon กันบ้างครับ แว๊บแรกที่เราขับผ่าน "Jolly Cafe" ความทรงจำนั้นวัยเด็กก็หวนกลับมาในทันที ฟาร์มเฮ้าส์สีขาวกลางทุ่งหญ้าที่ล้อมรอบด้วยรั้วไม้รอบบริเวณ ฉากหลังเป็นทิวสน และวิวภูเขาอยู่ไกล ๆ ว่าแล้วมื้อสายของเราในวันนี้เห็นทีต้องที่นี่แล้วล่ะ

e4cc54a4-65ba-f00f-754c-5c765c415b87.png

ใครชอบบรรยากาศแบบคันทรี่ฟาร์ม งานไม้สีอ่อนดูอบอุ่น แจกันดอกไม้จัดมาในโทนละมุนละไม โดยเฉพาะสาว ๆ รับรองว่าถูกใจร้านนี้แน่นอน ที่นั่งมีทั้งโซน Indoor และ Outdoor แนะนำว่าหากมาช่วงตอนที่แดดยังไม่แรงมาก หรือมาช่วงเย็น-ค่ำ ที่นั่งโซนด้านนอกบอกเลยว่าวิวดีถ่ายรูปสวยสุด ๆ

84dd08ac-0b96-0646-631a-5c765d384756.png
2fa1be4d-d72e-adbf-7fe4-5c765d50356f.png
ca39b7f1-c200-1754-cd3b-5c765d3e4bc7.png

ที่นี่เสิร์ฟทั้งกาแฟ ชา และเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ รวมไปจนถึงไวน์ด้วย อาหารจานหลักก็มีให้เลือกชิมหลายเมนู น่ากินจนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว ทั้งสลัด พาสต้า และสเต๊ก รวมไปจนถึงไฮไลต์ของที่นี่ก็คือ พิซซ่าโฮมเมด ที่ใช้เตาฟืนแบบดั้งเดิม พิซซ่าของร้านนี้มีดีที่แป้ง มีความกรอบนอก นุ่มใน แถมหน้าพิซซ่าก็อัดแน่นมาแบบเต็มเครื่องเต็มรสถูกปากเรามากทีเดียว 

168504a3-245e-6fc2-d63b-5c765f3bd32b.png
33b50d7d-eb7f-d1fb-6c7d-5c765fce82ee.png

ถึงแม้แต่ะเมนูจะน่ากินขนาดไหน แต่ก็อย่าลืมเผื่อพื้นที่ในกระเพาะไว้สำหรับของหวานด้วยนะครับ บอกเลยว่าเบเกอรี่ของที่นี่จัดว่าเด็ด เป็นเบเกอรี่สไตล์โฮมเมดที่ใช้วัตถุดิบที่ทางฟาร์มปลูกเอง และคัดสรรมาพิเศษ บางเมนูจะเป็นเมนูที่มีขายเฉพาะบางเดือน หรือบางฤดูกาลเท่านั้น เมนูแนะนำที่ไม่ควรพลาดคือ ราสเบอร์รี่เค้ก และแมงโก้แพชชั่นฟรุ๊ต ยิ่งทานคู่กับชาร้อน ๆ หอม ๆ ยิ่งเข้ากันดีเลยทีเดียว ร้านนี้ปิดทุกวันพุธ โดยวันจันทร์ - อังคาร - พฤหัส จะเปิดทำการ 10.30 - 20.00 น. และในวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ เปิดทำการ 10.30 - 21.00 น. มีพื้นที่จอดรถให้บริการ ติดต่อสอบถามได้ที่ เบอร์ 082 393 5091


"วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว"

359c71fc-16ab-6304-11da-5c76628193a4.png

มาเขียนต่อพรุ่งนี้นะ


"The The Piney Bistro Cafe"

79350c9d-1248-3c51-d243-5c766279c5bb.png

มาเขียนต่อพรุ่งนี้นะ

ไปนอนให้ลำธารกล่อม ที่ ‘ บ้านธารกล่อม จ.เชียงใหม่ ’ | Bliss Out There

$
0
0
ไปนอนให้ลำธารกล่อม ที่ ‘ บ้านธารกล่อม จ.เชียงใหม่ ’ | Bliss Out There

ไปนอนให้ลำธารกล่อม ที่ ‘ บ้านธารกล่อม จ.เชียงใหม่ ’ | Bliss Out There

บ้านธารกล่อม จ.

Ping Pitchaya

ไปนอนให้ลำธารกล่อม ที่ ‘ บ้านธารกล่อม จ.เชียงใหม่ ’ | Bliss Out There


 

 

มาเที่ยวเชียงใหม่ ไม่ไปพักผ่อนแบบ

ใกล้ชิดธรรมชาติก็เหมือนมาไม่ถึง!

ทริปนี้ Bliss Out There พาไปอำเภอแม่แตง

ระหว่างทางมีแวะคาเฟ่ชิคๆถึง 3 ร้าน

‘ บ้านธารกล่อม ‘ อยู่ริมลำธาร ที่มีบ้านพัก

หลายแบบ หลายสไตล์ แถมยังมีไร่สตอเบอรี่

และ ส่วนกลางคิ้วท์ๆ ให้เราได้เดินเล่น

ถ่ายรูป ชิลล์สุดๆไปเลย ข้อมูลทุกอย่าง

อยู่ในรีวิวนี้ คลิกอ่าน แล้วไปตามรอยกัน!

 

5c766a86c511711906870a47.jpg

 

** การเดินทาง **

ทริปนี้เราเช่ารถมาขับเที่ยวกันจ้าาาาา

ซึ่งเราเลือกใช้บริการของ Rentconnected.com

บริการดี รวดเร็ว มีรถให้เลือกเยอะ แถมยัง

ราคาสบายกระเป๋า เค้ามีบริการมากกว่า

40 จังหวัด ทั่วไทย ใครมีแพลนไปเที่ยวไหน

อยากเช่ารถ ก็เข้าไปดูในเว็บไซต์เค้าได้เลย

https://www.rentconnected.com

 

5c766b98239bee190eb2ebf4.jpg

 

วันแรกของทริป เรานัดรับรถกันที่สนามบินจ้า

สำหรับคนที่บินมาเที่ยวเชียงใหม่ก็นัดรับรถได้

ที่นี่เลยนะ สะดวกสุด แถมพนักงานยังน่ารัก

ข้อดีของการเช่ารถขับเที่ยวเชียงใหม่คือ

ไม่ต้องขึ้นรถประจำทาง ไม่ต้องต่อรถให้ยุ่งยาก

อยากจะแวะพักเที่ยวที่ไหนก็ได้เลย

สะดวก สบายสุดๆ ถ้ามากับเพื่อนหรือคนสนิท

แนะนำให้เช่ารถขับเที่ยวเชียงใหม่ นาจา : D

 

5c766bbdc511711906870a4a.jpg

5c766be3239bee190eb2ebf5.jpg

 

จากสนามบินเชียงใหม่ขับตรงมาที่ ‘ บ้านธารกล่อม ‘

จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที แต่ด้วยความที่

เราแวะเที่ยวคาเฟ่กันด้วย ก็เลยมาถึงที่นี่บ่ายๆค่ะ

ซึ่งอากาศกำลังน่านอนเลย หึ้ยยยยยยยย :3

เล่าให้ฟังคร่าวๆก่อนว่าที่นี่มีห้องพักเป็นบ้าน

หลายๆหลังท่ามกลางธรรมชาติ ทุกหลังมีลำธาร

ไหลผ่าน ให้เราได้ยินเสียงลำธารคลอเบาๆ

แต่ละห้องจะมีกิมมิกแตกต่างกันออกไป

ลองเลือกดูในรีวิวนี้เลยนะว่าชอบแบบไหน : p

ป.ล. รีวิวคาเฟ่อยู่ตอนท้ายๆนะ ขอพาดูที่พักก่อน

 

5c766c24239bee190eb2ebf6.jpg

5c766c9dc511711906870a4d.jpg

5c766cf4c511711906870a4e.jpg

 

บ้านไม้ไผ่

มาดูบ้านพักหลังแรกกันเลย

ซึ่งเป็นบ้านของเราในคืนนี้นั่นเอง

เข้าไปในบ้านครั้งแรกจะรู้สึกว๊าวมากก

ข้างในสวยจริง! มองออกมาตรงระเบียง

จะเห็นหลังคาโค้งๆ กับวิวต้นไม้ ลำธาร

แถมมีอ่างให้แช่น้ำอุ่น ดูวิวสวยๆด้วย

นอนไปคืนนึงเหมือนได้มา ชาร์จแบตให้กับตัวเอง

ราคา 2,500 บ. / 2 คน / คืน รวมอาหารเช้า

 

5c766d9bc511711906870a54.jpg

5c766e76c511711906870a56.jpg

5c767109239bee190eb2ec43.jpg

 

บ้านชมดาว บ้านชมฟ้า

หลังนี้เพิ่งเปิดให้บริการสดๆร้อนเลย

จะมากับครอบครัวก็ได้ ชาวแก๊งก็ดี

เพราะบ้านหลังนี้ใหญ่ เข้าพักได้ถึง 4 คน

ในบ้านมีชั้นลอย ระเบียง และ มุมถ่ายรูปเยอะเลย

ถ่ายมุมไหนก็ละมุน น่าร้ากกกกกกกกก

ราคา 2,500 บ. / คืน รวมอาหารเช้า ค่ะ

 

5c76715ac511711906870a58.jpg

5c7671a8c511711906870a5a.jpg

5c7671c8239bee190eb2ec48.jpg

 

บ้านธารกล่อม

อ้าวหลังนี้ ชื่อซ้ำกับที่พักเฉย555555

ตัวบ้านจะมีระเบียงยื่นออกมารับกับลำธาร

ที่ไหลเบาๆ นอกจากความสดชื่น ก็มีเสียงของ

ลำธาร ที่กล่อมให้เราเคลิ้มทั้งวัน ♡♡

ด้านในกว้าง โปร่ง เพราะมีประตู หน้าต่างบานใหญ่

ทำให้อากาศถ่ายเททั้งวัน เหมาะจะนอนเปื่อยสุดๆ!

ราคา 2,000 บ. / 2 คน / คืน รวมอาหารเช้า

 

5c76720ec511711906870a5b.jpg

5c76722f239bee190eb2ec4c.jpg

5c76728c239bee190eb2ec50.jpg

 

บ้านเพียงดิน

ถึงจะดูว่าขนาดไม่ใหญ่มาก แต่บ้านหลังนี้

แอบมีความชิคซ่อนอยู่น้า ทั้งชั้นลอยด้านใน

และ ไม้สีพาสเทล ที่เอามาใช้ประกอบบ้านด้านนอก

ที่ชอบอีกอย่างคือผ้าห่ม กับม่านในห้อง สีเข้ากัน

คิ้วท์ๆ เข้าพักได้ 4 คนแหนะ ชวนเพื่อนเล้ย!

ราคา 2,500 บ. / คืน รวมอาหารเช้า

 

5c767323c511711906870a5f.jpg

5c767360c511711906870a60.jpg

5c767381c511711906870a61.jpg

 

บ้านหินอาบจันทร์

เป็นบ้านที่อยู่ใจกลางของที่พักที่นี่เลย

พักบ้านหลังนี้ นอกจากจะได้วิวลำธารสวยๆ

ยังมีพื้นที่สวนหน้าบ้านให้นั่งเล่น รับลมด้วยน้า

ฉากเหมือนอยู่ในนิทานเลย ในบ้านก็น่ารัก

เป็นฟูกบนพื้นยกระดับ พร้อมมุ้งบนเพนดาน

บรรยากาศแบบ น่ามากับแฟนมั่กๆ <3

ราคา 2,000 บ. / 2 คน / คืน รวมอาหารเช้า

 

5c7673e6239bee190eb2ec55.jpg

5c76740cc511711906870a62.jpg

5c767459c511711906870a63.jpg

 

กระโจมเพียงน้ำ

หลังนี้เป็นกระโจม ออกแนวแคมป์ปิ้งหน่อยๆ

ได้ฟีลนอนกลางธรรมชาติจริงๆ เหมือนเดิมคือ

มีระเบียงยื่นไปในลำธาร เพิ่มเติมคือทางเดิน

ให้เราลงไปเล่นน้ำได้ด้วย ไหนจะชิงช้า

กลางน้ำ ให้เราแชะรูปสวยๆอีก

ราคาเบาสุดเลย 1,500 บ. / 2 คน / คืน

และแน่นอนว่ารวมอาหารเช้า : D

 

5c76747bc511711906870a64.jpg

 

ทริปนี้เรามาเที่ยวกันแบบสบายๆชิลล์ๆ

เลยไม่พลาดหยิบไกด์บุ๊ค Bliss of Chiang Mai

ติดมือมาด้วย อ่านเล่นตอนอยู่ที่พักก็ได้

เปิดหาที่เที่ยว / คาเฟ่ ต่อก็ดี ใครยังไม่มีเล่มนี้

รีบสั่งเลย ตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่นลดจากเล่มละ

295 บ. เหลือเพียง 255 บ. รวมส่งลงทะเบียน!!

ดูรายละเอียดในลิงก์นี้ https://goo.gl/cD1FBo

 

5c76749bc511711906870a65.jpg

 

ที่นี่เค้ามีไร่สตอเบอรี่เป็นของตัวเอง

ด้วยนะเอออ เดินจากหน้าประตูทางเข้า

ที่พักออกไป จะอยู่ฝั่งซ้ายมือตรงข้ามถนนเลย

บรรยากาศดีมากกก เราไปถึงช่วงเย็น

แสงพระอาทิตย์กำลังสวย :’)

พี่ติ๋ม (เจ้าของที่พัก) เล่าว่าบางทีพี่ติ๋ม

จะมาเก็บสตอเบอรี่ไปแพ็คใส่กล่อง

วางขายที่ส่วนกลางของที่พัก ให้แขก

ได้ลองซื้อมาชิมกันสดๆเลย หรือบางวัน

ก็เก็บแบบมาปั่นเป็นสมูทตี้ให้บริการแขกจ้า

 

5c7674c7239bee190eb2ec56.jpg

5c7674f7c511711906870a67.jpg

5c767518c511711906870a69.jpg

 

พอตกเย็นๆ พี่ติ๋มและป้าๆน้าๆ ก็จะช่วยกัน

เตรียมเซ็ทหมูกระทะไว้ให้เรา เช็ตละ 200 บ.

กินกันจนพุงแตกไปเลยยยยย แถมยังมีข้าวนึ่ง

(ข้าวเหนียว) กับปูอ่อง มาให้ด้วย หวานมัน ละมุนสุด!

 

5c767556c511711906870a6a.jpg

5c767580239bee190eb2ec57.jpg

 

นอนหลับสบาย วันต่อไปก็ตื่นมารับ

อากาศสดชื่น และ มื้อเช้าจากที่พักจ้าาา

สำหรับมื้อเช้าที่ จะมีให้เราเลือก 2 แบบนะ

American breakfast มีขนมปัง ไส้กรอก

ไข่ดาว สลัด กับ ข้าวต้มหมูร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมไข่ลวก

 

5c7675bc239bee190eb2ec59.jpg

 

กินเสร็จก็ชิลล์ๆ เดินเล่น ถ่ายรูปเก็บตก

บรรยากาศใรอบๆที่พัก พร้อมแล้วก็ขึ้นรถ

ขับกลับเข้าเมืองเชียงใหม่ แต่!! ทริปของเรา

ยังไม่จบ เพราะเราจะไปแวะคาเฟ่สุดชิค

กันอีก ถึง 3 ร้านค่ะ ร้านแรกคือ The Ironwood

สำหรับใครที่ชอบร้านแนวฟอเรส ร่มรื่นๆ

ต้องมาเลย ร้านเหมือน Glass House กลางป่า

มีลำธารไหลผ่านข้างร้านอี๊กกกก!! เสิร์ฟกาแฟ

เครื่องดื่มทั่วไป อาหารไทยฟิวชั่น ที่ไม่ได้ดี

แค่หน้าตา แต่รสชาติก็มาจ้า

– ที่อยู่ : อ.แม่ริม ทางขึ้นม่อนแจ่ม

– FB : www.facebook.com/theironwoodmaerim/

– เบอร์ติดต่อ : 085 111 7777

– เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 09:00 – 18:00 น.

 

5c7675e3239bee190eb2ec5a.jpg

5c767600c511711906870a6c.jpg

 

Thongma Studio

ร้านนี้สายฮิปต้องตามมาเก็บแล้วจ้า

ที่ร้านตกแต่งเหมือนสตูดิโอ มีรูปปั้นโบราณ

แนวกรีก-โรมัน ของวินเทจทั้งหลายแหล่

โซฟาวินเทจ หลายทรง หลายสี ไปนั่งถ่ายรูป

ชิคๆได้ มาร้านนี้อย่าลืมชาร์จแบตกล้องมาให้เต็ม

รับรองได้รูปลงเพียบบบบบ!

– ที่อยู่ : อ.แม่ริม ทางขึ้นม่อนแจ่ม

– FB : www.facebook.com/pg/thongmastudio

– เบอร์ติดต่อ : 094 829 2961

– เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 10:00 – 17:30 น.

 

5c767653c511711906870a6d.jpg

5c76768cc511711906870a6f.jpg

5c7676b0239bee190eb2ec5b.jpg

 

transit number 8

สายมินิมอล ห้ามพลาดกับร้านนี้

ที่นี่ มี concept เท่ๆ สไตล์แอร์พอร์ต

เหมือนกำลังรอขึ้นเครื่องเลยจ้า

ตกแต่งด้วยโทนสีขาวผสมกับเฟอร์นิเจอร์ไม้

มองไปทางไหนก็มินิมอลไปหมดเลยยย

ร้านดูไม่ซ้ำใคร มีมุมยูนีค ให้ถ่ายรูปเยอะมาก

มาเที่ยวเชียงใหม่ อย่าลืมแวะมาน้า

– ที่อยู่ : ใกล้กับแยกกองบิน 41 หลังตลาดต้นพะยอม

– FB : www.facebook.com/transitnumber8

– เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 08.00-18.00 น.

 

5c7676e8239bee190eb2ec5c.jpg

5c767700c511711906870a75.jpg

5c76773a239bee190eb2ec62.jpg

5c76774fc511711906870a7a.jpg

 

ใครอยากมาพักผ่อนบรรยากาศธรรมชาติๆ

สูดออกซิเจนกลับไปให้เต็มปอด แต่ก็ยัง

อยากแวะคาเฟ่เก๋ๆ ลองมาตามรอยทริปนี้ดูนะ

ย้ำว่าเช่ารถขับ สนุกว่า อยากแวะไหนก็ได้

เข้าไปเลือกรถได้ที่ rentconnected.com

สุดท้ายฝากกด like กด follow

เพจ Bliss Out There แบบติดดาว / see first

ด้วยน้า เข้าไปอ่านรีวิวทั้งหมดได้ที่

http://blissoutthere.com/

วันนี้ไปแล้ว บายจ้า : )

 

Viewing all 3094 articles
Browse latest View live